ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 788 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 15741 - 15760 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15741 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 2 ฉบับ (ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. ....) | มท | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดอุตรดิตถ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15742 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดพื้นที่เพื่อเป็นตลาดที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรสามารถสับเปลี่ยนหมุนเวียนนำสินค้าและผลิตผล/ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรชนิดต่าง ๆ ที่มีคุณภาพเข้ามาจำหน่ายแก่ผู้บริโภคได้ในแต่ละสัปดาห์ และให้ส่วนราชการที่จะจัดตั้งตลาดดังกล่าวประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยด้วยเพื่อให้แต่ละจังหวัดพิจารณาคัดเลือกและสนับสนุนให้เกษตรกรที่มีศักยภาพและความพร้อมของจังหวัดนั้น ๆ นำสินค้ามาจำหน่ายด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวทางดังกล่าวไปพิจารณาปรับใช้กับตลาดอื่น ๆ ที่ได้มีการจัดตั้งและดำเนินการอยู่แล้วด้วย เช่น ตลาดประชารัฐ โดยอาจกำหนดให้มีวันพิเศษในแต่ละสัปดาห์ที่ให้มีการจำหน่ายสินค้าที่แตกต่างไปจากวันอื่น ๆ เช่น ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ ตลาดสินค้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP ตลาดอาหารที่มีความปลอดภัย เป็นต้น ๑.๒ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ๑.๒.๑ เร่งดำเนินการจัดระเบียบการเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวที่มีประชาชนนิยมไปเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก เช่น อุทยานแห่งชาติ ให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งในด้านการจราจร สถานที่จอดรถ และการรักษาความปลอดภัย ๑.๒.๒ สนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ทั้งในเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองท่องเที่ยวรองมากยิ่งขึ้น โดยดำเนินการให้สอดคล้องกับโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ของรัฐบาล ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอ รวมทั้งการบริหารจัดการสถานที่ท่องเที่ยวให้เป็นระเบียบเรียบร้อยด้วย ๑.๒.๓ จัดทำเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนเชิงคุณภาพจำแนกตามเอกลักษณ์ไทยในด้านต่าง ๆ ให้มีความหลากหลาย เช่น เส้นทางผ้าไหมไทย อาหารไทย ข้าวไทย ทะเลไทย เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ต่าง ๆ และมีเรื่องราว (story) ประกอบเพื่อเป็นการให้ความรู้และดึงดูดความสนใจ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจและการประกอบการของชุมชนตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยให้รวมถึงการแปรรูปสินค้าของชุมชนด้วย ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการดำเนินโครงการก่อสร้างเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีการกันพื้นที่ผิวทางการจราจร ปิดเส้นทาง หรือกีดขวางการจราจร ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของปัญหาการจราจรติดขัดและปัญหามลพิษ โดยให้กระทรวงคมนาคมขอความร่วมมือกับผู้รับเหมาก่อสร้างในการจัดการพื้นที่เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าวได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และเกิดผลกระทบด้านการจราจรให้น้อยที่สุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15743 | ความคืบหน้าในการดำเนินการตามผลการเจรจาเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน (เครือข่ายคนเทพาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน) | นร | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรายงานความคืบหน้าการดำเนินการของกระทรวงพลังงานต่อเนื่องจากการที่ได้เจรจาทำข้อตกลงกับเครือข่ายคนเทพาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๑ ว่า การดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม การสร้างการรับรู้ของผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงการประเมินผลกระทบด้านต่าง ๆ ตามนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นั้น กระทรวงพลังงานได้ประสานการดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงดังกล่าว ทั้งนี้ หากการดำเนินการในเรื่องใดจะต้องนำสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ/พิจารณา กระทรวงพลังงานก็จะได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามแต่กรณีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15744 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งให้ นายสุพจน์ วงศ์พรหมท้าว ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แทน นายชาญวิทย์ ผลชีวิน ทั้งนี้ ตามคำสั่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ ๑๖๒/๒๕๖๑ สั่ง ณ วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15745 | รายงานผลการประชุมผู้บริหารระดับสูง 6 ประเทศ ตามโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย | ยธ | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมผู้บริหารระดับสูง ๖ ประเทศ (สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ประเทศไทย ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) ตามโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพและจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ มกราคม ๒๕๖๑ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เป็นประธานมอบนโยบายการประชุมฯ โดยเน้นย้ำให้ทั้ง ๖ ประเทศยกระดับความร่วมมือในการสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์เพื่อยุติการผลิตยาเสพติด โดยใช้นโยบายด้านการปราบปรามควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามศาสตร์พระราชา และแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องระยะยาว ภายใต้การจัดทำแผนแม่บทร่วมกันของ ๖ ประเทศ ซึ่งทุกประเทศเห็นพ้องกันตามข้อเสนอของประเทศไทย โดยแนวทางและนโยบายยกระดับความร่วมมือ ๖ ประเทศ ได้แก่ (๑) การสร้างเป้าหมายร่วมที่จะดำเนินการต่อพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ (๒) การยกระดับความร่วมมือในการดำเนินการในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ (๓) ให้ความสำคัญของการสกัดกั้นสารตั้งต้นเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด (๔) การผนึกกำลังร่วมกันของทั้ง ๖ ประเทศในการกำหนดเครือข่ายการผลิตและค้ายาเสพติดที่สำคัญในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ (๕) กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และ (๖) ร่วมกันจัดทำแผนแม่บทความร่วมมือของ ๖ ประเทศ ที่เป็นแผนต่อเนื่องระยะยาว จนนำไปสู่การลงนามให้การรับรองอย่างเป็นทางการของทั้ง ๖ ประเทศต่อไป ๒. การประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูง ๖ ประเทศ ภายใต้แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย ๖ ประเทศ ระยะเวลา ๓ ปี (๒๕๕๙-๒๕๖๑) ประเทศสมาชิก ๖ ประเทศ ได้ร่วมหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว โดยเห็นพ้องที่จะยังคงใช้ยุทธศาสตร์การผนึกกำลังร่วมกันในการ “ปิดล้อมสามเหลี่ยมทองคำ” ได้แก่ (๑) การกำหนดเป้าหมายปฏิบัติการร่วมกัน (๒) การจัดทำแผนปฏิบัติการสามเหลี่ยมทองคำ ปี ๒๕๖๑ และ (๓) การจัดทำแผนแม่บทระยะยาวร่วมกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15746 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนมกราคม 2561 | นร11 | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนมกราคม ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนมกราคม ๒๕๖๑ ขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง ในด้านการใช้จ่าย มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวสูงสุดในรอบ ๖๒ เดือน ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในเกณฑ์สูงต่อเนื่อง ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ และการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลขยายตัว ในขณะที่การเบิกจ่ายรายจ่ายประจำของรัฐบาลปรับตัวลดลง ในด้านการผลิต ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรและรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศขยายตัวในเกณฑ์สูง ในขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรรวมปรับตัวลดลง เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อ และอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ การจ้างงานลดลง ดุลการค้าและดุลบริการเกินดุลต่อเนื่องและส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๒. เศรษฐกิจโลก ขยายตัวในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่องและกระจายตัวมากขึ้นตามลำดับตามการปรับตัวดีขึ้นของเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจในประเทศสำคัญ ๆ นำโดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศยูโรโซน ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ เช่นเดียวกับเศรษฐกิจญี่ปุ่น จีน และหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งยังขยายตัวได้ดีตามการขยายตัวของการส่งออก และการผลิตภาคอุตสาหกรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15747 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2557-2561) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | ยธ | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ด้านต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาอาชีพและการตลาด เช่น ดำเนินการเพิ่มทักษะอาชีพจากองค์ความรู้ของโครงการหลวงแก่เกษตรกร จำนวน ๑๒,๖๑๑ ราย และพัฒนาเป็นกลุ่ม SMART FARMER จำนวน ๒๒ ราย ดำเนินการส่งเสริมอาชีพทางเลือกแก่เกษตรกรและผู้ผ่านการบำบัดฝิ่นที่ไม่กลับไปเสพซ้ำ จำนวน ๒,๘๙๙ ครัวเรือน และดำเนินการส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกร ๕๖ กลุ่ม และพัฒนาเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ๑๗ กลุ่ม เป็นต้น งบประมาณทั้งสิ้น ๗๓,๐๒๔,๓๔๕ บาท ๒. ยุทธศาสตร์ด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและการพัฒนาสังคม ดำเนินการส่งเสริมการจัดทำแผนชุมชน ครอบคลุม ๘๘ หย่อมบ้าน โดยเน้นให้ชุมชนมีการขับเคลื่อนกิจกรรมตามแผนชุมชนอย่างต่อเนื่อง งบประมาณทั้งสิ้น ๙,๓๖๑,๕๐๘ บาท ๓. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนากระบวนการชุมชนเพื่อแก้ปัญหายาเสพติด ดำเนินการบำบัดรักษาผู้ติดฝิ่นรายใหม่ จำนวน ๑๐๙ ราย และติดตามผลการบำบัดรักษาผู้ติดฝิ่นรายเดิม จำนวน ๑,๖๘๖ ราย งบประมาณทั้งสิ้น ๗,๕๙๓,๐๐๐ บาท ๔. ยุทธศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ป่าและแผนการใช้ที่ดินรายแปลงของเกษตรกร ครอบคลุม ๑๑๙ หย่อมบ้าน พร้อมทั้งส่งเสริมการอนุรักษ์พื้นที่แหล่งต้นน้ำรวมพื้นที่ ๑,๑๐๐ ไร่ งบประมาณทั้งสิ้น ๑๒,๙๒๙,๗๑๐ บาท ๕. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการและกำกับดูแลแผนแม่บท ดำเนินการขับเคลื่อนกลไกการปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยจัดทำคณะกรรมการโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน จำนวน ๓ คณะอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ คณะอนุกรรมการโครงการ คณะกรรมการอำนวยการโครงการระดับจังหวัด และคณะกรรมการอำนวยการโครงการระดับอำเภอ งบประมาณทั้งสิ้น ๑๐,๙๔๒,๗๒๕ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15748 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 38 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2560-31 ธันวาคม 2560) | นร | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๘ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐-๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์ การจัดกิจกรรมส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสร้างความปรองดอง การจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชน เรื่องโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ของศูนย์ดำรงธรรม ๒. การปฏิรูปประเทศ ได้มีการติดตามขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศทั้ง ๑๑ ด้าน และส่งร่างแผนปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเผยแพร่ในเว็บไซต์ และส่งให้ทุกส่วนราชการให้ความเห็น ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย (๑) ด้านความมั่นคง เช่น การจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการสื่อสารมวลชนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และสถาบันพระมหากษัตริย์ จัดกิจกรรมตามโครงการหน่วยพระราชทานและประชาชน จิตอาสา “เราทำความดีด้วยหัวใจ” (๒) ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์การต่อต้านการค้ามนุษย์เพื่อเผยแพร่บนเครื่องบิน พัฒนาระบบการให้บริการด้านแรงงาน ภายใต้แนวคิด “๙ ชื่นบาน แรงงานชื่นใจ” โครงการเพิ่มผลิตภาพแรงงานสู่ SMEs ๔.๐ (STEM Workforce towards SME 4.0) (๓) ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โครงการสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและจัดอบรมสัมมนาในจังหวัดท่องเที่ยวรอง มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐ และ (๔) การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เช่น การบริหารจัดการน้ำให้เกษตรกรในพื้นที่ชลประทาน การป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ำ การจัดทำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ๕๙ รายการ ใน ๒๐ จังหวัด การเพิ่มพื้นที่ชลประทาน และการลดการใช้น้ำภาคอุตสาหกรรมและพื้นที่ชลประทานเดิม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15749 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลบุคคลล้มละลาย ซึ่งกรมบังคับคดีควรมีการจัดทำข้อตกลงที่จะร่วมมือสองฝ่ายระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับเอกชนเพื่อเชื่อมโยงหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น ปัจจุบันกรมบังคับคดีได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลบุคคลล้มละลายผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และมีการใช้ระบบเชื่อมโยงเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันทางอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนแล้ว รวมถึงได้พัฒนาระบบเพื่อโฆษณาประกาศ คำสั่ง หรือคำพิพากษาในคดีล้มละลายทางอิเล็กทรอนิกส์โดยผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือให้ประชาชนทราบและตรวจสอบสถานะบุคคลล้มละลายได้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15750 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงมหาดไทย) (นายมานัส ฉั่วสวัสดิ์) | มท | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมานัส ฉั่วสวัสดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15751 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางพัชรินทร์ ศรีนพนิคม) | นร11 | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางพัชรินทร์ ศรีนพนิคม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15752 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | คค | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างสะพานข้ามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๗ บริเวณทางหลวงชนบท ปข.๒๐๕๒ และทางหลวงชนบท ปข.๒๐๕๗ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ขอให้กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต และในการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินในระยะต่อไป กรมทางหลวงชนบทควรพิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการปรับปรุง/พัฒนาโครงข่ายถนนในความรับผิดชอบตามความจำเป็นเร่งด่วนและความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้การลงทุนของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15753 | ร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะว่าด้วยหลักเกณฑ์การกู้เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | กค | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะว่าด้วยหลักเกณฑ์การกู้เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเพื่อใช้เป็นกรอบวินัยในการกู้เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำหนดมาตรการการกำกับดูแลและการควบคุมระดับหนี้ของ อปท. ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและจำเป็นตามภารกิจ และควรเพิ่มเติมเงื่อนไขในร่างระเบียบฯ ในกรณีที่ อปท. กู้เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อไม่ให้ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางการคลัง รวมทั้งเพิ่มเติมการจัดส่งข้อมูลการเบิกจ่ายเงินกู้ให้แก่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและสำนักงานการบริหารหนี้สาธารณะ และให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลและ อปท. มีการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามร่างระเบียบฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับ อปท. และสาธารณชนทราบเกี่ยวกับการก่อหนี้ การบริหารหนี้ และการกำกับดูแลหนี้ของ อปท. ซึ่งไม่ถือเป็นหนี้สาธารณะตามนิยามของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15754 | ร่างพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะของการอุดหนุนที่มีลักษณะเจาะจงตามมาตรา ๖๔ ให้รวมถึงการให้การอุดหนุนแก่การส่งออก และการให้การอุดหนุนเพื่อให้มีการใช้สินค้าในประเทศมากกว่าสินค้านำเข้า และแก้ไของค์ประกอบของการอุดหนุนที่ตอบโต้ได้ตามมาตรา ๖๕ ให้ประกอบด้วยการให้อุดหนุนที่มีลักษณะเจาะจงตามมาตรา ๖๔ และการให้การอุดหนุนที่มีผลเสียต่อประโยชน์ของประเทศที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน เพื่อสอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนและมาตรการตอบโต้การอุดหนุนภายใต้ WTO ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่างพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กฎหมายดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชนรับทราบอย่างทั่วถึงในวงกว้าง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15755 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การวินิจฉัยปัญหาโดยที่ประชุมใหญ่หรือที่ประชุมแผนกคดีของศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกา และให้ผู้ซึ่งมีหน้าที่เข้าร่วมในการประชุมได้รับเบี้ยประชุมตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมกำหนด) | ศย | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การวินิจฉัยปัญหาโดยที่ประชุมใหญ่หรือที่ประชุมแผนกคดีของศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกา และให้ผู้ซึ่งมีหน้าที่เข้าร่วมในการประชุมได้รับเบี้ยประชุมตามระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมกำหนด) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการในการประชุมใหญ่และการประชุมแผนกคดีของศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกา รวมทั้งองค์ประชุม และกำหนดให้ผู้ซึ่งมีหน้าที่เข้าร่วมประชุมดังกล่าวได้รับเบี้ยประชุม ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังในประเด็นการกำหนดให้การประชุมใหญ่และการประชุมแผนกคดีของศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกาได้รับเบี้ยประชุมอาจมีความซ้ำซ้อนกับระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยเบี้ยประชุมในการประชุมใหญ่และการประชุมแผนกคดีในศาลฎีกาและศาลชั้นอุทธรณ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่มีอยู่แล้ว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เข้าร่วมประชุมที่ไม่ใช่ผู้พิพากษาได้รับเบี้ยประชุม ควรคำนึงถึงความเหมาะสมของภาระงานในการอำนวยความยุติธรรมที่จะต้องเป็นไปโดยรวดเร็ว เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่มีลักษณะการขัดกันแห่งผลประโยชน์และความซ้ำซ้อนของการได้รับค่าตอบแทนในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ตลอดจนความเหลื่อมล้ำในภาพรวมของระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐอันหมิ่นเหม่ที่อาจขัดต่อหลักความเป็นธรรมทางสังคม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15756 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... | ศย | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค ๑ และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค ๗ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15757 | ขอขยายเวลาและขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมรายการก่อหนี้ผูกพันค่าก่อสร้างสถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ ระยะที่ 2 พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ | ยธ | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันรายการค่าก่อสร้างสถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ ระยะที่ ๒ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ๑ แห่ง จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (รวมเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด) จำนวน ๔๒๙,๔๙๒,๐๐๐ บาท เป็นวงเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๔๘๗,๘๓๕,๕๐๐ บาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้างที่ได้ดำเนินการและเบิกจ่ายไปแล้ว จำนวน ๑๐๖,๐๗๒,๕๐๐ บาท (ปัดเศษ) และค่าก่อสร้างส่วนที่เหลือจากการยกเลิกสัญญา จำนวน ๓๘๑,๗๖๓,๐๐๐ บาท และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเสนอขอตั้งงบประมาณค่าก่อสร้างในส่วนที่เหลือ จำนวน ๓๘๑,๗๖๓,๐๐๐ บาท โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๑๕๖,๙๑๘,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๒๔,๘๔๕,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมทั้งเห็นควรให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเสนอขออนุมัติต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๖๔ ด้วย ๒. เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ผลการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว ให้เสนอสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของราคาค่าก่อสร้างส่วนที่เหลืออีกครั้งหนึ่งก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้ถือปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน และเนื่องจากการเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างสถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ ระยะที่ ๒ เป็นกรณีมาจากการยกเลิกสัญญาเดิม ดังนั้น เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการและไม่ทำให้ราชการเสียประโยชน์ เห็นควรที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะพิจารณาและเร่งรัดดำเนินการฟ้องร้องเรียกเงินล่วงหน้าคงเหลือ รวมถึงค่าเสียหายอื่นจากผู้รับจ้างรายเดิมตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15758 | การเพิ่มทุนของหน่วยงานค้ำประกันเครดิตและการลงทุนแห่งภูมิภาคอาเซียน+3 | กค | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบวงเงินสำหรับการเพิ่มทุนของหน่วยงานค้ำประกันเครดิตและการลงทุนแห่งภูมิภาคอาเซียน+๓ (Credit Guarantee and Investment Facility : CGIF) ตามสัดส่วนที่ประเทศไทยได้รับจัดสรร จำนวน ๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ ๒๘๑,๘๔๔,๐๐๐ บาท โดยให้กระทรวงการคลังจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อรองรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนลงนามในแบบแสดงความจำนงในการเพิ่มทุนตามสัดส่วนที่ได้รับจัดสรร (Instrument of Subscription) โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่จำเป็นต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม เนื่องจากกรณีไม่เข้าตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)] ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15759 | ร่างหนังสือแสดงเจตนารมณ์ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตำรวจเนเธอร์แลนด์ ว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Letter of Intent between the Royal Thai Police and the Netherlands Police on Combating Transnational Crime) | ตช | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตนารมณ์ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตำรวจเนเธอร์แลนด์ว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Letter of Intent between the Royal Thai Police and the Netherlands Police on Combating Transnational Crime) และอนุมัติในหลักการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามหนังสือแสดงเจตนารมณ์ฯ โดยร่างหนังสือแสดงเจตนารมณ์ฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกรอบการทำงานพื้นฐานความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและในเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือของตำรวจ และผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายจะให้การรับรองแผนกลยุทธ์เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูล การบังคับใช้กฎหมายและการวิเคราะห์ การประสานงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติประเภทต่าง ๆ เช่น อาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นองค์กร การค้ามนุษย์ การลักลอบขนคนเข้าเมือง การแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก การฟอกเงินและคอร์รัปชัน อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เป็นต้น ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่เห็นควรเพิ่มเติม “การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (Terrorism financing)” ในประเด็นอาชญากรรมสำหรับดำเนินความร่วมมือของร่างหนังสือแสดงเจตนารมณ์ฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ในกรณีมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างหนังสือแสดงเจตนารมณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบหรือมีมติอนุมัติไปแล้ว ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15760 | รายงานดัชนีภาวะการค้าภาคบริการของไทยเดือนมกราคม 2561 | พณ | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีภาวะการค้าภาคบริการของไทย (Trade in Services Performance and Potential Index : TSPPI) เดือนมกราคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีภาวะการค้าภาคบริการของไทยในเดือนมกราคม ๒๕๖๑ ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๓ ติดต่อกัน อยู่ที่ระดับ ๑๑๓.๗ สูงขึ้นร้อยละ ๙.๒ (YoY) ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงเล็กน้อยจากร้อยละ ๑๑.๙ ในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาคบริการขยายตัวในเดือนมกราคม ๒๕๖๑ เกิดจากจำนวนนิติบุคคลจดทะเบียนเพิ่มทุนในสาขาบริการมากขึ้น มูลค่าทุนจดทะเบียนนิติบุคคลเพิ่มทุนสูงขึ้น และดัชนีราคาหุ้นภาคบริการในตลาดหลักทรัพย์ขยายตัวเร่งขึ้น ๒. ดัชนีภาวะการค้าภาคบริการรายสาขา ขยายตัวเกือบทุกสาขา โดยสาขาที่ขยายตัวเร่งขึ้น คือ การก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ กิจกรรมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และการศึกษา ๓. แนวโน้มภาวะการค้าภาคบริการในปี ๒๕๖๒ คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับสาขาบริการที่มีศักยภาพและแนวโน้มขยายได้ดี ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน สุขภาพ ขายส่งและการขายปลีก และก่อสร้าง
|
.....