ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 395 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 7881 - 7900 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7881 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 2 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 | มท. | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๒ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ รวม ๑๒ จังหวัด จำนวน ๒,๑๘๖ โครงการ ภายในกรอบวงเงิน ๓,๕๘๗,๒๑๘,๕๑๔ บาท โดยให้จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
หรือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ในฐานะหน่วยรับงบประมาณ เป็นผู้ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติต่อไป และเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการ
เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๕/๑๗๑๕๑ ลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๔)
และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง
ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗
สิงหาคม ๒๕๖๔) อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้ดำเนินโครงการได้แล้วเสร็จและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนโดยเร็วต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
7882 | รายงานผลการดำเนินการโครงการนำร่องการป้องกันและการควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox) | รง. | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการนำร่องการป้องกันและการควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน
(Factory Sandbox) มีวัตถุประสงค์เป็นการดำเนินการภายใต้แนวคิด
“เศรษฐศาสตร์สาธารณสุข” โดยมุ่งเน้นให้สถานประกอบการ กิจการ โรงงานภาคการผลิตส่งออกขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศสามารถดำเนินกิจกรรมต่อไปได้ควบคู่กับมาตรการควบคุมและป้องกันโรคภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19
และกระทรวงแรงงงานได้เริ่มดำเนินการโครงการนำร่องการป้องกันและการควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน
(Factory Sandbox) ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญได้จัดทำข้อตกลงร่วมกับสถานประกอบการ
(MOU) ระหว่างสามหน่วยงาน
ได้แก่ กระทรวงแรงงาน (สำนักงานแรงงานจังหวัด) สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ
และผู้แทนโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ มีจำนวนสถานประกอบการร่วมทำข้อตกลง จำนวน ๔๖
แห่ง และมีจำนวนสถานพยาบาลเข้าร่วมโครงการ ๔ แห่ง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
7883 | รายงานผลการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) | นร.12 | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Service)
เพื่อติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Service) และเห็นชอบมาตรการเร่งรัดให้หน่วยงานสื่อประชาสัมพันธ์
เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในการใช้บริการรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) และแก้ไขกฎหมาย และกฎระเบียบ
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่เห็นว่าทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถจัดส่งเอกสารหรือสื่อต่าง
ๆ ให้กระทรวงมหาดไทยรวบรวมส่งให้ทุกจังหวัดดำเนินการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ
และหมู่บ้าน/ชุมชน ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ารับบริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ e-Service เพิ่มขึ้น
และหากสามารถดำเนินการพัฒนาระบบการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานในระบบและระบบจัดการข้อมูลส่วนบุคคลควบคู่ไป
เป็นระบบกลางที่หน่วยงานราชการทุกหน่วยงานใช้ร่วมกัน จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาให้บริการ e-Service ของภาคราชการให้มีความถูกต้องและรวดเร็วมากขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
7884 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) | กค. | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) ของกระทรวงการคลัง
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่า ของจำนวนเงินที่บริจาค
สำหรับการบริจาคที่กระทำผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
7885 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อกำหนดประเภทของพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุนเพิ่มเติม
และกำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับพัสดุส่งเสริมวิสาหกิจและการประกอบอาชีพ
พัสดุการเรียนการสอน พัสดุส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ
พัสดุส่งเสริมความมั่นคงด้านความปลอดภัยทางอาหารและสินค้าเกษตร
และประเภทของที่ปรึกษาที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน ที่เห็นว่าควรให้กรมบัญชีกลางติดตามประเมินผลการส่งเสริมหรือสนับสนุนดังกล่าวเป็นระยะ
เพื่อให้การกำหนดขั้นต้นเป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ
และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อประเทศต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
7886 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน (Thailand Prevention) | นร.04 | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน
(Thailand Prevention) จำนวน ๑๐๕,๕๙๒,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน
(Thailand Prevention)
สำหรับผลิตและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เพื่อการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์อันมีผลกระทบอันเนื่องมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) เฉพาะกิจกรรมที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการในระยะเร่งด่วน
(ภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔) โดยคำนึงถึงความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
7887 | กรอบการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนของอาเซียน (ASEAN Investment Facilitation Framework : AIFF) | นร.13 | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกรอบการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนของอาเซียน
(ASEAN Investment Facilitation Framework : AIFF)
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการให้ความสำคัญด้านการอำนวยการความสะดวกด้านการลงทุนในฐานะเสาหลักสำคัญของการลงทุนที่นำไปสู่การรักษาและการเติบโตของการลงทุนในประเทศ
ผ่านการสร้างบรรยากาศการลงทุนที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุนในการจัดตั้ง
ดำเนินการและขยายการลงทุนและธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงภูมิภาคอาเซียนกำลังจะก้าวเข้าสู่สภาพแวดล้อมภายหลังวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19
โดยการอำนวยความสะดวกในด้านการลงทุน ๑๑ หัวข้อ เช่น
ความโปร่งใสของมาตรการและข้อมูล
การปรับปรุงและเร่งรัดขั้นตอนการปฏิบัติและข้อกำหนดต่าง ๆ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต
แพลตฟอร์มดิจิทัลแบบเบ็ดเสร็จ บริการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้ลงทุน เป็นต้น
และให้รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจและการลงทุนของไทย
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรอง AIFF
แบบไม่มีการลงนาม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนของอาเซียน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
7888 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา ตำบลวัดยม ตำบลมหาพราหมณ์ ตำบลสะพานไทย ตำบลพระขาว อำเภอบางบาล และตำบลบ้านกลึง ตำบลกระแชง ตำบลช้างน้อย ตำบลบ้านแป้ง ตำบลสนามชัย ตำบลบางไทร ตำบลราชคราม อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... | กษ. | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา ตำบลวัดยม ตำบลมหาพราหมณ์
ตำบลสะพานไทย ตำบลพระขาว อำเภอบางบาล และตำบลบ้านกลึง ตำบลกระแชง ตำบลช้างน้อย
ตำบลบ้านแป้ง ตำบลสนามชัย ตำบลบางไทร ตำบลราชคราม อำเภอบางไทร
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลบ้านใหม่
อำเภอพระนครศรีอยุธยา ตำบลวัดยม ตำบลมหาพราหมณ์ ตำบลสะพานไทย ตำบลพระขาว
อำเภอบางบาล และตำบลบ้านกลึง ตำบลกระแชง ตำบลช้างน้อย ตำบลบ้านแป้ง ตำบลสนามชัย
ตำบลบางไทร ตำบลราชคราม อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างคลองระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ สถานีสูบน้ำ
อาคารประกอบและสิ่งจำเป็นในการชลประทานอื่นตามโครงการระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
7889 | การขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 | นร.14 | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน
๒๕๖๔ เพื่อให้การขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบรรลุตามวัตถุประสงค์ของแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) และพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วย มาตรการรับมือฤดูฝน
๑๐ มาตรการ การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ผ่านระบบบริหารจัดการแผนงาน
โครงการและฐานข้อมูล
สำหรับบูรณาการแผนงานเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ หรือระบบ Thai Water Plan (TWP) การจัดทำทะเบียนแหล่งน้ำ
แนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการโครงการขนาดเล็กด้านทรัพยากรน้ำ รวมถึงการทบทวนบทบาทภารกิจหน่วยงานในการบริหารทรัพยากรน้ำตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ในประเด็นเป้าหมายและหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่เกษตรน้ำฝน ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยในส่วนของการดำเนินการเพิ่มศักยภาพการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่เกษตรน้ำฝนนอกเขตชลประทานเป้าหมายจำนวน
๘๗ ล้านไร่ กำหนดให้มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ร่วมเป็นหน่วยงานปฏิบัติในเรื่องนี้ด้วย
ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ความเห็นและข้อเสนอแนะของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
และข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เห็นว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน
รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า
ความประหยัด และการเตรียมความพร้อม ช่วยเหลือ สนับสนุน แนะนำ และคำปรึกษาทางเทคนิค
ตลอดจนการสนับสนุนงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินการ
โดยมีการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่าที่จำเป็นตามที่กฎหมายบัญญัติ และให้หน่วยงานที่ดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านแหล่งน้ำไม่ว่าจะรับงบประมาณจากแหล่งใดนำข้อมูลเข้าในระบบทะเบียนแหล่งน้ำเพื่อเป็นการบูรณาการข้อมูลแหล่งน้ำของประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
7890 | ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2564 - 2565) | พณ. | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการค้าของประเทศไทย ภายใต้เศรษฐกิจดิจิทัล ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการค้าภายในประเทศและการค้าข้ามพรมแดน (๒) การพัฒนาสภาพแวดล้อมและปัจจัยการสนับสนุนการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (๓) การสร้างความเชื่อมั่นในธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และ (๔) การพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถใช้ประโยชน์จากธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่ายงานหลักในการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคนนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมข้อสังเกตของกระทรวงอุตสาหกรรมและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น ควรมีการยืนยันตัวตนลูกค้าในการเข้าใช้งานที่มีความน่าเชื่อถือและสะดวก ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลและการอนุมัติ อนุญาตต่าง ๆ ทั้งในส่วนของการอนุญาตให้ประกอบกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษี การเชื่อมโยงบริการของรัฐแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ และกำกับดูแลมาตรฐานสินค้าให้ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติตามได้โดยสะดวก ไม่ซ้ำซ้อน มีภาระการดำเนินการน้อย รวมทั้งพัฒนากลไกการคุ้มครองผู้บริโภคที่สามารถยุติข้อร้องเรียนและเยียวยาผู้บริโภคได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑ เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นข้อจำกัดและเป็นอุปสรรคในการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๓ [เรื่อง การแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service)] ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะในส่วนของการอนุญาตให้ประกอบกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับจัดเก็บภาษี การเชื่อมโยงบริการของรัฐแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) และการกำกับดูแลมาตรฐานสินค้า เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติตามได้โดยสะดวก ไม่ซ้ำซ้อน มีภาระการดำเนินการน้อย ๒.๒ พัฒนากลไกการคุ้มครองผู้บริโภคในด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน สามารถยุติข้อร้องเรียนและเยียวยาผู้บริโภคได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม |
||||||||||||||||||||||||||||||
7891 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ (1. นายรณภพ ปัทมะดิษ) | นร.04 | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
จำนวน ๓ ราย ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งหนึ่งปี โดยลำดับที่ ๑-๒ ในวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๔ และลำดับที่
๓ ในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๔ ให้คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นายรณภพ ปัทมะดิษ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๒. นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๓. นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการแรงงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
7892 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 13/2564 | นร.04 | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 (๒) หลักการและแนวคิดการเปลี่ยนผ่านภาวะวิกฤตสู่การเปิดกิจกรรม/กิจการที่มีความพร้อมในแต่ละพื้นที่อย่างปลอดภัย
ภายใต้มาตรการควบคุมโรคแนวใหม่ (Smart Control and Living with Covid-19) (๓) มาตรการเปิดเรียนมั่นใจ ปลอดภัยไร้โควิด-19 ในโรงเรียนประจำ (Sandbox
Safety Zone in School : SSS) (๔) รายงานแนวโน้มสถานการณ์ความต้องการใช้ออกซิเจนทางการแพทย์
(๕) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 (๖) การปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19
และ (๖) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
7893 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 31/2564 | นร.11 สศช | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากครั้งที่
๓ รวม ๑๐ จังหวัด จำนวน ๑,๗๖๖
โครงการ กรอบวงเงิน ๒,๙๐๙,๐๑๕,๕๗๒ บาท และให้กระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ๒.รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่
๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรเร่งดำเนินการตามความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้โดยเคร่งครัด
โดยเฉพาะในส่วนของการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ในรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๕ (๑ พฤษภาคม-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔) เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้
การจัดหาเงินและการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๓ ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
7894 | การต่ออายุความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรา (Bilateral Swap Agreement) ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังญี่ปุ่น | กค. | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการต่ออายุความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรา
(Bilateral Swap
Agreement) ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังญี่ปุ่น โดยมีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญใน
๒ ประเด็น ได้แก่ (๑) การเพิ่มวัตถุประสงค์ของการใช้วงเงิน และ (๒)
การปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่สู่การเป็นพหุภาคี
ซึ่งความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรา
ได้มีการปรับปรุงและต่ออายุอย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
7895 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลเจ้าท่า และตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... | กษ. | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน
ในท้องที่ตำบลเจ้าท่า และตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน เพื่อดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินในท้องที่ตำบลเจ้าท่า และตำบลดงลิง
อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็นโครงการจัดรูปที่ดิน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรจัดเตรียมแนวทางสนับสนุนการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่
ความต้องการของตลาดและนโยบายสำคัญ ๆ ของรัฐบาล เช่น การส่งเสริมการทำเกษตรแปลงใหญ่
เกษตรแม่นยำสูง วนเกษตร เกษตรผสมผสาน เป็นต้น รวมทั้ง
ให้ความสำคัญกับการสร้างทัศนคติให้เกษตรกรร่วมกันบำรุงรักษาระบบชลประทานให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์และสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
7896 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาด และเงื่อนไขที่นักโทษเด็ดขาดซึ่งได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกหรือการพักการลงโทษและได้รับการปล่อยตัวต้องปฏิบัติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ. | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาด
และเงื่อนไขที่นักโทษเด็ดขาดซึ่งได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกหรือการพักการลงโทษและได้รับการปล่อยตัวต้องปฏิบัติ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาด
และเงื่อนไขที่นักโทษเด็ดขาดซึ่งได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกหรือการพักการลงโทษและได้รับการปล่อยตัวต้องปฏิบัติ
พ.ศ. ๒๕๖๒
เพื่อกำหนดให้นักโทษเด็ดขาดตั้งแต่ชั้นกลางขึ้นไปสามารถได้รับการพิจารณาให้พักการลงโทษจำคุกได้
และให้นักโทษเด็ดขาดที่กระทำผิดซ้ำสามารถเสนอขอรับการพิจารณาพักการลงโทษกรณีปกติได้
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าการกำหนดให้นักโทษเด็ดขาดตั้งแต่ชั้นกลางขึ้นไปสามารถได้รับการพิจารณาให้พักการลงโทษอาจไม่สอดคล้องกับการกำหนดหลักเกณฑ์การให้ประโยชน์แก่นักโทษเด็ดขาดตามกฎกระทรวงฯ
และกำหนดให้นักโทษเด็ดขาดตั้งแต่ชั้นกลางขึ้นไปอาจได้รับการพักการลงโทษไม่เกินหนึ่งในสามของกำหนดโทษที่ระบุไว้ในหมายแจ้งโทษเด็ดขาด ซึ่งเท่ากับนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยมโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาการได้รับการพักการลงโทษลดหลั่นตามระดับชั้นนักโทษเด็ดขาดอย่างที่กำหนดไว้ในข้อ
๔๒ ของกฎกระทรวงฉบับปัจจุบัน อาจทำให้เกิดปัญหาการใช้ดุลยพินิจในการพิจารณากำหนดระยะเวลาการพักโทษที่ไม่เหมาะสมกับนักโทษเด็ดขาดแต่ละชั้น
อันส่งผลให้ไม่สามารถแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู
หรือพัฒนาพฤตินิสัยของนักโทษเด็ดขาดให้กลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวเพื่อลดความเสี่ยงในการกระทำความผิดซ้ำ
อีกทั้งควรให้ความสำคัญในการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่คนในชุมชนสังคมด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
7897 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร) | นร.07 | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
7898 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุรสีห์ กิตติมณฑล) | นร.04 | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
7899 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายลลิต ถนอมสิงห์) | กปร. | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายลลิต ถนอมสิงห์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่
๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
7900 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายอรรถพล สังขวาสี) | ศธ. | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๘ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑. นายอรรถพล สังขวาสี ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ๒. นายวัลลพ สงวนนาม ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ๓. นางเกศทิพย์ ศุภวานิช ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการ ศึกษาขั้นพื้นฐาน ๔. นายวรัท พฤกษาทวีกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายสุรศักดิ์ อินศรีไกร ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายสวัสดิ์ ภู่ทอง ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงาน เลขาธิการสภาการศึกษา ๗. เรืออากาศโท สมพร ปนดำ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๘. นายพีรศักดิ์ รัตนะ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม การศึกษาเอกชน สำนักงานปลัดกระทรวง
|