ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 149 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 2961 - 2980 จากข้อมูลทั้งหมด 124453 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2961 | รายงานประจำปี 2566 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ. | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๖ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินการของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ปี ๒๕๖๖ เช่น ๑)
การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ดิจิทัลประกอบบทเรียนออนไลน์เพื่อให้นักเรียนสามารถนำไปใช้ประกอบการเรียนรู้ด้วยตนเองในห้องเรียนหรือที่พักอาศัย
๒) การพัฒนาและปรับปรุงแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ จำนวน ๒ ระบบ ได้แก่
ระบบอบรมครูและระบบการสอบออนไลน์ และ ๓) การพัฒนาโรงเรียนคุณภาพวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
และเทคโนโลยีสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๒๓๐ โรงเรียน โดยการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ๒. แผนการดำเนินงานของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ปี ๒๕๖๗ เช่น ๑) การพัฒนาผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ ครูวิทยากรแกนนำ
และครูเครือข่าย ให้สามารถขับเคลื่อนการจัดการเรียนการสอนฐานสมรรถนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และ ๒) การให้ทุนสนับสนุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษา และครู
และการจัดส่งผู้แทนไทยเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างประเทศ ๓. รายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะทางการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2962 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส. | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ตำบลปากคลอง
อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่ตั้งแต่แนวชายฝั่งทะเลออกไปในทะเลเป็นระยะทาง
๑,๐๐๐ เมตร ของตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว
จังหวัดชุมพร เป็นเขตพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่าตามมาตรา ๑๑๗ และมาตรา ๑๒๐ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมบัญญัติห้ามปลูกสร้างอาคาร
หรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ ใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง
อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ อันเป็นทางสัญจรของประชาชน หรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภายในน่านน้ำไทย
หรือบนชายหาดของทะเล และห้ามขุดลอก แก้ไข หรือทำด้วยประการใด ๆ
อันเป็นการเปลี่ยนแปลงร่องน้ำทางเดิน ลำคลอง ทะเลสาบ
และทะเลภายในน่านน้ำไทยเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ดังนั้น การดำเนินการใด
ๆ ในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ทะเล หรือบนชายหาดของทะเล
ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช
๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวด้วย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าเมื่อร่างกฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับแล้ว
ก็ควรจะแก้ไขปรับปรุงร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว
เพื่อยกเลิกมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในส่วนที่มีความซ้ำซ้อนหรือขัดแย้งกับมาตรการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งตามร่างกฎกระทรวงนี้ต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรจัดทำแผนปฏิบัติการสำหรับทำความเข้าใจกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ให้ชัดเจน ทั้งหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2963 | ร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยในการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย พ.ศ. .... | อว. | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยในการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับความปลอดภัยในการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าหากร่างกฎกระทรวงฯ
มีผลบังคับใช้ ผู้รับใบอนุญาตควรปฏิบัติตามร่างกฎกระทรวงฯ อย่างเคร่งครัด
รวมถึงหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับด้วย
เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยจากการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยภายในประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเตรียมความพร้อมในการกำหนดแนวทางการตรวจสอบเชิงรุก
ณ สถานประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตควบคู่ไปด้วย เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากความประมาทหรือการขาดความรู้เท่าทัน
อันจะนำไปสู่การเพิ่มระดับความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ประชาชน
และสิ่งแวดล้อมโดยรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2964 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... | นร 05 | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา
พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... รวม ๒
ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
โดยให้ระบุวันที่เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา (ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ.
๒๕๖๗) และวันปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา (ตั้งแต่วันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ.
๒๕๖๗) และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2965 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวจันทร์เพ็ญ เมฆาอภิรักษ์) | อว. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวจันทร์เพ็ญ
เมฆาอภิรักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2966 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ (1. ศาสตราจารย์ดุสิต เวชกิจ ฯลฯ จำนวน 12 คน) | ทส. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ
จำนวน ๑๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.
ศาสตราจารย์ดุสิต เวชกิจ ผู้แทนด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๒.
นายวิจารย์ สิมาฉายา ผู้แทนด้านสิ่งแวดล้อม ๓. นายศศิน
เฉลิมลาภ ผู้แทนด้านทรัพยากรธรณี ๔.
รองศาสตราจารย์ธรรมศักดิ์ ยีมิน ผู้แทนด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ๕.
รองศาสตราจารย์อรพรรณ ศรีเสาวลักษณ์ ผู้แทนด้านเศรษฐศาสตร์ ๖.
นางพวงทอง อ่อนอุระ ผู้แทนด้านนิติศาสตร์ ๗.
นายนิวัติ ธัญญะชาติ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๘.
นายไมตรี จงไกรจักร์ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๙. นายมนูญ
คุ้มรักษ์ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๑๐.
นายพิษณุพงษ์ เหล่าลาภผล ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและขายฝั่ง ๑๑. นายเหลด
เมงไซ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการประมง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2967 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาววารุณี ปั้นกระจ่าง และนางสาวจิราพร สุดานิช) | กต. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาววารุณี ปั้นกระจ่าง ดำรงตำแหน่งเอกอัครรราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2968 | รายงานความคืบหน้าการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท เท่ากันทั่วประเทศ | รง. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ๔๐๐ บาท
เท่ากันทั่วประเทศ เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงาน
และสร้างความเป็นธรรมและเท่าเทียมกันให้แก่ผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2969 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี) | นร.04 | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๗๖/๒๕๖๗ เรื่อง
แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2970 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ (ASEAN Recommendations on Quality Health Care) | สธ. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
(ASEAN Recommendations on
Quality Health Care) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขร่วมรับรองร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
โดยร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนฯ มีสาระสำคัญเป็นการเสนอแนวทางที่สำคัญในการยกระดับและส่งเสริมการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนและในภูมิภาค
เพื่อมุ่งให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพัฒนาการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิและการแพทย์ดั้งเดิมและการแพทย์เสริมในประเทศสมาชิกอาเซียน
รวมถึงการเข้าถึงระบบการให้บริการสุขภาพถ้วนหน้าและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่าร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนฯ
มิได้มีการใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ดังนั้น จึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตาม ม. ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2971 | การจัดทำความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย (ไทเป) กับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย | กต. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย
(ไทเป) กับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย [Agreement between the Thailand Trade and Economic Office
in Taipei (TTEO) and the Taipei Economic and Cultural Office in Thailand (TECO)
for the Promotion and Protection of Investments] และอนุมัติให้ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย
(ไทเป) ลงนามร่างความตกลงฯ สำหรับฝ่ายไทย
กับผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ซึ่งจะเป็นผู้ลงนามฝ่ายไต้หวัน
รวมทั้งอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายไต้หวัน เพื่อให้ความตกลงฯ
มีผลใช้บังคับภายหลังการลงนาม โดยร่างความตกลงฯ
จัดทำขึ้นเพื่อปรับปรุงและแทนที่ความตกลงฯ ฉบับเดิม
ให้สอดคล้องกับบริบทของการลงทุนในปัจจุบันที่เน้นการส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืน
ซึ่งมีการปรับปรุงข้อบทให้มีความชัดเจน รัดกุม
และเป็นไปตามกรอบการเจรจาความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศ
โดยมีข้อบทที่สำคัญ เช่น (๑)
การกำหนดขอบเขตความคุ้มครองการลงทุนของนักลงทุนอีกฝ่ายเฉพาะการลงทุนทางตรงที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
(๒)
การกำหนดให้มีกระบวนการระงับข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานผู้มีอำนาจของทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับการตีความและบังคับใช้ความตกลงฯ
และ (๓)
การกำหนดให้มีคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการลงทุนเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลและทบทวนการปฏิบัติตามความตกลงฯ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและภาคธุรกิจรับทราบและถือปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2972 | ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ระหว่างศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหารกับ Direction Générale de l'Armement สาธารณรัฐฝรั่งเศส | กห. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2973 | ขอความเห็นชอบการรับรองร่างแถลงการณ์เวียงจันทน์ว่าด้วยความเสมอภาค การเข้าถึง และสิ่งแวดล้อม : การพัฒนาความสามารถในการปรับตัวรับกับสภาพภูมิอากาศของเด็กปฐมวัยในอาเซียน (Vientiane Statement on Equity, Access and Environment: Advancing Climate Resilience in Early Childhood Settings in ASEAN) | ศธ. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์เวียงจันทน์ว่าด้วยความเสมอภาค การเข้าถึง และสิ่งแวดล้อม : การพัฒนาความสามารถในการปรับตัวรับกับสภาพภูมิอากาศของเด็กปฐมวัยในอาเซียน (Vientiane Statement on Equity, Access and Environment: Advancing Climate Resilience in Early Childhood Settings in ASEAN) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบและรับรองร่างแถลงการณ์ฯ โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเพื่อสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ร่วมของอาเซียนและความมุ่งมั่นที่จะผลักดันการดูแลและการจัดการศึกษาแก่เด็กปฐมวัยและบูรณาการการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศเข้าด้วยกัน ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการดูแลและการจัดการศึกษาเด็กปฐมวัยที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมแก่เด็กทุกคนในอาเซียน เช่น การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อการวางแผนและการปฏิบัติด้านการดูแลและการศึกษาแก่เด็กปฐมวัย การส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในด้านการดูแลและจัดการศึกษาให้แก่เด็กปฐมวัย การเพิ่มการจัดสรรงบประมาณด้านการดูแลและการศึกษาเด็กปฐมวัย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ที่เห็นควรเพิ่มเติมประสบการณ์ในลักษณะ Project Approach การบูรณาการงานระหว่างหน่วยงานแบบพหุภาคี
เพื่อสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย
อีกทั้งการติดตามประเมินผลด้านการพัฒนาความสามารถในการปรับตัวสำหรับเด็กปฐมวัย ครู
และผู้ปกครองที่ต้องอาศัยการเก็บข้อมูลที่ต่อเนื่องเพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2974 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี 2567 [2024 APEC Women and the Economy Forum (WEF) Statement] | พม. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจประจำปี
๒๕๖๗ [2024 APEC Women and the Economy Forum (WEF) Statement]
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างแถลงการณ์ฯ
ในการประชุมระดับสูงสำหรับผู้กำหนดนโยบายด้านสตรีและเศรษฐกิจ (High - Level Policy Dialogue on Women and the
Economy : HLPDWE) ในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ
เมืองอาเรกิปา สาธารณรัฐเปรู โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างพลังสตรีในทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
โดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังแก่สตรีและเด็กหญิง เช่น ด้านการศึกษา
อาชีพที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (Science,
Technology, Engineering and Mathematics : STEM) รวมถึงการสร้างโอกาสด้วยการเข้าถึงบริการทางการเงิน
การส่งเสริมความเสมอภาคเท่าเทียมด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อป้องกันความรุนแรงต่อสตรี
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าร่างแถลงการณ์ฯ
ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
ประกอบกับไม่มีการลงนามในร่างถ้อยแถลงการณ์ฯ ดังนั้น ร่างถ้อยแถลงการณ์ฯ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตาม
มาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาให้ความสำคัญในเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้หญิง
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการตีตราในสังคมตามมา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2975 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 | นร.11 สศช | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง
๒ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒
และรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2976 | การเป็นประธานกรอบความร่วมมือเอเชียของประเทศไทยและการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชียในปี 2568 | กต. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอตัวเป็นประธานการประชุมกรอบความร่วมมือเอเชีย
(Asia Cooperation Dialogue :
ACD) วาระปี ๒๕๖๗ - ๒๕๖๘ ของประเทศไทย เพื่อขอรับ ความเห็นชอบจากประเทศสมาชิก
ACD ต่อไป เห็นชอบในหลักการการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีในช่วงที่ประเทศไทยเป็นประธาน
ACD ซึ่งรวมถึง ๑) การประชุมระดับรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ
๒) การประชุมระดับรัฐมนตรีคู่ขนานกับการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ๓)
การประชุมระดับรัฐมนตรี และ ๔) การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยไทยจะเสนอตัวเป็นประธาน
ACD ให้แก่ประเทศสมาชิกพิจารณาในการประชุมระดับรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ ๑๙ ที่สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ ๑๑ -
๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๗ และจะมีการส่งมอบตำแหน่งประธาน ACD ในช่วงการประชุมระดับรัฐมนตรีในช่วงเดือนกันยายน
๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2977 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือเช่าใช้บริการระบบคลาวด์ | นร. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๙ มกราคม ๒๕๖๗) เรื่อง การบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล (National Cloud) ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีการจัดตั้งงบประมาณเพื่อจัดซื้อจัดจ้างหรือเช่าใช้บริการระบบคลาวด์
(Cloud) ชะลอการดำเนินการดังกล่าวไว้ก่อน
เพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล (National
Cloud) ของประเทศไทยจากสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
นั้น อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินงาน
จึงขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น
โดยให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีโครงการดังต่อไปนี้
สามารถดำเนินการต่อไปได้ ๑.
โครงการที่มีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเสร็จไปแล้ว และมีการดำเนินการต่อเนื่อง รวมทั้งต้องมีการบำรุงรักษา
(Maintenance) ด้วย ๒.
โครงการที่มีการลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างไปแล้วก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๙ มกราคม ๒๕๖๗ ๓.
โครงการที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการและมีแหล่งเงินรองรับที่ชัดเจนแล้ว
และหากไม่ดำเนินการจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ทั้งนี้
กรณีตามข้อ ๓
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการนำเสนอต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2978 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ จุดตัดทางรถไฟกับถนนสาย พบ.1010 แยก ทล.4-บ้านหนองโรง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 1 แห่ง ของกรมทางหลวงชนบท | คค. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ
จุดตัดทางรถไฟกับถนนสาย พบ.๑๐๑๐ แยก ทล.๔ - บ้านหนองโรง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
๑ แห่ง ของกรมทางหลวงชนบท จากเดิมจำนวน ๑๓๘,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็น จำนวน ๑๕๒,๖๗๔,๖๕๒.๘๓ บาท (เพิ่มขึ้น ๑๔,๐๗๔,๖๕๒.๘๓
บาท) และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๙
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงชนบทและการรถไฟแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2979 | ขอความเห็นชอบให้กรมศิลปากรรับมอบโบราณวัตถุ จำนวน 2 รายการ กลับคืนให้ประเทศไทยจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา | วธ. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรับมอบโบราณวัตถุ จำนวน
๒ รายการ ได้แก่ ประติมากรรมสำริดรูปพระศิวะ (The
Standing Shiva) หรือ Golden Boy และประติมากรรมรูปสตรีพนมมือ
(The Kneeling Female) คืนจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร)
รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนและหน้าที่และอำนาจต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2980 | การยกระดับไทยเป็น Agriculture and Food Hub ตามวิสัยทัศน์ Ignite Thailand | นร. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้แถลงวิสัยทัศน์ประเทศไทย
โดยกำหนดให้ไทยเป็น Agriculture and Food Hub เพื่อยกระดับการผลิตอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยและสร้างความมั่นคงทางอาหารของโลก
ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรไทยมีรายได้มากขึ้น ๓ เท่า
โดยรัฐบาลจำเป็นต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยการผลิตในภาคการเกษตรภาพรวมทั้งหมด
จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ดังนี้
๑. พัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางพันธุ์พืชของโลก ๒. เพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บและระบายน้ำ
ขยายพื้นที่ชลประทาน และเร่งพัฒนาแหล่งน้ำ ๓. ตรวจสอบคุณภาพดิน ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมในทุกพื้นที่ ๔. เร่งแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่การเกษตรให้ลดลงโดยเร่งด่วน
โดยให้นำเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมมาใช้ในการดำเนินงานดังกล่าวด้วย ๕. เสนอแผนงานและเร่งดำเนินการขยายพื้นที่ผลิตมันสำปะหลังต้านทานโรคใบด่าง
รวมทั้งเร่งเสนอแผนการจัดการการระบาดของโรคใบด่าง ตามขั้นตอนโดยเร็ว ๖. ส่งเสริมการปลูกกาแฟและโกโก้
ซึ่งเป็นพืชที่ให้ผลตอบแทนสูงและเป็นที่ต้องการของตลาดและช่วยลดการเผาพื้นที่การเกษตรบนพื้นที่สูง
รวมทั้งพิจารณาให้มีโรงงานคัดแยก/แปรรูปรองรับด้วย ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม
๒๕๖๗ นี้ และเร่งรัดการดำเนินการตาม แผนงาน/โครงการภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
