ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 466 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9301 - 9320 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9301 | รายงานผลการหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาของกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น | นร. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาของกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่นกรณีเรียกร้องขอให้ยกเลิกโครงการเมืองต้นแบบ
“สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ไปสู่เมืองต้นแบบที่ ๔ อำเภอจะนะ
จังหวัดสงขลา “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” ตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ)
ประธานกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมเสนอ ๒.
มอบหมายให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมรับรายงานผลการหารือฯ
ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้แนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนโดยด่วน
และนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบหรือพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9302 | ร่างข้อเสนอเรื่องมาตรการการห้ามหรือจำกัดการส่งออกสินค้าเกษตรที่เกี่ยวข้องกับโครงการอาหารโลก | พณ. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9303 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 20 | กต. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9304 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมเครื่องเล่น (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | มท. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9305 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสหกรณ์ที่จะรับจดทะเบียน วัตถุประสงค์ และขอบเขตแห่งการดำเนินกิจการของสหกรณ์แต่ละประเภท พ.ศ. .... | กษ. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสหกรณ์ที่จะรับจดทะเบียน วัตถุประสงค์
และขอบเขตแห่งการดำเนินกิจการของสหกรณ์แต่ละประเภท พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของสหกรณ์ที่จะรับจดทะเบียน วัตถุประสงค์
และขอบเขตแห่งการดำเนินกิจการที่จะพึงดำเนินการได้ของสหกรณ์แต่ละประเภท
ตามความในมาตรา ๓๓/๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับเนื้อหาในร่างข้อ
๖ ถึงร่างข้อ ๑๐ ของร่างกฎกระทรวง เป็นการกำหนดเกี่ยวกับการรับจดทะเบียนสหกรณ์
โดยเฉพาะในร่างข้อ ๙ ที่กำหนดให้นายทะเบียนสหกรณ์มีอำนาจกำหนดระเบียบในการรับจดทะเบียนจัดตั้งสหกรณ์ตามกฎกระทรวง
จึงเป็นการกำหนดเนื้อหาเกินมาตรา ๓๓/๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนั้น ร่างข้อ
๖ ถึงร่างข้อ ๑๐ จึงเป็นการกำหนดเนื้อหาเกินกว่าที่กฎหมายแม่บทกำหนดไว้ และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำหนดให้สหกรณ์ที่ประสงค์จะให้บริการรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ต้องหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย
และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และหากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสงค์ให้สหกรณ์ประเภทอื่นใดนอกจากสหกรณ์ร้านค้าสามารถให้บริการรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
เห็นควรกำหนดขอบเขตดังกล่าวไว้ในขอบเขตของสหกรณ์ประเภทนั้นในร่างกฎกระทรวงอย่างชัดเจน
รวมทั้งควรกำหนดระยะเวลาให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ประกอบธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่ายและรวบรวมผลผลิตของสมาชิกเพื่อการขายหรือแปรรูปอยู่ก่อนที่ร่างกฎกระทรวงประกาศใช้
ปรับเปลี่ยนรูปแบบดำเนินธุรกิจหรือจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงประเภทของสหกรณ์ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดในร่างกฎกระทรวง
นอกจากนี้ ควรกำหนดกระบวนการในช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การบังคับใช้ตามร่างกฎกระทรวง
ให้สหกรณ์ที่ได้รับจดทะเบียนไว้เดิมสามารถจดทะเบียนหรือดำเนินกิจการให้สอดคล้องถูกต้องตรงกับลักษณะ
วัตถุประสงค์
และขอบเขตแห่งการดำเนินกิจการตามประเภทของสหกรณ์ตามที่กำหนดในร่างกฎกระทรวง
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบและเข้าใจสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
พร้อมทั้งเตรียมแนวทางดำเนินการเพื่อรองรับกรณีสหกรณ์ที่มีการดำเนินการไม่สอดคล้องตามลักษณะของสหกรณ์ที่รับจดทะเบียน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9306 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และเป้าหมายการดำเนินการปรับปรุงท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวเกาะล้าน เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี | มท. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย (เมืองพัทยา) เปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และเป้าหมายการดำเนินการปรับปรุงท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวเกาะล้าน
เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จาก “ท่าเทียบเรือคอนกรีตเสริมเหล็ก
พร้อมทางขึ้น-ลงเรือ บริเวณท่าเทียบเรือหน้าบ้าน เกาะล้าน” เป็น
“การติดตั้งท่าเทียบเรือลอยน้ำสำเร็จรูป จำนวน ๓ แห่ง บนพื้นที่เกาะล้าน
เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ได้แก่ (๑)
ก่อสร้างท่าเทียบเรือโดยสารปรับระดับบริเวณท่าเทียบเรือหน้าบ้าน (๒)
ปรับปรุงสะพานศูนย์แพทย์ชุมชนบ้านเกาะล้าน และ (๓) ปรับปรุงท่าเทียบเรือปรับระดับหาดแสม
ในภายวงเงิน ๑๒๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้เห็นชอบความเหมาะสมของราคาแล้ว
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย (เมืองพัทยา)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และเป้าหมายการดำเนินการปรับปรุงท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวเกาะล้านควรพิจารณาดำเนินการเฉพาะในส่วนที่มีความจำเป็นเร่งด่วน
เพื่อรองรับความต้องการเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย
และคำนึงถึงความคุ้มค่าของงบประมาณและภาระงบประมาณในระยะยาวเป็นสำคัญ และควรพิจารณาเร่งรัดจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของการปรับปรุงท่าเทียบเรือหน้าบ้านเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการก่อนเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
การดำเนินแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ของเมืองพัทยาในคราวต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลเมืองพัทยาให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ
และการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) ที่ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการพิจารณาความจำเป็น
เหมาะสม คุ้มค่า ตลอดจนตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามโครงการนั้น ๆ
อย่างละเอียดรอบคอบ ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อน อย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9307 | คณะกรรมการการบินพลเรือนกำหนดนโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศเกี่ยวกับการมอบหมายให้บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานในการให้บริการการจัดการจราจรทางอากาศและบริการการเดินอากาศที่เกี่ยวเนื่องสำหรับการบินพลเรือนของประเทศไทย | กพท. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบนโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศไทยเกี่ยวกับการมอบหมายให้บริษัท
วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ
ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานให้บริการการจัดการจราจรทางอากาศและบริการการเดินอากาศที่เกี่ยวเนื่องสำหรับการบินพลเรือนของประเทศไทย
รวม ๓ ด้าน คือ (๑) ด้านบริการจัดการจราจรทางอากาศ (๒) ด้านบริการระบบการสื่อสาร
ระบบช่วยการเดินอากาศ และระบบติดตามอากาศยาน และ (๓)
ด้านบริการการออกแบบวิธีปฏิบัติการบินด้วยเครื่องวัดประกอบการบิน โดยให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยกำกับดูแลการให้บริการของบริษัท
วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด
ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดภายใต้พระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่คณะกรรมการการบินพลเรือนเสนอ ๒.
ให้คณะกรรมการการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม
คณะกรรมการการบินพลเรือน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และบริษัท
วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗
และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะการดำเนินการในการขอรับใบรับรองและการออกใบรับรองบริการการจัดการจราจรทางอากาศ
และบริการการเดินอากาศ การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
และระยะเวลาในการอนุญาตสำหรับการให้บริการดังกล่าว และ (๒)
เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด
โดยการให้บริการจราจรทางอากาศจะต้องคำนึงถึงการพัฒนาด้านการบินพลเรือน
ผลกระทบด้านความมั่นคงของประเทศ รวมถึงการรักษาประสิทธิภาพการให้บริการตามมาตรฐานและข้อเสนอแนะขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9308 | ผลการประชุมทางไกลเจ้าหน้าที่อาวุโสของประเทศสมาชิกและคู่เจรจาสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) การรับมือ ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วน | กต. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมทางไกลเจ้าหน้าที่อาวุโสของประเทศสมาชิกและคู่เจรจาสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ภายใต้หัวข้อ “การรับมือ ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วน”
เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ โดยที่ประชุมฯ ได้รับรองถ้อยแถลงร่วมของการประชุมฯ
ซึ่งมีสาระสำคัญไม่แตกต่างจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๑๙
พฤษภาคม ๒๕๖๓ โดยได้มีการเพิ่มเติมประเด็นเกี่ยวกับโควิด-๑๙ และประเด็นอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) การแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
และชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างหนัก (๒) การสนับสนุนด้านเทคนิค การเงิน
หรือมาตรการที่เหมาะสมแก่ประเทศสมาชิก โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม
และรายย่อย และกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบ (๓) การส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยในการพัฒนาวัคซีนและยารักษาโรค
ตลอดจนการเข้าถึงวัคซีนและยาอย่างเท่าเทียมกัน (๔) การยกระดับความร่วมมือเพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือคนชาติของประเทศสมาชิกที่อาศัย
ทำงานและศึกษา ในประเทศสมาชิกสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียด้วยกัน (๕)
การกระชับความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทาน
โดยการส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียโดยเฉพาะความเชื่อมโยงทางทะเล
การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การอำนวยความสะดวกการค้าทางทะเล รวมถึงพิธีการด้านศุลกากร
และ (๖) การสนับสนุนการเคลื่อนย้ายเสรีของสินค้าที่จำเป็น รวมถึงอาหาร เวชภัณฑ์
และอุปกรณ์ทางการแพทย์ และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9309 | ผลการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 | นร. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๔๖
บัญญัติให้สิทธิของผู้บริโภคย่อมได้รับความคุ้มครอง
บุคคลย่อมมีสิทธิรวมกันจัดตั้งองค์กรของผู้บริโภคเพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคและองค์กรของผู้บริโภคดังกล่าวมีสิทธิรวมกันจัดตั้งเป็นองค์กรที่มีความเป็นอิสระเพื่อให้เกิดพลังในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐ
จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒
ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยมีองค์กรต่าง ๆ ยื่นแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภคต่อนายทะเบียนกลางแล้ว
๖๖๖ องค์กร และนายทะเบียนกลางได้ประกาศรายชื่อแล้วรวม ๑๗๐ องค์กร ทั้งนี้
เมื่อนายทะเบียนกลางพิจารณาความถูกต้องครบถ้วนแล้วต้องดำเนินการประกาศการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคในราชกิจจานุเบกษา
และทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน
นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือวันที่รวบรวมองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคครบถ้วน ๒. เมื่อวันที่ ๘
ตุลาคม ๒๕๖๓ กลุ่มตัวแทนองค์กรผู้บริโภค ๑๕๑ องค์กร
ได้ยื่นเป็นผู้เริ่มก่อการพร้อมกับแจ้งหลักฐานการยินยอมเข้าร่วมขององค์กรของผู้บริโภคต่อผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ในการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคแล้ว พบว่าเอกสารองค์กรของผู้บริโภค ๗
องค์กรยังมีข้อบกพร่อง ทำให้ยังไม่อาจเริ่มนับระยะเวลา ๓๐ วัน
เพื่อประกาศจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคจนกว่าจะได้แก้ไขให้ถูกต้องครบถ้วน ๓.
พระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๑๙
บัญญัติให้รัฐบาลจัดสรรเงินอุดหนุนไว้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการจ่ายขาด
เพื่อเป็นทุนประเดิมเบื้องต้นให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภคที่จัดตั้งขึ้นจำนวนไม่น้อยกว่า
๓๕๐ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการดำเนินการให้เกิดการรวมตัวกันขององค์กรของผู้บริโภคอย่างแท้จริงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันประกาศจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค โดยให้การจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภคให้เป็นไปตามระเบียบที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนด
ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการยกร่างระเบียบสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจ่ายเงินอุดหนุนแก่สภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. .... ไว้เรียบร้อยแล้ว
และได้หารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นการจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อเป็นทุนประเดิมเบื้องต้นให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค
จำนวน ๓๕๐ ล้านบาท ว่าจะต้องจัดสรรให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภคสภาแรกสภาเดียวหรือไม่
อย่างไร [เรื่องนี้คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑๑) ได้พิจารณาข้อหารือดังกล่าว
โดยมีผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
สำนักงบประมาณ และผู้แทนกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริง
มีความเห็นว่า การจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อเป็นทุนประเดิมเบื้องต้นให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค
ตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒
จะต้องพิจารณาจ่ายให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภคที่นายทะเบียนกลางได้มีการประกาศจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค
ตามมาตรา ๙ วรรคสี่ เป็นครั้งแรกหลังจากวันที่พระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค
พ.ศ. ๒๕๖๒ ใช้บังคับเพียงสภาเดียวเท่านั้น]
ซึ่งในการขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นเงินอุดหนุนจ่ายขาดให้กับสภาองค์กรของผู้บริโภค
เพื่อเป็นทุนประเดิมเบื้องต้น
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9310 | แนวทางการจัดทำแผนระดับที่ 3 ที่เป็นแผนปฏิบัติการด้าน... เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี | นร.11 | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการจัดทำแผนระดับที่
๓ ที่เป็นแผนปฏิบัติการด้าน... ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓
ที่เป็นแผนปฏิบัติการด้าน...
ในส่วนของเนื้อหาของแผนมีองค์ประกอบและหลักเกณฑ์ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนด
และให้มีระยะเวลาการดำเนินแผนงานสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
แผนปฏิรูปประเทศ และแผนความมั่นคง (ห้วงละ ๕ ปี) โดยระยะแรกคือ ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ๑.๒ แนวทางการเสนอแผนระดับที่ ๓
ที่เป็นแผนปฏิบัติการด้าน... เพื่อการประกาศใช้ แบ่งเป็น ๓ กรณี คือ (๑)
กรณีมีกฎหมายกำหนดให้จัดทำและเสนอแผน (๒) กรณีไม่มีกฎหมายกำหนดให้จัดทำแผน และ (๓)
กรณีการจัดทำแผนผ่านทางกลไกฝ่ายบริหาร ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงาน
ก.พ.ร. และข้อเสนอแนะของสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดองที่เห็นควรให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติวิเคราะห์ความเกี่ยวโยงหรือทับซ้อนของแผนเพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการบูรณาการแผนเหล่านั้นให้เป็นแผนภาพรวมในฉบับเดียวเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
และเห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง
ชัดเจนให้แก่ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถึงความแตกต่างระหว่างแผนการขับเคลื่อน
Big Rock และแผนปฏิบัติการด้าน... เช่น
ลำดับความสำคัญของแผน วิธีการจัดทำแผน วิธีการขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติ
รวมถึงการนำแผนต่าง ๆ เข้าสู่ระบบ eMENSCR เพื่อความสะดวกในการติดตาม
ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
แผนแม่บทและแผนการปฏิรูปประเทศต่อไป รวมทั้งเห็นควรให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ ธันวาคม ๒๕๖๓ ในส่วนของการพิจารณาทบทวนกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน
และการเสนอร่างกฎหมายต่าง ๆ ในอนาคต เพื่อมิให้มีบทบัญญัติให้หน่วยงาน/คณะกรรมการ
ต้องเสนอแผนต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่จำเป็นให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งจัดทำคู่มือการจัดทำแผนระดับต่าง
ๆ (Handbook) ที่มีคำอธิบายที่ชัดเจน เข้าใจง่าย
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมทั้งให้ชี้แจงทำความเข้าใจแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ ให้เสนอคู่มือดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบก่อนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9311 | แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 | มท. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนบูรณาการฯ
เพื่อเป็นกรอบแนวทางการดำเนินงาน
โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการในลักษณะยึดพื้นที่เป็นตัวตั้งควบคู่กับการดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการดำเนินการเพื่อเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) โดยบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนร่วมดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนทั้งจากคน
ยานพาหนะ ถนน
และสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุดและเพื่อดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนให้ครอบคลุมทุกมิติในช่วงเทศกาลปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยกำหนดช่วงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ ๑-๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
และช่วงการดำเนินงาน แบ่งเป็น ช่วงก่อนควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๘ ธันวาคม
๒๕๖๓ ช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓-๔ มกราคม ๒๕๖๔
และช่วงหลังควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ ๕-๑๑ มกราคม ๒๕๖๔
โดยมีมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เช่น มาตรการด้านการบริหารจัดการ
และมาตรการด้านลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม เป็นต้น ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9312 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9313 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจชั่งตวงวัดและการจดทะเบียนเครื่องหมายเฉพาะตัว พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการอนุญาตให้ผู้ผลิตหรือผู้ซ่อมเป็นผู้ตรวจสอบและให้คำรับรองเครื่องชั่งตวงวัดที่ตนผลิตหรือซ่อม พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | พณ. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง
รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจชั่งตวงวัดและการจดทะเบียนเครื่องหมายเฉพาะตัว
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการชั่งตวงวัด
และหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนเครื่องหมายเฉพาะตัว ๒. ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตให้ผู้ผลิตหรือผู้ซ่อมเป็นผู้ตรวจสอบและให้คำรับรองเครื่องชั่งตวงวัดที่ตนผลิตหรือซ่อม
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการออกใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาต
และการขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาตให้ผู้ผลิตหรือผู้ซ่อมเป็นผู้ตรวจสอบและให้คำรับรองเครื่องชั่งตวงวัดที่ตนผลิตหรือซ่อม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9314 | รายงานผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560 - 2564) ประจำปี 2562 | กค. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทย
ฉบับที่ ๓ (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ประจำปี ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑)
ผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนฯ ประจำปี ๒๕๖๒
ซี่งมีแผนงานที่ดำเนินงานแล้วเสร็จ จำนวน ๒๔ แผนงาน แผนงานที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ
จำนวน ๑๐ แผนงาน แผนงานที่ล่าช้ากว่ากำหนด จำนวน ๑๑ แผนงาน
และแผนงานที่ไม่เป็นไปตามแผน จำนวน ๑ แผนงาน และ (๒)
การประเมินผลสัมฤทธิ์ของแผนพัฒนาตลาดทุนฯ ระยะครึ่งแผน ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย
ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ได้มีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการดังกล่าว
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลประเมินผลสัมฤทธิ์ของแผนการพัฒนาตลาดทุนฯ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9315 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะหรือประเภทของงานที่ห้ามผู้จ้างงานจ้างผู้รับงานไปทำที่บ้านทำงาน พ.ศ. .... | รง. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะหรือประเภทของงานที่ห้ามผู้จ้างงานจ้างผู้รับงานไปทำที่บ้านทำงาน
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะงานหรือประเภทงานที่ห้ามผู้จ้างงานจ้างผู้รับงานไปทำที่บ้านทำงาน
โดยเป็นงานเกี่ยวกับความร้อนจัดอันอาจเป็นอันตรายและงานอื่นที่อาจเป็นอันตราย
กระทบต่อสุขภาพ ความปลอดภัย หรือคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรต้องพิจารณาให้ครอบคลุมถึงลักษณะและประเภทของงานที่ต้องใช้แสงสว่าง
เช่นเดียวกับเรื่องความร้อนและเสียง ตามที่กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการ
และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง เสียง พ.ศ. ๒๕๕๙ กำหนด
เพื่อให้การกำหนดลักษณะหรือประเภทของงานที่ห้ามผู้จ้างงานจ้างงานผู้รับงานไปทำที่บ้านเป็นไปอย่างครอบคลุม
และควรให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินสภาวะการทำงานของผู้รับงานไปทำที่บ้าน
เพื่อตรวจสอบสภาพการทำงานของผู้รับงานไปที่บ้านไม่ให้มีการปฏิบัติงานที่เกินกว่าค่ามาตรฐานของสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีความปลอดภัยที่กำหนดไว้ในร่างกฎกระทรวงฉบับนี้
เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการคุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้รับงานไปทำที่บ้านอย่างแท้จริง
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การคุ้มครองแรงงานควรต้องคำนึงถึงกรณีที่ผู้รับงานไปทำที่บ้านที่เป็นผู้สูงอายุ และสภาพความพิการของผู้รับจ้างที่เป็นคนพิการ ซึ่งควรต้องได้รับการคุ้มครองในด้านสุขภาพและความปลอดภัยในการรับงานไปทำงานที่บ้าน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9316 | มาตรการเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตเกี่ยวกับการลักลอบซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถาน | ปช. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบมาตรการเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตเกี่ยวกับการลักลอบซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถาน
เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่
หรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามมาตรา ๓๒
แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.
๒๕๖๑ โดยสาระสำคัญของมาตรการฯ ครอบคลุมการดำเนินการเพื่อป้องกันการกระทำการทุจริตของเจ้าหน้าที่
๔ กรณี ได้แก่ (๑)
กรณีผู้ต้องขังภายในเรือนจำที่เป็นผู้มีอิทธิพลทางการเงินสามารถติดต่อสั่งการค้ายาเสพติดได้อย่างอิสระกับเครือข่ายภายนอกเรือนจำ
(๒) กรณีการตรวจสอบพบยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถาน (๓)
กรณีผู้ต้องขังให้สินบนกับเจ้าหน้าที่เพื่อใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต
ทำให้เกิดการซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถาน และ (๔)
กรณีผู้ต้องขังในเรือนจำที่เป็นผู้มีอิทธิพลทางการเงินสามารถสั่งการให้เครือข่ายค้ายาเสพติดข่มขู่หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำมาตรการเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตเกี่ยวกับการลักลอบซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถานไปถือปฏิบัติหรือดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด)
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับหน่วยงานที่มีหน้าที่ต้องดำเนินการตามมาตรการฯ
ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและความได้สัดส่วนในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ
เช่น สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวตามมาตรา ๓๒ เสรีภาพในการติดต่อสื่อสารตามมาตรา ๓๖
และเสรีภาพในการประกอบอาชีพตามมาตรา ๔๐
รวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่อดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวต้องคำนึงถึงมาตรา
๗๗ ของรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9317 | แผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563-2565) | ปช. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแปลงแนวทางการพัฒนาของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ผลักดันไปสู่การปฏิบัติและบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายของแผนแม่บทฯ
ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ประกอบด้วย ๒ แผนย่อย คือ แผนย่อยการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ
และแผนย่อยการปราบปรามการทุจริต มีโครงการภายใต้แนวทางการพัฒนา จำนวนทั้งสิ้น ๙๗๑
โครงการ วงเงินรวม ๑๐,๒๔๘,๓๑๓,๕๐๐ บาท และให้หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ
องค์การมหาชน และภาคเอกชน แปลงแนวทางตามแผนปฏิบัติการฯ สู่การปฏิบัติ
โดยกำหนดไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปี และรายงานผลการดำเนินงานตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนด
ตามที่คณะกรรมการ ป.ช.ป. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน
ป.ช.ป. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๓ ที่เห็นว่า (๑)
ควรประเมินผลสำเร็จของการดำเนินการด้านการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของประเทศไทยที่ผ่านมา
โดยการเปรียบเทียบผลการดำเนินการและงบประมาณที่ใช้ในการต่อต้านการทุจริตในอดีตกับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย
เพื่อใช้ประเมินผลความสำเร็จในการดำเนินงานและสามารถใช้เป็นข้อมูลเพื่อนำมาปรับปรุงในการจัดทำแผนและกำหนดแนวทางที่เหมาะสมให้เกิดประสิทธิภาพ
สามารถบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายได้ต่อไป (๒)
ตัวชี้วัดด้านข้อร้องเรียนเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่ถูกชี้มูลความผิด ควรพิจารณาเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่มาจากการร้องเรียนของประชาชน
เช่น
ข้อมูลการร้องเรียนหรือร้องทุกข์ของประชาชนที่ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน
(สายด่วน ๑๑๑๑)
ซึ่งสามารถจำแนกตำแหน่งที่ตั้งของผู้ร้องเรียนเพื่อทำฐานข้อมูลการร้องเรียนด้วยระบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพและเปิดเผยได้
รวมทั้งกำหนดระดับความสำเร็จในการดำเนินการแก้ไขตามข้อร้องเรียนของประชาชนไว้ในตัวชี้วัดด้วย
เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน และ (๓) ควรนำเทคโนโลยีการเชื่อมโยงข้อมูลดิจิทัลจากหน่วยงานต่าง
ๆ ที่ทำหน้าที่เก็บทะเบียนสินทรัพย์ต่าง ๆ (เช่น ที่ดิน บ้าน หุ้น รถยนต์
บัญชีเงินฝาก) รวมเข้ากับระบบของ ป.ช.ป.
เพื่อให้การยื่นบัญชีทรัพย์สินเหลือเพียงการตรวจสอบทะเบียนที่รวบรวมได้กับการยื่นในส่วนที่ไม่มีหน่วยงานใดเป็นผู้เก็บทะเบียนของสินทรัพย์
เช่น เงินสด หรือทรัพย์สินที่เป็นของรูปพรรณต่าง ๆ ในขณะที่บัญชีทรัพย์สินในส่วนที่สามารถเข้าถึงได้ด้วยระบบเทคโนโลยีนั้น
ควรกำหนดให้สำนักงาน ป.ช.ป. สามารถขอรับข้อมูลผ่านระบบดิจิทัลจากสถาบันการเงินหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องได้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9318 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดหรือประเภทของอาคาร หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เจ้าของอาคาร ผู้ครอบครองอาคาร หรือผู้ดำเนินการต้องจัดให้มีการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... | มท. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดหรือประเภทของอาคาร หลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไข และจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เจ้าของอาคาร ผู้ครอบครองอาคาร
หรือผู้ดำเนินการต้องจัดให้มีการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย
และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดชนิดหรือประเภทของอาคารที่เจ้าของอาคารหรือผู้ครอบครองอาคารหรือผู้ดำเนินการต้องทำการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต
ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก พ.ศ. ๒๕๔๘ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไขและจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เจ้าของอาคาร ผู้ครอบครองอาคาร
หรือผู้ดำเนินการ ต้องทำการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย
และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
เพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายหรือสูญเสียต่อชีวิต ร่างกาย
และทรัพย์สิน อันเนื่องมาจากการก่อสร้างอาคาร สภาพอาคาร การบำรุงรักษาอาคาร
หรือการใช้อาคาร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยที่เห็นควรแก้ไขถ้อยคำร่างกฎกระทรวงฯ
เช่น ร่างข้อ ๓ ควรแก้ไขจาก “...
ผู้ดำเนินการต้องจัดให้มีการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย
และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ...” เป็น “...
ผู้ดำเนินการต้องให้มีการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย
และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก อันเนื่องมาจากการก่อสร้างอาคาร ดัดแปลง
เคลื่อนย้ายหรือรื้อถอนอาคาร ...” ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับการดำเนินงานให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎกระทรวงฯ
อย่างเข้มงวด เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9319 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำพรม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำพรม
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำพรม ในท้องที่ตำบลโนนทอง
อำเภอเกษตรสมบูรณ์ และตำบลสามสวน อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9320 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส) | นร.04 | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|