ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 784 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 15661 - 15680 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15661 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. .... | สว | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. .... โดยสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นชอบกับข้อสังเกตเกี่ยวกับกรอบระยะเวลาในการดำเนินการสรรหาบุคคลซึ่งจะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน การกำหนดห้ามมิให้ผู้ตรวจการแผ่นดินจะเข้ารับการศึกษาหรืออบรมในหลักสูตรหรือโครงการใด ๆ การกำหนดคุณสมบัติของผู้ตรวจการแผ่นดิน การกำหนดให้ประธานกรรมการสรรหาและกรรมการสรรหาได้รับเบี้ยประชุม การจัดทำรายงานประจำปีฯ และการกำหนดคำนิยามของคำว่า “ประชาชนทั่วไป” ที่มีความหมายรวมถึงคนพิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ด้อยโอกาสด้วย ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15662 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารใน การป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งขอแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15663 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอาง พ.ศ. .... | สธ | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอาง เพื่อประโยชน์ในการควบคุมคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ สุขอนามัย และความปลอดภัยของผู้ใช้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15664 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาอนุญาตเครื่องมือแพทย์ เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๗/๒๕๕๙ เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ สั่ง ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เพื่อให้กระบวนการพิจารณาอนุญาตเครื่องมือแพทย์มีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่งรวมกับร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15665 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 2/2561 | อก | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีมติ ดังนี้ ๑.๑ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม ๓ สนามบิน เห็นชอบหลักการโครงการฯ รวมทั้งเห็นชอบเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ให้พื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม ๓ สนามบิน ตั้งแต่สนามบินดอนเมือง ถึงสุดเขตกรุงเทพฯ และรวมถึงสถานีสุวรรณภูมิ เป็นพื้นที่ “EEC” เพิ่มเติม ให้พื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม ๓ สนามบินตลอดแนวโครงการฯ ตั้งแต่สนามบินดอนเมืองถึงสนามบินอู่ตะเภาเป็น “เขตส่งเสริม” ให้รัฐบาลรับภาระหนี้โครงสร้างพื้นฐานของโครงการแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม เป็นเงิน ๒๒,๕๕๘.๐๖ ล้านบาท ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อให้โครงการฯ สามารถเชื่อมต่อการเดินรถไฟกับโครงการรถไฟความเร็วสูงสายเหนือหรือโครงการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเฉียงเหนือ ๑.๒ ความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... มอบให้สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกจัดประชุมชี้แจงสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกให้เอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย หลังจากที่พระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลบังคับใช้ เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ๑.๓ การกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เพิ่มเติม มอบหมายให้สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกศึกษาความเหมาะสม การขยายพื้นที่ EEC เพิ่มเติม ครอบคลุมพื้นที่โดยรอบเชื่อมโยงกับ ๓ จังหวัดเดิม ให้แล้วเสร็จภายใน ๔ เดือน และนำเสนอคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณภายในปี ๒๕๖๑ กรอบวงเงิน ๙๕ ล้านบาท เพื่อดำเนินการต่อไป ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นต้น รับไปดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายและรายงานผลการดำเนินการต่อสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15666 | รายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2560 | อื่นๆ | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (๑) ประชากรผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ๔๘.๘๐ ล้านคน ลงทะเบียนแล้ว ๔๘.๑๑ ล้านคน (ร้อยละ ๙๙.๙๓) (ข้อมูล ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐) (๒) คุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข มีหน่วยบริการขึ้นทะเบียนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกอบด้วย หน่วยบริการปฐมภูมิ ๑๑,๕๗๘ แห่ง หน่วยบริการประจำ ๑,๓๒๕ แห่ง และหน่วยบริการรับส่งต่อ ๑,๓๓๒ แห่ง (๓) การคุ้มครองสิทธิ รับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ และประสานส่งต่อผู้ป่วยผ่านช่องทางต่าง ๆ ๗๖๔,๘๘๗ เรื่อง ช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้รับบริการ ๖๖๑ คน (๔) การมีส่วนร่วมในการพัฒนาจากท้องถิ่น มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น ๗,๗๓๖ แห่ง จากทั้งหมด ๗,๗๗๖ แห่ง และ (๕) การสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่” (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP) เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติทุกคน ทุกสิทธิสามารถเข้ารับบริการในโรงพยาบาลเอกชนนอกคู่สัญญา โดยไม่ต้องถูกถามสิทธิและไม่ต้องสำรองจ่ายล่วงหน้า ๒. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน เช่น ความต้องการรับบริการสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อความแออัดของหน่วยบริการ ความเสมอภาคในการเข้าถึงบริการสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ต้องขัง และพระภิกษุ ความแตกต่างระหว่างระบบการประกันสุขภาพภาครัฐ การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและเทคโนโลยีใหม่ ๆ (วัคซีน ยาใหม่ บัญชีนวัตกรรม) ภายใต้ข้อจำกัดด้านงบประมาณ เป็นต้น ๓. รายงานทางการเงินประจำปี ๒๕๖๐ ผลการดำเนินงานของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐) มีค่าใช้จ่ายรวมสูงกว่ารายได้รวม เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการให้บริการสาธารณสุขสูงกว่างบประมาณที่ได้รับจากค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว ค่าบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ และค่าบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง รวมทั้งจากค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยสิทธิสวัสดิการรักษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15667 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวนงพงา บุญเปี่ยม) | กค | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวนงพงา บุญเปี่ยม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (นักวิชาการคอมพิวเตอร์ทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๒. นายชัยยุทธ คำคุณ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15668 | รัฐบาลราชอาณาจักรนอร์เวย์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์ประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางแชสตี เริดส์มูน (Mrs. Kjersti Rodsmoen)] | กต | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางแชสตี เริดส์มูน (Mrs. Kjersti Rodsmoen) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์ประจำประเทศไทย คนใหม่ สืบแทน นายเชทิล เพาล์เซน (Mr. Kjetil Paulsen) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15669 | รัฐบาลสาธารณรัฐมัลดีฟส์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ประจำประเทศไทย [นายมุฮัมมัด นะชีด (Mr. Mohamed Nasheed)] | กต | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมุฮัมมัด นะชีด (Mr. Mohamed Nasheed) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร เป็นคนแรก สืบแทน นายมุฮัมมัด ซากิ (Mr. Mohamad Zaki) ซึ่งมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และเป็นเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ประจำประเทศไทย คนล่าสุด ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายอักษรสาส์นตราตั้ง เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15670 | รายงานผลการตรวจสอบที่มีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหา [เรื่อง สิทธิพลเมือง อันเกี่ยวเนื่องกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น กรณีเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงมีคำสั่งให้ขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย (We Move) ยุติการจัดเวทีนำเสนอและรับฟังความคิดเห็น ต่อร่างรัฐธรรมนูญ] | สม | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหา [เรื่อง สิทธิพลเมือง อันเกี่ยวเนื่องกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น กรณีเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงมีคำสั่งให้ขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย (We Move) ยุติการจัดเวทีนำเสนอและรับฟังความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ] ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การที่เจ้าหน้าที่ได้เจรจาขอความร่วมมือให้ขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย (We Move) ยุติการจัดเวทีนำเสนอและรับฟังความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. .... ของขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย (We Move) ถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมือง และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๓/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ และพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ เนื่องจากการจัดทำกิจกรรมดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาตตามขั้นตอน และมีข้อสรุปว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง อันจะนำไปสู่ความแตกแยกและมีผลกระทบต่อความสงบสุขของบ้านเมือง ๑.๒ การใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่อาจจำเป็นต้องจัดทำคู่มือสำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะกำหนดเรื่องนี้ไว้ในแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๔ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คู่มือการปฏิบัติงานดังกล่าวต้องมีรายละเอียดของแนวทางและขั้นตอนการปฏิบัติงานต่าง ๆ ที่ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วน ตามขอบเขตอำนาจหน้าที่และกำหนดแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมต่อประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย เช่น การกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติการต้องเริ่มจากเบาไปหาหนัก ต้องแจ้งให้ประชาชนผู้เกี่ยวข้องเข้าใจและยินยอมปฏิบัติตามโดยไม่ใช้การข่มขู่ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15671 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยปรับเพดานขยายขั้นค่าตอบแทนของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน จากเดิมที่มีจำนวน ๑๓ ขั้น ให้เท่ากับค่าตอบแทนอาสาสมัครทหารพรานที่มีจำนวน ๓๓ ขั้น ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นความเหลื่อมล้ำของค่าครองชีพ ควรมีมาตรการพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอื่น ๆ ทุกหน่วยงานซึ่งมีรายได้น้อย ให้ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เห็นควรให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาดำเนินการ และในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15672 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร12 | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กำหนดวันสิ้นสุดความรับผิดชอบการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ในส่วนของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบพระชนมพรรษา เป็นวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ และให้กรมธนารักษ์รับผิดชอบศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอเพิ่มเติม ๒. เห็นชอบอัตราการจ่ายค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ที่ปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวกับศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ ตามบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนครกำหนด ซึ่งจะต้องพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่เนื่องจากการยุบเลิกหน่วยงาน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณ ของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบพระชนมพรรษาของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ไปเป็นของกรมธนารักษ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขระยะเวลาในร่างมาตรา ๓ และร่างมาตรา ๗ ให้เป็นไปตามข้อ ๑ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในส่วนของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ ที่จะต้องพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ ควรให้ใช้จ่ายจากเงินสะสมของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และไม่มีความซ้ำซ้อน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับแนวทางการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15673 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แล้ว โดยการพัฒนาตลาดตราสารหนี้เป็นหน้าที่โดยตรงของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศจะพิจารณาให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดการเงินในแต่ละช่วงเวลา โดยมีกลไกการกำกับติดตาม และประเมินสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐตระหนักถึงความสำคัญเกี่ยวกับการบริหารการคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงได้มีการกำหนดกระบวนการกำกับดูแลการก่อหนี้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างรอบคอบรัดกุม ทั้งการกำกับดูแลจากหน่วยงานกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ซึ่งผ่านกลไกทางกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน (กฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ กฎหมายจัดตั้งท้องถิ่น มติคณะรัฐมนตรี และหลักเกณฑ์ของกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้อง) รวมทั้งกฎหมายที่จะตราขึ้นในอนาคต (ร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... และร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะว่าด้วยหลักเกณฑ์การกู้เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ซึ่งได้กำหนดมาตรการกำกับดูแลการก่อหนี้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้อย่างครบถ้วน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15674 | ผลการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 8 | วธ | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๘ (The 8th Asia-Europe Culture Ministers’ Meeting-ASEM CMM 8) ระหว่างวันที่ ๑-๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงโซเฟีย สาธารณรัฐบัลแกเรีย ซึ่งการประชุมดังกล่าวเป็นเวทีหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางส่งเสริมความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมให้มากขึ้น โดยคำนึงถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตระหว่างเอเชียและยุโรปภายใต้หัวข้อ “บทบาทของวัฒนธรรมในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ : แนวทางสำหรับอนาคต (The Role of Culture in International Relations : The Road Forward)” โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุม พร้อมทั้งกล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับการดำเนินการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศผ่านการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม เช่น การฉลองการครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต และการเดินสายเผยแพร่วัฒนธรรมในกลุ่มประเทศต่าง ๆ ในยุโรปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้นำเสนอมาตรการส่งเสริมความร่วมมือต่าง ๆ เช่น โครงการวัฒนธรรมสัญจรสำหรับคณะทูตานุทูต และการส่งเสริมให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการเสนอศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติหรือเสนอเป็นมรดกโลก เป็นต้น ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการรับรองแถลงการณ์ประธาน ซึ่งมีสาระสำคัญโดยสรุป คือ มุ่งเน้นการสนับสนุนบทบาทของวัฒนธรรมในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และส่งเสริมความเชื่อมโยงทางสังคมและวัฒนธรรมแต่ละสังคมเข้าด้วยกัน และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมต่อไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำประเด็นเกี่ยวกับพหุวัฒนธรรมมาเป็นหัวข้อหนึ่งในการเจรจาหารือร่วมกับประเทศต่าง ๆ ในการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15675 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดราชการอื่นที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 พ.ศ. .... | คค | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดราชการอื่นที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้สำนักข่าวกรองแห่งชาติเป็นราชการอื่นที่ได้รับยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ และตัดกรมศุลกากรออก เนื่องจากได้ถูกกำหนดให้เป็นหน่วยงานที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ แล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15676 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน เขตอำนาจ และวันเปิดทำการของศาลแขวง ในจังหวัดระยอง พ.ศ. .... (กำหนดวันเปิดทำการศาลแขวงระยอง วันที่ 1 ตุลาคม 2561) | ศย | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน เขตอำนาจ และวันเปิดทำการของศาลแขวง ในจังหวัดระยอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีศาลแขวงระยอง โดยมีเขตอำนาจในอำเภอทุกอำเภอ และให้เปิดทำการตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15677 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายชัยยุทธ คำคุณ) | กค | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวนงพงา บุญเปี่ยม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (นักวิชาการคอมพิวเตอร์ทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๒. นายชัยยุทธ คำคุณ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15678 | ความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ | ศธ | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดทำแผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาดำเนินการปรับปรุง (ร่าง) แผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติให้มีความสมบูรณ์ โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบภายในเดือนเมษายน ๒๕๖๑ ๒. การกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเร่งดำเนินการปรับปรุงกรอบมาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เมื่อเสร็จแล้วจะแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนต่อไป ๓. การปรับระดับมาตรฐานอาชีพให้สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน (กรมการจัดหางานและกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน) และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ได้ดำเนินการแล้ว โดยให้มีการวางแผนและติดตามผลการนำไปปฏิบัติและมีกระบวนการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม ๔. การชี้แจงและประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจัดพิมพ์เอกสาร “กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง” และจะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการใน ๕ ภูมิภาค เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในระยะต่อไป ๕. การวางแผนการผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ ระยะที่ ๑ ในสาขาช่างอากาศยาน ให้นำแผนแม่บทการพัฒนากำลังคนด้านช่างอากาศยานเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ส่วนระยะที่ ๒ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำหนดแผนการผลิตและพัฒนากำลังคนตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ๗ กลุ่มอาชีพ และระยะที่ ๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเพื่อคัดเลือกสาขาอาชีพเพิ่มเติมอีก ๓ กลุ่มสาขาอาชีพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15679 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การส่งเสริมสนับสนุนผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการประกอบหรือดัดแปลงรถยนต์ | อก | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ เกี่ยวกับการส่งเสริมสนับสนุนผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการประกอบหรือดัดแปลงรถยนต์ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีแผนการดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการที่มีความสามารถในการประกอบหรือดัดแปลงรถยนต์ ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตรถสามล้อสาธารณะ ดำเนินกิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ตามมาตรฐานภายในประเทศและส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้งานนวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาด ยกระดับเทคโนโลยีสู่ยานยนต์ไฟฟ้า และมุ่งสู่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งในปี ๒๕๖๑ ได้รับงบประมาณ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ (๒) โครงการพัฒนาเครือข่าย Food Truck ให้มีมาตรฐานความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ให้เกิดเครือข่ายผู้ประกอบการตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้ดัดแปลง ผู้ประกอบการ และเพิ่มช่องทางการตลาดให้เติบโตอย่างยั่งยืนและขยายตัวสู่อาเซียน ซึ่งในปี ๒๕๖๑ ได้รับงบประมาณจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท นอกจากนี้ ยังมีแผนการดำเนินการปกติของกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะดำเนินการในปี ๒๕๖๑ ได้แก่ โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ และการส่งเสริมด้านมาตรฐานความปลอดภัยให้ผู้ประกอบการ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านการเงิน การคลัง และแหล่งเงินทุน เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่รถสามล้อสาธารณะ (รถตุ๊กตุ๊ก) ปรับเปลี่ยนรถสามล้อสาธารณะในปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไปเป็นรถสามล้อที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ และในระยะต่อไปให้พิจารณาขยายผลการดำเนินการไปยังรถประเภทอื่น ๆ เช่น รถนำเที่ยว ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15680 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการ The Michelin Guide Thailand ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | กก | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการ The Michelin Guide Thailand ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) ร่วมกับบริษัท มิชลิน ทราเวล พาร์ทเนอร์ จำกัด จัดทำโครงการ The Michelin Guide Thailand เป็นโครงการต่อเนื่อง ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) เพื่อสร้างการรับรู้การท่องเที่ยวด้านอาหาร (Gastronomy Tourism) และอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายด้านอาหารจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๐ ได้เปิดตัวโครงการฯ และการแถลงข่าวเปิดตัวคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พักระดับโลก ฉบับกรุงเทพมหานคร ประจำปี ๒๕๖๑ หรือ “The Michelin Guide Bangkok 2018” รวมทั้งพิธีมอบรางวัล Chef Awards ซึ่งมีร้านอาหารที่ได้รับสองดาวมิชลิน ๓ ร้าน และระดับหนึ่งดาวมิชลิน ๑๔ ร้าน ซึ่งในจำนวน ๑๔ ร้าน มีเพียง ๑ ร้านที่เป็นร้านอาหารประเภทริมทาง (Street Food) คือ ร้านเจ๊ไฝ และเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ได้จัดพิธีประกาศรางวัล Chef Awards และงาน Gala Dinner ภายใต้แนวคิด “Reaching for the Stars” ภายในงานมีการจัดพื้นที่การแสดงสาธิตการจัดทำอาหารไทย “เมี่ยงกลีบบัว” ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก ๑.๒ สรุปความคุ้มค่าสื่อ หรือ Media Value จากการดำเนินงานโครงการฯ ปีที่ ๑ (ปี ๒๕๖๐) สามารถสร้างการรับรู้แก่นักท่องเที่ยวผ่านสื่อมวลชนชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ต่ำกว่า ๑๖๐ ล้านคน (เป้าหมาย ๑๕๐ ล้านคน) คิดเป็นมูลค่าสื่อในประเทศประมาณ ๑๐ ล้านบาท และสื่อต่างประเทศไม่ต่ำกว่า ๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๒๙๗ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาติดตามผลการดำเนินงานและประเมินผลสัมฤทธิ์ ผลประโยชน์ และความคุ้มค่าที่ได้รับจากการดำเนินโครงการฯ อย่างต่อเนื่องทุกปี โดยให้มีข้อมูลที่ครอบคลุมในประเด็นต่าง ๆ ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยว การเข้ารับบริการในภาคบริการ เช่น ร้านอาหาร ที่พัก และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เพื่อให้สามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล ในลักษณะการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ด้วย
|
.....