ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 463 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9241 - 9260 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9241 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 (โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2) | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบความเห็นและการดำเนินงานในโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ระยะที่ ๒ ซึ่งเป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๓
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๓
ที่เสนอให้ใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ ๒.๑
ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ที่เห็นควรเร่งดำเนินการพัฒนาระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐ
เพื่อรองรับการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือแบบมุ่งเป้าหมายหรือระบบสวัสดิการแห่งรัฐ
ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9242 | รายงานผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์ ของกระทรวงคมนาคม | คค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์
รวมทั้งประเด็นปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาของจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์
เช่น การแก้ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม การดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร
และการเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวในรูปแบบวิถีใหม่ เป็นต้น
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการขับเคลื่อนไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น (๑)
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในระดับพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
และ (๒) ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้รับจัดสรรแล้วในโอกาสแรก
และบูรณาการร่วมกันจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
9243 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน-บางพลี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข
๙ สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน-บางพลี (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มวิธีการชำระค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับการใช้ยานยนตร์ผ่านทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร
(ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน-บางพลี
เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกในการชำระค่าธรรมเนียมแก่ประชาชนผู้ใช้ยานยนตร์ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง
รวมถึงประโยชน์ในการเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และการได้มาซึ่งค่าธรรมเนียมผ่านทางภายหลังการใช้บริการควรจะทันต่อเวลาหรือกำหนดเวลาอย่างชัดเจน
รวมทั้งควรติดตามและประเมินผลการนำระบบเทคโนโลยีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางสมัยใหม่มาใช้
ตลอดจนเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางด้วยระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ดังกล่าวให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ ควรประสานและบูรณาการร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทยในการปรับปรุงพัฒนาระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางบนทางพิเศษและทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองด้วยระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้ครอบคลุมทุกโครงข่ายการบริการ
เพื่อมุ่งสู่การเดินทางแบบไร้รอยต่อ (Seamless) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9244 | ร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. | สธ. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดอัตราโทษตามร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันด้วย ๑.๒
ให้สำนักงบประมาณเร่งพิจารณาเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแยกกัก กักกัน
หรือคุมไว้สังเกตอาการของบุคคลที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ
และค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากโรคดังกล่าว ทั้งที่เป็นคนไทย ชาวต่างประเทศ
และบุคคลไร้สัญชาติ แล้วแจ้งผลการพิจารณาไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็ว
เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ๒.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโรคติดต่อ
พ.ศ. ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อ
เพื่อให้มาตรการทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมีความเหมาะสมในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 หรือโรคโควิด 19 และโรคติดต่ออื่นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้นำข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี
(นายวิษณุ เครืองาม)
รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำหนดบทบัญญัติให้มีกลไกสำคัญในระดับพื้นที่ในการร่วมดำเนินการ
เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จิตอาสา เป็นต้น
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหา เฝ้าระวัง และติดตามกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่
ซี่งจะนำไปสู่การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคได้อย่างทันท่วงที
และควรพิจารณาให้ครอบคลุมถึงบุคคลอื่นนอกจากผู้ที่พบว่าตนเป็นหรือสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อ
เช่น บุคคลที่พบผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้ไม่ปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวัง
ควบคุม ป้องกันโรค ผู้ร่วมอาศัยกับผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรค เป็นต้น
เพื่อส่งเสริมภาคประชาชนให้มีส่วนสำคัญในการเฝ้าระวังโรคติดต่อ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๓.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๔.
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่าย
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
แล้วแจ้งผลการพิจารณาไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
9245 | รายงานผลการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญาเงินกู้ COVID-19 Active Response and Expenditure Support Program (Loan Numbers 3945/3949-THA) เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เพื่อกู้เงินวงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากธนาคารพัฒนาเอเชีย
โดยรายละเอียดสัญญาเงินกู้ดังกล่าวมีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่
๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ทุกประการ ทั้งนี้
กระทรวงการคลังได้ส่งประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกู้เงินดังกล่าวไปเพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วยแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9246 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถีและทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 | คค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างประกาศกระทรวงคมนาคม
เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี)
ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์)
กับทางพิเศษบูรพาวิถีเป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ
ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ
(ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๓ และร่างประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง
กำหนดให้ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์)
และทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษกาญจนาภิเษก
(บางพลี-สุขสวัสดิ์) เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ
และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๓
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี
(ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี)
ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยไม่มีการจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม
๒๕๖๓ เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ถึงวันที่ ๔ มกราคม เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9247 | ผลการดำเนินงานโครงการ Thailand-OECD Country Programme ของนโยบายด้านกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา | นร.09 | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการดำเนินงานโครงการ Thailand OECD Country Programme ของนโยบายด้านกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
โดยเอกสารดังกล่าวมีเนื้อหาเป็นการวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานปฏิรูปกฎหมายตามหลักการด้านการพัฒนากฎหมายให้ดีขึ้น
(Better Regulation Principles) ตามมาตรา ๗๗
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้เกิดการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินการปฏิรูประบบกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไม่ว่าจะเป็นการวางหลักการกำกับดูแล กฎระเบียบ การตรวจสอบ
และการนำแนวปฏิบัติที่ดีด้านกฎระเบียบ รวมทั้งเครื่องมือด้านการบริหารจัดการต่าง ๆ
มาปรับใช้ โดยข้อตรวจพบของ OECD แสดงให้เห็นว่า
ประเทศไทยได้ดำเนินการพัฒนากฎหมายตามหลักการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ
และเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในช่วง ๒
ทศวรรษที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเสนอข้อแนะนำ (Key recommendations) เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด
ข้อแนะนำชุดนี้เป็นแนวปฏิบัติทั้งในระยะสั้นและระยะกลางที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการอยู่แล้ว
จึงสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที ซึ่งจะมีผลดีต่อการพัฒนาระบบกฎหมายในระยะยาว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดดำเนินการยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน
หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต หรือการประกอบอาชีพของประชาชน ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9248 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ | อก. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติระหว่างปี
๒๕๖๑-๒๕๖๓ เช่น
การฝึกอบรมการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติให้กับแรงงานภาคอุตสาหกรรม
และการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อให้บริการกับผู้ประกอบการ เป็นต้น ๒.
การพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ
ยังคงมีอุปสรรคด้านขีดจำกัดของเทคโนโลยีภายในประเทศ
ทำให้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้
อุตสาหกรรมดังกล่าวยังมีโอกาสในการถูกนำมาใช้มากขี้นในอนาคตและสมควรได้รับการพัฒนาให้ทันต่อสถานการณ์โลกปัจจุบัน ๓.
แนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในระยะต่อไป เช่น
การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในประเทศอย่างครบวงจร
และการพัฒนาระบบอัตโนมัติอย่างง่ายที่เหมาะสมกับบริบทของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SME) ในภูมิภาค เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9249 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม 2563)] | นร. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9250 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. .... | อว. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม
โดยสร้างกลไกให้ผู้รับทุนหรือนักวิจัยสามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐได้
เพื่อให้มีการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรือสาธารณประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป
โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด
๑๖ การปฏิรูปประเทศ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9251 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (นางสาววิมลลักษณ์ ชูชาติ) | วธ. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นางสาววิมลลักษณ์ ชูชาติ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๖๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9252 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง
(องค์การมหาชน) ซึ่งมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
เพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีในสังกัดกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำสั่งทางปกครองได้
อันจะทำให้การบังคับทางปกครองตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รวมพิจารณาร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้กับร่างกฎกระทรวงฯ
ที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกัน
ซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เป็นฉบับเดียวกัน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9253 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ในระดับปริญญาตรีเพิ่มเติมขึ้น
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9254 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 14 และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 7 รวมทั้งการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กห. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนครั้งที่
๑๔ (14th ASEAN Defence Ministers’ Meeting
: 14th ADMM) และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา
ครั้งที่ ๗ (7th ASEAN Defence Ministers’ Meeting
Plus : 7th ADMM-Plus) รวมทั้งการประชุมรัฐมนตรีกลาโหม+๑ อย่างไม่เป็นทางการ
และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับแขกของประธาน จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๙ ถึงวันที่
๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๓
ซึ่งกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมด้วยระบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
(Video Teleconference : VTC)
โดยผลการประชุมฯ มีความคืบหน้าของความร่วมมือในกรอบการประชุม ADMM และ ADMM-Plus ที่เป็นประเด็นคาบเกี่ยวระหว่างสาขาและประชาคมความร่วมมือของอาเซียน
ความร่วมมือด้านความมั่นคงกับประเทศคู่เจรจา
และความร่วมมือทางทหารระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9255 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ในสถานที่ที่มีอันตรายจากการตกจากที่สูงและที่ลาดชัน จากวัสดุกระเด็น ตกหล่น และพังทลาย และจากการตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ พ.ศ. .... | รง. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร
จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ในสถานที่ที่มีอันตรายจากการตกจากที่สูงและที่ลาดชัน จากวัสดุกระเด็น ตกหล่น
และพังทลาย และจากการตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยสำหรับการทำงานในสถานที่ที่มีอันตรายจากการตกจากที่สูงและที่ลาดชัน
จากวัสดุกระเด็น ตกหล่น และพังทลาย และจากการตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำงานของลูกจ้างในสถานที่ดังกล่าว
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9256 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายพิบูลย์เขตร นิธิอนันตภร) | นร.04 | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายพิบูลย์เขตร นิธิอนันตภร เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9257 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายโสภณ เมฆธน) | นร.04 | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง
นายโสภณ เมฆธน เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9258 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางบ่อ และตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | คค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบางบ่อ และตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางบ่อ และตำบลเปร็ง
อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสร้างทางหลวงชนบทสายเชื่อมระหว่างทางหลวงชนบท
สป. ๒๐๐๓ กับทางหลวงชนบท ฉช. ๓๐๐๑
เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องได้มาโดยแน่ชัด
อันจะเป็นการอำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งซึ่งเป็นกิจการสาธารณูปโภค
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงคมนาคมควรให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติทำให้ระบายน้ำไม่ทันและอาจเกิดอุทกภัยในอนาคต
รวมทั้งกรมทางหลวงชนบทควรกำหนดค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการก่อสร้างทางหลวง
สายเชื่อมระหว่างทางหลวงชนบท สป. ๒๐๐๓ กับทางหลวงชนบท ฉช. ๓๐๐๑
ให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงของพื้นที่ในปัจจุบัน
และเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการภายใต้กฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓
ก่อนขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อดำเนินการตามความจำเป็นเร่งด่วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการตราร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อก่อสร้างหรือขยายถนนโดยเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||
9259 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม 2563)] | นร. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาตินำร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวกลับไปพิจารณาทบทวนหลักการและเหตุผลความจำเป็นในการมีกฎหมาย
เนื่องจากมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่บางประการอาจกระทบต่อการจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลเกินจำเป็น
และยังมีความไม่ชัดเจนในประเด็นเรื่องวิธีการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ
นอกจากนี้
ยังมีประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายหลายฉบับ
เช่น พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒
พระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗
กฎอัยการศึก พ.ศ. ๒๔๕๗ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นต้น
จึงควรบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันหรือออกระเบียบเพิ่มเติมอาจมีความเหมาะสมกว่าเสนอกฎหมายใหม่
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9260 | รายงานผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ครั้งที่ 1 | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร
(Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ก่อนครบกำหนดเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร
(Bond Switching) วงเงิน ๔,๒๗๗ ล้านบาท
โดยมีพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลังรับแลกเปลี่ยน (Source Bond) จำนวน ๑ รุ่น คือ พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB236A
ครบกำหนดในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ และพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลังกำหนดเพื่อนำมาแลกเปลี่ยน
(Destination Bond) จำนวน ๒ รุ่น ประกอบด้วย (๑)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ รุ่น LB256A อายุ
๔.๖๑ ปี จำนวน ๑,๗๖๗ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๙๕๐ ต่อปี และ (๒)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ รุ่น LB29DA อายุ
๙.๑๒ ปี จำนวน ๒,๕๑๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๖๐๐ ต่อปี
๒.
กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร
(Bond Switching) ดังกล่าว
เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วยแล้ว
|