ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 150 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 2981 - 3000 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2981 | รายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (เรื่อง โครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ) | มท. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด
๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (เรื่อง โครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ)
ซึ่งมีผลการดำเนินการในภาพรวม ดังนี้ (๑) การดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนโครงการฯ
ตามแนวทาง ขั้นตอน และปฏิทินการดำเนินโครงการฯ กระทรวงศึกษาธิการ
เน้นย้ำหน่วยงานในระดับจังหวัดให้ความสำคัญกับการบูรณาการและขับเคลื่อนโครงการฯ
ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ
ให้กับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและกรมการจัดหางานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และ (๒) การดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงบริหารจัดการโครงการฯ
เช่น สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
แจ้งปฏิทิน/คู่มือ/แนวทางการดำเนินโครงการฯ สำหรับคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ
ระดับจังหวัดและหน่วยงานในระดับพื้นที่ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
พัฒนากลไกความร่วมมือในระดับประเทศและระดับจังหวัดร่วมกันระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ
ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชนและภาควิชาการ เช่น
ค้นหาและพัฒนาเด็กและเยาวชนที่ไม่มีข้อมูลในระบบการศึกษา
นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับในพื้นที่จังหวัดนำร่อง ๑๒
จังหวัด ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2982 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มิใช่สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง พ.ศ. .... | สธ. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต
นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕
ที่มิใช่สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย
หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕
ที่มิใช่สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง กำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาต
การออกใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การแก้ไขรายการในใบอนุญาต การดำเนินการของผู้รับอนุญาตเพื่อประโยชน์ในการควบคุมกำกับดูแล
การจัดให้มีเภสัชกรอยู่ประจำควบคุมกิจการตลอดเวลาทำการ
และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าควรเพิ่มกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์จากสิบห้าวันเป็นสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ผู้ขออนุญาตได้รับหรือถือว่าได้รับหนังสือแจ้งมติไม่ให้ความเห็นชอบหรือคำสั่งไม่อนุญาต
ซึ่งจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมมากกว่า ไปประกอบการตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2983 | รายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน และมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน | นร.07 | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
สำนักงบประมาณดำเนินการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน
ตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ไปพลางก่อน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖-๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๖ (ไตรมาสที่ ๑)
โดยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน มีวงเงินงบฯ จัดสรร จำนวน
๑,๘๐๖,๙๑๓.๔๔ ล้านบาท โดยมีแผนการใช้จ่ายฯ ไตรมาสที่ ๑ จำนวน ๘๘๔,๒๓๐.๙๘ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๙๔ จากวงเงินทั้งหมด
และจากการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบฯ พบว่า มีผลการใช้จ่าย
(ก่อหนี้) จำนวน ๙๔๖,๐๗๖.๙๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๒.๓๖ จากวงเงินทั้งหมด
ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายตามแผนการใช้จ่ายงบฯ ไตรมาสที่ ๑ ร้อยละ ๓.๔๒ ๒.
สำนักงบประมาณได้กำหนดมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบฯ ปี ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน
เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณใช้เป็นแนวทางในการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกันตามระเบียบเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลังไว้เบิกเหลื่อมปี
เงินงบฯ ปี ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยมาตรการดังกล่าวมีสาระสำคัญ
เช่น (๑) ให้เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบฯ ๒๕๖๖
ให้สามารถเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบฯ ๒๕๖๖ ให้สามารถเบิกจ่ายอย่างมีนัยสำคัญได้ภายในไตรมาสที่
๒ (มกราคม-มีนาคม ๒๕๖๗) โดยเฉพาะในส่วนของรายจ่ายที่ก่อหนี้ผูกพันแล้ว
สำหรับเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีที่อยู่ระหว่างดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแล้วให้เร่งรัดการก่อหนี้และเบิกจ่ายโดยเร็ว
(๒) กำหนดเป้าหมายการใช้จ่ายงบฯ เพื่อให้หน่วยรับงบฯ
ดำเนินการให้สอดคล้องกับเป้าหมายภาพรวมของประเทศ
และใช้เป็นแนวทางในการใช้จ่ายเมื่อพระราชบัญญัติงบฯ ปี ๒๕๖๗ ประกาศใช้บังคับ และ
(๓) ให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดการจัดฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ประจำปีงบฯ ๒๕๖๖
ไปพลางก่อน โดยเร่งรัดหรือปรับแผนการดำเนินงานและใช้จ่ายภายในไตรมาสที่ ๒
เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2984 | เอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 30 | กค. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
(APEC Finance Ministers’ Meeting : APEC FVM) ครั้งที่ ๓๐ ณ
นครซานฟรานซิสโก เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ได้รับรองเอกสารผลลัพธ์ ๒ ฉบับ ภายหลังการประชุม
ได้แก่ (๑) แถลงการณ์ร่วมฯ ในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงินการคลังระหว่างกัน
เพื่อขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเปคอย่างครอบคลุมและยั่งยืนในประเด็นต่าง
ๆ เช่น การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
เศรษฐศาสตร์อุปทานสมัยใหม่ การเงินเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
และการพัฒนานวัตกรรมและสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความรับผิดชอบ เป็นต้น และ (๒)
แถลงการณ์ประธานฯ เป็นข้อสรุปเกี่ยวกับประเด็นความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปคไม่สามารถเห็นชอบร่วมกันได้ในประเด็นเกี่ยวกับความขัดแย้งเกี่ยวกับสงครามยูเครนและความขัดแย้งเกี่ยวกับฉนวนกาซา
ทั้งนี้ แถลงการณ์ร่วมฯ ได้มีการปรับปรุงถ้อยคำตามฉันทามติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
โดยมีการเพิ่มเป้าหมายกรุงเทพมหานครว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG เพื่อสะท้อนการสานต่อผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมของการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปี
๒๕๖๕ และลดข้อผูกมัดเกี่ยวกับมาตรฐานการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศและธนาคารแห่งประเทศไทย
และไม่กระทบต่อสาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เคยให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่
๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2985 | รายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการที่ได้จัดทำตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 | พน. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการที่ได้จัดทำตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
โครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย
ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยกำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ
จนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในกรณีที่การดำเนินโครงการก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐเท่านั้น
ไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตรงตามบทบัญญัติของมาตรา ๒๗ วรรคสาม
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2986 | ร่างแผนงานความร่วมมือระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ ประจำปี ค.ศ. 2024-2025 (Joint Work Programme between the Ministry of Energy of the Kingdom of Thailand and the International Energy Agency 2024-2025) | พน. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ
ประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๔ - ๒๐๒๕ (Joint Work Programme between the Ministry of
Energy of the Kingdom of Thailand and the International Energy Agency
2024 - 2025) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
หรือผู้ทีได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างแผนงานฯ โดยร่างแผนงานฯ
มีสาระสำคัญมุ่งเน้นการผลักดันให้เกิดกิจกรรมความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกระทรวงพลังงานและ
IEA เพื่อให้เกิดการพัฒนาภาคพลังงานของไทยอย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะการพัฒนานวัตกรรม/เทคโนโลยีพลังงานสะอาด การอนุรักษ์พลังงาน
การลดการปล่อยคาร์บอนในภาคพลังงาน
และการพัฒนามาตรการรองรับสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและเครือข่ายนักวิชาการในระดับนานาชาติ
ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางนโยบายด้านพลังงานของไทยในการส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน
และการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนงานฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงพลังงาน
(สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน) รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงบประมาณที่ขอให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเห็นควรใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2987 | ผลการดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค กรุงเทพมหานคร-UNDP (Bangkok-UNDP Regional Innovation Center: RIC) หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (Thailand Policy Lab: TPLab) ประจำปี 2565 ความก้าวหน้าของกิจกรรมประจำปี 2566 และการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ | นร.11 สศช | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
(UNDP)ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาคกรุงเทพมหานคร-UNDP
(RIC) หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (TPLab) ประจำปี ๒๕๖๕ และความก้าวหน้าของกิจกรรมประจำปี ๒๕๖๖ เห็นชอบร่างเอกสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยโครงการฯ
และอนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
(UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค
กรุงเทพมหานคร-UNDP (RIC) หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย
(TPLab) อีก ๗ เดือน นับแต่วันสิ้นสุดความตกลงว่าด้วยโครงการฯ
เป็นวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ภายใต้กรอบวงเงินโครงการฯ ที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในหนังสือความตกลงว่าด้วยโครงการฯ ของฝ่ายไทย
พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างเอกสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยโครงการฯ
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการมีผลบังคับใช้ความตกลงว่าด้วยโครงการความร่วมมือศูนย์
RIC ออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ลงนาม
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
(United Nations Development Programme : UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค กรุงเทพมหานคร-UNDP
(Bangkok-UNDP Regional Innovation Center : RIC) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น ควรส่งเสริมให้
TPLab มีสถานะที่มั่นคงเป็นสถาบันมากยิ่งขึ้น (Institutionalization)
เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนงานในระยะยาว เนื่องจากกิจกรรมต่าง ๆ ทั้ง
๓ เสาหลักของ TPLab มีประโยชน์ต่อการจัดทำและขับเคลื่อนนโยบายของไทย
และควรพิจารณาการถ่ายทอดนวัตกรรมนโยบายและเครื่องมือทางนโยบาย เช่น
การออกแบบนโยบายเชิงระบบ และการวิเคราะห์ส่วนประกอบ (System and portfolio
approach) หรือกระบวนการนโยบายสาธารณะ ๘ ขั้นตอน (Public
Policy Process Reimagined 8 Elements in Action) ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของโครงการ TPLab ไปสู่หน่วยงานราชการอื่น
ๆ เพื่อขยายผลต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2988 | การลดภาระค่าไฟฟ้าสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว | นร. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวนาปรังของกรมชลประทาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ สถานีสูบน้ำคลองเพรียว จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ ๙
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ได้รับข้อร้องเรียนของเกษตรกรในพื้นที่ว่ามีค่าใช้จ่ายเป็นค่าไฟฟ้าสำหรับการสูบน้ำเข้านาสูงมาก
เฉลี่ยไร่ละประมาณ ๕๐๐ บาท ในหลักการเห็นควรส่งเสริมและสนับสนุนการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้กับระบบสูบน้ำเพื่อช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าของเกษตรกรโดยเร็ว
ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) กระทรวงพลังงาน
(สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว
ทั้งนี้ ในระยะเร่งด่วน ขอให้กระทรวงพลังงานเร่งหารือร่วมกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาลดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับการสูบน้ำ เพื่อเกษตรกรรมเป็นกรณีพิเศษอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยลดภาระของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำในปริมาณมากต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2989 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ (ร่างพระราชบัญญัติสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พ.ศ. ....) | นร.09 | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ
(ร่างพระราชบัญญัติสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ซึ่งนายศักดิ์ดา
แสนมี่ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน ๑๒,๘๘๘ คน เป็นผู้เสนอ) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2990 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567) | นร. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพุธที่
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่
๑ ครั้งที่ ๒๘ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๑
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ ๒) วันศุกร์ที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2991 | การแต่งกายเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 | สลน. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗)
ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐกำกับดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย
การตกแต่งสถานที่ การประดับไฟและธง
รวมทั้งการใช้ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ให้เหมาะสม ถูกต้อง และสมพระเกียรติ นั้น
ขอความร่วมมือให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๑. ขอความร่วมมือให้บุคลากรของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง
แต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ
แทนการแต่งกายปกติในทุกวันจันทร์ที่เป็นวันทำการ รวมทั้งในวันหรือในโอกาสอื่นที่เหมาะสม
โดยให้เริ่มตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีทุกท่านกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดให้ดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2992 | การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ประจำปี 2567 (เพิ่มเติม) | นร. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดให้วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗
เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ อีก ๑ วัน ในปี ๒๕๖๗ ๒.
ในกรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็น หรือราชการสำคัญในวันหยุดดังกล่าวที่ได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว
ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน
ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและกระทบต่อการให้บริการประชาชน ๓. ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน
ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงานพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมของการกำหนดให้วันดังกล่าวข้างต้น
เป็นวันหยุดให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2993 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 1 | กค. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติและรับทราบตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ครั้งที่ ๑ ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ ปรับเพิ่มสุทธิ
๕๖๐,๒๗๖.๑๐ ล้านบาท (จากเดิม ๑๙๔,๔๓๔.๕๓ ล้านบาท เป็น ๗๕๔,๗๑๐.๖๓ ล้านบาท)
แผนการบริหารหนี้เดิม ปรับเพิ่ม ๓๘๗,๗๕๘.๕๒ ล้านบาท (จากเดิม ๑,๖๒๑,๑๓๕.๒๒ ล้านบาท
เป็น ๒,๐๐๘,๘๙๓.๗๔ ล้านบาท) และแผนการชำระหนี้ ปรับเพิ่ม ๙,๐๗๕.๐๗ ล้านบาท (จากเดิม
๓๙๐,๕๓๘.๖๓ ล้านบาท เป็น ๓๙๙,๖๑๓.๗๐ ล้านบาท) ๑.๒ อนุมัติการบรรจุโครงการพัฒนา โครงการ
และรายการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
ครั้งที่ ๑ จำนวน ๕๖ โครงการ/รายการ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๑ แห่ง คือ
การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ
(Debt Service Coverage Ratio : DSCR) ต่ำกว่า ๑ เท่า สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ โดยให้ กคช. รับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
เช่น (๑) กคช.มีความสามารถในการชำระหนี้ต่ำกว่าเกณฑ์
เนื่องจากมีภาระหนี้ที่ครบกำหนดในแต่ละปีที่จะต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ในวงเงินค่อนข้างสูง
(๒) กคช. ควรบริหารสินทรัพย์และหนี้สินให้สมดุล (๓) กคช.
ควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงในการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในแต่ละปี
และ (๔) กคช. ควรเร่งรัดการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ลงทุนไปแล้วในอดีต
แต่ปัจจุบันทรัพย์สินนั้นไม่สามารถทำให้เกิดกำไรได้ ไปดำเนินการด้วย
รวมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานที่บรรจุกรอบวงเงินกู้ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ปรับปรุงครั้งที่ ๑
เร่งรัดดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวด้วย ๑.๔ รับทราบแผนความต้องการเงินกู้ระยะปานกลาง
๕ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๖๗-๒๕๗๑)
และมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดประสานงานกับรัฐวิสาหกิจที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการในกลุ่มโครงการที่ยังขาดความพร้อมในการดำเนินการ
เพื่อเร่งรัดการดำเนินการและการลงทุนเพื่อเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในระยะต่อไป ๒.
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
มาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลัง
กู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕
รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ภายใต้กรอบวงเงินของการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
ครั้งที่ ๑ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน
การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควร (๑) กำกับ ติดตาม
และเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
(๒)
การกู้เงินควรพิจารณาให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพคล่องทางการเงินในแต่ละช่วงเวลา
และจะต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและและการเงินโลกที่ยังมีแนวโน้มของความผันผวนอยู่ในเกณฑ์สูง
รวมทั้งแรงกดดันทางการคลังที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้สาธารณะและแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของภาระดอกเบี้ย
ซึ่งจะต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมิให้กระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
ตลอดจนเป็นข้อจำกัดต่อกรอบงบประมาณ และ (๓)
รัฐบาลควรให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในโอกาสที่เหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2994 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินขององค์การเภสัชกรรม | สธ. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรมกู้เงินเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินในลักษณะ
Roll-Over ครอบคลุมระยะเวลาการกู้
๕ ปี วงเงินกู้จำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรวางแผนการบริหารสภาพคล่องทางการเงิน
โดยการเร่งรัดติดตามการชำระหนี้ให้ทันตามกำหนดและสมดุลกับการใช้จ่ายเงิน
เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินงานในอนาคต
การกู้เงินดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามกฎหมายและอยู่ภายใต้ขอบวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐผู้กู้
เพื่อประโยชน์ของประเทศและของหน่วยงานของรัฐ โดยต้องกระทำด้วยความรอบคอบ
และคำนึงถึงความคุ้มค่า ความสามารถในการชำระหนี้ การกระจายภาระการชำระหนี้
เสถียรภาพและความยั่งยืนทางการเงินการการคลัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2995 | การเสนอร่างกฎหมายของฝ่ายบริหารเพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล | นร. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สมควรมีกฎหมายที่ช่วยสนับสนุนและขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ส่วนราชการผู้รับผิดชอบกฎหมายนั้นเป็นผู้เสนอหลักและผ่านกลไกการตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งจะร่วมพิจารณากับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบเพื่อให้กฎหมายนั้นสามารถนำไปใช้บังคับได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
และไม่เกิดความซ้ำซ้อน หรือขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
หรือกฎหมายอื่น จึงขอให้รัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัดให้ส่วนราชการในความรับผิดชอบดำเนินการเสนอร่างกฎหมายต่าง
ๆ เพื่อให้มีกฎหมายใหม่ หรือเป็นการแก้ไข ปรับปรุง หรือยกเลิกกฎหมายเดิมให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบัน
และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้
ให้ตรวจสอบและพิจารณาความจำเป็นของร่างกฎหมายซึ่งเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งและบรรจุในระเบียบวาระของสภาผู้แทนราษฎรด้วย
หากพิจารณาแล้วเห็นว่าร่างกฎหมายใดมีความจำเป็นต้องตราขึ้น ขอให้เร่งรัดเสนอร่างกฎหมายเรื่องนั้นต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้พิจารณาและส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาและเสนอสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างกฎหมายฉบับของคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในคราวเดียวกันด้วย
แต่หากพิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องมีกฎหมายดังกล่าว ก็ขอให้แจ้งประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบโดยเร็วต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2996 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง พ.ศ. .... | อก. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง
พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
พ.ศ. ๒๕๔๘ และยกเว้นค่าธรรมเนียมบางรายการสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรองตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2997 | รายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (เรื่อง การบังคับใช้กฎหมายกรณีการประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน) | อก. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (เรื่อง
การบังคับใช้กฎหมายกรณีการประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน)
ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้พิจารณารายงานฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปได้ ดังนี้ (๑) ประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ก่อให้เกิดมลพิษ
เช่น กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างพิจารณาเสนอแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา
๓๙ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕
ให้สามารถออกคำสั่งปรับปรุงแก้ไขกรณีที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานได้รับคำสั่งให้ปิดโรงงานได้
(๒)
การแก้ไขปัญหามลพิษและกระบวนการในการเรียกร้องค่าเสียหายจากการประกอบกิจการโรงงาน
เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้รับการจัดสรรงบกลางฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๕๙.๘๕
ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหากากอุตสาหกรรมและของเสียที่ตกค้างและปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม
จากการประกอบกิจการโรงงานของ บริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด
ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเก็บรวบรวมและบำบัด/กำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วและของเสียในพื้นที่
ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว ๑,๖๒๐.๖๑ ตัน (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๐
พ.ย. ๖๖) และ (๓) การดำเนินการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากปัญหามลพิษ เช่น
กรมควบคุมมลพิษได้เสนอแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีแพ่งต่อบุคคลที่ก่อให้เกิดหรือเป็นแหล่งกำเนิดของการรั่วไหลหรือแพร่กระจายของมลพิษเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชน
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และแจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2998 | การขอขยายเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกไปอีก ๓ ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการ ๒.๑
ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ ๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๓ ฉบับ รวม
๕ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. อนุมัติในหลักการ ๓.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีการโอนและการจำนองห้องชุดตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม
๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. เห็นชอบกรอบวงเงินสำหรับมาตรการด้านประกันภัย
ได้แก่
โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยก่อการร้ายในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้และโครงการเมืองต้นแบบ
“สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” โครงการละ ๑๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2999 | ร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรีที่ต้องเร่งรัดติดตามโดยเร่งด่วน | นร. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน)
ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานว่า
ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ที่ประชุมได้มีมติเห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังต่อไปนี้
จำนวน ๙ ฉบับ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ในท้องที่เขตวังทองหลาง
เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี
อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... ๑.๒
ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่..) พ ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕
ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๗
ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... ๑.๘
ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ๑.๙
ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานจังหวัดสมุทรปราการและศาลแรงงานจังหวัดระยอง
พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3000 | การปรับบทบาทภารกิจ หน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต และข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต | นร.09 | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑ รับทราบ ๑.๑
ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง
ส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
และส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวงในส่วนของหน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
รวม ๓๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
เพื่อปรับปรุงบทบาทภารกิจให้ครอบคลุมงานด้านส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
การเสริมสร้างวินัย การส่งเสริมธรรมาภิบาล และการต่อต้านการทุจริต ๑.๒
ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... รวม
๓๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและหน้าที่และอำนาจของสำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข โดยการจัดตั้งส่วนราชการเพิ่มใหม่ ได้แก่
กองสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ (ยกฐานะของ “สำนักสนับสนุนระบบปฐมภูมิ”
ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดตั้งภายใน) ปรับปรุงหน้าที่และอำนาจกองกฎหมาย ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต รวมทั้งตัดสถาบันพระบรมราชชนกออกจากส่วนราชการของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่
๒) เกี่ยวกับบทบาทภารกิจ หน้าที่และอำนาจของ ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
เพื่อให้การขับเคลื่อนการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ และการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |