ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 585 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11681 - 11700 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11681 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน | กต | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Hong Kong Special Administrative Region of the People’s Republic of China on Strengthening Economic Relations) มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเขตบริหารพิเศษฮ่องกงใน ๖ ด้าน ได้แก่ (๑) การจัดทำความตกลงการค้าเสรีและการปรับปรุงความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างไทยกับเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (๒) ความร่วมมือด้านการลงทุนและการโยกย้ายฐานการผลิต (๓) ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (๔) ความร่วมมือด้านการเงิน (๕) ความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีสมัยใหม่และวิสาหกิจเริ่มต้น (Start-up) และ (๖) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ กับผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11682 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 | กค | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติมาตรการ/โครงการ ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๒ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๖๒ และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้ ๑.๑ โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑.๑.๑ เห็นชอบในหลักการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระดับหมู่บ้าน ภายในกรอบวงเงิน ๑๔,๔๙๑.๔ ล้านบาท โดยให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติพิจารณาใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยพิจารณาจากโครงการที่ได้เคยมีมติอนุมัติไว้ ซึ่งได้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และ/หรือโครงการที่มีผลการปฏิบัติงานล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติจัดทำรายละเอียดให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๑.๑.๒ เห็นชอบโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับวงเงินชดเชยดอกเบี้ย ภายในกรอบวงเงิน ๗๐๗.๗ ล้านบาท ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการให้สินเชื่อในแต่ละกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสมชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ รวมทั้งรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรให้ความสำคัญในเรื่องของความพร้อมของโครงการ ความชัดเจนของกลุ่มเป้าหมาย การติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินการที่ผ่านมา การสร้างความรับรู้ ความเข้าใจของทุกภาคส่วนต่อการดำเนินโครงการ เพื่อลดความเสี่ยงของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น และความซ้ำซ้อนของการดำเนินการในแต่ละโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๑.๑.๓ รับทราบโครงการพักชำระหนี้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรพิจารณาแนวทางการประเมินและบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดแรงจูงใจในการผิดนัดชำระหนี้และปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรมุ่งสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนอย่างแท้จริง โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหว่างกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ประชาชนในพื้นที่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีเงินสะสมคงเหลือที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพของคนในชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการคลังถอนมาตรการลดภาระหนี้ผู้ประกอบการ SMEs ไปเพื่อพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรพิจารณาสนับสนุนให้สถาบันการเงินเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตั้งแต่ระยะที่ลูกหนี้ยังอยู่ในวิสัยที่จะสามารถดำเนินธุรกิจได้ โดยพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ที่แท้จริงของลูกหนี้แต่ละราย เพื่อเป็นกันชนรองรับแรงกดดันความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ และสามารถปรับตัวเพื่อฟื้นฟูธุรกิจได้อย่างทันท่วงที ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๑.๓ รับทราบหลักการของมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งประกอบด้วย (๑) การอนุมัติของบประมาณเพิ่มเติมตามโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ และ (๒) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดของโครงการให้ชัดเจน เพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการช่วยเหลือตามมาตรการดังกล่าวควรมีระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรที่เพิ่มขี้นจากประมาณการเดิม นั้น ควรได้มีการตรวจสอบในเรื่องการลงทะเบียน จำนวนเกษตรกร จำนวนครัวเรือน จำนวนผลผลิตต่อไร่ ให้ทันต่อสถานการณ์อย่างถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนมีการประเมินผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน และกำหนดนโยบายที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๑.๔ เห็นชอบมาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว โดยให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นธรรม รวมทั้งจัดทำรายละเอียดให้ถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขโครงการที่กระทรวงการคลังกำหนด และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นธรรม และจัดทำรายละเอียดให้ถูกต้องครบถ้วน ตามเงื่อนไขโครงการที่กระทรวงการคลังกำหนด และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป โดยให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ และโอกาสในการลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) ของประชาชนทั่วไปที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเป็นสำคัญ การกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการในการป้องกันการซื้อเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ตลอดจนการรายงานและประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๒ ในภาพรวม โดยเห็นว่ารัฐบาลควรส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแรงจูงใจ (incentive structure) ในระบบเศรษฐกิจให้เหมาะสม เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจในระยะยาว และเตรียมพร้อมรับมือกับบริบทเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ โดยไม่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11683 | พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 8 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน (วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562 และวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562) | นร | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ซึ่งให้เสนอพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๘ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11684 | การเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ | นร05 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ถือเป็นหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังนี้
๑. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เป็นเจ้าของแผนงาน/โครงการถือปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัด ซึ่งกำหนดให้ในขั้นการริเริ่มแผนงาน/โครงการ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเจ้าของแผนงาน/โครงการพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า ตลอดจนตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการนั้น ๆ อย่างละเอียดรอบคอบ ให้ถูกต้อง ครบถ้วนในทุกมิติก่อน เช่น ความพร้อมทางกายภาพของที่ตั้งโครงการ สภาพภูมิศาสตร์ กรรมสิทธิ์ครอบครอง โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แบบรูปรายการที่เหมาะสม สำหรับในขั้นการดำเนินการ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดังกล่าวกำกับติดตามและเร่งรัดการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการในทุกขั้นตอนให้แล้วเสร็จ เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๒. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ หรือคณะกรรมการต่าง ๆ ที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบ อนุมัติ อนุญาตตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ หรือมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการในขั้นตอนต่าง ๆ เช่น ด้านความเหมาะสมของแผนงาน/โครงการ ด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านงบประมาณและการลงทุน เร่งรัดการพิจารณาดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ ตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ เพื่อมิให้เกิดปัญหาอุปสรรค และความล่าช้าแก่แผนงาน/โครงการนั้น ๆ ๓. ให้สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี (PMDU) ติดตามและเร่งรัดการดำเนินแผนงาน/โครงการสำคัญของรัฐบาล รวมทั้งเสนอแนะแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรค หรือผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานและขับเคลื่อนเรื่องสำคัญต่าง ๆ ดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11685 | การเสนออุทยานธรณีโคราชเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้เสนออุทยานธรณีโคราชสมัครเข้ารับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) โดยส่งใบสมัครในระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๑.๒ มอบหมายให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการเสนออุทยานธรณีโคราชเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรงการท่องเที่ยงและกีฬา กระทรวงมหาดไทยเสนอ และกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณากำหนดแผนงานรองรับการบริหารจัดการพื้นที่ การดูแลบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อคงความเป็นอุทยานธรณีโลกได้อย่างยั่งยืนต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงบประมาณ เช่น (๑) ในอนาคตหากมีดครงการพัฒนาพื้นที่อุทยานธรณีโคราช ซึ่งมีผลกระทบต่อโบราณสถาน ขอให้แจ้งไปยังกระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่อีกครั้ง และ (๒) ให้จังหวัดนครราชสีมาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11686 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม | อว | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศในด้านต่าง ๆ เช่น การร่วมวิจัยและพัฒนา การแลกเปลี่ยนนักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยในการเข้าร่วมการดำเนินโครงการร่วมกัน และการร่วมจัดประชุม ฝึกอบรม สัมมนา การจัดพิมพ์ และแสดงนิทรรศการของโครงการร่วม เป็นต้น โดยจะมีการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามประเมินผลความร่วมมืออย่างต่อเนื่องเป็นระยะ เพื่อขยายผลไปสู่ความร่วมมือในมิติอื่น ๆ ในอนาคต เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11687 | ร่างอนุสัญญาโลกว่าด้วยการรับรองคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา (Global Convention on the Recognition of Qualifications concerning Higher Education) | อว | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างอนุสัญญาโลกว่าด้วยการรับรองคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา (Global Convention on the Recognition of Qualifications concerning Higher Education) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระหว่างประเทศและระหว่างภูมิภาคด้วยการเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนและเคลื่อนย้ายนักศึกษาและบุคลากรทั่วโลกในการเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมในการรับรองคุณวุฒิการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพื่อนำไปใช้ในการศึกษาต่อหรือเพื่อการมีงานทำ รวมทั้งสนับสนุนโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้แก่ทุกคน ซึ่งรวมถึงผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นด้วย ๑.๒ อนุมัติให้คณะผู้แทนไทยที่จะเข้าร่วมการประชุมเต็มคณะของการประชุมสมัยสามัญขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ครั้งที่ ๔๐ [40th Session of The United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization’s (UNESCO) General Conference] ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒-๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ให้ความเห็นชอบต่อร่างอนุสัญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างอนุสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11688 | ขอความเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล ค.ศ. 1989 | คค | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล ค.ศ. ๑๙๘๙ โดยขอตั้งข้อสงวนตามข้อ ๓๐ (เอ) ในเรื่องขอบเขตการใช้บังคับให้อนุสัญญาฯ ไม่ใช้บังคับบริเวณน่านน้ำภายในของประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๕ (๑) ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๐ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยื่นตราสารการภาคยานุวัติ (Instrument of Accession) อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล ค.ศ. ๑๙๘๙ ต่อเลขาธิการองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ตามข้อ ๒๘ ของอนุสัญญาฯ ต่อไป หลังจากที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีตามข้อ ๑ แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11689 | ขอสิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่ทหารผ่านศึก | กห | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอปรับเพิ่มสิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่ผู้ที่ได้สิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้าอยู่เดิม ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น ๒๗,๓๐๗ ราย จากเดิม ครอบครัวละ ๔๕ หน่วยต่อเดือน เป็น ครอบครัวละ ๕๐ หน่วยต่อเดือน และให้กระทรวงกลาโหมกำกับดูแลองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในการดำเนินการดังกล่าวด้วยความรอบคอบ ถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. สำหรับการขอสิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ ๒ หรือเหรียญราชการชายแดน หรือเหรียญอื่นที่เทียบเท่า ที่มีคุณสมบัติเป็นทหารผ่านศึก และได้รับบัตรประจำตัวทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ ๓ จำนวน ๑๐๒,๐๐๐ ราย นั้น ให้กระทรวงกลาโหม โดยองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกพิจารณาการจัดลำดับหรือกลุ่มผู้ถือบัตรตามฐานรายได้ที่ได้รับในการให้สิทธิพิเศษดังกล่าว เช่น กลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี การพิจารณาแหล่งเงินขององค์การทหารผ่านศึกที่สามารถนำมาใช้จ่ายได้ และงบประมาณที่ได้รับอุดหนุนจากรัฐบาลในภาพรวม ความสามารถในการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันของหน่วยงาน เพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณมากจนเกินไป ตามนัยมาตรา ๑๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11690 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีกรณีการชดเชยส่วนต่างจากการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | กค | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๒ ที่ต้องการให้รัฐบาลชดเชยส่วนต่างที่เกิดจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าโดยใช้ปาล์มน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงกับรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า โดยไม่ส่งผลกระทบต่อภาระค่าไฟฟ้าของประชาชน และเพื่อไม่ให้เป็นภาระสะสมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยให้กระทรวงพลังงานเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิงกับรายได้จากการขายกระแสไฟฟ้า กรอบวงเงิน ๒,๐๒๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท แทนการปรับลดเงินรายได้นำส่งเข้ารัฐ หรือการบันทึกบัญชีเป็นรายจ่ายเพื่อสังคม (PSA) โดยไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถส่งผ่านไปยังค่าไฟผันแปร (Ft) ที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้เดิม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงพลังงานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตามผลการดำเนินการตามมาตรการปรับสมดุลปาล์มในประเทศ เพื่อเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เพิ่มเติมในส่วนที่อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าภายใน) ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชดเชยส่วนต่างดังกล่าวให้กระทรวงพาณิชย์ กรอบวงเงิน ๕๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เบิกจ่ายงบประมาณให้กับ กฟผ. แล้ว จำนวน ๘๘,๐๘๙,๙๕๓.๔๕ บาท โดยแก้ไขเป็นให้กระทรวงพลังงานเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณในส่วนที่เหลือ เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณตรงตามภารกิจของหน่วยงานและสอดคล้องกับข้อเสนอของกระทรวงการคลังในครั้งนี้ ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะต้องคำนึงถึงความครอบคลุมงบประมาณ ศักยภาพ และความสามารถในการบริหารจัดการของ กฟผ. ด้วย เพื่อมิให้เป็นภาระต่อภาพรวมของงบประมาณภาครัฐ โดยการดำเนินการภายใต้มาตรการดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายให้ถูกต้องครบถ้วน มีความโปร่งใส คุ้มค่า ประหยัด ไม่ซ้ำซ้อน โดยพิจารณาความเป็นธรรมในสังคม และความรับผิดชอบของหน่วยงานภาครัฐต่อประโยชน์ส่วนรวมที่จะเกิดขึ้น รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกันพิจารณาและกำหนดปริมาณการเพาะปลูกปาล์มน้ำมันให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ในประเทศและปริมาณการส่งออก รวมทั้งควรสนับสนุนให้เกิดการใช้ปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นนอกจากการนำไปใช้ในการผลิตไบโอดีเซล โดยส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อนำปาล์มน้ำมันไปใช้ประโยชน์และเพิ่มมูลค่ามากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ในกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการปรับสมดุลปาล์มในประเทศในระยะต่อไป ให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำประมาณการค่าใช้จ่าย แหล่งเงิน และประโยชนที่จะได้รับจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวให้ชัดเจน โดยคำนึงถึงความเหมาะสม สอดคล้องกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ) วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒) และวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๒ [เรื่อง สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ (แก้ไขเพิ่มเติม)] มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้ประเมินผลการดำเนินมาตรการในช่วงที่ผ่านมา โดยเปรียบเทียบความคุ้มค่าของภาระงบประมาณที่ภาครัฐจะต้องสูญเสียกับประโยชน์ที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มจะได้รับเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศเป็นไปด้วยความรอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11691 | ขออนุมัติให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้กรมการขนส่งทางบกใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อดำเนินโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย | กษ | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้กรมการขนส่งทางบกใช้ประโยชนที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อดำเนินโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยใช้ที่ดินถาวร ไม่มีกำหนดระยะเวลา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการฯ ไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดังกล่าวยังมีสถานะเป็นป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินของโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ ผลกระทบต่อต้นทุนที่ใช้ในการคำนวณความคุ้มค่าของโครงการฯ และผลวิเคราะห์ผลตอบแทนด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจส่งผลต่อรูปแบบและแผนงานดำเนินโครงการฯ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และประธานกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เช่น ควรเร่งรัดการพิจารณาเกี่ยวกับค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ที่ดินและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปตามแผนงาน และเพื่อให้กรมการขนส่งทางบกสามารถจัดเตรียมแผนบริหารงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11692 | การลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม | กษ | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามอัตราการเรียกเก็บค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้เหลือในอัตราร้อยละ ๐.๐๑ ตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการสูญเสียรายได้ของรัฐกับประโยชน์ที่เกษตรกรและประเทศจะได้รับจากการลดหย่อนค่าธรรมเนียมดังกล่าว เพื่อใช้ประกอบการวางแผนการดำเนินงาน รวมทั้งเห็นควรให้เร่งดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานในระยะยาว เพื่อให้สามารถใช้เป็นแนวทางปฏิบัติได้ก่อนที่จะครบกำหนดเวลาที่ระบุในประกาศกระทรวงมหาดไทยที่จะขยายออกไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มีสาระสำคัญเป็นการขยายกำหนดเวลาใช้บังคับออกไปอีกจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ เพื่อเป็นการลดภาระในการชำระค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้แก่เกษตรกรที่ยังมิได้โอนกรรมสิทธิ์และสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปที่ดิน และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรให้ตัดการอ้างข้อ ๒ (๗) (ฎ) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ออก ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11693 | การแต่งตั้งโฆษก รองโฆษก และผู้ช่วยโฆษกของกระทรวงมหาดไทย (1. นายสมคิด จันทมฤก ฯลฯ) | มท | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งโฆษก รองโฆษก และผู้ช่วยโฆษกกระทรวงมหาดไทย รวม ๗ ตำแหน่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. กระทรวงมหาดไทย นายสมคิด จันทมฤก เป็นโฆษกกระทรวงมหาดไทย นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป เป็นรองโฆษกกระทรวงมหาดไทย นายทรงกลด สว่างวงศ์ เป็นผู้ช่วยโฆษกกระทรวงมหาดไทย นายชานน วาสิกศิริ เป็นผู้ช่วยโฆษกกระทรวงมหาดไทย ๒. กระทรวงพลังงาน นายวัชระ กรรณิการ์ เป็นโฆษกกระทรวงพลังงาน ๓. กระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว เป็นโฆษกกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ เป็นรองโฆษกกระทรวงยุติธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11694 | รายงานประจำปี 2561 ของกองทุนยุติธรรม | ยธ | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๑ ของกองทุนยุติธรรม ประกอบด้วย ข้อมูลสถิติด้านการเงิน : ค่าใช้จ่ายในกิจการสำนักงานกองทุนยุติธรรม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ผลการดำเนินงานที่สำคัญของกองทุนยุติธรรม และรายงานการเงินของกองทุนยุติธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ในคราวต่อไปให้กระทรวงยุติธรรม (กองทุนยุติธรรม) เร่งรัดการจัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในกรอบระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11695 | รายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2561 | อว | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ประจำปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้ดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองประกอบการบังคับใช้ การสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการ การดำเนินการรับแจ้งและรับคำขอใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ การจัดทำระบบการให้บริการแบบออนไลน์ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ และการประกาศนโยบายการกำกับดูแลและส่งเสริมการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ๒. ข้อมูลการดำเนินการในปีงบประมาณ ๒๕๖๑ มีการจดแจ้งสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ จำนวน ๒๙๗ แห่ง จาก ๕๖ องค์กร มีผู้ยื่นขอรับใบอนุญาตใช้สัตว์ จำนวน ๗,๗๙๙ คน และมีการใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์มากว่า ๑,๐๐๐,๐๐๐ ตัว ซึ่งมาจากแหล่งผลิตสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ๓. ปัญหาและอุปสรรคในปีงบประมาณ ๒๕๖๑ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้โดยสมบุรณ์ สถานที่ดำเนินการต่อสัตว์มีจำนวนมากแต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้มาตรฐาน มีสัตวแพทย์ไม่เพียงพอ และสัตว์ทดลองยังมีปัญหาในด้านคุณภาพ ชนิด และปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการ งานวิจัยที่จะนำไปสู่นวัตกรรมยังมีน้อย อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลยังขาดความเข้มแข็งและบุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์ ๔. การพัฒนาการดำเนินการในระยะต่อไป ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพของสัตว์ทดลอง การส่งเสริมการผลิตสัตว์ทดลองเพื่อทดแทนการนำเข้า การสนับสนุนให้มีหน่วยงานกลางเพื่อตรวจประเมินและรับรองมาตรฐานพันธุกรรมและมาตรฐานสุขภาพ การพัฒนาสถานที่เลี้ยงและใช้สัตว์ให้ได้มาตรฐาน การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาคณะกรรมการกำกับดูแลการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ของสถานที่ดำเนินการ และการสร้างความเข้มแข็งให้หน่วยงานกลางที่กำกับดูแลพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11696 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ | นร01 | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒ จำนวน ๕ กิจกรรม ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการ “๑ จังหวัด ๑ ถนนเฉลิมพระเกียรติ” ได้มีการจัดพิธีเปิดโครงการพร้อมกันทั่วประเทศ เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยกระทรวงมหาดไทยได้ออกแบบป้ายโครงการฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการจิตอาสาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อให้จังหวัดจัดทำและนำไปติดตั้งในพื้นที่เป้าหมายโครงการฯ ๒. กิจกรรม “จิตอาสาพัฒนาลำน้ำ ลำคลอง” เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี ๒๕๖๒ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยพื้นที่เป้าหมายของการดำเนินกิจกรรม จังหวัด/อำเภอได้พิจารณาวางแผน และคัดเลือกจากพื้นที่ลำน้ำ คูคลองตามโครงการฟื้นฟูและพัฒนาลำน้ำคูคลอง เพื่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ๓. โครงการนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวอยู่ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ดำเนินการระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ บริเวณพื้นที่คลองคูเมืองเดิมและปากคลองตลาด ๔. การเปลี่ยนชื่อจิตอาสาพระราชทาน ๙๐๔ วปร. (จอส.๙๐๔ วปร.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อของจิตอาสาที่ได้พระราชทานไว้แต่เดิมชื่อ “จิตอาสาพระราชทาน (จอส.)” และทรงพระราชทานชื่อจิตอาสาใหม่ว่า “จิตอาสาพระราชทาน ๙๐๔ วปร.” (จอส.๙๐๔ วปร.)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11697 | รายงานผลการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | กก | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าว รวม ๑๔ ฉบับ ได้ดำเนินการจัดทำร่างประกาศแล้ว รวม ๑๑ ฉบับ ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาการประกาศเขตพัฒนาการท่องเที่ยวหรืออยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเพื่อพิจารณา สำหรับกฎหมายลำดับรองอีก ๓ ฉบับ อยู่ระหว่างดำเนินการหรือศึกษาจัดทำแนวทางการจัดเก็บ และการบริหารจัดการค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวที่เรียกเก็บจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการศึกษาวิจัยอย่างรอบด้าน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11698 | รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) และความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูล 4 คณะ (ประจำเดือนเมษายน - กันยายน 2562) | ดศ | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูล ๔ คณะ ประจำเดือนเมษายน-กันยายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มีการดำเนินการที่สำคัญ เช่น จัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือเรื่องการพัฒนาบุคลากรร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและสถาบันศึกษา รวม ๒๑ หน่วยงาน ประชุมคณะทำงานสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาบุคลากรเพื่อการใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ โดยทำการสำรวจ ๒๘๗ หน่วยงาน พบว่า ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐขาดแคลนบุคลากรภายในที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรงด้าน Big Data และได้มีข้อเสนอระบบการบริหารจัดการกำลังคนเพื่อการใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ โดยแบ่งเป็นข้อเสนอระยะเร่งด่วน (๖ เดือน-๒ ปี) และข้อเสนอระยะยาว (๓-๕ ปี) เป็นต้น ๒. ความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูล เช่น การขับเคลื่อนการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ โครงการบูรณาการจัดทำฐานข้อมูลกลางด้านความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) และโครงการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลเพื่อจัดตั้งฐานข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลแห่งชาติ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11699 | การทำคำประกาศ (Declarations) จากการแก้ไขปรับปรุงระเบียบร่วม (Common Regulations) ภายใต้พิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) | พณ | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการทำคำประกาศ (Declarations) จากการแก้ไขปรับปรุงระเบียบร่วม (Common Regulations) ภายใต้พิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) ซึ่งกระทรวงพาณิชย์พิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ และพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ ไม่มีบทบัญญัติที่รองรับการปฏิบัติตามระเบียบร่วมที่แก้ไขใหม่ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาจึงได้มีหนังสือจัดทำคำประกาศที่ลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไปยังผู้อำนวยการใหญ่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก เพื่อสงวนสิทธิมิให้ประเทศไทยต้องผูกพันตามพันธกรณีที่เกิดขึ้นใหม่จากการแก้ไขปรับปรุงระเบียบร่วมดังกล่าว และเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๒ องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกได้จัดทำประกาศ (Information notice) ที่ ๓๖/๒๐๑๙ เพื่อยืนยันและแจ้งภาคีพิธีสารมาดริดว่า ประเทศไทยจัดทำประกาศตาม Rule 27bis (6) และ Rule 27ter (2)(b) แล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11700 | รายงานผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุม The 8th LNG Producer - Consumer Conference และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น | พน | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุม The 8th LNG Producer-Consumer Conference และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ ๒๔-๒๗ กันยายน ๒๕๖๒ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมพลังงานไฮโดรเจนระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒ ที่ประชุมมีการนำเสนอและหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ความร่วมมือเพื่อพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน โดยที่ประชุมสนับสนุนให้มีการส่งเสริมการผลิตและใช้พลังงานไฮโดรเจนที่สามารถผลิตได้จากพลังงานทดแทน เช่น แสงอาทิตย์และลม ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากปัจจุบันพลังงานไฮโดรเจนส่วนใหญ่ที่ผลิตได้เป็นพลังงานไฮโดรเจนที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ ๒. การประชุมการสัมมนานานาชาติเรื่อง การนำคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้ใหม่ประจำปี ๒๕๖๒ โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ริเริ่มแนวคิดการนำคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้ใหม่ ซี่งเป็นการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากกิจการต่าง ๆ และผ่านกระบวนการเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบของพลังงาน และใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมการผลิต อันจะเป็นการช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งยังเป็นพลังงานทางเลือกอีกชนิดหนึ่งด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าหมายระยะสั้นภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ โดยการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการพัฒนาเทคโนโลยีการนำคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้ใหม่ เช่น การลดต้นทุนในการจัดเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเป้าหมายระยะกลางและระยะยาวคือ ให้สามารถดำเนินการในเชิงการค้าได้ภายในปี พ.ศ. ๒๕๙๓ ๓. การประชุม The 8th LNG Producer-Consumer Conference ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์และทิศทางตลาด LNG เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ประสบการณ์ และการบริหารจัดการ LNG ในอนาคต รวมทั้งหารือความเป็นไปได้ในการสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย LNG เพื่อพัฒนาศักยภาพสำหรับรองรับความต้องการ LNG ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียในอนาคต ๔. การหารือทวิภาคีกับนายฮิเดกิ มาคิฮาร่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม เกี่ยวกับด้านต่าง ๆ ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือด้านก๊าซธรรมชาติเหลว การพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน และการจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านพลังงานอัจฉริยะ
|
.....