ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 462 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9221 - 9240 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9221 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2564 | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน
ประจำปี ๒๕๖๔ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๔
ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑-๓
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายการเงินรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน ขอให้ กนง.
เร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี
และสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนถึงแนวทางในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป
นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายการเงินในปี ๒๕๖๔
ควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างความมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถกลับเข้าสู่เป้าหมายของนโยบายการเงินควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพในระบบการเงินของประเทศ
รวมทั้งมีความยืดหยุ่นต่อเงื่อนไขของการดำเนินนโยบายการเงินและความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9222 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย 1 ขวา ของแม่น้ำน้อย - แม่น้ำผักไห่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย 1 ขวา ของแม่น้ำน้อย - แม่น้ำผักไห่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จำนวน
๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลเฉนียง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ถึงกิโลเมตรที่ ๑๖.๗๐๐ ในท้องที่ตำบลตระแสง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวา ของแม่น้ำน้อย-แม่น้ำผักไห่
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวา
ของแม่น้ำน้อย-แม่น้ำผักไห่ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลองครักษ์
อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ถึงกิโลเมตรที่ ๑๑.๒๔๐ ในท้องที่ตำบลอ่างแก้ว
อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9223 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | ศธ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
(Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom
of Thailand and the Government of the Socialist Republic of Viet Nam on co-operation in the field of education) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการดำเนินความร่วมมือด้านการศึกษาเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านวิชาการในขอบเขตและรูปแบบต่าง
ๆ เช่น การอำนวยความสะดวกในโครงการแลกเปลี่ยนผู้นำทางการศึกษาและฝึกอบรมครู
ผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหาร นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา
การส่งเสริมการเชื่อมโยงของโรงเรียนและสถาบันการศึกษา
การจัดการศึกษาและพัฒนาหลักสูตร การอำนวยความสะดวกด้านการสอนภาษาไทยและภาษาเวียดนาม
การแลกเปลี่ยนวัสดุอุปกรณ์และข้อมูลทางการศึกษา
ตลอดจนการประชุม/สัมมนาและทุนการศึกษา เป็นต้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า (๑) ขอบเขตความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ
ควรระบุให้ชัดเจนว่าครอบคลุมการศึกษาในระดับใด และควรพิจารณาเพิ่ม STEM
Education ในสาขาความร่วมมือด้วย และ (๒) ค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมคณะทำงานร่วมที่จะเกิดขึ้น
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการและกิจกรรม ภายใต้กรอบ MOU หรือตามพันธกรณีด้านการศึกษา ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว
สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นในการดำเนินกิจกรรมภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจฯ
ให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วในโอกาสแรก
ส่วนค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9224 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา
พ.ศ. ๒๕๕๔
เพื่อกำหนดให้การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญในตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ
และการให้พ้นจากตำแหน่งของข้าราชการรัฐสภาสามัญสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9225 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี
งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ประกอบด้วยรายงานผลการดำเนินงานปีบัญชี
๒๕๖๒ เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๖๑ ผลการดำเนินงานด้านสินเชื่อและรับประกัน และทิศทางและแผนงานปี
๒๕๖๓-๒๕๖๗ ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9226 | ของขวัญปีใหม่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำหรับประชาชน ปี 2564 | พม. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำหรับประชาชน ปี ๒๕๖๔ ได้แก่ (๑)
การพัฒนาที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย โครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย
“บ้านเคหะสุขประชา”จำนวน ๒๐,๐๐๐ หน่วย และ ปรับปรุง/ซ่อมแซมบ้าน
สำหรับกลุ่มเปราะบาง จำนวน ๒๕,๐๖๔ หลัง และ (๒) ๑๓๐๐ ทั่วไทย สายด่วน พม.
“ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สร้างความอุ่นใจ อยู่ใกล้ประชาชน” ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9227 | ของขวัญปีใหม่ปี 2564 ของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่
๒๕๖๔ ของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) โครงการคนละครึ่ง
ระยะที่ ๒ (๒) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ ๒
(๓) การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (๔)
โครงการกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ ๑๐ บาท นิวนอร์มอลพลัส (๕) มาตรการเพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระทางการเงิน
เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และ (๖)
โครงการไมโครไซต์ศูนย์รวมความรู้การระดมทุนผ่านตลาดทุน (โครงการไมโครไซต์ Start
to Grow) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9228 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | ดศ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินแผนงาน/โครงการที่สามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชนได้ในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9229 | โครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 สำหรับประชาชน ของกระทรวงคมนาคม | คค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ สำหรับประชาชน ของกระทรวงคมนาคม ซี่งได้ดำเนินโครงการ/กิจกรรมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) การส่งเสริมการท่องเที่ยวของประชาชนเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ (๒)
การให้บริการฟรี/ยกเว้นค่าจัดเก็บค่าธรรมเนียม/การปรับลดอัตราค่าบริการของหน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคมในช่วงเทศกาลปีใหม่
(๓) ส่งความสุขด้วยการแจกของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ และ (๔)
การขยายเวลาให้บริการและการออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9230 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2564 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ (๑)
ของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ สร้างสุขของคนไทย และ (๒) ของขวัญ สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๔
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9231 | ของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2564 ของกระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการโครงการ/กิจกรรมของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกระทรวงยุติธรรม
โดยส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดการดำเนินการโครงการ/กิจกรรม
ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการอำนวยความยุติธรรม
ลดความเหลื่อมล้ำเพื่อประโยชน์ต่อประชาชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9232 | โครงการของขวัญปีใหม่ปี 2564 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่ปี
๒๕๖๔ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ได้แก่ (๑)
โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารออมสิน (๒) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(๓) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) (๔)
โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
(ธพว.) (๕) โครงการของขวัญปีใหม่ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (๖) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
และ (๗) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9233 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | พณ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชน โดยมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ (๑) พาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน “New
Year Grand Sale 2021” (๒) มหกรรมธงฟ้าต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๔ (๓)
ขยายเวลาการให้บริการประชาชนนอกเวลาทำการ (๔) ลดค่าธรรมเนียมและขั้นตอนเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า
(๕) มอบส่วนลดให้ผู้ประกอบการและประชาชน (๖) งานแสดงและจำหน่ายสินค้า และ (๗)
กิจกรรมส่งเสริมความรู้ในการประกอบธุรกิจ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9234 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9235 | แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ปี 2563/64 | กษ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม
ปี ๒๕๖๓/๖๔ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยคณะทำงานป้องกันและเฝ้าระวังการเผาเศษซากพืชหรือวัชพืช
และเศษวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่การเกษตร มีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน ได้จัดทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม
ปี ๒๕๖๓/๖๔
เพื่อเป็นแนวทางการเฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมอย่างเป็นระบบ
รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดมาตรการดำเนินการแบ่งเป็น ๓ มาตรการ ได้แก่
มาตรการป้องกัน มาตรการยับยั้ง/เผชิญเหตุ และมาตรการแก้ไข/ฟื้นฟู
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9236 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี 2562 | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ พร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๒ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะอย่างเคร่งครัดต่อไป
โดยในการประชุมคณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๕
มิถุนายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ
จำนวน ๕๓ แห่ง
รวมทั้งมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมและในรายสาขาเพื่อให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งต้องทบทวนและปรับตัวให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่ความปกติใหม่
และต้องเร่งพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำแผนพัฒนาองค์กรปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘
และแผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๖๓ (ฉบับปรับปรุง ตุลาคม ๒๕๖๓)
โดยมีการวางแผนและกำหนดแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับสภาพการแข่งขัน
ปัจจัยการเปลี่ยนแปลง ทิศทางและแนวโน้มของธุรกิจสื่อ
รวมถึงตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัท
อสมท จำกัด (มหาชน)
ควรให้ความสำคัญเรื่องการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการบริหารจัดการที่ดีที่อยู่ในพื้นที่ที่มีมูลค่าสูงด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9237 | บทสรุปผู้บริหาร (Executive Summary) ของประเทศไทยสำหรับการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 รอบที่ 2 | ปช. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบทสรุปผู้บริหาร
(Executive Summary) ของประเทศไทย
สำหรับการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต
ค.ศ. ๒๐๐๓ (United Nations Convention against Corruption : UNCAC) รอบที่ ๒ ประกอบด้วย ข้อมูลการต่อต้านการทุจริตและการติดตามทรัพย์สินคืนของประเทศไทย
และข้อเสนอแนะของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United
Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) เกี่ยวกับเรื่องมาตรการป้องกันการทุจริตและการติดตามทรัพย์สินคืน
รวมทั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความสำเร็จและแนวปฏิบัติที่ดีในการดำเนินการดังกล่าว
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9238 | การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการดำเนินงานของโครงการกระตุ้นการเดินทาง
“Workation Thailand ทำงานเที่ยวได้
รวมใจช่วยชาติ” และสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ซี่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ
จากเดิมที่มีผลใช้บังคับตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๙๗) พ.ศ. ๒๕๖๓ กำหนดให้สิ้นสุดวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวและการกระจายรายได้สู่พื้นที่เมืองรอง
รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมตามนโยบายของรัฐบาล
โดยให้กระทรวงการคลังประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินมาตรการ
ตลอดจนภาระทางการคลังที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินมาตรการ
และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9239 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2565-2568) | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๕-๒๕๖๘)
เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า
ในการบริหารนโยบายการคลังในปี ๒๕๖๔
ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านรายรับและรายจ่าย เพื่อรักษาดุลการคลังให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และในระยะปานกลางควรให้ความสำคัญกับการเร่งรัดดำเนินการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้โดยการทบทวนโครงสร้างภาษีในปัจจุบันควบคู่กับใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจัดเก็บรายได้
การควบคุมการจัดสรรงบประมาณ
การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน และการเพิ่มศักยภาพการถ่ายโอนภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และการบริหารหนี้สาธารณะตามที่เสนอไว้ในแผนการคลังระยะปานกลาง
เพื่อรักษากรอบวินัยการเงินการคลังและฐานะการคลังของภาครัฐ นอกจากนี้
ควรมีการประเมินผลกระทบต่อฐานะการคลังภายใต้สถานการณ์จำลองต่าง ๆ (scenario
planning) เพื่อให้สามารถวางแผนรับมือได้อย่างทันการณ์
และให้ความสำคัญกับการสื่อสารต่อสาธารณชนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อแนวทางการดำเนินนโยบายการคลังและฐานะการคลังในระยะข้างหน้า
โดยเฉพาะการเพิ่มศักยภาพสู่ความยั่งยืนทางการคลังผ่านหลัก 3Rs ได้แก่ (๑) Reform : การปฏิรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
(๒) Reshape : การปรับโครงสร้างการจัดสรรงบประมาณ และ (๓) Resilience
: การบริหารหนี้สาธารณะอย่างมีภูมิคุ้มกันและสามารถรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9240 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 15/2563 | นร. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) ความคืบหน้าการพัฒนาและผลิตวัคซีนโรคโควิด-19
(๓) การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามแนวชายแดน (๔) การดำเนินการให้เป็นไปตามข้ออนุมัติของนายกรัฐมนตรีตามการเสนอของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (๕) ร่างเอกสารข้อเสนอการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือช่องทางพิเศษของฝ่ายไทย
(Special Arrangement) (๖) การรายงานความคืบหน้าแอปพลิเคชัน
Thailand Plus (๗) การให้ความช่วยเหลือจากบัญชี
“สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) (๘) การบูรณาการการบริหารสำหรับการป้องกัน
ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และ (๑๐)
ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|