ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 783 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 15641 - 15660 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15641 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม รวม 6 ฉบับ | นร09 | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการของกรมคุมประพฤติ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สำนักงานกิจการยุติธรรม และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15642 | ขออนุมัติจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (ลำลูกกา คลองสอง) | พม | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (ลำลูกกา คลองสอง) จำนวน ๘๒๐ หน่วย วงเงินลงทุนรวม ๙๐๓.๓๗๖ ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวเป็นอาคารชุดพักอาศัยรวม ๔ ชั้น ขนาด ๒๗ ตารางเมตร ทาวเฮาส์ ๓ ชั้น ขนาด ๒๐ และ ๒๘ ตารางวา และบ้านแฝดเชิงอิสระขนาด ๒ ชั้น ขนาด ๓๕ ตารางวา ระยะเวลาดำเนินโครงการระหว่างเดือนธันวาคม ๒๕๖๑-ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ ให้การเคหะแห่งชาติสามารถดำเนินโครงการฯ ได้เมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้จัดหาและเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จำนวน ๘๑๔.๕๖๔ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้การเคหะแห่งชาติทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น จัดให้มีระบบขนส่งเพื่อขนส่งผู้อยู่อาศัยไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด จัดเตรียมแผนการบริหารจัดการชุมชน ควรควบคุมการขายโครงการและการโอนลูกหนี้ในระยะที่กำหนด รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการอย่างรัดกุมเพื่อให้โครงการมีความคุ้มค่าในการลงทุนตามที่ประมาณการไว้ และกำหนดเงื่อนไขการป้องกันการเก็งกำไร เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ในการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในระยะต่อไป ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการดังกล่าวโดยเน้นการก่อสร้างในรูปแบบอาคารสูงเพื่อให้สามารถใช้พื้นที่ก่อสร้างเป็นหน่วยที่อยู่อาศัยได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15643 | กรอบการเจรจาความตกลงที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลความปลอดภัยอาหารของอาเซียน | กษ | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบกรอบการเจรจาความตกลงที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลความปลอดภัยอาหารของอาเซียน ซึ่งจะมีการนำกรอบการเจรจาฯ มาใช้ในการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจ Task Force on development of legal instruments for ASEAN Food Safety Regulatory Framework (TF AFSRF) ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ เมษายน ๒๕๖๑ ณ ประเทศมาเลเซีย โดยกรอบการเจรจาฯ เป็นการกำหนดขอบเขตครอบคลุมการกำหนดหลักการ ข้อกำหนด กระบวนการ และกลไกการประสานงานของอาเซียนและของประเทศสมาชิก รวมถึงการพัฒนาพิธีสารของภูมิภาค เพื่อนำนโยบายด้านความปลอดภัยอาหารของอาเซียน (ASEAN Food Safety Policy) และกรอบการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยอาหารของอาเซียน (ASEAN Food Safety Regulatory Framework) ไปปฏิบัติ ซึ่งจะเน้นการควบคุมและประกันความปลอดภัยอาหาร ตั้งแต่การผลิตขั้นต้นจนถึงผู้บริโภค ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายพิจารณาใช้ดุลยพินิจตามสถานการณ์ตามความเหมาะสมในเรื่องที่จะเป็นประโยชน์ต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรแก้ไขคำว่า “สินค้าเกษตรและอาหาร” เป็น “อาหาร” เพื่อให้สอดคล้องกับข้อความในกรอบการกำกับดูแลความปลอดภัยอาหารของอาเซียน (ASEAN Food Safety Regulatory Framework : AFSRF) รวมทั้งกำหนดกรอบการเจรจาฯ ให้อยู่ภายใต้ขอบเขตที่กำหนดไว้ใน AFSRF คือ ที่เกี่ยวข้องเฉพาะด้านความปลอดภัยของอาหารที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคโดยตรง ไม่ครอบคลุมถึงประเด็นคุณภาพอาหาร (เช่น ขนาด รูปร่าง) อาหารอินทรีย์ สวัสดิภาพสัตว์ ความยั่งยืน ความมั่นคงด้านอาหาร การปกป้องสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15644 | การลงนามร่างความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับฮังการีเกี่ยวกับการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในฮังการีโดยร่วมมือกับวิทยาลัยพระพุทธศาสนาธรรมเกท | ศธ | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามร่างความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับฮังการีเกี่ยวกับการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในฮังการีโดยร่วมมือกับวิทยาลัยพระพุทธศาสนาธรรมเกท (AGREEMENT BETWEEN THE KINGDOM OF THAILAND AND HUNGARY ON THE FUNCTIONING OF THE MAHACHULALONGKORNRAJAVIDYALAYA UNIVERSITY IN HUNGARY IN COOPERATION WITH THE DHARMA GATE BUDDHIST COLLEGE) มีสาระสำคัญเป็นการรับรองและสนับสนุนการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในฮังการีโดยร่วมมือกับวิทยาลัยพระพุทธศาสนาธรรมเกทในสาขาวิชาพุทธศาสนศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันจากการดำเนินงานและเจตนารมณ์ของภาคีคู่สัญญาในการสนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งเพิ่มเติม โดยฮังการีแจ้งความประสงค์ให้มีการลงนามความตกลงฯ ภายในเดือนเมษายน ๒๕๖๑ ๑.๒ อนุมัติและมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (FULL Powers) ให้แก่ผู้ลงนามดังกล่าว ๑.๔ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งฝ่ายฮังการีเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางการทูตเพื่อดำเนินการให้ร่างความตกลงฯ มีผลผูกพัน ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทรายภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15645 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐแอฟริกากลาง | กต | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๓๙๙ (ค.ศ. ๒๐๑๘) ที่ได้รับการรับรองเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑ เกี่ยวกับสาธารณรัฐแอฟริกากลาง โดยคงมาตรการลงโทษทางอาวุธ การห้ามเดินทาง และการอายัดทรัพย์สินต่อสาธารณรัฐแอฟริกากลางตามที่ระบุไว้ในข้อมติฯ ที่ ๒๓๓๙ (ค.ศ. ๒๐๑๗) ตลอดจนข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้องออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ ๒. กรณีที่ UNSC ได้ออกข้อมติเพื่อคงไว้ซึ่งมาตรการลงโทษกรณีสาธารณรัฐแอฟริกากลางเป็นประจำทุกปี และเนื้อหาของข้อมติใหม่มิได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของมาตรการลงโทษที่มีอยู่เดิม ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา และหากกรณีที่ UNSC จะรับรองข้อมติเพื่อเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญหรือยกเลิกมาตรการลงโทษกรณีสาธารณรัฐแอฟริกากลาง เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศเสนอเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญหรือยกเลิกมาตรการลงโทษดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักข่าวกรองแห่งชาติถือปฏิบัติและปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการลงโทษสาธารณรัฐแอฟริกากลาง โดยเฉพาะรายชื่อบุคคลและองค์กรที่ต้องถูกมาตรการลงโทษ (ห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สิน) ให้ทันสมัยตามข้อมูลเว็บไซต์ของสหประชาชาติ (United Nations : UN) (
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15646 | โครงการทุนการศึกษา ภายใต้มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) | นร05 | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการขอความร่วมมือหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจในสังกัดดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) เพื่อร่วมสมทบทุนการศึกษาในโครงการทุนการศึกษา ภายใต้มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) และมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการและประสานงานกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15647 | แนวทางการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology : FinTech) | กค | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology : FinTech) ซึ่งประกอบด้วย ๓ แนวทางหลัก ได้แก่ (๑) การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ (๒) การผลักดันหน่วยงานภาครัฐเป็นผู้ให้และผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับ FinTech และ (๓) การจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงิน (Institute for Financial Innovation and Technology : InFinIT) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาระบบนนิเวศที่เอื้อต่อการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม FinTech ในประเทศไทย โดยจัดตั้งมูลนิธิเพื่อพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และจัดตั้ง InFinIT ภายใต้มูลนิธิดังกล่าว รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการ InFinIT ขึ้นเพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและกำกับดูแลการดำเนินงานของ InFinIT ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะพิเศษ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๑ ดังต่อไปนี้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒.๑ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาถึงความเหมาะสมและรูปแบบในการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ที่จะดำเนินการในรูปแบบมูลนิธิ โดยอาจพิจารณาปรับปรุงกลไกที่มีอยู่ในปัจจุบันมาใช้ดำเนินงาน เช่น มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังของกระทรวงการคลัง เป็นต้น ทั้งนี้ หากกระทรวงการคลังเห็นว่า ยังมีความจำเป็นต้องมีการจัดตั้งสถาบันขึ้นใหม่เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรม FinTech อย่างเป็นรูปธรรม ก็ให้กำหนดบทบาทหน้าที่ของสถาบันที่จัดตั้งใหม่ให้มีความชัดเจน เหมาะสม เพื่อลดความซ้ำซ้อนกับกลไกเดิมที่มีอยู่ด้วย ๒.๒ ในกรณีที่มีการจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงิน (Institute for Financial Innovation and Technology : InFinIT) ขึ้นในอนาคต ให้สถาบัน InFinIT บูรณาการและประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่ทำหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้และสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อการประกอบกิจการ FinTech เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และสมาคมฟินเทคประเทศไทย เป็นต้น เพื่อช่วยให้การดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรม FinTech มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๓. ในส่วนของการดำเนินการเพื่อการจัดตั้งมูลนิธิเพื่อพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจและสถาบัน InFinIT รวมทั้งการขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และการขอรับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากภาครัฐ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการจัดตั้งสถาบัน InFinIT ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15648 | ค่าตอบแทน ค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ และสิทธิประโยชน์อื่นของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า คณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการสรรหา ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 | พณ | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบค่าตอบแทน ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ และสิทธิประโยชน์อื่นของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า คณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการสรรหา ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับ (๕ ตุลาคม ๒๕๖๐) และให้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ (คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าและสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเท่าที่จำเป็นตามภารกิจของคณะอนุกรรมการชุดนั้น ๆ เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณในระยะยาว รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการวางระบบติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงาน และความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งหน่วยงาน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15649 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐคิวบาว่าด้วยความร่วมมือในสาขาสาธารณสุขและการวิจัยทางการแพทย์ | สธ | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐคิวบาว่าด้วยความร่วมมือในสาขาสาธารณสุขและการวิจัยทางการแพทย์ มีสาระสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านสาธารณสุขและแลกเปลี่ยนทางวิชาการระหว่างไทยกับคิวบาในสาขาโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ การวิจัยทางการแพทย์ เภสัชวิทยา และเทคโนโลยีชีวภาพ นโยบายเกี่ยวกับเภสัชกรรม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ระบบสุขภาพและการสาธารณสุขมูลฐาน แพทยศาสตรศึกษา เทคโนโลยีชีวภาพ และหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ระหว่างการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐคิวบาอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๘ เมษายน ๒๕๖๑ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขนำประเด็นเกี่ยวกับการผลิตยาจากสมุนไพรไทยไปเจรจาเพื่อจัดทำความร่วมมือเพิ่มเติมกับฝ่ายคิวบาด้วย และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15650 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการคมนาคมขนส่งทางน้ำภายในประเทศ | คค | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการคมนาคมขนส่งทางน้ำภายในประเทศ (Ministerial Declaration of the International Conference on Inland Water Transport) ที่จะมีการรับรองในการประชุมระหว่างประเทศระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการคมนาคมขนส่งทางน้ำภายในประเทศ (International Ministerial Conference on Inland Water Transport) ระหว่างวันที่ ๑๘-๑๙ เมษายน ๒๕๖๑ ณ เมืองวรอตสวัฟ สาธารณรัฐโปแลนด์ โดยร่างปฏิญญาฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมฯ เพื่อรับรองวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการขนส่งทางน้ำภายในประเทศในระยะ ๕ ปีข้างหน้ารวมทั้งข้อเสนอกิจกรรมตามแผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์ของร่างปฏิญญาฯ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร) ร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15651 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 300 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาการระบายน้ำบนถนนวิภาวดีรังสิตของกรมทางหลวง | คค | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงิน ๓๐๐ ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาการระบายน้ำบนถนนวิภาวดีรังสิตของกรมทางหลวง สำหรับแผนงานระยะต่อไป สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต วงเงิน ๓๔๐ ล้านบาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ วงเงิน ๑,๓๖๐ ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น ๑,๗๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายละเอียดค่าใช้จ่าย เพื่อทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15652 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (1. นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 2. นายอุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ) | สธ | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ ดังนี้ (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์) และ (๒) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายอุดม คชินทร) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขด้วย และให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข) ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ เมษายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15653 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง [(นายสนธยา คุณปลื้ม) ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี] | นร | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายสนธยา คุณปลื้ม ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ เมษายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15654 | แต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายอิทธิพล คุณปลื้ม) | นร04 | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายอิทธิพล คุณปลื้ม เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15655 | แต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายสันติ กีระนันทน์) | นร04 | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายสันติ กีระนันทน์ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15656 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายประสงค์ พูนธเนศ) | กค | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประสงค์ พูนธเนศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งเดิมซึ่งได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการ (๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง และไม่ก่อนวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15657 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 4 ราย 1. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ฯลฯ) | กค | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง และไม่ก่อนวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ๒. นายประภาศ คงเอียด ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ๓. นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ๔. นางสาวชุณหจิต สังข์ใหม่ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15658 | การแต่งตั้งข้าราชการ (จำนวน 2 ราย) (1. นายทศพร ศิริสัมพันธ์ 2. นายปกรณ์ นิลประพันธ์ ) | นร04 | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ดังนี้
๑. รับโอน นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป และผู้มีอำนาจสั่งบรรจุทั้ง ๒ ฝ่าย ได้ตกลงยินยอมการโอนด้วยแล้ว ๒. รับโอน นายปกรณ์ นิลประพันธ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป และผู้มีอำนาจสั่งบรรจุทั้ง ๒ ฝ่าย ได้ตกลงยินยอมการโอนด้วยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15659 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่รัฐบาลมีนโยบายในการบริหารจัดการการตลาดปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มของประเทศทั้งระบบให้มีความยั่งยืน เพื่อให้สามารถป้องกันปัญหาราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มที่ไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกร โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดมาก นั้น ให้กระทรวงกลาโหมบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกวดขันการปราบปรามและจับกุมการลักลอบนำเข้าปาล์มน้ำมันผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง และให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อดำเนินการให้ราคาปาล์มน้ำมันเป็นไปตามระดับราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อเกษตรกรด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีของประเทศไทยที่ประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและทำให้ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะต้องครอบคลุมถึงการตรวจสอบและติดตามวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากต่างประเทศให้ถูกต้องและได้มาตรฐานด้วย ๑.๓ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอให้มีศักยภาพที่เข้มแข็ง สามารถแข่งขันได้กับต่างประเทศ รวมทั้งให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมมาตรการรองรับกรณีที่แรงงานจากอุตสาหกรรมสิ่งทออาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่นด้วย ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการรวบรวมและจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์พัฒนาความเป็นเลิศด้านต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วหรือที่มีแผนจะจัดตั้งขึ้นใหม่ของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ และให้พิจารณากำหนดแนวทางให้สถาบันการศึกษาในแต่ละภูมิภาคมีศูนย์พัฒนาความเป็นเลิศในแต่ละด้านอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับศักยภาพของสถาบันและของพื้นที่ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและภาระงบประมาณของประเทศ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้ ให้นำข้อมูลดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการปฏิรูปการศึกษาให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๆ ๓ เดือน โดยให้ครอบคลุมถึงประเด็นที่เป็นความต้องการของประชาชนด้วย นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานความคืบหน้าดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒.๓ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการปฏิรูปตำรวจ โดยเฉพาะประเด็นที่อยู่ในความสนใจและเป็นความต้องการของประชาชนไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศทุก ๆ ๓ เดือน เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ [เรื่อง ผลการประชุมขยะทะเลระดับอาเซียน เรื่อง การลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Conference on Reducing Marine Debris in ASEAN Region)] ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วน รวมทั้งบริษัท ห้างร้าน หรือสถานประกอบการต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการลดการใช้วัสดุที่ผลิตขึ้นจากพลาสติกเนื่องจากจะกลายเป็นขยะตกค้างที่ย่อยสลายได้ยาก เช่น การใช้ถุงพลาสติกใส่สินค้าเท่าที่จำเป็นและกระตุ้นให้ผู้ซื้อสินค้านำถุงผ้ามาใส่สินค้าเอง การให้ส่วนลดราคาสินค้ากรณีที่ลูกค้าไม่ใช้ถุงพลาสติก นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการจูงใจสำหรับบริษัท ห้างร้าน และสถานประกอบการต่าง ๆ เพื่อลดปริมาณการใช้วัสดุที่ผลิตจากพลาสติกอีกทางหนึ่งด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15660 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 22/2561 และครั้งที่ 23/2561 | นร | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๒๒/๒๕๖๑ วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๑ และครั้งที่ ๒๓/๒๕๖๑ วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑
|
.....