ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 148 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 2941 - 2960 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2941 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำน้ำห้วยแคน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
เพื่อหารือในรายละเอียดให้ได้ข้อยุติก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2942 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของเขื่อนลำแชะ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน เพื่อหารือในรายละเอียดให้ได้ข้อยุติก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2943 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet | ปช. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital wallet ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2944 | ขอเพิ่มสัดส่วนผู้เข้ารับการอบรมภาคเอกชนหลักสูตรนักบริหารการงบประมาณระดับสูง (นงส.) | นร.07 | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง
การพัฒนาบุคลากรภาครัฐ โดยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมของหน่วยงานต่าง ๆ)
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้
ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรพิจารณาให้ความสำคัญกับผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มาจากหน่วยงานภาครัฐเป็นลำดับแรก
และพิจารณากำหนดสัดส่วนผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มาจากหน่วยงานภาคเอกชนให้มีความหลากหลายของหน่วยงานและสาขาอาชีพ
และสอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการบูรณาการการทำงานร่วมกันในด้านการบริหารจัดการงบประมาณ
ทั้งนี้ เพื่อให้ภาครัฐได้รับประโยชน์สูงสุดจากการฝึกอบรม และควรให้ความสำคัญกับหลักเกณฑ์
และกระบวนการคัดเลือกผู้เข้ารับการอบรมดังกล่าวอย่างโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล
รวมทั้งควรทบทวนเนื้อหาของหลักสูตรที่เหมาะสมกับสัดส่วนของผู้เข้ารับการอบรม
ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน
โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของหลักสูตรและประโยชน์ต่อทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2945 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2567 | นร.04 | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ ณ จังหวัดพะเยา และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน
๒ (เชียงราย น่าน พะเยา และแพร่) ระหว่างวันที่ ๑๘-๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2946 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและเนื้อที่ที่ดิน ที่จะใช้เป็นที่จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. .... | อว. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและเนื้อที่ที่ดิน
ที่จะใช้เป็นที่จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและเนื้อที่ที่ดิน
ที่จะใช้เป็นที่จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๙
เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดลักษณะและเนื้อที่ที่ดินที่จะใช้เป็นที่จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนจากการกำหนดเนื้อที่ที่ดินขั้นต่ำที่สถาบันอุดมศึกษาเอกชนในแต่ละประเภทพึงมี
เป็นการกำหนด “พื้นที่ใช้สอย” ตามลักษณะการใช้ประโยชน์บนเนื้อที่ที่ดินของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแทน
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2947 | ขอความร่วมมือในการรักษาความสะอาดในพื้นที่สาธารณะ | นร. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (เรื่อง การตกแต่งสถานที่ ประดับไฟและธงเฉลิมพระเกียรติและการใช้ตราสัญลักษณ์
งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗)
มอบหมายให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐกำกับดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย
การตกแต่งสถานที่ราชการ การประดับไฟและธง ให้เหมาะสมและสมพระเกียรติตลอดช่วงเวลาของขอบเขตการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ
นั้น เพื่อให้การดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่
มีทัศนียภาพที่สวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงขอมอบหมายการดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๑. ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดำเนินมาตรการรักษาความสะอาดในพื้นที่สาธารณะต่าง
ๆ ในความรับผิดชอบให้ทั่วถึงและต่อเนื่อง เช่น ถนน พื้นที่ทางเท้า สวนสาธารณะ
แหล่งน้ำ บริเวณที่ทิ้งขยะและสิ่งปฏิกูล ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์)
ประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำนักโทษที่กรมราชทัณฑ์พิจารณาคัดเลือกเข้าร่วมทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ต่าง
ๆ นอกเรือนจำ ตามความเหมาะสม เช่น การขุดลอกคูคลอง การลอกท่อระบายน้ำ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2948 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 | กก. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอเพิ่มเติมว่า
โดยที่การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ Maha Songkran World Water
Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ๒๕๖๗ เป็นเงินจำนวน ๑๓๔,๘๗๒,๐๐๐ บาท
ในครั้งนี้รวมถึงรายการค่าสนับสนุนการจัดงานสงกรานต์ในพื้นที่อัตลักษณ์ทั่วประเทศไทย
จำนวน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นรายการเดียวกับที่กระทรวงวัฒนธรรม
(กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)
อยู่ระหว่างดำเนินการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการขอรับจัดสรรงบประมาณในภาพรวม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงขอปรับลดวงเงินที่เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ในครั้งนี้ (โดยไม่รวมถึงรายการดังกล่าว) ลงเหลือ จำนวน ๑๐๔,๘๗๒,๐๐๐ บาท เท่านั้น
ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอเพิ่มเติม
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๑๓/๓๓๓๔ ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์
๒๕๖๗) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีโดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล หรือผู้ที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นผู้กำกับแผนงานบูรณาการ
กรณีเป็นการดำเนินการภายใต้แผนงานบูรณาการ แล้วแต่กรณี
ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ (๓) รวมถึงเตรียมความพร้อมและวางแผนดำเนินงานที่รอบคอบรอบด้าน
โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศให้มีเที่ยวบินเพียงพอต่อความต้องการของนักท่องเที่ยว
การดูแลความปลอดภัยในบริเวณพื้นที่จัดงานให้มีความเข้มแข็ง
รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านปัจจัยพื้นฐาน เช่น สุขา ร้านอาหาร
และรถรับส่งนักท่องเที่ยวมายังพื้นที่จัดกิจกรรม เป็นต้น รวมทั้ง ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดทุกภูมิภาคมีโอกาสเข้ามาเรียนรู้การจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการสร้างการมีส่วนร่วม
(Inclusive) กับกลุ่มคนต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง ที่จะสามารถต่อยอดการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ไปสู่การจัดพื้นที่กิจกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ
และเป็นการเตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรมรูปแบบใหม่ ๆ ในพื้นที่
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2949 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง
พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยกำหนดให้กรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เกี่ยวกับการจัดประชุมระดับผู้นำประเทศ
หรือระดับรัฐมนตรีขึ้นไปที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และการประชุมที่เกี่ยวข้องทุกระดับ
รวมทั้งการเตรียมการ
การประชาสัมพันธ์หรือการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว
สามารถกระทำได้โดยวิธีเฉพาะเจาะจง
เพื่อให้การจัดงานดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมกับการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมผู้นำความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ
(Bay of Bengal Initiative for
Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation-BIMSTEC) ครั้งที่
๖ ในปี ๒๕๖๗ และการประชุมอื่น ๆ ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2950 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน สำหรับดำเนินการโครงการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กิจกรรมก่อสร้างถนนและสะพานเชื่อมโยงเส้นทางบริเวณอ่าวเขาควาย ท้องที่หมู่บ้านอ่าวเขาควาย ตำบลเกาะพยาม อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง | มท. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน
สำหรับดำเนินการโครงการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
กิจกรรมก่อสร้างถนนและสะพานเชื่อมโยงเส้นทางบริเวณอ่าวเขาควาย
ท้องที่หมู่บ้านอ่าวเขาควาย ตำบลเกาะพยาม อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรชาวไทยและชาวมอแกนที่ได้อยู่อาศัยมาแต่เดิม
และเพื่อให้มีปัจจัยพื้นฐานด้านสาธารณสุข การศึกษา สาธารณูปโภค และสาธารณูปการ
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะโดยรวมต่อไป
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นสำหรับการดำเนินการปลูกป่าทดแทนและบำรุงป่าเห็นควรให้กระทรวงมหาดไทย
โดยจังหวัดระนองร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ เรื่อง
ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ เรื่อง การดำเนินโครงการใด ๆ
ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าให้ได้ข้อยุติก่อน
หากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการปลูกป่าทดแทนและบำรุงป่าดังกล่าว
ให้หน่วยงานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตามผลการสำรวจและคัดเลือกพื้นที่ดำเนินการตามระเบียบฯ
ก่อนเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น ดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
พร้อมจัดสรรงบประมาณให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม
ไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์
ตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม
กรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ
ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๖๖
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัด และการดำเนินการใด
ๆ ในเขตพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2951 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เรื่อง มาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน | ปช. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขตามนัยมาตรา
๓๕ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.
๒๕๖๑ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2952 | การลดจำนวนคนและรถในขบวนเดินทางและการลงพื้นที่ตรวจราชการของรัฐมนตรี | นร. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๑๓ และ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๖)
มอบหมายให้รัฐมนตรีพิจารณาปรับลดจำนวนคนและรถนำขบวนให้เหมาะสมเท่าที่จำเป็น
เพื่อให้เกิดผลกระทบด้านการจราจรกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้น้อยที่สุด
รวมถึงกรณีการลงพื้นที่ตรวจราชการของรัฐมนตรีด้วย โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่/ผู้บริหารระดับสูงที่จะร่วมขบวนก็ขอให้พิจารณากำหนดเท่าที่จำเป็น
นั้น
ขอกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านพิจารณาปรับลดจำนวนคนและรถในขบวนลงอีกเท่าที่จำเป็นจริง
ๆ เท่านั้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2953 | เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดนครพนม สกลนคร และอุดรธานี | นร. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดนครพนม
สกลนคร และอุดรธานี ในระหว่างวันที่ ๑๗-๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ ในพื้นที่ ในการนี้ขอมอบหมายการดำเนินการเพิ่มเติมในเรื่องต่าง
ๆ ดังนี้ จังหวัดนครพนม ๑. การอำนวยความสะดวกทางการค้าโดยใช้ระบบ National Single Window รวมทั้งการปรับปรุงกฎระเบียบ
ขั้นตอนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างเต็มศักยภาพและเบ็ดเสร็จ
ณ จุดเดียว (One Stop Service) นั้น ขอให้กระทรวงการคลัง
(กรมศุลกากร) ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการดำเนินการให้เรื่องข้างต้นแล้วเสร็จทั้งระบบโดยเร็ว
เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกและรวดเร็วทั้งกระบวนการนำเข้าและส่งออกสินค้า ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งประสานกับกระทรวงมหาดไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการส่งเสริมและยกระดับการท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนมจากเมืองรองให้เป็นเมืองหลักต่อไป จังหวัดสกลนคร ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
(กรมที่ดิน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช)
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการแก้ไขปัญหาการทับซ้อนกันของแนวเขตที่ดินของรัฐในพื้นที่หนองหาร
จังหวัดสกลนคร ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อให้สามารถนำไปใช้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติและพัฒนาเป็นท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้ต่อไป ๔.
ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาต่อยอดสินค้าชุมชนต่าง
ๆ ของจังหวัดสกลนคร ที่มีลักษณะโดดเด่นและมีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ เช่น ผ้าย้อมคราม
ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้นและสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก จังหวัดอุดรธานี ๕.
สืบเนื่องจากการตรวจเยี่ยมค่ายและโรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี ขอให้กระทรวงกลาโหม
(กองทัพบก) เร่งประสานกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงรูปแบบที่พักอาศัยภายในค่าย
รวมทั้งโครงสร้างและสิทธิกำลังพลของบุคลากรในสังกัดสถานพยาบาลของกระทรวงกลาโหม
(กองทัพบก) ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2954 | ร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรีที่ต้องเร่งรัดติดตามโดยเร่งด่วน | นร.04 | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน) ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ
จำนวน ๔ ฉบับ ดังกล่าว เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ได้แก่ ๒.๑
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๒
ร่างพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๓
ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนกลาโหม พ.ศ.
.... ๒.๔
ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2955 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ (ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. ....) | นร.09 | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ
(ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายวิสุทธิ์
ไชยณรุณ กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายพิทักษ์เดช เดชเดโช กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายคอซีย์ มามุ กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายวรภพ วิริยะโรจน์
กับคณะ เป็นผู้เสนอ พันตำรวจเอก ทวี
สอดส่อง กับคณะ เป็นผู้เสนอ และนายวิชัย สุดสวาสดิ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ รวม ๗
ฉบับ) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒.
ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. ....
(นายอนุทิน ชาญวีรกูล กับคณะ เป็นผู้เสนอ
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายพิทักษ์เดช เดชเดโช กับคณะ
เป็นผู้เสนอ นายคอซีย์ มามุ กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายวรภพ วิริยะโรจน์ กับคณะ
เป็นผู้เสนอ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง กับคณะ เป็นผู้เสนอ และนายวิชัย สุดสวาสดิ์
กับคณะ เป็นผู้เสนอ) รวม ๗ ฉบับ
ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลา
พร้อมให้แจ้งความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปด้วยว่า
คณะรัฐมนตรีรับหลักการร่างพระราชบัญญัติฯ รวม ๗ ฉบับดังกล่าว
และให้ส่งความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรด้วย
โดยขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ รวม ๗ ฉบับดังกล่าว
พร้อมกับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. ....
.ของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเลเพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมการประมง
ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอไปในคราวเดียวกันต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2956 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567)] | ปสส. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2957 | ขอความเห็นชอบท่าทีไทยและรับรองเอกสารที่จะเป็นผลลัพธ์สำหรับการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 13 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอท่าทีไทยสำหรับการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญ
ครั้งที่ ๑๓ [the
Thirteenth Ministerial Conference (MC13)]
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดท่าทีของประเทศไทยสำหรับการประชุมดังกล่าวในประเด็นที่ประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลกอยู่ระหว่างการหารือ
เช่น การเจรจาจัดทำกฎเกณฑ์ว่าด้วยการอุดหนุนประมงระยะที่สอง การเจรจาปฏิรูปการค้าเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร
การค้าและการส่งเสริมด้านการพัฒนาของประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) และประเทศกำลังพัฒนา
การปฏิรูปกลไกการทำงานองค์การการค้าโลกรวมถึงกลไกการระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก
และการค้าและสิ่งแวดล้อม และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายพิจารณาใช้ดุลพินิจในการเจรจาและรับรองผลการเจรจาตามสถานการณ์และความเหมาะสมในเรื่องที่จะเป็นประโยชน์ของไทยต่อไป
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม
MC13 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรพิจารณาก่อนการทำความตกลงนั้นตามมาตรา
๔ (๗) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และหากความตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศก็จะเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และหากการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหนังสือสัญญานั้น ต้องมีการออกพระราชบัญญัติ
หรือหนังสือสัญญานั้นอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม
หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
จะต้องเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารผลลัพธ์สำหรับการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญ
ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2958 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567)] | ปสส. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2959 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2566/2567 | อก. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ ทั้ง ๙ เขตคำนวณราคาอ้อย เป็นราคาเดียวทั่วประเทศ ดังนี้ ๑)
ราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ ในอัตรา ๑,๔๒๐ บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส.
หรือเท่ากับร้อยละ ๙๑.๔๓ ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ และกำหนดอัตราขึ้น/ลง
ของราคาอ้อยเท่ากับ ๖๔.๒๐ บาทต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ๒) ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ เท่ากับ ๖๐๘.๕๗ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการทบทวนระเบียบมาตรการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการจัดเก็บรายได้เพื่อให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
ตลอดจนการเพิ่มโอกาสของอุตสาหกรรมอ้อยไปสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้แก่
เอทานอลไบโอชีวภาพ เพื่อให้ชาวไร่อ้อยมีทางเลือกเพิ่มขึ้น
รวมทั้งพิจารณาถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงาน เป้าหมาย
ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ ฐานะเงินนอกงบประมาณ
รายได้หรือเงินอื่นใดที่หน่วยงานของรัฐนั้นมีอยู่ หรือสามารถนำมาใช้จ่ายได้
โดยต้องคำนึงถึงความโปร่งใส คุ้มค่า ประหยัด และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ
ตลอดจนความสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศของไทยภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO)
ด้วย และควรเร่งศึกษาแนวทางและความเป็นไปได้ในการหาวิธีการทางเลือกเพื่อการกำหนดราคาอ้อยและน้ำตาลทรายขั้นต้นที่แตกต่างกันตามเขตการผลิต
เพื่อให้ราคาอ้อยและน้ำตาลที่ถูกกำหนด มีความเป็นธรรมและสามารถสะท้อนความสามารถในการผลิตที่แท้จริงของแต่ละพื้นที่
และพิจารณามาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น
โดยเฉพาะในเขตที่มีการประมาณการราคาอ้อยต่ำกว่าเขตอื่น
รวมทั้งติดตามประเมินผลมาตรการจูงใจให้เกษตรกรตัดอ้อยและเก็บเกี่ยวอ้อยสดเพื่อลดมลพิษจากการเผาอ้อยในระยะที่ผ่านมาเพื่อพัฒนามาตรการให้เกิดประสิทธิผลมากขึ้นในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๒.
ในการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และการสนับสนุนการเพิ่มระดับผลิตภาพของเกษตรกรชาวไร่อ้อยแทนการให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติม
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ (เรื่อง การจัดทำมาตรการ/โครงการเพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือเกษตรกร)
ที่กำหนดให้ทุกหน่วยงานหลีกเลี่ยงการดำเนินการในลักษณะการให้เงินอุดหนุน ช่วยเหลือ
ชดเชย
หรือประกันราคาสินค้าเกษตรโดยตรงแก่เกษตรกรและให้พิจารณาดำเนินมาตรการ/โครงการในลักษณะที่เป็นการสนับสนุนการเพิ่มระดับผลิตภาพอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2960 | ขอความเห็นชอบในหลักการและเป็นโครงการต่อเนื่องสำหรับโครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพเพื่อเวชศาสตร์ครอบครัวตอบสนองต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิทั่วไทย | สธ. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการแก้ไขชื่อเรื่องนี้ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับข้อเท็จจริง
จากเดิม “ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป
สำหรับโครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพเพื่อเวชศาสตร์ครอบครัวตอบสนองต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิทั่วไทย”
เป็น “ขอความเห็นชอบในหลักการและเป็นโครงการต่อเนื่องสำหรับโครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพเพื่อเวชศาสตร์ครอบครัวตอบสนองต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิทั่วไทย”
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. เห็นชอบมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการการผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขตามโครงการดังกล่าว
โดยคำนึงถึงความพร้อมของหัตถการทางการแพทย์ ความซ้ำซ้อนของภารกิจและภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม
สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ
รวมทั้งนำผลการดำเนินงานโครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๗๐
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒ และวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๕ ที่กำหนดเป้าหมายการผลิตแพทย์เพื่อรองรับความต้องการของกระทรวงสาธารณสุข
อัตราส่วนแพทย์ต่อประชากรในภาพรวม ๑ : ๑,๒๐๐ คน ประกอบการพิจารณาเหตุผลความจำเป็นด้วย ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข
โดยสถาบันพระบรมราชชนกควรพิจารณาการผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขให้สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนด้านสุขภาพของประเทศอย่างเป็นระบบ
รวมทั้งคำนึงถึงการคัดเลือกผู้ที่มีศักยภาพเข้ารับการศึกษา ความคุ้มค่า
และความพร้อมของสถานศึกษา ตลอดจนมีการติดตามประเมินผลโครงการเป็นรายปี
เพื่อให้สามารถปรับแผนการดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้กระทรวงสาธารณสุข
โดยสถาบันพระบรมราชชนกจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมทั้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีและพิจารณาความครอบคลุมทุกแหล่งเงิน หรือนำเงินนอกงบประมาณมาสมทบตามความพร้อม
ความจำเป็นและความเหมาะสมที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณ
รวมทั้งพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น (๑)
ควรวิเคราะห์ความต้องการกำลังคนด้านสาธารณสุข
รวมถึงความซ้ำซ้อนของโครงการในลักษณะเดียวกัน (๒)
ควรพิจารณาทบทวนเป้าหมายการผลิตให้สอดคล้องกับศักยภาพในการจัดการเรียนการสอนของสถาบันพระบรมราชชนก
และ (๓) ควรมีการวางแผนรองรับการบรรจุและวางระบบบริหารจัดการอัตรากำลัง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมด้วย
ดังนี้ ๓.๑
บริหารจัดการโครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพเพื่อเวชศาสตร์ครอบครัวตอบสนองต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิทั่วไทย
(โครงการผลิตแพทย์ฯ) ให้สอดคล้องและต่อเนื่องกับแผนการผลิตแพทย์ตามโครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย
ปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๕ [(เรื่อง
โครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๐ (ดำเนินการต่อเนื่องในระยะที่
๒ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗o)] รวมถึงกำหนดเป้าหมายของการผลิตบุคลากรทางการแพทย์
การพยาบาล และการสาธารณสุขในภาพรวมในแต่ละช่วงเวลาให้ชัดเจนและมีสัดส่วนที่เหมาะสมกับโครงสร้างประชากรและความต้องการด้านการบริการสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่ ๓.๒
กำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกบุคคลเข้าร่วมโครงการผลิตแพทย์ฯ และเงื่อนไขการชดใช้ทุนให้มีความเหมาะสม
ตลอดจนวางแผนทางก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) ของบุคลากรทางการแพทย์ การพยาบาล
และการสาธารณสุขให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถธำรงรักษาบุคลากรที่เกี่ยวข้องไว้ในระบบราชการและในพื้นที่ชนบทได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ๓.๓
ร่วมกับสถาบันพระบรมราชชนกเร่งเตรียมความพร้อมของสถาบันการศึกษาที่รับผิดชอบการผลิตบุคลากรภายใต้โครงการผลิตแพทย์ฯ
เพื่อให้สามารถจัดเตรียมหลักสูตรและจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพ
|