ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 910 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 18181 - 18200 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
18181 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยะลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยะลา พ.ศ. 2555) | มท | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยะลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยะลา พ.ศ. ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรม อาทิ การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำ และพิจารณามิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวมหรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหามลพิษของพื้นที่ รวมทั้งควรเพิ่มประเภทโรงงาน จำนวน ๓ ประเภท ได้แก่ โรงงานประเภท ๕๐(๔) การผสมผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียมเข้าด้วยกันหรือการผสมผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียมกับวัสดุอื่น ประเภท ๙๑(๒) การบรรจุก๊าซ และประเภท ๙๒ ห้องเย็น ในร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยควรคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนและปริมาณการใช้น้ำในพื้นที่ และควรสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการกำกับดูแล การอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินและการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะพื้นที่เว้นว่างริมฝั่งแม่น้ำปัตตานีและแม่น้ำสายบุรี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18182 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. .... | สว | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วมีความเห็นว่า ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดว่าด้วยแนวทางการประสานงานคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๓ สามารถนำไปปรับใช้เป็นหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติสำหรับพนักงานเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่จับกุม สอบสวน และฟ้องคดี ในการรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีวัตถุที่ออกฤทธิ์เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาคดีของศาลให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ตามมาตรา ๑๖๔ แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. .... ได้ จึงสมควรให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดรับไปพิจารณาดำเนินการปรับแก้ไขระเบียบดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงวัตถุออกฤทธิ์ต่อไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ๒. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดรับไปพิจารณาแก้ไขปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดว่าด้วยแนวทางการประสานงานคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๓ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18183 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง พ.ศ. 2556) | มท | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินประเภทชุมชน และที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม และยกเลิกบัญชีท้ายกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ และพิจารณามิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวม หรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ และการกำหนดคำนิยามของคำว่า “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับนันทนาการ” และ “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม” ที่ระบุไว้ในการใช้ที่ดินแต่ละประเภทให้ชัดเจน รวมทั้งการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมืองด้วย นอกจากนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ควบคุม บังคับและอนุญาตการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามผังเมืองรวมอย่างเข้มงวด โดยเฉพาอย่างยิ่งในพื้นที่เว้นว่างและพื้นที่กันชน เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมชุมชนให้เหมาะสมเป็นไปตามผังเมืองรวม และสามารถเอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัยของประชาชนอย่างมีคุณภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18184 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. .... | คค | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถและการขอต่ออายุ และการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในกรณีที่เขตพื้นที่จังหวัดไม่มีโรงเรียนการขนส่งทางบกหรือโรงเรียนสอนขับรถของเอกชน หรือโรงเรียนดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกล และกรณีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคลมชัก ผู้มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง ควรกำหนดเงื่อนไขให้รัดกุม โดยอาจมีการตรวจเพื่อขอการรับรองทุกปี และกำหนดชื่อของโรคที่ต้องห้ามในการขับขี่เพื่อความปลอดภัยเช่นเดียวกับการกำหนดชื่อของโรคติดต่อที่น่ารังเกียจ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18185 | การรายงานผลการดำเนินโครงการ "มั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS" และการกำหนด มาตรการเพิ่มเติม | คค | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการ “มั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS” และการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมความปลอดภัยการขับขี่รถโดยสารสาธารณะ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้ออกประกาศเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ กำหนดให้รถที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ต้องติดตั้งระบบ GPS เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๙ และได้ออกประกาศเพิ่มเติมเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๐ เร่งรัดให้รถตู้โดยสารประจำทางหมวด ๒ ซึ่งเป็นรถโดยสารที่วิ่งประจำอยู่ในเส้นทางที่มีจุดเริ่มต้นจากสถานีขนส่งในกรุงเทพมหานครและไปสุดเส้นทางในจังหวัดต่าง ๆ ในส่วนภูมิภาค ต้องติดตั้ง GPS ให้แล้วเสร็จภายใน ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนรถที่เชื่อมต่อข้อมูลกับศูนย์ GPS รวมทั้งสิ้น ๑๓๖,๔๖๐ คัน และมีรถตู้โดยสารประจำทางที่เชื่อมต่อข้อมูลกับศูนย์ GPS จำนวนรวม ๒,๔๔๒ คัน รวมทั้งจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ในส่วนภูมิภาค มีหน้าที่ติดตามการเดินรถให้มีความปลอดภัยตลอด ๒๔ ชั่วโมง และได้จัดทำแอปพลิเคชัน DLT-GPS ซึ่งประชาชนสามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนมายังกรมการขนส่งทางบกได้โดยตรงทันที นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการในการสร้างความปลอดภัยเพิ่มเติม แบ่งออกเป็น ๓ ระยะ คือ มาตรการระยะสั้น มาตรการระยะกลาง และมาตรการระยะยาว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18186 | รายงานผลการจัดงาน Smart Startup 2017 โอกาสสู่ธุรกิจยุคใหม่ | พณ | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการจัดงาน Smart Startup 2017 โอกาสสู่ธุรกิจยุคใหม่ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานในพิธีเปิด สรุปได้ ดังนี้
๑. งาน Smart Startup 2017 โอกาสสู่ธุรกิจยุคใหม่ เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน ๔ หน่วยงาน ได้แก่ สมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน บริษัท ซี เอ ซี จำกัด (C Asean) และบริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด ๒. กิจกรรมภายในงานฯ แบ่งเป็น ๔ โซน ประกอบด้วย โซนที่ ๑ เชื่อมโลก Startup และ SME (New Vision New World) โซนที่ ๒ เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจ (Smart Business Solution) โซนที่ ๓ แปลงความคิดสู่ธุรกิจจริง (Idea Commercialization) และโซนที่ ๔ งานสัมมนาโอกาสสู่ธุรกิจยุคใหม่ (New Economy Dialogue 2017 : A Forum for Smart Business Enterprises) ๓. ผลสำเร็จจากการจัดงานฯ อาทิ SME มากกว่า ๕,๐๐๐ ราย จำนวนผู้เข้าร่วมงาน ๖,๕๐๐ ราย ได้เรียนรู้ เข้าถึงบริการจากธุรกิจ Startup ต่อยอดแนวคิดการทำธุรกิจยุคใหม่ สามารถลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มยอดขายให้ SME ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ Startup ๑๒๒ ธุรกิจ มีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าเพื่อเร่งการเติบโตของธุรกิจ เพิ่มยอดขาย พร้อมโอกาสขยายการลงทุนร่วมกับนักลงทุนมากกว่า ๘๐ คู่เจรจา ตลอดจนสร้างเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจ จากความต้องการของ SME สู่การพัฒนาโมเดลธุรกิจร่วมกับ Startup มากกว่า ๖๐ คู่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18187 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนธันวาคม ปี 2559 และทั้งปี 2559 | พณ | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนธันวาคม ปี ๒๕๕๙ และทั้งปี ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งออกของไทยเดือนธันวาคม ๒๕๕๙ ขยายตัวที่ร้อยละ ๖.๒ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีสินค้าสำคัญที่เป็นตัวผลักดันการส่งออกในเดือนนี้ ได้แก่ ทองคำ ยางและผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก แผงวงจรไฟฟ้า น้ำมันสำเร็จรูป และน้ำตาลทราย ในขณะที่ตลาดส่งออกสำคัญของไทยยังขยายตัวได้ดีในเกือบทุกตลาด รวมทั้งปี ๒๕๕๙ การส่งออกของไทยมีมูลค่า ๒.๑๕ แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๐.๔๕ สูงที่สุดในรอบ ๔ ปี และสูงเป็นอันดับที่ ๘ ของโลก ในขณะที่การนำเข้าทั้งปี ๒๕๕๙ มีมูลค่า ๑.๙๕ แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๓.๙๔ ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้ารวม ๒.๐๗ หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการเกินดุลการค้าที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ๒. การส่งออกรายสินค้า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเดือนธันวาคม ๒๕๕๙ และปี ๒๕๕๙ ขยายตัวร้อยละ ๕.๕ และ ๓.๐ (YoY) ตามลำดับ ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม ๒๕๕๙ และปี ๒๕๕๙ ขยายตัวร้อยละ ๕.๔ และ ๒ (YoY) ตามลำดับ ๓. แนวโน้มการส่งออกของไทยในปี ๒๕๖๐ คาดว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน และมีโอกาสขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องประมาณร้อยละ ๒.๕-๓.๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18188 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... | มท | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลดอกไม้ และตำบลสระคู อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรเพิ่มประเภทโรงงาน เช่น โรงงานประเภท ๑๐๑ ปรับคุณภาพของเสียรวม โรงงานประเภท ๑๐๕ โรงงานคัดแยก ฝังกลบสิ่งปฏิกูล โรงงานประเภท ๑๐๖ โรงงานนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้วหรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่โดยผ่านกรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม ในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนและปริมาณการใช้น้ำในพื้นที่ และในการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรม และพิจารณามิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวม หรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ รวมทั้งการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมืองด้วย นอกจากนี้ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแล และควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการบุกรุกพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรมและพื้นที่ริมฝั่งลำคลองหรือแหล่งน้ำสาธารณะ เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมของชุมชนให้มีคุณภาพดีอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18189 | รายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2560 ไตรมาส (ตุลาคม - ธันวาคม 2559) | นร11 | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๖๐ ไตรมาส ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๙) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กรอบการลงทุนของรัฐวิสาหกิจตามมติคณะรัฐมนตรี (ไม่รวมกรอบเพิ่มเติมระหว่างปี) ประกอบด้วย (๑) ปรับลดตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยวงเงินดำเนินการและเบิกจ่ายสุทธิลดลง ๑,๘๓๘ ล้านบาท (๒) ปรับเพิ่มตามการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยอนุมัติการลงทุนเพิ่มเติม ๔ โครงการ วงเงินดำเนินการ ๕๕,๕๔๐ ล้านบาท โดยมีวงเงินเบิกจ่ายลงทุน ๕,๗๘๒ ล้านบาท และ (๓) ปรับเพิ่มตามการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยอนุมัติปรับเพิ่ม/ลดงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ๘ แห่ง ทำให้วงเงินเบิกจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้น ๑,๐๘๖ ล้านบาท รวมปรับเพิ่มขึ้น ๕,๐๓๐ ล้านบาท ทั้งนี้ จากการปรับปรุงวงเงินลงทุนดังกล่าว ทำให้กรอบการเบิกจ่ายลงทุนประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ เปลี่ยนแปลงไปจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติไว้ โดยมีกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นจาก ๕๒๐,๙๘๐ ล้านบาท เป็น ๕๒๖,๐๑๐ ล้านบาท ๒. เป้าหมายการเบิกจ่ายลงทุนประจำปี ๒๕๖๐ รายไตรมาส ประมาณการเบิกจ่ายลงทุนในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๒๙,๖๙๒ ล้านบาท (ร้อยละ ๕.๖ ของเป้าหมายทั้งปี) เดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๐๑,๙๗๙ ล้านบาท (ร้อยละ ๑๙.๔) เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๐ จำนวน ๑๑๓,๒๕๗ ล้านบาท (ร้อยละ ๒๑.๕) เดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๐ จำนวน ๑๖๙,๑๐๑ ล้านบาท (ร้อยละ ๓๒.๒) และเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๑๑,๙๘๑ ล้านบาท (ร้อยละ ๒๑.๓) ๓. ผลการเบิกจ่ายลงทุนประจำปี ๒๕๖๐ ไตรมาส ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๙) รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนสะสมถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๙ ได้จำนวน ๑๗,๔๙๗ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๕๘.๙ ของเป้าหมายไตรมาส ๑ (จำนวน ๒๙,๖๙๒ ล้านบาท) ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เบิกจ่ายลงทุนได้ร้อยละ ๗๓.๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18190 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | กค | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาล จำนวน ๓๘๙,๕๙๓.๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) การปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ/เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้และการบริหารหนี้ จำนวน ๒๓๕,๕๙๓.๐๐ ล้านบาท (๒) การปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ (เงินกู้โครงการไทยเข้มแข็ง) จำนวน ๘๙,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท (๓) การปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ (ให้กู้ต่อการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) จำนวน ๑๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท และ (๔) การบริหารความเสี่ยงของหนี้รัฐบาล (หนี้ในประเทศ) จำนวน ๕๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๒๕ ฉบับ และลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18191 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา รวม 12 ช่วง | คค | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา รวม ๑๒ ช่วง ได้แก่ ช่วง กม. ๐+๐๐๐.๐๐๐-กม.๗+๓๓๒.๔๙๔ (WEST SPUR LINE) (รวมทางแยกต่างระดับบางปะอิน ๒) (ช่วง ๑), ช่วง กม.๐+๐๐๐.๐๐๐-กม.๔+๕๒๕.๐๐๐ และ กม.๕+๑๐๐.๐๐๐-กม.๙+๐๐๘.๓๕๐ (ช่วง ๓), ช่วง กม.๙+๐๐๘.๓๕๐-กม.๑๕+๐๐๐.๐๐๐ (รวมทางแยกต่างระดับวังน้อย) (ช่วง ๔), ช่วง กม.๖๕+๓๐๐.๐๐๐-กม.๗๐+๐๘๕.๐๐๐ (ช่วง ๑๕), ช่วง กม.๗๐+๐๘๕.๐๐๐-กม.๗๑+๒๕๐.๐๐๐ (ช่วง ๑๖), ช่วง กม.๗๑+๒๕๐.๐๐๐-กม.๗๒+๓๒๘.๐๗๕ (ช่วง ๑๗), ช่วง กม.๗๒+๓๒๘.๐๗๕-กม.๗๔+๓๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๑๘), ช่วง กม.๗๔+๓๐๐.๐๐๐-กม.๗๗+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๑๙), ช่วง กม.๗๗+๐๐๐.๐๐๐-กม.๘๒+๕๐๐.๐๐๐ (รวมทางแยกต่างระดับมวกเหล็ก) (ช่วง ๒๐), ช่วง กม.๑๕๔+๘๐๐.๐๐๐-กม.๑๖๔+๐๐๐.๐๐๐ (รวมทางแยกต่างระดับสีคิ้ว) (ช่วง ๓๗), ช่วง กม.๑๖๔+๐๐๐.๐๐๐-กม.๑๗๕+๑๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๓๘) และช่วง กม.๑๘๘+๘๐๐.๐๐๐-กม.๑๙๕+๙๔๓.๐๐๐ (รวมทางแยกต่างระดับนครราชสีมา) (ช่วง ๔๐) โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18192 | (ร่าง) นโยบายและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ พ.ศ. 2560 - 2569 | วท | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) นโยบายและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๙ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านพลังงานนิวเคลียร์นำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ (๑) ความร่วมมือระหว่างประเทศด้านพลังงานนิวเคลียร์ (๒) การกำกับดูแลความปลอดภัยจากพลังงานนิวเคลียร์ (๓) การผลิตและพัฒนากำลังคนและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานนิวเคลียร์ และ (๔) การใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อการพัฒนาประเทศ และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า (ร่าง) นโยบายและแผนยุทธศาสตร์ฯ มีระยะเวลาการดำเนินงาน ๑๐ ปี จึงควรกำหนดวิสัยทัศน์ให้ไกลกว่าระดับนำของกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อแสดงให้เห็นถึงความท้าทายและมุ่งสู่การทำงานเชิงรุก และควรเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ในประเด็นการนำพลังงานนิวเคลียร์ไปใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม การจัดทำตัวชี้วัดในแต่ละยุทธศาสตร์ควรสะท้อนภาพการพัฒนาที่ชัดเจนเพื่อการติดตามประเมินผลทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว การผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านพลังงานนิวเคลียร์ควรระบุแนวทางการพัฒนาบุคลากรที่ชัดเจนทั้งสาขาและจำนวนที่ต้องพัฒนา การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสนับสนุนการวิจัยและพัฒนากิจการด้านพลังงานนิวเคลียร์ควรคำนึงถึงการจัดสรรพื้นที่ในการก่อสร้างพื้นฐานของกิจการด้านพลังงานนิวเคลียร์ การส่งเสริมการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อการสนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนควรแยกแนวทางการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ในเชิงเศรษฐกิจและเชิงสังคมออกจากกัน รวมถึงจัดทำแนวทางการนำพลังงานนิวเคลียร์ไปใช้ประโยชน์ในแต่ละสาขาให้ชัดเจน และควรมีแนวทางส่งเสริมการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในสาขาใหม่ ๆ รวมทั้งมีแนวทางส่งเสริมการเพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้มากยิ่งขึ้นเพื่อร่วมกำหนดทิศทาง ยกระดับงานวิจัยและการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเรื่อง (ร่าง) นโยบายและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๙ ให้คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการเตรียมการยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18193 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย พ.ศ. .... | มท | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยให้แตกต่างกันโดยคำนึงถึงปริมาณสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ระยะเวลา การจัดเก็บ ลักษณะการเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย รวมทั้งต้นทุนและความคุ้มค่าในการเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย เพื่อให้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และให้ราชการส่วนท้องถิ่นสามารถนำไปเป็นหลักเกณฑ์ในการออกข้อกำหนดของท้องถิ่น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ถือว่าเนื่องจากระยะเวลาการดำเนินการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเป็นระยะเวลาเร่งรัด และการออกกฎกระทรวงนี้มีผลกระทบต่อประชาชนซึ่งสมควรสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ตามมาตรา ๗๗ ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงให้ดำเนินการดังกล่าว และให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรให้ราชการส่วนท้องถิ่นมีอิสระที่จะพิจารณากำหนดอัตราการเพิ่มค่าธรรมเนียมและการลดค่าธรรมเนียมการเก็บ และขนมูลฝอย และกำจัดมูลฝอยได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ อปท. ออกข้อกำหนดของท้องถิ่นที่เกี่ยวกับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยเป็นแนวทางเดียวกันทั้งประเทศ รวมทั้งประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ พร้อมกับสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนในการลดและคัดแยกขยะที่ถูกต้อง ต้นทุนในการบริหารจัดการขยะ และผลกระทบที่เกิดขึ้นหากมีการจัดการขยะอย่างไม่ถูกต้อง ตลอดจนสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนได้รับทราบถึงเหตุผลและความจำเป็นในการปรับอัตราค่าธรรมเนียมสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยใหม่ และมีมาตรการรองรับในกรณีที่ประชาชนบางกลุ่มอาจลักลอบนำขยะมูลฝอยไปทิ้งในพื้นที่สาธารณะ พื้นที่รกร้างว่างเปล่า กลายเป็นปัญหาขยะสะสมในหลาย ๆ พื้นที่จนก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมตามมาได้ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18194 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้เขตทะเลชายฝั่งมีระยะนับจากแนวชายฝั่งทะเลออกไปน้อยหรือมากกว่าสามไมล์ทะเล พ.ศ. .... | กษ | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้เขตทะเลชายฝั่งมีระยะนับจากแนวชายฝั่งทะเลออกไปน้อยหรือมากกว่าสามไมล์ทะเล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตทะเลชายฝั่งให้มีระยะแตกต่างไปจากนิยามคำว่า “ทะเลชายฝั่ง” ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งกำหนดให้ “ทะเลชายฝั่ง” หมายความว่า ทะเลที่อยู่ในราชอาณาจักรนับจากแนวชายฝั่งทะเลออกไปสามไมล์ทะเล ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตรัง ชลบุรี ระนอง ตราด พังงา สตูล ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปพิจารณาแก้ไขประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดในเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดมีการติดตาม ประเมินสถานการณ์ และพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของขอบเขตทะเลชายฝั่งให้สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทรัพยากรประมงและสภาพแวดล้อมทางทะเลและกรอบระยะเวลาของการประเมินแผนการบริหารจัดการประมงทะเลของประเทศไทย นโยบายแห่งชาติด้านการจัดการประมงทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ที่จะดำเนินการในทุก ๒ ปี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18195 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำประตูระบายน้ำบ้านนาบัว จังหวัดนครพนม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18196 | การยกเลิกข้อสงวนในความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน ในการให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนซึ่งเป็นนิติบุคคลนอกภาคีอาเซียนที่มีการประกอบธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญในประเทศสมาชิกอาเซียน | อื่นๆ | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน ฉบับที่ ๓ (Third Protocol to Amend the ASEAN Comprehensive Investment Agreement) มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกรายการข้อสงวนในความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน (ASEAN Comprehensive Investment Agreement : ACIA) ที่ไทยขอสงวนสิทธิ์การเปิดเสรีให้เฉพาะนักลงทุนในประเทศสมาชิกอาเซียนเท่านั้น โดยไม่ให้สิทธิ์กับนักลงทุนนอกภาคีอาเซียนที่ลงทุนในประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นแล้วขยายการลงทุนมาไทย ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามร่างพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ และเมื่อลงนามแล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา แล้วเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ ก่อนแสดงเจตนาให้พิธีสารฯ มีผลผูกพันต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ ๔. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยื่นสัตยาบันสารหรือสารให้ความยอมรับแก่เลขาธิการอาเซียน เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบพิธีสารฯ แล้ว ๕. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจัดให้มีมาตรการเพื่อป้องกันผลกระทบกับผู้ประกอบการไทยอันเนื่องมาจากการยกเลิกข้อสงวนนี้ ทั้งนี้ การยกเลิกข้อสงวนดังกล่าวควรครอบคลุมเฉพาะนักลงทุนนอกภาคีอาเซียนที่มีการประกอบธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญในประเทศไทย รวมทั้งต้องไม่ขัดกับกฎหมายภายในประเทศที่เกี่ยวข้องด้วย ๖. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาให้สิทธิแก่นักลงทุนภายนอกอาเซียนด้านป่าไม้ ควรพิจารณาภายหลังจากการเปิดเสรีให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนก่อน และให้พิจารณาข้อดีข้อเสียจากการยกเลิกข้อสงวนในความตกลง ACIA อย่างละเอียดรอบคอบ โดยจะต้องไม่เกินขอบข่ายที่กำหนดภายใต้กฎหมายภายในประเทศที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และไม่เกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการและประชาชนไทย รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ และเห็นควรประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้ประกอบการและนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรับทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่จะมีขึ้นจากการยกเลิกข้อสงวนดังกล่าว และควรมีการติดตามประเมินผลกระทบหลังการเจรจาและจัดเตรียมมาตรการรองรับอย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18197 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ว่าด้วยการขนส่งในชนบทอย่างยั่งยืนเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปี ค.ศ. 2030 | คค | 14/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ว่าด้วยการขนส่งในชนบทอย่างยั่งยืนเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมของประเทศที่เข้าร่วมการประชุมการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ ๑๐ ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่าจะดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งในพื้นที่ชนบทเพื่อให้ความมั่นใจว่าชุมชนของผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร สตรี เยาวชน และกลุ่มผู้ด้อยโอกาสอื่น ๆ จะสามารถเข้าถึงระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครถูกทอดทิ้ง อันจะนำไปสู่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายพิชิต อัคราทิตย์) ให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณากำหนดกรอบทิศทางการพัฒนาระบบขนส่งที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทของประเทศ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการขนส่งอย่างยั่งยืนได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยอาจจะพิจารณานำความรู้และประสบการณ์ทางวิชาการต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ได้จากการประชุมดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้มีความเหมาะสมกับบริบทการพัฒนาระบบขนส่งของประเทศและเป็นไปตามหลักวิศวกรรม ซึ่งจะช่วยให้สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในภูมิภาคได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18198 | ร่างพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 07/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อให้มีบทบัญญัติสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) และอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological Diversity : CBD) เพื่อให้รองรับสิทธิของประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ในการมีส่วนร่วมบริหารจัดการ คุ้มครอง ดูแล รักษาหรือบำรุงทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติฯ บางประการไปประกอบการพิจารณาด้วย รวมทั้งให้พิจารณาความเชื่อมโยงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ากับคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ที่จะเข้าศึกษาข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพต้องทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ทางการค้า เพื่อควบคุม ดูแล อนุรักษ์ ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความรอบคอบในการตราพระราชบัญญัติฯ และในการใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งจะต้องทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ควรมีการเตรียมความพร้อมในการดูแลการเข้าถึงความหลากหลายทางชีวภาพเมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับ รวมทั้งอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าตามร่างพระราชบัญญัติฯ ควรมีความเชื่อมโยงกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18199 | ร่างพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 07/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยให้ประชาชนและชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ คุ้มครอง บำรุงรักษาฟื้นฟู การจัดการ และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศตามพันธกรณีที่ไทยเป็นภาคีสมาชิก ตลอดจนเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินในป่าอนุรักษ์ที่ไม่เหมาะสม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติฯ บางประการไปประกอบการพิจารณาด้วย รวมทั้งให้พิจารณาความเชื่อมโยงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติกับคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ที่จะเข้าศึกษาข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพต้องทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ทางการค้า เพื่อควบคุม ดูแล อนุรักษ์ ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความรอบคอบในการตราพระราชบัญญัติฯ และในการใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งจะต้องทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ควรมีการเตรียมความพร้อมในการดูแลการเข้าถึงความหลากหลายทางชีวภาพเมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับ รวมทั้งอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าตามร่างพระราชบัญญัติฯ ควรมีความเชื่อมโยงกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18200 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนมกราคม 2560 | นร02 | 07/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนมกราคม ๒๕๖๐ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ เดือนที่ผ่านมา (มกราคม ๒๕๖๐) เช่น การจัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผลการดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้และการป้องกันภัยธรรมชาติ การยกระดับสินค้าเกษตรสู่ความยั่งยืน สร้างการรับรู้และความตระหนักให้แก่ประชาชนด้านความปลอดภัยของสินค้าเกษตร ป้องกันและปราบปรามคดีภายใต้กฎหมายด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ ควบคุมคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร การแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดิน การเปิดตัวโครงการพร้อมเพย์ การให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในต่างประเทศ และการแก้ปัญหาคอร์รัปชันและการสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทย ๑.๒ เดือนต่อไป (มีนาคม ๒๕๖๐) เช่น การจัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและการแสดงความอาลัย ผลการดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม Zoning by Agri-Map การส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ การขับเคลื่อนองค์ความรู้ผ่านศูนย์เรียนรู้ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร การยกระดับความเข้มแข็งของสหกรณ์ ตลาดเกษตรกร Smart Farmer และ Smart Officer การแก้ปัญหาที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน สถานการณ์น้ำ มาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยและภัยแล้ง การปฏิบัติการฝนหลวง และการปรับเปลี่ยนปลูกพืชใช้น้ำน้อย ๒. ให้กรมประชาสัมพันธ์และโฆษกกระทรวงดำเนินการประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาลให้ถูกต้อง ทั่วถึง และเป็นที่เข้าใจง่าย โดยให้พิจารณาจัดกลุ่มข้อมูลให้เหมาะสม เช่น ผลงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์ ผลงานตามประเด็นปฏิรูป ผลงานการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เป็นต้น
|
.....