ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 391 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 7801 - 7820 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7801 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | ยธ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ในอัตราไม่เกิน ๑๒,๐๔๑ อัตรา โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง
และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหาปัญหายาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑.
ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง
จำนวน ๓๓๗,๗๑๓ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๘,๔๔๓ อัตรา ๒.
ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๑.๕
เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๒๓๙,๘๘๖ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๓,๕๙๘ อัตรา ๓.
สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว
ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดเป็นลำดับแรกก่อน
หากไม่สามารถดำเนินการได้
ให้เบิกจ่ายจากงบกลางรายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง
การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการพลเรือนผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ)
ที่เห็นควรพิจารณาให้เฉพาะผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นประจำด้วยความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างแท้จริง
รวมทั้งให้มีการประเมินในส่วนของพฤติกรรมการปฏิบัติราชการหรือสมรรถนะของผู้รับการประเมินอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรพิจารณากรอบอัตรากำลังผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษฯ
อย่างเคร่งครัด ควรมีการพิจารณาคัดเลือก
และจัดสรรอัตราบำเหน็จความชอบที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7802 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการอำนวยการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.01 | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการอำนวยการ หนึ่งตำบล
หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการอำนวยการ
หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการอำนวยการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่งชาติ
ให้เป็นปัจจุบันและครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้น
เพื่อให้เกิดการบูรณาการและการประสานการดำเนินโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ อย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7803 | ร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติเพื่อฉลองในโอกาสครบรอบ 20 ปี การรับรองปฏิญญาและแผนปฏิบัติการเดอร์บัน | กต. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติเพื่อฉลองในโอกาสครบรอบ
๒๐ ปี การรับรองปฏิญญาและแผนปฏิบัติการเดอร์บัน ที่จะจัดขึ้นในช่วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ
สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๖ ในวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำท่าที่ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ
การยอมรับและการแสดงความกังวลต่อการเหยียดเชื้อชาติรวมถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ และการแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันในการประกันสิทธิและเสรีภาพและเน้นย้ำว่ารัฐเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ
โดยมิได้ใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
จึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติเพื่อฉลองในโอกาสครบรอบ
๒๐ ปี การรับรองปฏิญญาและแผนปฏิบัติการเดอร์บัน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7804 | การเข้าเป็นสมาชิกขององค์การการแข่งขันฝีมือแรงงานเอเชีย (WorldSkills Asia) และการจัดส่งเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันฝีมือแรงงานเอเชีย (WorldSkills Asia Competition) | รง. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมฝีมือแรงงานเข้าเป็นสมาชิกขององค์การการแข่งขันฝีมือแรงงานเอเชีย
(WorldSkills Asia) และดำเนินการส่งเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันฝีมือแรงงานเอเชีย
(WorldSkills Asia Competition)
เพื่อรักษาบทบาทของไทยในเวทีการแข่งขันฝีมือเยาวชนระดับภูมิภาค
และเปิดโอกาสให้เยาวชนได้สร้างชื่อเสียงในระดับที่กว้างขวางขึ้น
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณ
โดยให้กระทรวงแรงงานดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เห็นควรที่กระทรวงแรงงาน (กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน)
ควรคำนึงถึงความประหยัด การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงพิจารณาผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับทั้งภาคเศรษฐกิจและสังคม สำหรับปีงบประมาณต่อ
ๆ ไป ควรจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ เห็นควรที่กระทรวงแรงงานจะดึงภาคเอกชนในแต่ละสาขาเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนและพัฒนาทักษะฝีมือให้กับเยาวชนกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วม
WorldSkills Asia Competition เพื่อประโยชน์กับประเทศและเยาวชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7805 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 33/2564 | นร.11 สศช | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากครั้งที่ ๕ รวม ๑๑
จังหวัด จำนวน ๑,๐๑๓
โครงการ กรอบวงเงิน ๓,๔๘๔,๒๗๐,๓๘๑ บาท และให้กระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้พิจารณาโครงการในระดับพื้นที่
จังหวัด และกลุ่มจังหวัดอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมด้วย ๒.อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๓/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัด หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลังโดยเร็ว
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
โดยเคร่งครัด ให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตาม ข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๕
ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7806 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ 5) | สธ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๕) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) ลงวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยแก้ไขเพิ่มเติมนิยามคำว่า “สถานพยาบาล” แก้ไขอัตราค่า COVID-19 Real time PCR รวมทั้งกำหนดเพิ่มบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายที่มีความจำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และค่าใช้จ่ายของสถานพยาบาลที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคดังกล่าว
ณ ที่พำนักของผู้ป่วย ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่ควรกำกับ ติดตาม และตรวจสอบการจ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์
วิธีการ เงื่อนไข อัตราที่กำหนด และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7807 | ขอความเห็นชอบแผนงานคณะกรรมการอาเซียนด้านสตรี พ.ศ. 2564-2568 (ASEAN Committee on Women Workplan 2021-2025) | พม. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนงานคณะกรรมการอาเซียนด้านสตรี
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (ASEAN Committee on Women Workplan 2021-2025)
เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาประเด็นการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศในระดับภูมิภาคอาเซียนของคณะกรรมการอาเซียนด้านสตรี
โดยแผนงานดังกล่าวมีการรับรองร่วมกันในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี (ASEAN Ministerial Meeting Women-AMMW) ครั้งที่ ๔ ในช่วงสัปดาห์ที่ ๒ ของเดือนตุลาคม ๒๕๖๔
และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๘ ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๔
โดยเพิ่มประเด็นบทบาทของสตรีในการฟื้นฟูจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
และการดำเนินมาตรการในการคุ้มครองสตรีและเด็กหญิงจากความรุนแรงอันเนื่องมาจากมาตรการที่รัฐบาลต่าง
ๆ ใช้ระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
รวมถึงได้ปรับข้อความบางประการในแผนงานดังกล่าวให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงด้วยแล้ว และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรีของประเทศไทย
มีหนังสือแจ้งความเห็นชอบรับรองแผนงานคณะกรรมการอาเซียนด้านสตรี
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ ไปยังสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนงานคณะกรรมการอาเซียนด้านสตรี พ.ศ.
๒๕๖๔-๒๕๖๘
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7808 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา พ.ศ. .... | สธ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ในรูปแบบพิเศษสำหรับการเข้าถึงยา ซึ่งการใช้ยาดังกล่าวกับผู้ป่วยควรเป็นกรณีที่มีความจำเป็น และต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7809 | ให้เร่งรัดการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) | นร. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การนำข้อมูลต่าง ๆ จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และข้อมูลสำคัญของภาครัฐมาใช้ประโยชน์ในทางราชการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยหน่วยงานของรัฐสามารถบูรณาการและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้อย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และปลอดภัย คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งรัดการดำเนินการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center and Cloud Services : GDCC) ให้แล้วเสร็จโดยเร็วและให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรมในปี ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7810 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 4 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 | มท. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๔
โดยให้จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี ในฐานะหน่วยรับงบประมาณดำเนินการตามโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๔ รวม ๑๔ จังหวัด จำนวน ๑,๔๓๔ โครงการ ภายในกรอบวงเงิน ๓,๗๕๓,๗๘๒,๒๗๘ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุดที่ นร ๐๗๑๕/๑๘๗๗๑
ลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔) และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔)
ที่ให้ประเมินผลการดำเนินโครงการและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ รวมทั้งกำกับ ดูแล การดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
และจัดเตรียมแผนรองรับการดำเนินโครงการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณเร่งดำเนินการเพื่อให้โครงการแล้วเสร็จและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว
รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7811 | ขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับใช้ในโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายตามพันธกิจสภากาชาดไทย โดยไม่คิดมูลค่า | กช. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบประมาณทั้งสิ้น ๙๔๖,๓๑๐,๐๐๐ บาท สำหรับใช้ในโครงการฉีดวัคซีนโควิด-๑๙ ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายตามพันธกิจสภากาชาดไทย โดยไม่คิดมูลค่า ตามที่สภากาชาดไทยเสนอ ๒. ให้สภากาชาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7812 | ขออนุมัติงบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2564 เพื่อใช้ในโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี 2562 และขอขยายระยะเวลาโครงการ | กษ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน ๘๖๙,๙๓๑,๔๐๐ บาท
(เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทอุดหนุนทั่วไป) สำหรับเป็นเงินอุดหนุนเกษตรกรของโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี ๒๕๖๒ และขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ จากเดิมสิ้นสุดปีงบประมาณ
๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกรมการข้าวรับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/๑๔๖๓๗ ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำกับ ติดตาม
การดำเนินโครงการให้เป็นไปอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ
และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
เกิดความยั่งยืนและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร และประเมินผลโครงการในทุกมิติ
ทั้งคุณภาพชีวิตเกษตรกร ราคาขาย รายได้
และต้นทุนการผลิตของกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการโดยเปรียบเทียบก่อนและหลังดำเนินโครงการ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7813 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัย ปี 2564 และบรรเทาปัญหาภัยแล้งปี 2564/2565 | นร.14 | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓,๘๕๑.๒๒๕๑ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัย
ปี ๒๕๖๔ และบรรเทาปัญหาภัยแล้งปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ จำนวน ๓,๓๗๘ รายการ
โดยรายละเอียดของแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/๑๘๑๐๒ ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๔)
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ในส่วนของการยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังก่อนดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7814 | (ร่าง) นโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ พ.ศ. 2564 - 2565 | ทส. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
นโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์
คุ้มครอง ป้องกัน ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และให้เกิดการพัฒนากลไก
เครื่องมือ กฎระเบียบ
รวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือและบูรณาการการทำงานของภาคส่วนต่าง ๆ โดยมี ๔ มาตรการ
ได้แก่ (๑) อนุรักษ์ คุ้มครอง ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างสมดุลและเป็นธรรม
(๒) บริหารจัดการการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน
(๓) เสริมสร้างประสิทธิภาพกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
โดยเน้นการมีส่วนร่วมและทันต่อการเปลี่ยนแปลง และ (๔) เสริมสร้างความเข้มแข็ง และพัฒนาความร่วมมือบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันจากความร่วมมือระหว่างประเทศ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็น ข้อสังเกต
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ควรพิจารณาการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทในการสร้างองค์ความรู้เทคโนโลยี
และนวัตกรรม ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีและความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแผนงานและโครงการภายใต้มาตรการบริหารจัดการของ
(ร่าง) นโยบายและแผนฯ
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณแล้วแต่กรณี เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7815 | ขอขยายเวลาดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ | กษ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขยายเวลาดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่
จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕
และอนุมัติปรับรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกมันสำปะหลังสะอาดและทนทานต่อโรคใบด่าง
ในอัตราลำละ ๒ บาท และสามารถเบิกจ่ายค่าขนส่งท่อนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาดเพิ่มเติมได้ในกรณีมีการขนส่งท่อนพันธุ์จากแหล่งแปลงพันธุ์มันสำปะหลังสะอาดข้ามจังหวัด
โดยอัตราค่าขนส่งตามระยะทางเป็นไปตามอัตราที่กรมบัญชีกลางกำหนด
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้เบิกจ่ายภายในกรอบวงเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกมันสำปะหลังสะอาดและทนทานต่อโรคใบด่าง
วงเงิน ๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการจัดหาและการขนส่งท่อนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาดให้ถูกต้องครบถ้วนสำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณ
และควรปรับรูปแบบและแนวทางการสร้างความรู้ความเข้าใจกับเกษตรกรในการเข้าร่วมโครงการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7816 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย | นร.11 สศช | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย
เพื่อเป็นการดึงดูดผู้พำนักระยะยาว ๔ กลุ่มเป้าหมายจำนวน ๑ ล้านคน เข้าสู่ประเทศไทย
ได้แก่ กลุ่มประชาคมโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทยและกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดพิจารณาความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการดำเนินการเรื่องต่าง
ๆ ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน
โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทยให้ละเอียด รอบคอบ
รวมทั้งปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และแนวทางการแก้ไข
และให้กำหนดเป้าหมายเพื่อใช้ในการประเมินผลการดำเนินมาตรการฯ ให้ชัดเจน
โดยให้นำความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ มาประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวบรวมเรื่องทั้งหมดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งโดยด่วนก่อนดำเนินการต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบูรณาการยกระดับการดำเนินงาน
และสร้างระบบนิเวศและภาพลักษณ์ที่ดีในการดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนหรืออยู่อาศัยในประเทศไทยในภาพรวม
เช่น การจัดทำระบบประเมินคุณสมบัติของผู้ขอวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว ผู้ถือวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว
โดยครอบคลุมถึงมาตรการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (Smart Visa) การยกระดับกระบวนงานที่เกี่ยวข้อง
โดยให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงระบบต่าง ๆ ให้เป็นบริการแบบเบ็ดเสร็จ (End-to-End Service
Process) รวมทั้งเร่งศึกษาแนวทางการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมที่สนับสนุนการสั่งสมอำนาจแบบอ่อน
(Soft Power) ของประเทศไทย เช่น อุตสาหกรรมบันเทิงรูปแบบใหม่
อุตสาหกรรมกีฬา และอุตสาหกรรมการศึกษา เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจมีความยืดหยุ่น
แข็งแกร่งจากภายใน และลดการพึ่งพาจากต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7817 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (การปรับตัวและการเข้าถึงดิจิทัล) | ดศ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
(การปรับตัวและการเข้าถึงดิจิทัล) เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลไปใช้ในการติด
ตาม ประเมินผล และการวางแผนกำหนดนโยบาย/มาตรการที่จะให้ความช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
และสร้างความรู้เข้าใจกับประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) รวมทั้งส่งเสริม/สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์
และการรู้เท่าทันสื่อสังคมออนไลน์ เช่น การทำงานที่บ้าน การเรียนออนไลน์
แผนการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-๑๙ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๒. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
เช่น ควรสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนตระหนักและเห็นความสำคัญในการปฏิบัติตัวเมื่ออยู่กับคนในบ้านเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
ควรมีมาตรการที่สร้างแรงจูงใจให้ประชาชนลดการทำกิจกรรมนอกบ้าน ควรส่งเสริมสนับสนุน
และขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนทำงานที่บ้าน (Work From Home) ควรจัดการเรียนการสอนออนไลน์ให้กับนักเรียน/นักศึกษา
ในช่วงการแพร่ระบาด
ควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับการแจ้งเรื่องร้องเรียน
ร้องทุกข์ของประชาชน หรือสายด่วนแจ้งเหตุด่วนหรือร้องทุกข์ รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงาน ก.พ. เช่น
ควรปรับรูปแบบและอัตราการช่วยเหลือตามความเหมาะสมกับงบประมาณ
ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง
และควรเร่งพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลหรือระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานสำหรับการทำงานที่บ้าน
ควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในการรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อสังคมออนไลน์
มีแหล่งอ้างอิงที่มาที่ชัดเจน ตรวจสอบได้
และควรมีมาตรการในการตรวจสอบข่าวปลอมอย่างรวดเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7818 | แนวทางการประเมินผู้บริหารของหน่วยงานภาครัฐ | นร.10 | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบัญชาของนายกรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้มีการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ ๘-๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
(กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) โดยให้จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ณ จังหวัดกระบี่
และมีประเด็นการตรวจราชการสำคัญของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ (๑) การส่งเสริมและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวเพื่อรองรับการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย
(Smart Entry) ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และ
(๒) การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7819 | ขอทบทวนการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2530 (เรื่อง มติคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ครั้งที่ กพอ. 2/2530) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2531(เรื่อง มติคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ครั้งที่ กพอ. 1/2531) | อก. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบทบทวนการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี
โดยขอยกเลิกการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๓๐
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าเช่าและระยะเวลาการเช่าที่ดินในเขตนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังและนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ที่เห็นควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการพัฒนาและศักยภาพของพื้นที่
รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและสนับสนุนให้เป็นฐานเศรษฐกิจของประเทศที่เติบโตได้อย่างยั่งยืน
และคำนึงถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศในการดึงดูดการลงทุนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพิจารณากำหนดอัตราค่าเช่าและระยะเวลาการเช่าที่ดินของนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง
นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมอื่น ๆ
ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกให้มีความเหมาะสม
โดยคำนึงถึงการดึงดูดผู้ประกอบการชาวต่างชาติให้มาลงทุนตามนโยบายการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดอย่างเคร่งครัด
หากมีกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีได้
ให้นำเรื่องเสนอขอทบทวนหรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7820 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน 3 โครงการ | กษ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน ๓ โครงการ
ประกอบด้วย (๑) โครงการอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จากเดิม ๗ ปี
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๖๑) เป็น ๑๑ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๖๕)
ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๓,๗๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๒)
โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ จากเดิม ๑๑
ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ ๒๕๖๔) เป็น ๑๕ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ ๒๕๖๘) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๔,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ (๓)
โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดพะเยา จากเดิม ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๔) เป็น ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๘) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๓,๙๘๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนและพิจารณาการเตรียมความพร้อมในการจัดหาที่ดินก่อนดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
กรณีโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาใช้สิทธิของผู้ว่าจ้างภายหลังบอกเลิกสัญญาเพื่อเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากผู้รับจ้างรายเดิมในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาตามสัญญาด้วย |