ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 396 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 7901 - 7920 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7901 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์) | พณ. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7902 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายทวีศักดิ์ วาณิชย์เจริญ และ นายอารัญ บุญชัย) | กก. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑. นายทวีศักดิ์ วาณิชย์เจริญ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ๒. นายอารัญ บุญชัย ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7903 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงลาปาซ รัฐพหุชนชาติแห่งโบลิเวียและการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงลาปาซ รัฐพหุชนชาติแห่งโบลิเวียเป็นการชั่วคราว (นายฟรานซิสโก มูนอซ) | กต. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑.
การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงลาปาซ รัฐพหุชนชาติแห่งโบลิเวีย
ของ นายฟรานซิสโก มูนอซ (Mr.Francisco Munoz) ตั้งแต่วันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๔ เนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง และไม่ประสงค์ต่ออายุการดำรงตำแหน่ง ๒. การปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงลาปาซ
รัฐพหุชนชาติแห่งโบลิเวีย เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7904 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (1. นางสุพิชชา จันทรโยธา) | อว. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๔ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นางสุพิชชา จันทรโยธา ๒. นางสุภา หารหนองบัว ๓. นายทศพร นุชอนงค์ ๔. นางบุษบา ฤกษ์อำนวยโชค
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7905 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 | กค. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ประกอบด้วย รายงานผลการดำเนินงานปีบัญชี
๒๕๖๓ เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๖๒ ผลการดำเนินงานด้านสินเชื่อและรับประกัน และทิศทางและแผนงานปี
๒๕๖๔-๒๕๖๘ ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว และเป็นการดำเนินการตามข้อกฎหมาย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7906 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง COVID–19 : ผลกระทบต่อความมั่นคง ของคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา | สว. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง COVID–19 :
ผลกระทบต่อความมั่นคง ของคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า ข้อเสนอแนะต่อแนวโน้มสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก
หน่วยงานที่รับผิดชอบแผนเตรียมพร้อมแห่งชาติควรทบทวนแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
และประสานความร่วมมือกับนานาชาติและองค์กรระหว่างประเทศเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและองค์ความรู้รองรับการดำเนินการ
ในส่วนข้อเสนอแนะต่อแนวโน้มสถานการณ์ภายในประเทศ
ควรเพิ่มการใช้เครื่องมือของภาครัฐประเภทอื่นที่มีอยู่มาสนับสนุนการดำเนินการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้เป็นเครื่องมือในการจำกัดติดตามและเฝ้าระวังบุคคลเพื่อบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ การเสนอข้อเท็จจริงของข่าวสารต่าง ๆ
เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคและการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อนมาตรการด้านสาธารณสุข
การบูรณาการมาตรการต่าง ๆ ระหว่างหน่วยงานของรัฐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7907 | ร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 32) พ.ศ. 2516 พ.ศ. .... (สินค้ากากถั่ว) | พณ. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง
(ฉบับที่ ๓๒) พ.ศ. ๒๕๑๖ พ.ศ. .... (สินค้ากากถั่ว) มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง
(ฉบับที่ ๓๒) พ.ศ. ๒๕๑๖ ซึ่งกำหนดห้ามมิให้ส่งออกสินค้า ๓ รายการ ได้แก่ กากถั่ว
ปลาป่น และอาหารสัตว์ที่ผสมสำเร็จรูปเนื่องจากได้มีประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
การส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒๙) พ.ศ. ๒๕๑๗ ประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง การส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๖๑) พ.ศ. ๒๕๒๒ และประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วย
การส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ ๒๕๒๖ กำหนดให้สินค้าปลาป่นและอาหารสัตว์ที่ผสมสำเร็จรูป
ไม่เป็นสินค้าควบคุมที่ต้องมีหนังสืออนุญาตให้ส่งออกอีกต่อไป
และปัจจุบันมีการนำกากถั่วชนิดอื่นนอกจากกากถั่วเหลืองมาใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ในประมาณเล็กน้อย
จึงไม่มีความจำเป็นต้องควบคุมการส่งออกอีกต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7908 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางในการบริหารจัดการการชำระหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางในการบริหารจัดการการชำระหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางในการบริหารจัดการการชำระหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางในการบริหารจัดการการชำระหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า ปัจจุบันกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาได้กำหนดมาตรการเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ยืมเงินในกรณีเร่งด่วน
โดยจัดกลุ่มของลูกหนี้แยกประเภทลูกหนี้ ออกเป็น ๓ กลุ่ม
และได้ดำเนินการติดตามหนี้และบังคับชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด (๑๐ ปี
นับแต่ศาลมีคำพิพากษา) ซึ่งลูกหนี้สามารถขอไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดี
ลดหย่อนหนี้และมีระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้มากขึ้นลดการบังคับคดีโดยการขายทอดตลาดทรัพย์ของผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกัน
การออกประกาศขอให้สถาบันอุดมศึกษาพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่นิสิตและนักศึกษา
กู้ยืมเงินโดยไม่มีดอกเบี้ย และการพิจารณาทบทวนระบบการรับรองรายได้ครอบครัว
เป็นต้น รวมทั้งการพิจารณาปรับแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7909 | ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ | สผ. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย
กับคณะ รวม ๑๘๕ คน ได้เข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
ตามมาตรา ๑๕๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นั้น คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีความพร้อมจะไปชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ตั้งแต่วันอังคารที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป จึงได้ลงมติ ๑.
มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)
รับไปประสานประธานสภาสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับกำหนดวันที่คณะรัฐมนตรีจะไปชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ๒.
มอบหมายให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมข้อมูลและจัดทำประเด็นประกอบการชี้แจงของรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7910 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยนกเค้า เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยนกเค้า
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในท้องที่ตำบลธาตุ อำเภอวานรนิวาส
และตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความถูกต้องของชื่อท้องที่การปกครองและแนวเขตการปกครองท้องที่
ตลอดจนตรวจสอบพื้นที่และจุดยืดโยงต่าง ๆ ให้ถูกต้อง
รวมทั้งแก้ไขชื่อผู้มีอำนาจลงนามให้เป็นปัจจุบันก่อนประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7911 | การขยายระยะเวลาและรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกา ตามมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 | สธ. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการขยายระยะเวลาและรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกา
ตามมาตรา ๙ และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ ออกไปอีก
๑ ปี เนื่องจากจะต้องพัฒนาระบบบริการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
และอยู่ระหว่างการดำเนินงานปรับปรุงระบบฐานข้อมูลสิทธิรับบริการสาธารณสุขของประชาชนให้เป็นปัจจุบัน
รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการขอทำข้อตกลงไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ
เพื่อดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๙ และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขจัดให้มีการเผยแพร่รายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการได้ต่อสาธารณชนที่กฎหมายกำหนด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการตราพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้
ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าควรจะได้เร่งดำเนินการเพื่อให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาซึ่งจะทำให้บุคคลตามที่กฎหมายกำหนดนั้นได้รับบริการสาธารณสุขตามพระราชบัญญัตินี้โดยเร็ว
และเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับมาตรา ๒๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเร่งด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7912 | รายงานความคืบหน้าการพัฒนาความร่วมมือด้านกฎระเบียบระหว่างประเทศ (International Regulatory Cooperation) ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา | นร.09 | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการพัฒนาความร่วมมือด้านกฎระเบียบระหว่างประเทศ
(International Regulatory Cooperation) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการนโยบายกฎระเบียบ
(Regulatory Policy Committee) ของ OECD และการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการนโยบายกฎระเบียบจะส่งผลให้ประเทศไทยมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการดำเนินนโยบาย
OECD
เกี่ยวกับการพัฒนามาตรฐานการมีกฎหมายที่ดีที่มีผลโดยตรงต่อการดำเนินนโยบายด้านกฎหมายของประเทศสมาชิก
การเป็นประเทศสมาชิกในคณะกรรมการนโยบายกฎระเบียบและการดำเนินการให้สอดคล้องกับคำแนะนำของ
OECD ในเรื่องนโยบายกฎระเบียบและธรรมาภิบาล
จะส่งผลให้ประเทศไทยได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคจาก OECD
และสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้แก่ภาคส่วนต่าง ๆ
โดยเฉพาะนักลงทุนจากต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐบาลในการปฏิรูปกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลเกี่ยวกับกฎหมายที่ดีตามบทบัญญัติไว้ในมาตรา
๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7913 | รายงานประจำปีผลการดำเนินงานคณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน ชุดที่ 3 ปีที่ 1 | รง. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีผลการดำเนินงานคณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน
ชุดที่ ๓ ปีที่ ๑ (๔ ตุลาคม ๒๕๖๒-๓ ตุลาคม
๒๕๖๓) สรุปได้ ดังนี้ (๑)
การประชุมคณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้านประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านที่ประสบความสำเร็จ
(๒) พัฒนากลไกในการพัฒนาการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจำนวน ๒ คณะ เพื่อศึกษา วิเคราะห์ แก้ไข ปรับปรุง และยกร่างกฎหมาย รวมทั้งแนวทางการคุ้มครอง
ส่งเสริม พัฒนาผู้รับงานไปทำที่บ้าน (๓) การส่งเสริมและพัฒนาผู้รับงานไปทำที่บ้าน
โดยดำเนินกิจกรรม/โครงการ เช่น โครงการส่งเสริมให้ความรู้แก่แรงงานนอกระบบเพื่อก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย
โครงการขับเคลื่อนแรงงานนอกระบบสู่ท้องถิ่น
โครงการสร้างและพัฒนาเครือข่ายแรงงานนอกระบบ (๔)
ผลการดำเนินงานเด่นที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่รับงานไปทำที่บ้าน การรับคำร้อง/วินิจฉัยคำร้อง
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ มีการรับคำร้องและวินิจฉัยคำร้อง จำนวน ๗ ราย (๕)
การดำเนินการกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ที่รับงานไปทำที่บ้าน/กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน
เช่น โครงการสร้างสุขแก่ผู้รับงานไปทำที่บ้านและชุมชน
เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานรากและสนับสนุนให้เกิดการดูแลสภาพแวดล้อม
เป็นต้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7914 | ขอหารือปัญหาข้อกฎหมายกรณีผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ของเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครอง | นร.09 | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการพิจารณาขอหารือปัญหาข้อกฎหมายกรณีผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ของเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครอง ของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
(เรื่องเสร็จที่ ๘๕๖/๒๕๖๔ เรื่อง
ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของอุตสาหกรรมจังหวัดในฐานะผู้อนุญาตที่ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานตามพระราชบัญญัติโรงงาน
พ.ศ. ๒๕๓๕ และคำสั่งของอุตสาหกรรมจังหวัดในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๕๒
และมาตรา ๕๒/๑ แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕)
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้หน่วยงานของรัฐถือหลักปฏิบัติโดยเคร่งครัดว่า
ในการพิจารณาออกใบอนุญาตหรือต่ออายุใบอนุญาตตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้รอบคอบและถูกต้องก่อนที่จะออกใบอนุญาต
เพื่อมิให้เกิดความเสียหายทั้งแก่ผู้รับใบอนุญาตและรัฐ
ตามที่คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7915 | การปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี | นร.12 | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและเห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงบประมาณ
สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
ดังนี้ ๑.๑.
เห็นชอบการปรับโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงบประมาณ
สำนักนายกรัฐมนตรี
โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๐
เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานราชการส่วนกลางในภูมิภาค และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒ มกราคม ๒๕๖๒ เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานเพิ่มใหม่ต้องมีข้อเสนอให้ยุบเลิกหรือยุบรวมหน่วยงานที่มีอยู่เดิม
เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนทั้งในด้านภารกิจและงบประมาณ
และรับทราบการกำหนดตัวชี้วัดสำคัญเพื่อวัดความสำเร็จการแบ่งส่วนราชการใหม่
โดยให้สำนักงบประมาณรายงานผลประเมินตัวชี้วัดดังกล่าว
เสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการพิจารณาทบทวนและปรับบทบาทภารกิจของสำนักงบประมาณ
ให้สอดคล้องกับการบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ต่อไป ๑.๒.
เห็นชอบให้มีการทบทวนและปรับบทบาท ภารกิจ หน้าที่และอำนาจ
และโครงสร้างของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
ภายใน ๑ ปี นับแต่กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงบประมาณ มีผลใช้บังคับ ๑.๓. เห็นชอบให้เพิ่มหลักการการจัดตั้งหน่วยงานเพิ่มใหม่ของส่วนราชการให้มีข้อเสนอยุบเลิกภารกิจหรือยุบรวมหน่วยงานของส่วนราชการอื่น(X-in, Y-out) สำหรับกรณีภารกิจที่มี Value Chain เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงหลายส่วนราชการ
ซึ่งไม่อาจพิจารณาเฉพาะส่วนราชการใดส่วนราชการหนึ่งได้ ๒. ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าการพิจารณาในสาระสำคัญตลอดจนรายละเอียดในการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงบประมาณ
สำนักนายกรัฐมนตรี
ต้องให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องประสานการดำเนินการ
และร่วมกันพิจารณาอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความชัดเจน
และลดอุปสรรคในการดำเนินการในอนาคต มีการศึกษาวิเคราะห์ภารกิจและโครงสร้างของหน่วยงานที่มีอยู่ในภาพรวมทั้งระบบราชการ
ที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยง หรือมีความทับซ้อนของภารกิจอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งในราชการบริหารส่วนกลาง ราชการบริหารส่วนกลางในภูมิภาค ราชการบริหารส่วนกลางส่วนภูมิภาค
เพื่อนำไปสู่การทบทวนบทบาทภารกิจ และปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานในระบบราชการให้มีขนาดที่เหมาะสม
มีการใช้ทรัพยากรและบุคลากรภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
และพิจารณาแนวทางการรับโอนอัตรากำลัง
หรือบุคลากรจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น อาจส่งผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอัตรากำลังส่วนเกิน
ดังนั้น หากโอนอัตรากำลังและบุคลากรจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในระดับพื้นที่
ซึ่งจะสนับสนุนการดำเนินงานตามภารกิจของสำนักงบประมาณเขตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
รวมทั้งช่วยลดภาระงบประมาณด้านบุคลากรภาครัฐและสอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
ที่กำหนดเป้าหมายให้ภาครัฐมีขนาดเล็กลง เหมาะสมกับภารกิจ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7916 | การอุดหนุนค่าอุปกรณ์การเรียนของนักเรียนสายอาชีพ อาชีวศึกษา | ศธ. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติในหลักการอัตราค่าเครื่องมือประจำตัวผู้เรียนเฉพาะอาชีพ ของนักเรียนสายอาชีพ
อาชีวศึกษาต่อคน ตามประเภทวิชา ในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช ๒๕๖๒
ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน ๑๐ ประเภทวิชา ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๔
ถึงปีการศึกษา ๒๕๖๘ สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายเงินอุดหนุนค่าอุปกรณ์การเรียนของนักเรียนสายอาชีพ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕
ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕ มีผลบังคับใช้ โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล
การใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
และให้ความสำคัญกับการจัดหาครูผู้สอนที่มีความรู้ ความสามรถ
และประสบการณ์การทำงานในสถานประกอบการในประเภทวิชาตามที่เสนอ ควบคู่กับการจัดหาเครื่องมือประจำตัวผู้เรียนเฉพาะอาชีพที่เหมาะสม
เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่เป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาสายอาชีพ
อาชีวศึกษา ให้สามารถผลิตนักเรียน นักศึกษา
สายอาชีพที่มีความรู้และทักษะสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ตามที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7917 | ขอปรับปรุงข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 12/2564 และการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 | นร. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบขอปรับปรุงข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19)
ครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ และการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ โดยขอปรับปรุงแก้ไขข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔
หน้าที่ ๑๗ ข้อ ๖) จากเดิมที่ระบุข้อความว่า
“การเร่งดำเนินการจัดหาชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบแอนติเจน (Antigen Test
Kit : ATK) ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก
(WHO) รวมทั้งต้องมีความแม่นยำในการตรวจ
เพื่อนำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงที และพร้อมจัดส่งให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด”
เป็นข้อความว่า “ในเรื่องการจัดหาซื้อชุดตรวจ ATK นี้
ขอให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็ว
หากมีปัญหาความขัดแย้งอยู่ในปัจจุบัน ขอให้เร่งแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด”
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7918 | การนำรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในราชการ | นร. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและการใช้พลังงานทดแทนของประเทศให้เพิ่มขึ้นรวมทั้งเป็นการลดมลพิษทางอากาศที่เกิดจากไอเสียรถยนต์
จึงมีมติเป็นหลักการให้ทุกส่วนราชการพิจารณาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
[รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV)] มาใช้ในราชการแทนรถยนต์เดิมที่หมดอายุการใช้งานหรือที่จะต้องจัดซื้อจัดจ้างขึ้นใหม่เพื่อรองรับภารกิจใหม่หรือผู้ดำรงตำแหน่งใหม่
ทั้งนี้
ในระยะแรกให้ส่วนราชการที่มีที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครถือปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
และให้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินผลการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของส่วนราชการดังกล่าวเป็นระยะ
ๆ อย่างต่อเนื่อง แล้วให้รายงานต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
เพื่อพิจารณาขยายผลการดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7919 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 30/2564 | นร.11 สศช | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๒ รวม ๑๒ จังหวัด จำนวน ๒,๑๘๖ โครงการ กรอบวงเงินรวม ๓,๕๘๗,๒๑๘,๕๑๔ บาท และให้กระทรวงมหาดไทย
(สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย) เร่งรวบรวมโครงการที่ผ่านการพิจารณาแล้ว ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ และมอบหมายให้จังหวัดรับความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๙/๒๕๖๔
ไปประกอบการดำเนินการตามขั้นตอน รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงศักยภาพและความสามารถในการใช้จ่าย ความคุ้มค่า ประหยัด เป้าหมาย
และประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนได้รับเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ๒. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการกำลังใจ จากเดิม สิ้นสุดระยะเวลาเบิกจ่ายในเดือนสิงหาคม
๒๕๖๔ เป็น เดือนธันวาคม ๒๕๖๔
มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
รับไปพิจารณาความเหมาะสมของช่วงระยะเวลาที่จะเริ่มดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกันและโครงการทัวร์เที่ยวไทย
อนุมัติให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการยกระดับหน่วยบริการกรมอนามัยรองรับการระบาดของโรค
COVID-๑๙
จากเดิม เดือนมิถุนายน-กันยายน ๒๕๖๔ เป็น เดือนมิถุนายน-ธันวาคม ๒๕๖๔
และอนุมัติให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขยายระยะเวลาการดำเนินการโครงการ Gastronomy
Tourism : LANNA Gastronomy “คิดถึงเชียงใหม่”
จากเดิม ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ เป็น ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึง ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ
และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่ได้กำหนดไว้
ตลอดจนการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๒ ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7920 | ร่างแถลงข่าวร่วม (Joint Press Statement) สำหรับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) | กต. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงข่าวร่วม
(Joint Press Statement) สำหรับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
(เกาหลีใต้) เพื่อให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองเอกสารในการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ในวันที่
๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔
และกระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่เอกสารต่อสาธารณชนภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงข่าวร่วมการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|