ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 394 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 7861 - 7880 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7861 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครอง พ.ศ. .... | ศป. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายเงินให้แก่พยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญ กำหนดอัตราค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าที่พัก ของพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งกำหนดให้ศาลปกครองจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นให้แก่หน่วยงานทางปกครองเจ้าหน้าที่ของรัฐ นิติบุคคล หรือบุคคล ขึ้นใหม่ ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าพาหนะเดินทางหรือค่าที่พักแก่พยานบุคคลตามมาตรา ๑๒ (๒) (ข้าราชการประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ) ควรกำหนดให้สอดคล้องกับสำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (ข้าราชการประเภทวิชาการระดับชำนาญการพิเศษ) และพิจารณาเปรียบเทียบอัตราค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลอื่น โดยคำนึงถึงลักษณะ ประเภทของคดี รวมทั้งสภาพความเสี่ยง ในการให้ถ้อยคำหรือความเห็นของพยานเพื่อให้อัตราค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครองเป็นอัตราที่มีความเหมาะสม ตลอดจนให้คำนึงถึงการจัดทำและการใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผล ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานศาลปกครองรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรพิจารณาเปรียบเทียบอัตราค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลอื่น โดยคำนึงถึงลักษณะ ประเภทของคดี รวมทั้งสภาพความเสี่ยง ในการให้ถ้อยคำหรือความเห็นของพยานเพื่อให้อัตราค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครองเป็นอัตราที่มีความเหมาะสม ตลอดจนให้คำนึงถึงการจัดทำและการใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7862 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และตำบลคอกกระบือ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน - เอกชัย พ.ศ. .... | คค. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และตำบลคอกกระบือ
อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๘๒
สายทางยกระดับบางขุนเทียน-เอกชัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และตำบลคอกกระบือ
อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๘๒
สายทางยกระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7863 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมการแพทย์ (นายสมศักดิ์ อรรฆศิลป์) | สธ. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายสมศักดิ์ อรรฆศิลป์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ต่อไปอีก ๑ ปี
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7864 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง) | กค. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง) เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในอัตราดอกเบี้ยสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น และอนุมัติงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๗๐๐ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ ๒) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าควรมีกระบวนการคัดกรองการให้สินเชื่อ และพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้อย่างเหมาะสม รวมถึงติดตามคุณภาพสินเชื่อและบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย สำหรับภาระงบประมาณในการชดเชยส่วนต่างระหว่างรายได้ดอกเบี้ยรับตามแผนวิสาหกิจของธนาคารอาคารสงเคราะห์กับรายได้ดอกเบี้ยรับจากโครงการฯ ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ดำเนินการพิจารณาผลการดำเนินโครงการและนำข้อมูลสถานะทางการเงินมาประกอบการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์จัดทำแผนบริหารความเสี่ยงของโครงการ และติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากการปรับกรอบวงเงินของโครงการเพิ่มขึ้น รวมทั้งควรมีการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของกลุ่มลูกค้ารายย่อยไม่ให้ซ้ำซ้อนกับโครงการให้ความช่วยเหลืออื่นในลักษณะเดียวกันด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7865 | การประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ครั้งที่ 7 (7th GMS Summit) ผ่านระบบการประชุมทางไกล | นร.11 สศช | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
๖ ประเทศ (GMS) ครั้งที่ ๗ (7th GMS
Summit) ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันพฤหัสบดีที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
ได้แก่ ๑) ร่างปฏิญญาร่วมระดับผู้นำ ๖ ประเทศลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๗ ๒)
ร่างกรอบยุทธศาสตร์แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง พ.ศ.
๒๕๗๓ และ ๓)
ร่างเอกสารแผนการฟื้นฟูและตอบสนองต่อผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ พ.ศ.
๒๕๖๔-๒๕๖๖ โดยไม่มีการลงนาม และเห็นชอบให้นายกรัฐมนตรี ร่วมกับผู้นำประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรองเอกสารผลลัพธ์ทั้ง
๓ ฉบับ โดยไม่มีการลงนาม ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๓ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7866 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.09 | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่นิติบุคคล สำหรับรายรับที่เป็นเงินค่าทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ และการยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการขายหรือถูกเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าควรพิจารณาทบทวนหลักการและเนื้อหาสาระของกฎกระทรวง (ฉบับที่ ๑๒๖) พ.ศ. ๒๕๐๙ และพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ ๓๔๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ ในกรณีการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีธุรกิจเฉพาะ ไปพิจารณาดำเนินการโดยเร่งด่วน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7867 | การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปี 2564 (ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. ....) | นร.05 | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย
พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย
พ.ศ. ๒๕๓๖ เพื่อให้หลักเกณฑ์การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มีความรัดกุม
เหมาะสมกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
และยังคงสามารถรักษาไว้ซึ่งคุณค่าและเกียรติยศแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์อย่างแท้จริง
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7868 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2555 (เรื่อง การขออนุมัติเปิดสถานกงสุลราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี) | กต. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง
การขออนุมัติเปิดสถานกงสุลราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี)
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.
เปลี่ยนสถานที่ตั้งสถานทำการทางกงสุลจากเดิม จังหวัดเพชรบุรี เป็น
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
และจังหวัดเพชรบุรี ๒.
เปลี่ยนชื่อเรียกสถานทำการทางกงสุลจากเดิม
สถานกงสุลราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี เป็น
สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดน ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
และเปลี่ยนชื่อตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี
เป็น กงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดน ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เพื่อให้สอดคล้องกับที่ตั้งใหม่ของสถานทำการทางกงสุล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7869 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | นร.09 | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ของสำนักงาน ก.พ.ร. มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงวัตถุประสงค์ หน้าที่และอำนาจของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) และแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติต่าง ๆ ในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้การบริหารงานและการปฏิบัติภารกิจของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) บรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา ๑๐ (๓) ให้มีความชัดเจน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าในการกู้เงินของหน่วยงานภาครัฐปัจจุบันจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพี่อเป็นการรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่ในการกู้ยืมเงินขององค์การมหาชนตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ นั้น สามารถดำเนินการดังกล่าวได้เอง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7870 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการป้องกันการปฏิบัติ ของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีลักษณะเป็นการทรมานบุคคล | สม. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีการป้องกันการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีลักษณะเป็นการทรมานบุคคล
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้มีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ วรรคสอง
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7871 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปี ของความสัมพันธ์ | กต. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ
เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ ๓๐ ปี ของความสัมพันธ์ และพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่มีภารกิจที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
(นายดอน ปรมัตถ์วินัย) ได้เข้าร่วมประชุมฯ เมื่อวันที่ ๗-๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ ณ
นครฉงซิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีจากต่างประเทศต่าง ๆ
โดยที่ประชุมฯ ได้ร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ
และหารือในเรื่องต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น การยกระดับสถานะความสัมพันธ์อาเซียน-จีนเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน
การใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน
และการปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ รวมทั้งได้มีการหารือในระดับทวิภาคีในประเด็นต่าง
ๆ เช่น การจัดหาและผลิตวัคซีนโควิด-๑๙
การลงทุนในระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
และการป้องกันการลักลอบข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย ตามที่กระทรวงการต่างเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7872 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ประจำปีบัญชี 2563 (วันที่ 1 เมษายน 2563 -วันที่ 31 มีนาคม 2564) | กค. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีรายงานกิจการประจำปี งบดุล
บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ประจำปีบัญชี ๒๕๖๓
(วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓-วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔) มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
(๑) งบการเงินของของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ณ วันที่ ๓๑
มีนาคม ๒๕๖๔ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว เห็นว่า
ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดสำหรับปีบัญชี ๒๕๖๓
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักเกณฑ์และการจัดทำบัญชีและรายงานการเงิน
โดยมีสินทรัพย์รวม ๒,๑๑๕,๐๗๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๗.๙๗ รายได้รวม
๑๐๒,๕๗๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๐.๑๒ และมี NPLs
จำนวน ๕,๗๘๒๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓.๗๑ ซึ่งลดลงจากปี ๒๕๖๒ (๒)
การดำเนินงานที่สำคัญตามยุทธศาสตร์ชาติ ปีบัญชี ๒๕๖๓ เช่น
พัฒนาบริการทางการเงินครบวงจรและทันสมัย
เพิ่มขีดความสามารถขององค์กรและบุคลากรรองรับภารกิจ (๓)
ทิศทางและนโยบายการดำเนินงานในปี ๒๕๖๔ เช่น ฟื้นฟู พัฒนา
สร้างความเข็มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7873 | ผลการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก เรื่องการเจรจาจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง | พณ. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก
เรื่องการเจรจาจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔
โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ (นายสรรเสริญ สมะลาภา)
เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ที่ประชุมได้เห็นพ้องให้เร่งสรุปผลการเจรจาความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง ก่อนการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก
ครั้งที่ ๑๒ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน-๓ ธันวาคม ๒๕๖๔
โดยใช้ร่างความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง
ฉบับล่าสุด เป็นพื้นฐานในการหารือในประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อยุติต่อไป
และต้องมีการปฏิบัติที่เป็นพิเศษแก่ประมงพื้นบ้านของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุด
(๒)
ไทยได้กล่าวถ้อยแถลงเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของไทยที่จะผลักดันให้การเจรจาจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง สามารถสรุปผลได้โดยเร็ว เช่น
ห้ามการอุดหนุนแก่การทำประมงผิดกฎหมาย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7874 | รายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ประจำปี 2563 | พน. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
(องค์กรร่วมฯ) ประจำปี ๒๕๖๓ ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีแล้ว
โดยงบการเงินขององค์กรร่วมฯ แสดงข้อมูลถูกต้อง สอดคล้องกับสถานการณ์ดำเนินงาน
รายรับและรายจ่าย และงบกระแสเงินสด ขององค์กรร่วมฯ ณ สิ้นปี ๒๕๖๓
และได้รับความเห็นจากคณะกรรมการองค์กรร่วมฯ ในการประชุม ครั้งที่ ๑๓๔
และการประชุมสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๒๙ เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ แล้ว
โดยมีรายรับสุทธิขององค์กรร่วมฯ จำนวน ๕๐๕.๒๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สถานะกองทุนองค์กรร่วมฯ มียอดรวมจำนวน ๘๖๗.๖๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และนำส่งรายได้ให้รัฐบาลทั้งสองประเทศ รวมจำนวน ๗๘๐.๘๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7875 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | ปสส. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ
วันอังคารที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ ถึงวันศุกร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔
เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7876 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 6/2564 | นร.11 สศช | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุม
ครั้งที่ ๖/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (Covid-๑๙)
สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน ๙,๙๙๘,๘๒๐ โดส (Pfizer) ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
ดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา
๓๙ และมาตรา ๔๐ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ
ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
พิจารณาความเหมาะสมในการจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนและรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา
๔๐ เนื่องจากอายุเกินคุณสมบัติที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดไว้ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ครบถ้วนถูกต้องอย่างเคร่งครัด ตลอดจนเร่งรัดประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความรับรู้และความเข้าใจในมาตรการที่ถูกต้องให้กับประชาชน
และเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน
และให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ รวมทั้ง ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินการตามข้อสังเกตและความเห็นเพิ่มเติมของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ในการดำเนินโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติม จำนวน ๙,๙๙๘,๘๒๐ โดส (Pfizer) ให้กระทรวงสาธารณสุข
(กรมควบคุมโรค) บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน
เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด โดยเร่งกระจายวัคซีนอย่างเป็นระบบ ทั่วถึง
และเป็นธรรม
รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินงานดังกล่าวสู่สาธารณชนเพื่อให้เกิดความโปร่งใสด้วย ๓. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอย่างเป็นระบบ
ครอบคลุมในทุกมิติ พร้อมทั้งเผยแพร่ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้ประชาชนทราบเป็นระยะ
ๆ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7877 | แนวทางการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2564 รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาเห็นว่า เนื่องจากในขณะนี้ใกล้สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ แล้ว แต่ยังมีหน่วยรับงบประมาณที่ยังไม่ได้ขอรับอนุมัติเงินจัดสรรจากสำนักงบประมาณตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงินไว้แล้ว หรือได้รับอนุมัติเงินจัดสรรแล้วแต่ยังมิได้ใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพัน ซึ่งจะทำให้เสียโอกาสในการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์หรืออาจก่อให้เกิดภาระงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติกำหนดแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อให้หน่วยงานรับงบประมาณถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังนี้ ๑. รายการงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบวงเงินแล้ว
แต่หน่วยรับงบประมาณยังมิได้ขอรับการจัดสรรต่อสำนักงบประมาณ
หากหน่วยรับงบประมาณพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันได้ทันก่อนสิ้นปีงบประมาณ
ให้เร่งดำเนินการขอรับอนุมัติเงินจัดสรรต่อสำนักงบประมาณ ภายในวันที่ ๑๕ กันยายน
๒๕๖๔ หากล่วงเลยระยะเวลาดังกล่าว
จะถือว่าหน่วยรับงบประมาณไม่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรงบประมาณ ๒. รายการงบประมาณที่ได้รับอนุมัติเงินจัดสรรจากสำนักงบประมาณแล้ว
แต่หน่วยรับงบประมาณยังไม่มีการก่อหนี้ผูกพันและคาดว่าจะใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันไม่ทันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
รวมถึงรายการที่มีงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว
หรือดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว
ให้แจ้งสำนักงบประมาณเพื่อนำงบประมาณส่งคืนภายในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๔ เพื่อจะได้นำไปพิจารณาจัดสรรให้หน่วยรับงบประมาณที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7878 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 7 และมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | นร.05 | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๓ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๒) ลงวันที่
๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการบังคับใช้บางมาตรการให้เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ค่อนข้างทรงตัวและมีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
โดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน ๒๙ จังหวัด ๑.๒ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ที่ ๑๒/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๓) ลงวันที่
๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เป็นตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้ควบคุมยานพาหนะ
เจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ หรือแรงงานซึ่งเดินทางมากับยานพาหนะ
ซึ่งต้องเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศทางน้ำ ๑.๓ คำสั่งนายกรัฐมนตรี
ที่ ๑๔/๒๕๖๔ เรื่อง การจัดโครงสร้างศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๗) ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ในสถานประกอบกิจการและโรงงานอุตสาหกรรม ๒.
มอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยศูนย์ปฏิบัติการ
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการตามข้อ
๘ แห่งข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๒)
ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๔ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7879 | แผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) | กก. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อผลการศึกษาฉบับสุดท้ายของแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)
และถ้อยแถลงข่าวร่วมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ว่าด้วยแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้การรับรองผลการศึกษาฉบับสุดท้ายของแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)
และถ้อยแถลงข่าวร่วมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ว่าด้วยแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) โดยการแจ้งเวียน (ad-referendum) ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนผลการศึกษาฉบับสุดท้ายของแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด 19)
และถ้อยแถลงข่าวร่วมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ว่าด้วยแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด 19)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอาจพิจารณาจัดทำแนวทางในการใช้ประโยชน์และต่อยอดการพัฒนาจากแผนดังกล่าว
ตลอดจนพิจารณาเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในประเด็นการพัฒนาที่สอดคล้องกับแนวนโยบายที่ประเทศไทยกำลังให้ความสำคัญต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7880 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.01 | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ
ตลอดจนบทบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน
เพื่อให้การดำเนินงานของคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติเป็นไปด้วยความเรีบบร้อย
มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับบริบทของการเปลี่ยนแปลงภารกิจและอำนาจของส่วนราชการ
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
กรณีที่ประสงค์จะให้กรรมการผู้แทนภาคเอกชนและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙
ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้แทนภาคเอกชนและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีนี้ต่อไปจนครบวาระ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|