ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 149 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 2961 - 2980 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2961 | การสิ้นสุดหน้าที่ของ นายริการ์โด มอรัน เฟร์รากูติ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงซานซัลวาดอร์ สาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ และการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงซานซัลวาดอร์ สาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ เป็นการชั่วคราว | กต. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่ของ
นายริการ์โด มอรัน เฟร์รากูติ (Mr.
Ricardo Moran Ferracuti) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงซานซัลวาดอร์
สาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ เนื่องจากครบเกษียณอายุ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2962 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2565/2566 | อก. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ เป็นรายเขต ๙ เขต โดยมีอัตราเฉลี่ยทั่วประเทศ ดังนี้ ๑)
ราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ ในอัตรา ๑,๑๙๗.๕๓ บาทต่อตันอ้อย ณ
ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. ๒) อัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อย เท่ากับ ๗๑.๘๕ บาท ต่อ
๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ๓) ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ เท่ากับ ๕๑๓.๒๓ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรม
โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายดำเนินการให้โรงงานน้ำตาลนำส่งเงินเข้ากองทุนตามส่วนต่างระหว่างรายได้สุทธิและราคาอ้อยขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ ให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ตามมาตรา ๕๗
แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายต่อไป
ควรกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในภาพรวม
และกระทรวงอุตสาหกรรมควรพิจารณาเร่งรัดติดตามประเมินผลมาตรการลดการเผาอ้อยในระยะที่ผ่านมาเพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรค
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเกษตรกรชาวไร่อ้อย
และ/หรือความจำเป็นในการทบทวนแนวทางตามมาตรการดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
ซึ่งจะส่งผลในการรักษาสภาพดินและลดมลพิษที่เกิดจากการเผาอ้อย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2963 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดเชียงใหม่ | กต. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ
นายรอนัลด์ จอห์น เอลเลียตต์ (Mr. Ronald John Elliott) กงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดเชียงใหม่
ตั้งแต่วันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2964 | การขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค (งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568) | นร.01 | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบกรอบวงเงินการขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามนัยมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับ
ติดตามการใช้จ่ายเงินอุดหนุนของสภาองค์กรของผู้บริโภคให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประสิทธิภาพ ผลสัมฤทธิ์
และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการดำเนินงานของสภาองค์กรของผู้บริโภค ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สภาองค์กรของผู้บริโภค
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณากำหนดและเพิ่มตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนผลลัพธ์ไปยังประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
อาทิ หน่วยงานประจำจังหวัดสามารถแก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภคจนได้ข้อยุติเพิ่มเติม
ควรพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมของรูปแบบกิจกรรมในแผนงานพัฒนานโยบายเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมในลักษณะการประชุมสัมมนาหรือการประชุมหารือระยะสั้นเพียง ๑-๒
ครั้ง ในแผนงาน
และควรพิจารณาประสานใช้กลไกการดำเนินงานของหน่วยงานอื่นที่มีอยู่แล้วในพื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อาทิ เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ มกราคม ๒๕๖๗ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2965 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567) | ปสส. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์
๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๑
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง)
วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2966 | การขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของเลขาธิการ ก.พ.ร. ครั้งที่ 1 (นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ) | นร.12 | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นางสาวอ้อนฟ้า
เวชชาชีวะ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ต่อไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายปานปรีย์ พหิทธานุกร) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2967 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา (1. นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ ฯลฯ รวม 7 คน) | กษ. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา
รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑. นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ ประธานกรรมการร ๒. นายอภัย สุทธิสังข์ กรรมการอื่น (ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๓. นายดนัย วิจารณ์ กรรมการอื่น (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๔. พลเอก นิธิ จึงเจริญ กรรมการอื่น ๕. พลตำรวจตรี วรากร
อยู่อย่างไท กรรมการอื่น ๖. พลตำรวจตรี มนตรี แป้นเจริญ กรรมการอื่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2968 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (1. นางศรัณยา สุวรรณพรหม ฯลฯ จำนวน 7 คน) | กษ. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร
จำนวน ๗ คน แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑. นางศรัณยา สุวรรณพรหม (ผู้แทนสถาบันเกษตรกร) ๒. พันตำรวจเอก พัฒน์เชษฐ์
อุ่นอนันต์ (ผู้แทนสถาบันเกษตรกร) ๓. นายชุติเดช มีจันทร์ ๔. นายพรชัย อินทร์สุข ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภูมิศิษฐ์
มหาเวสน์ศิริ ๖. นายวันฉัตร สุวรรณกิตติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2969 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (1. พลเอก สุพจน์ มาลานิยม ฯลฯ รวม 10 คน) | พม. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ
รวม ๑๐ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ดังนี้ ๑. พลเอก สุพจน์ มาลานิยม ประธานกรรมการ ๒. นายอนุกูล ปีดแก้ว กรรมการอื่น
(ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๓. นายสมมาตร มณีหยัน กรรมการอื่น
(ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๔. นายเดชบุญ มาประเสริฐ กรรมการอื่น ๕. นายมณเฑียร อินทร์น้อย กรรมการอื่น ๖. นายสมิทธิ ดารากร ณ อยุธยา กรรมการอื่น ๗. นายอณุศาสณ์ อรรถวิทยา กรรมการอื่น ๘. นายอดิศร นุชดำรงค์ กรรมการอื่น ๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อำนาจ จำรัสจรุงผล กรรมการอื่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2970 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (1. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ฯลฯ รวม 6 คน) | สพร. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด) เสนอ ดังนี้ ๑. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ประธานกรรมการ ๒. นายธนา โพธิกำจร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ๓. นายอภิรัต ศิรินาวิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ๔. นายวุฒิรักษ์ เดชะพงษ์พันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการและทรัพยากรบุคคล ๕. นายฉัตรชัย ธนาฤดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน การบัญชี และงบประมาณ การตรวจสอบประเมินผลและการบริหารความเสี่ยง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2971 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพระประแดง พ.ศ .... ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ (กำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพระประแดง วันที่ 1 เมษายน 2567 และกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ รวมทั้งกำหนดให้ศาลจังหวัดพระประแดงสามารถนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดสำหรับคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งเกิดขึ้นในท้องที่อำเภอพระประแดงและอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป) | ศย. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพระประแดง
พ.ศ. .... ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา
๓ แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด
พ.ศ. ๒๕๒๐ บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓
ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวันเปิดทำการของศาลจังหวัดพระประแดงโดยให้มีเขตตลอดท้องที่อำเภอพระประแดง
และอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ และให้เปิดทำการตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน
๒๕๖๗ เป็นต้นไป รวมทั้งกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ
โดยตัดท้องที่ที่ทับซ้อนกันออกจากเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการและให้ไปอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดพระประแดง
ตลอดจนกำหนดให้ศาลจังหวัดพระประแดงสามารถนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดสำหรับคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งเกิดขึ้นในท้องที่อำเภอพระประแดง
และอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์
เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน
โดยใช้ช่องทางและวิธีการสื่อสารในหลากหลายรูปแบบที่เหมาะสม
เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนในเรื่องเขตอำนาจศาลและได้รับความสะดวกในการพิจารณาพิพากษาคดี
ทั้งนี้
การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการส่งเสริมการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2972 | สรุปผลการประชุมสมัยสามัญขององค์การยูเนสโก ครั้งที่ 42 (42nd Session of UNESCO General Conference: GC) | ศธ. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมสมัยสามัญขององค์การยูเนสโก ครั้งที่ ๔๒ (42nd Session of UNESCO General
Conference: GC) สรุปได้ ดังนี้ (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ได้กล่าวถ้อยแถลงสนับสนุนบทบาทองค์การยูเนสโกที่มุ่งบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติและนำเสนอแนวทางการดำเนินงานของไทยที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมากำหนดนโยบายการศึกษา
“เรียนมีความสุข” เน้นการเรียนในห้องเรียนและแบบออนไลน์และมุ่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
(๒) ภาพรวมการประชุมคณะกรรมาธิการของยูเนสโก ที่ประชุมได้พิจารณาแผนงาน งบประมาณ
และกิจกรรมการดำเนินงาน ๕ สาขาหลักขององค์การยูเนสโก เช่น ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์
วัฒนธรรม และที่ประชุมพร้อมสนับสนุนการดำเนินการขององค์การยูเนสโกเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ภายใน ค.ศ. ๒๐๓๐ ทั้งนี้ ได้กำหนดให้จัดการประชุมสมัยสามัญขององค์การยูเนสโก ครั้งที่
๔๓ ณ สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน และ (๓) กิจกรรมอื่น ๆ เช่น ๑)
ไทยได้รับเลือกให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในสภาระหว่างรัฐบาลว่าด้วยโครงการสารนิเทศเพื่อปวงชนสภาระหว่างรัฐบาลว่าด้วยโครงการระหว่างชาติเพื่อพัฒนาการสื่อสารและสภาระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการจัดการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
โดยมีวาระ ๔ ปี ระหว่างปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ๒) การพบปะหารือกับภาคส่วนต่าง ๆ เช่น
หารือกับหัวหน้าคณะผู้แทนสิงคโปร์ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่ม ๕
ประเทศ (รวมไทย) ที่ร่วมเสนอชุดเสื้อ “เคบายา”
ขึ้นทะเบียนรายการมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
หารือกับผู้บริหารบริษัทเอกชนเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการศึกษา
โดยเฉพาะในส่วนของการนำ AI ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2973 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง พ.ศ. .... และร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. .... | นร.10 | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎ ก.พ.
ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๕๑
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยปรับปรุงชื่อตำแหน่งให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
และปรับรูปแบบการเขียนชื่อตำแหน่งของประเภทบริหารและประเภทอำนวยการ
จากเดิมที่ระบุชื่อตำแหน่งเป็นการเฉพาะเจาะจง เป็นการกำหนดคำนิยามของตำแหน่งแทน
และร่างกฎ ก.พ.ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎ
ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๕๑
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับเงินประจำตำแหน่งของระดับชำนาญการ
(ประเภทวิชาชีพเฉพาะ เช่น สายงานแพทย์ สายงานวิชาการคอมพิวเตอร์
โดยได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตรา ๓,๕๐๐ บาท) และขั้นตอนการกำหนดประเภทตำแหน่ง สายงาน ระดับ
และจำนวนตำแหน่งที่ได้รับเงินประจำตำแหน่งเพิ่มขึ้นของส่วนราชการ รวม ๒
ฉบับดังกล่าว ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์
เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ ทั้งนี้
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ แต่หากจำเป็นต้องมีการดำเนินการที่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคตก็ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดด้วยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2974 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา 165 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2566 | นร.12 | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา ๑๖๕ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๖ สรุปได้ ดังนี้ (๑) มาตรา ๑๖๕
แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้ประธาน ก.พ.ร. เชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและหัวหน้าหน่วยงานที่รับผิดชอบปฏิบัติการตามกฎหมายเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาร่วมกันพิจารณาเพื่อดำเนินการให้หน่วยงานดังกล่าวรับผิดชอบในการป้องกันและปราบปราม
การสืบสวน และการสอบสวนการกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายนั้น โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพและการบูรณาการในการปฏิบัติหน้าที่ และการแบ่งเบาภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และให้สำนักงาน ก.พ.ร. รายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบทุกสามเดือน (๒)
ที่ผ่านมาสำนักงาน ก.พ.ร. ได้เสนอรายงานความคืบหน้ามาแล้ว ๒ ครั้ง โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบด้วยแล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ประชุมหารือร่วมกันและมีข้อยุติว่า
ให้ตัดโอนภารกิจด้านการป้องกัน การปราบปราม การสืบสวน (ก่อนการจับกุม)
และการจับกุมภายใต้กรอบกฎหมาย ๘ ฉบับ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ส่วนภารกิจด้านการสอบสวนตำรวจยังคงรับผิดชอบเช่นเดิม (๓)
ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๖ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รองรับภารกิจการดำเนินการตาม มาตรา ๑๖๕ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๕
ภายใต้กรอบกฎหมาย ๘ ฉบับ เรียบร้อยแล้ว ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างดำเนินการวางกรอบอำนาจหน้าที่และปรับโครงสร้างอัตรากำลังของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(บก.ปทส.) ให้สอดคล้องกับภารกิจที่ลดลง และ (๔) การดำเนินการในระยะต่อไป ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการปรับโครงสร้างและอัตรากำลังของ
บก.ปทส. รวมทั้งยกร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อยุบหรือเปลี่ยนแปลง บก.ปทส.
ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม ๒๕๖๗ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามคู่มือปฏิบัติงานฯ
และให้สำนักงาน ก.พ.ร. ติดตามประเมินผลการดำเนินงานเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2975 | รายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 รอบ 6 เดือน ครั้งที่ 2 | กค. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ รอบ ๖
เดือน ครั้งที่ ๒ ตามข้อ ๕ (๓) แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ (ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ฯ
โควิด-๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔) สรุปได้ ดังนี้ (๑) การติดตามประเมินผลโครงการ/แผนงานภายใต้พระราชกำหนดฯ
กู้เงินโควิด-๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ใช้วิธีการประเมินผลจากการสุ่มตัวอย่างโครงการ/แผนงาน จำนวน ๒๕๐ โครงการ จากโครงการทั้งสิ้น
๒,๓๗๐
โครงการ โดยคัดเลือกโครงการที่มีขนาดใหญ่ มีวงเงินกู้สูง หรือมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีนัยสำคัญที่ดำเนินการแล้วเสร็จ
มีกรอบวงเงินตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ๔๙๕,๖๙๐.๗๖ ล้านบาท
มีผลการเบิกจ่าย ๔๗๐,๑๕๑.๒๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๔.๘๕
ของกรอบวงเงิน (๒) คณะกรรมการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลฯ
เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๖ โดยมีผลการประเมินระดับแผนงาน ดังนี้ ๑) แผนงานที่ ๑ แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโควิด-๑๙
มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก ๒) แผนงานที่ ๒ แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ
เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ
ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙ มีผลการประเมินระดับดีมาก และ ๓)
แผนงานที่ ๓
แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙
มีผลการประเมินระดับดี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2976 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจัดตั้งสำนักบริหารการมัธยมศึกษา (สบม.) ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | สว. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจัดตั้งสำนักบริหารการมัธยมศึกษา (สบม.)
ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ซึ่งได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการในประเด็นการจัดตั้งสำนักบริหารการมัธยมศึกษา
โดยปรับปรุงสำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลายซึ่งเป็นหน่วยงานภายในให้จัดตั้งเป็นหน่วยงานตามโครงสร้าง
เพื่อเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบการจัดการมัธยมศึกษาโดยตรง
ซึ่งที่ประชุมมีมติไม่ขัดข้องในการจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าวและให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานดำเนินการตามแนวทางการแบ่งส่วนราชการภายในกรมต่อไป
และเห็นชอบข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศึกษาฯ ในประเด็น (๑)
ข้อเสนอเชิงนโยบายเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ ในการจัดตั้ง “สำนักบริหารการมัธยมศึกษา”
เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ
ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและคุณภาพมากขึ้น และ (๒)
ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของสำนักบริหารการมัธยมศึกษาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศึกษาดังกล่าว
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2977 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการในหน่วยงานของรัฐ ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การส่งสริมการมีงานทำของคนพิการในหน่วยงานของรัฐของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม
และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงแรงงาน สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2978 | ข้อเสนอแนะในการแก้ไขนิยาม "ป่า" และการปฏิรูปกฎหมายป่าไม้ของไทยเพื่อป้องกันการถูกกีดกันทางการค้าของสหภาพยุโรป | สม. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะในการแก้ไขนิยาม “ป่า”
และการปฏิรูปกฎหมายป่าไม้ของไทยเพื่อป้องกันการถูกกีดทางการค้าของสหภาพยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการ ดังนี้
(๑)
แต่งตั้งแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อศึกษาผลกระทบจากกฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (๒) แก้ไขนิยาม “ป่า” ให้สอดคล้องกับนิยามสากล และ (๓) ปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ให้มีความสมบูรณ์ชัดเจนอยู่ในฉบับเดียว
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2979 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์สำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอาคารชุดสำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์สำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
ประเภทมีทุนทรัพย์อันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน
ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ และมาตรา ๑๐๓ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๑ และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอาคารชุดสำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอาคารชุด
ประเภทมีทุนทรัพย์ อันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยทสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน
ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๖๑
แห่งพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ รวม ๒ ฉบับ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2980 | ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 30 และการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงกับหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 28 | นร.14 | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง
ครั้งที่ ๓๐ และการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงกับหุ้นส่วนการพัฒนา
ครั้งที่ ๒๘ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (นายสุรสีห์
กิตติมณฑล) ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม สรุปได้ ดังนี้ (๑) อนุมัติร่างขอบเขตการดำเนินงาน
(TOR) ของหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร
(CEO) ของสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงที่เสนอโดยไทย
เนื่องจากผู้ที่ดำรงตำแหน่งในปัจจุบันจะหมดวาระในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๘ และผู้ที่ดำรงตำแหน่งคนต่อไปจะมาจากไทย
(๒) รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เช่น
๑) ความร่วมมือกับพันธมิตรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ๒)
การดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และ ๓)
การดำเนินการตามแผนระดับภูมิภาคเชิงรุก เป็นต้น และ (๒)
ประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงและหุ้นส่วนการพัฒนาร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการประชุม เช่น
ไทยกล่าวชื่นชมการดำเนินงานที่ผ่านมาของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงที่ดำเนินการพัฒนาลุ่มน้ำตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน
พ.ศ. ๒๕๓๘ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายในปัจจุบัน
กัมพูชากล่าวขอบคุณหุ้นส่วนการพัฒนาที่ให้การสนับสนุนทางด้านวิชาการและเงินทุน
และขอบคุณประเทศคู่เจรจาที่ทำงานร่วมกันกับประเทศสมาชิก และหุ้นส่วนการพัฒนากล่าวยินดีกับผลสำเร็จของกิจกรรมที่สร้างความมีส่วนร่วมของประเทศในลุ่มน้ำโขง
รวมถึงการมีส่วนร่วมของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงในงานกิจกรรมสำคัญระดับโลก เป็นต้น
ตามที่คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยเสนอ
|