ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 583 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11641 - 11660 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11641 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 รวม 4 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. ....) | สธ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุข และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงการจดแจ้งและการออกใบรับจดแจ้งเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การขอจดแจ้งผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์ต้องยื่นคำขอต่อผู้อนุญาตพร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานตามที่กำหนด และกำหนดหลักเกณฑ์แบบคำขอจดแจ้งดังกล่าว ๒. ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การขออนุญาตหรือขอต่ออายุใบอนุญาตลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์ต้องยื่นคำขอต่อผู้อนุญาตพร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานตามที่กำหนด กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายการที่ได้รับอนุญาต และขอออกใบแทนใบอนุญาต ๓. ร่างกฎกระทรวงการแจ้งรายการละเอียดและการออกใบรับแจ้งรายการละเอียดเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การขอแจ้งรายการละเอียดผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์หรือการขอต่ออายุใบอนุญาตต้องยื่นคำขอต่อผู้อนุญาตพร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานตามที่กำหนด กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายการที่ได้รับอนุญาตและขอออกใบแทนใบอนุญาต ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมจดทะเบียนและใบอนุญาตต่าง ๆ เช่น ใบจดทะเบียนสถานประกอบการผลิตหรือการนำเข้า ใบอนุญาตผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11642 | รายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของส่วนราชการต่าง ๆ (จำนวน 6 ราย) | นร05 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของส่วนราชการต่าง ๆ เพิ่มเติม (จำนวน ๖ ราย) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงกลาโหม รองปลัดกระทรวงกลาโหม ๒. นางศิริวัลย์ แก้วมูลเนียม ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงการคลัง รองปลัดกระทรวงการคลัง ๓. นายสมคิด จันทมฤก ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ๔. นายณรงค์ สายวงศ์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงสาธารณสุข รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ๕. นายธนากร บัวรัษฏ์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. สำนักข่าวกรองแห่งชาติ รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ๖. ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรระดับทรงคุณวุฒิ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11643 | ขอความเห็นชอบการลงทุน และกู้ยืมเงินในโครงการจัดตั้งฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง | กษ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ยืมเงิน จำนวน ๕๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท จากกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ สำหรับลงทุนในการจัดตั้งฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง (Thai-Denmark Smart Dairy Farm) ๑.๒ อนุมัติงบลงทุนประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ เพิ่มเติม (เพิ่มเติมจากแผนงบลงทุนปกติประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) สำหรับการจัดตั้งฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง (Thai-Denmark Smart Dairy Farm) ของ อ.ส.ค. จำนวนเงิน ๕๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท เป็นงบลงทุนระยะยาว ๙ ปี เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๗๑ โดยมีวงเงินดำเนินการและเบิกจ่ายในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ จำนวนเงิน ๓๗,๙๑๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ อ.ส.ค. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ การกำหนดนโยบายของการจัดตั้งฟาร์มโคนมสาธิตให้มีความชัดเจน และกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อใช้ในการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการฯ การกำหนดมาตรการการดำเนินงาน และการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินในอนาคต การบริหารจัดการและควบคุมการดำเนินงานด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้และการกระจายภาระการชำระหนี้อย่างเหมาะสม รวมทั้งดำเนินการก่อหนี้และบริหารหนี้ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด และการดำเนินการตามข้อกำหนดของกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11644 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสมเกียรติ ขำนุรักษ์) | สธ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมเกียรติ ชำนุรักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11645 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) ที่ครบกำหนด เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 | กค | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note : PN) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการรายงานการกู้เงินตามมาตรา ๖ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (พ.ร.ก. FIDF 3) โดยระบุจำนวนเงินกู้ อัตราดอกเบี้ย เงื่อนไข ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และระยะเวลาชำระต้นเงินคืน รวมทั้งได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยการออก PN ดังกล่าว เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11646 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 จำนวน 7 ฉบับ | กษ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๗ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาดของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอื่นของกรรมการดำเนินการสหกรณ์และผู้จัดการของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. .... (๓) ร่างกฎกระทรวงกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดำเนินการของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. .... (๔) ร่างกฎกระทรวงดำรงเงินกองทุนของชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. .... (๕) ร่างกฎกระทรวงธรรมาภิบาลของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. .... (๖) ร่างกฎกระทรวงการจัดทำบัญชี การจัดทำและการเปิดเผยงบการเงินการสอบบัญชีและการแต่งตั้งผู้สอบบัญชี พ.ศ. .... และ (๗) ร่างกฎกระทรวงการจัดเก็บและรายงานข้อมูลของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการดำเนินงานการกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เพื่อให้เกิดความมั่นคง มีประสิทธิภาพ และมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น รวมทั้งป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอื่นของกรรมการดำเนินการสหกรณ์และผู้จัดการของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. .... เป็นเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการจัดฝึกอบรมซึ่งมิใช่การกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอื่นของกรรมการดำเนินการสหกรณ์และผู้จัดการ จึงเป็นกรณีที่เกินขอบอำนาจของกฎหมายแม่บทตามมาตรา ๘๙/๒ วรรคหนี่ง (๒) และมาตรา ๑๐๕ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ และความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดบทบัญญัติให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กำหนดให้นายทะเบียนสหกรณ์มีอำนาจประกาศกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ของเกณฑ์การกำกับดูแลความมั่นคงทางการเงินของสหกรณ์ได้ตามความเหมาะสม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรจัดทำแนวปฏิบัติ ประชาสัมพันธ์ให้สหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน และชุมนุมสหกรณ์สหกรณ์ออมทรัพย์และชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนทุกแห่งทราบและถือปฏิบัติ และกำหนดให้สหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนทุกขนาดจัดเก็บและรายงานข้อมูลต่อนายทะเบียนสหกรณ์โดยเร็ว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11647 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 จำนวน 3 ฉบับ | อก | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ จำนวน ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตและการอนุญาตเกี่ยวกับโรงงานจำพวกที่ ๓ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกข้อกำหนดในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน การชำระค่าปรับเงินเพิ่มกรณีต่ออายุไม่ทันภายในกำหนด การยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ แจ้งเลิกประกอบกิจการโรงงานตามมาตรา ๒๘ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งเลิกประกอบกิจการโรงงานของโรงงานจำพวกที่ ๓ ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ การแจ้งเลิกประกอบกิจการโรงงาน กรณีประสงค์เปลี่ยนแปลงโรงงานจำพวกที่ ๓ เป็นโรงงานจำพวกที่ ๑ หรือโรงงานจำพวกที่ ๒ ตามมาตรา ๒๘/๑ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งเลิกประกอบกิจการโรงงาน กรณีโรงงานจำพวกที่ ๓ ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงเป็นโรงงานจำพวกที่ ๑ หรือโรงงานจำพวกที่ ๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11648 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... | พณ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ หน้าที่และอำนาจของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11649 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562 และเรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562 (มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562) | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จากการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) จำนวน ๕ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ ๒ พิษณุโลก-เชียงใหม่ และโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น การประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ จำนวน ๓ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ ๓ สนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดพังงา (ตะกั่วป่า) เป็นต้น และการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ จำนวน ๖ โครงการ เช่น โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก และโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก : นิคมอุตสาหกรรม Smart Park เป็นต้น ๒. กก.วล มีมติรับทราบและเห็นชอบในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ สถานการณ์มลพิษของไทย ปี ๒๕๖๑ การกำหนดมาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์ไฮบริด ร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง การปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ ฉบับ การยกเลิกมติ กก.วล. ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี และการยกเลิกวิธีการตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องมือวัดควันดำระบบกระดาษกรอง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11650 | รายงานผลการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 | มท | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมโยธาธิการและผังเมืองไปดำเนินการเพื่อให้มีการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินที่อาจส่งผลกระทบกับทรัพยากรน้ำสาธารณะตามมาตรา ๗๔ และกฎกระทรวงกำหนดค่าทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหายตามมาตรา ๗๕ ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวสอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดินตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งต่อมากรมโยธาธิการและผังเมืองได้มีคำสั่ง ที่ ๖๙๙/๒๕๖๒ แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำกฎหมายลำดับรองตามมาตรา ๗๔ และมาตรา ๗๕ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๒ ๒. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลเพื่อดำเนินการยกร่างกฎหมายลำดับรองดังกล่าว แต่โดยที่เรื่องนี้มีมาตรการการกำหนดโทษแก่ผู้ฝ่าฝืนหรือผู้ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินที่กำหนด จึงต้องมีการศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำโครงการวางผังระบายน้ำในบริเวณลุ่นน้ำ จำนวน ๒๕ ลุ่มน้ำ จึงต้องอาศัยความเชื่อมโยงกันระหว่างกฎหมายที่ออกตามมาตรา ๗๔ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง รวมทั้งยังมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษากฎหมายภายใต้บังคับของกระทรวงมหาดไทยฉบับอื่น และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการพิจารณาร่างกฎหมาย นอกจากนี้ ได้ดำเนินการยกร่างกฎหมายลำดับรอง เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการกำหนดค่าตอบแทนความเสียหายหรือเสื่อมสิทธิจากการระงับการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ผิดไปจากที่ได้กำหนดไว้ในผังเเมืองรวมตามมาตรา ๓๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายลำดับรองที่ออกตามมาตรา ๗๕ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ดังนั้น การดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองในเรื่องนี้จึงต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11651 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร (การกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการนำส่งเงินภาษีและข้อมูลธุรกรรมลักษณะเฉพาะ) รวม 2 ฉบับ | กค | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการนำส่งเงินภาษี มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการรายการข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายการข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะ ซึ่งผู้มีหน้าที่รายงานข้อมูลต้องจัดทำและรายงานข้อมูลต่อกรมสรรพากร และการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข สำหรับการรายงานข้อมูลดังกล่าวต่อกรมสรรพากร ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการของร่างกฎกระทรวงทั้งสองฉบับดังกล่าวให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองให้แล้วเสร็จได้ภายในกำหนดระยะเวลา ๑๘๐ วัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอว่า การออกกฎกระทรวงจำนวนสองฉบับดังกล่าว เกี่ยวข้องโดยตรงกับภาคเอกชน โดยเฉพาะสถาบันการเงินที่จะต้องปรับปรุงระบบงานเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามหลักการของพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงมีความจำเป็นต้องหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวสอดคล้องกับสภาพการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน และเพิ่มภาระแก่ภาคเอกชนน้อยที่สุด จึงใช้เวลาในการดำเนินการนานเกินกว่า ๑๘๐ วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11652 | ร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. ....) | กค | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation Agreement : CMIM) ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. ....) รวมทั้งหนังสือแนบท้ายรวม ๔ ฉบับ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนการดำเนินการของกลไก CMIM ตามนัยบทบัญญัติของความตกลงฉบับปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องมีการทบทวนทุก ๆ ๕ ปี โดยในครั้งนี้เป็นการปรับปรุงแนวปฏิบัติของ CMIM กรณีที่เป็นความช่วยเหลือทางการเงินร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของ IMF เช่น การปรับปรุงระยะเวลาการเบิกจ่ายและการชำระคืนเงินช่วยเหลือ จากเดิมที่เบิกจ่ายและรับเงินคืนเต็มจำนวนเมื่อถึงกำหนดไถ่ถอน (Maturity) เพียงครั้งเดียวภายใน ๑ ปี เป็นให้เบิกจ่ายและรับเงินคืนเป็นงวด ๆ และขยายจำนวนครั้งในการต่ออายุความช่วยเหลือ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหาดุลการชำระเงินและการขาดสภาพคล่องของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในระยะสั้นและต้องการรับความช่วยเหลือจากกลไกดังกล่าวจะได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและทันการณ์ นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงถ้อยคำที่มีความคลุมเครือในทางปฏิบัติให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ๑.๒ อนุมัติการลงนามในความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง และมอบหมายให้ ๑.๒.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทน และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ลงนามในความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ๑.๒.๒ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทนลงนามในหนังสือยืนยันการสมทบเงิน (Schedule 3-Commitment Letter) ในวงเงิน ๙.๑๐๔ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ๑.๒.๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนลงนามในหนังสือรับทราบการขอรับความช่วยเหลือ (Schedule 5-Letter of Acknowledgement) และหนังสือยืนยันการปฏิบัติตามเงื่อนไขของความตกลง (Schedule 6-Letter of Undertaking) เมื่อประเทศไทยขอรับความช่วยเหลือภายใต้ความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ๑.๒.๔ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือผู้แทนลงนามในหนังสือให้ความเห็นทางกฎหมาย (Schedule 7-Legal Opinion) เมื่อประเทศไทยขอรับความช่วยเหลือภายใต้ความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลง CMIM รวมทั้งหนังสือแนบท้าย ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11653 | ร่างกฎกระทรวงการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... | พม | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11654 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... | พณ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ หน้าที่และอำนาจของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11655 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 - 2563 โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 1 จังหวัดนครสวรรค์ 2 (ระยะที่ 1) และเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 1 | พม | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จังหวัดนครสวรรค์ ๒ (ระยะที่ ๑) เป็นจำนวน ๕๘,๐๘๖,๑๐๐ บาท ตามนัยระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๗(๓) โดยวงเงินค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ให้ กคช. ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับค่างานก่อสร้างดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ การเพิ่มวงเงินรายการดังกล่าวอยู่ภายในกรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เกินร้อยละแปดของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง กำหนดสัดส่วนต่าง ๆ เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. สำหรับการขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๗๙,๐๔๘,๗๕๐ บาท ของโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จำนวน ๑๔ โครงการ นั้น เนื่องจาก กคช. สามารถดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ตามวัตถุประสงค์ได้โดยดำเนินการทำสัญญาจ้างแล้ว จำนวน ๑๒ โครงการ คงเหลือที่ยังไม่ได้ทำการทำสัญญาจ้าง จำนวน ๒ โครงการ คือ (๑) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (โรจนะ) ระยะที่ ๑ และ (๒) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จังหวัดพังงา (ตะกั่วป่า) จึงเห็นควรดำเนินการภายในกรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ และเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด โดยพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ที่จะได้รับเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเกิดความคุ้มค่าและประหยัด ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11656 | ขออนุมัติยกเว้นการจำกัดความสูงในการก่อสร้างอาคารหอพักแพทย์ประจำบ้านของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และการก่อสร้างอาคารหอพักนักเรียนแพทย์และนักเรียนพยาบาล (ชาย) ของกรมแพทย์ทหารบก (วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก) | กห | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติยกเว้นเป็นกรณีพิเศษในการก่อสร้างอาคารหอพักแพทย์ประจำบ้าน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และอาคารหอพักนักเรียนแพทย์และนักเรียนพยาบาล (ชาย) กรมแพทย์ทหารบก (วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก) ที่มีความสูงและพื้นที่ก่อสร้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบอาคารหอพักแพทย์ประจำบ้าน หากเป็นอาคารอยู่อาศัยรวมตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร จะเข้าข่ายโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซี่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลำดับที่ ๓๑ อาคารอยู่อาศัยรวมตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ที่มีจำนวนห้องชุดหรือห้องพักตั้งแต่ ๘๐ ห้องขึ้นไป หรือมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ ๔,๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป โดยให้เสนอรายงานในขั้นตอนของกฎหมาย นอกจากนี้ ควรจัดให้มีพื้นที่สีเขียวในสัดส่วนที่เหมาะสม และคำนึงถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นกับชุมชนใกล้เคียง ไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11657 | แผนที่นำทางด้านนวัตกรรมของอาเซียน ปี 2562 - 2568 | อว | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนที่นำทางด้านนวัตกรรมของอาเซียน ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๘ (ASEAN Innovation Roadmap : AIR) เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยนวัตกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งประเด็นที่ไทยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๒ โดยแผนที่นำทางฯ จะทำหน้าที่เป็นแผนที่นำทางเชิงกลยุทธ์ในการดำเนินความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ด้วยการเสริมสร้างการพัฒนาระบบนิเวศที่มีนวัตกรรมเป็นองค์ประกอบ รวมทั้งการนำความรู้และนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาบูรณาการเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งนำไปสู่การต่อยอดงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และสังคม ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการอาเซียนได้กำหนดให้นำเสนอแผนที่นำทางฯ ต่อคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้การรับรองแผนที่นำทางฯ ร่วมกับรัฐมนตรีอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนที่นำทางฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการจัดทำแผนการพัฒนาและส่งเสริมนวัตกรรมของประเทศให้สอดคล้องกับแผนที่นำทางด้านนวัตกรรมของอาเซียน ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๘ ที่คำนึงถึงความทันสมัย เป็นสากล และรักษาจุดแข็งของประเทศ เพื่อใช้เป็นแนวทางการพัฒนาด้านนวัตกรรมของประเทศในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11658 | แนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ (Government Chief Information Officer Management Guideline) | นร10 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ (Government Chief Information Officer Management Guideline) โดยเป็นการกำหนดโครงสร้าง รูปแบบความสัมพันธ์ บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ รวมทั้งคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐในแต่ละระดับ ตลอดจนกำหนดให้มีทีมสนับสนุนการปฏิบัติงานของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ และแนวทางการอบรมผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ และทีมสนับสนุนฯ เพื่อเพิ่มทูนทักษะด้านดิจิทัล ตามข้อเสนอของสำนักงาน ก.พ. ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการไปพิจารณาร่วมกันให้ได้ข้อยุติในประเด็นต่าง ๆ เช่น คุณสมบัติของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐแต่ละระดับ และทีมสนับสนุนฯ ความซ้ำซ้อนขององค์ประกอบและหน้าที่ความรับผิดชอบระหว่างคณะกรรมการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐกับคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล การจัดอบรมหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของแต่ละหน่วยงานและไม่ซ้ำซ้อนกับหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง และการจัดสรรกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเพิ่มเติมให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เป็นต้น ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการสนับสนุนกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเพิ่มเติมให้กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนั้น จะทำให้เป็นภาระงบประมาณด้านบุคลากรภาครัฐ จึงเห็นควรให้สำนักงาน ก.พ. กำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์การเสนอขออนุมัติกรอบอัตรากำลังให้ได้ข้อยุติอย่างชัดเจน และเห็นควรให้สำนักงาน ก.พ. เร่งจัดทำคู่มือประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๑ (เรื่อง การแต่งตั้งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงประจำกระทรวง ทบวง กรม และการจัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศของกระทรวง) ในส่วนของการแต่งตั้งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงประจำกระทรวง ทบวง กรม ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ๔. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ (เรื่อง โครงการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง จากเดิม “ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ชื่อเดิมกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโครงการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง” เป็น “ให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโครงการอบรมหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับผิดชอบรับรองกรอบหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐและผู้ช่วยบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ มีการติดตาม ประเมินผล และให้คำแนะนำการปรับปรุงและแนวทางการพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสมกับบริบทและกลุ่มเป้าหมายการพัฒนา รวมทั้งสร้างชุมชนเครือข่ายผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล โดยให้นำทักษะด้านดิจิทัลของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐและผู้ช่วยผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนกำหนดมาใช้เป็นกรอบในการออกแบบหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐด้วย โดยในระหว่างที่กรอบหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐและผู้ช่วยผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐยังไม่ได้รับการรับรอง ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดการฝึกอบรมหลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูงภาครัฐไปพลางก่อน ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11659 | โครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ | ศธ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการดำเนินโครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และ ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา (อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย) โดยปรับให้โรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในพื้นที่ของแต่ละอำเภอ อำเภอละ ๑ แห่ง เป็นโรงเรียนประจำพักนอน จำนวน ๖๕ หลัง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ยากจน นักเรียนที่ถูกทอดทิ้ง ไม่มีผู้อุปการะ และนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เข้ารับบริการทางการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึงอันจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและยกระดับคุณภาพการศึกษาในพื้นที่เป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาในพื้นที่ต่อไป โดยมีกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ จำนวน ๓,๔๑๖.๕๔ บาท ได้แก่ หมวดงบดำเนินงาน งบลงทุน และงบอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศใช้บังคับแล้ว ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ ให้ สพฐ. ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยให้จัดทำรายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อประกอบการพิจารณาของสำนักงบประมาณให้เหมาะสม สอดคล้องกับจำนวนนักเรียนที่มีอยู่จริง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น กระทรวงศึกษาธิการควรพิจารณาทบทวนแผนการลงทุนตามความเหมาะสมจำเป็นโดยอาจใช้แนวทางเลือกอื่นบนฐานการใช้ทรัพยากรร่วมกันในพื้นที่กับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์หรือโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ หรือใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกับโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการและรายงานผลต่อนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทราบเป็นระยะ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11660 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยศ และเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497 | มท | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยศ และเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. ๒๔๙๗ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดนให้เกิดความคล่องตัวและมีความเหมาะสมสำหรับการปฏิบัติงาน ตลอดจนมีรูปแบบตามหลักนิยมและแบบธรรมเนียมการแต่งเครื่องแบบเข้าร่วมงานพิธีการเช่นเดียวกับหน่วยงานอื่น ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....