ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 143 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 2841 - 2860 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2841 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. 2558) | มท. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงผังเมืองให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่จะรองรับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม
และให้สอดคล้องกับนโยบายการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2842 | การเสนอร่างกฎหมายของฝ่ายบริหารเพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล | นร. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
เสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ขอให้รัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัดให้ส่วนราชการในความรับผิดชอบดำเนินการเสนอร่างกฎหมายต่าง
ๆ เพื่อให้มีกฎหมายใหม่หรือเป็นการแก้ไข ปรับปรุง
หรือยกเลิกกฎหมายเดิมให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบัน และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้
ให้ตรวจสอบและพิจารณาความจำเป็นของร่างกฎหมายซึ่งเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งและบรรจุในระเบียบวาระของสภาผู้แทนราษฎรด้วย
หากพิจารณาแล้วเห็นว่าร่างกฎหมายใดมีความจำเป็นต้องตราขึ้นขอให้เร่งรัดเสนอร่างกฎหมายเรื่องนั้นต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้พิจารณาและส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาและเสนอสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างกฎหมายฉบับของคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในคราวเดียวกันด้วย
แต่หากพิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องมีกฎหมายดังกล่าวก็ขอให้แจ้งประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบโดยเร็วต่อไปด้วย
ดังนั้น
เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินในส่วนที่เกี่ยวกับกระบวนการเสนอร่างกฎหมายต่อรัฐสภาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
จึงขอกำชับให้รัฐมนตรียึดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2843 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567) | ปสส. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๓
มีนาคม ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง)
วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๗
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2844 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 13/2566 | นร.11 สศช | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ เห็นชอบ
และรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ
กรณีโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙)
สำหรับบริการประชากรในประเทศไทยจำนวน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ โดส (AstraZeneca) ปี พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการวัคซีน AstraZeneca ที่ยังไม่ได้รับการส่งมอบจำนวน
๑๙.๐๗๔๔ ล้านโดส เป็นการจัดซื้อภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปหรือแอนติบอดี้ออกฤทธิ์ยาว (Long-acting
antibody : LAAB) รุ่นใหม่ จำนวน ๓๖,๐๐๐ โดส
ส่งผลให้กรอบวงเงินโครงการฯ ลดลงจาก๑๘,๓๘๒.๕๖๔๓ ล้านบาท เป็น
๑๓,๖๓๔.๘๗๑๒ ล้านบาท หรือลดลงจำนวน ๔,๗๔๗.๕๙๓๑
ล้านบาท (๒) มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขกำกับให้กรมควบคุมโรค เร่งประสานกับบริษัท AstraZenecaฯ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียน
เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไว้ภายในเดือนมีนาคม
๒๕๖๗ และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ LAAB ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
(๓) อนุมัติให้จังหวัดกระบี่
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการปรับภูมิทัศน์แหล่งท่องเที่ยวหาดอ่าวนางและหาดนพรัตน์ธารา
ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ วงเงิน ๕.๔๐๐๐ ล้านบาท จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม
๒๕๖๕ เป็นเดือนธันวาคม ๒๕๖๖ โดยขอแก้ไขข้อเสนอเกี่ยวกับระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการดังกล่าว
จากเดิม “สิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๖” เป็น “สิ้นสุดเดือนเมษายน ๒๕๖๗” (๔) มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
เร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโดยเร็ว
และ (๕) รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๙ (๑ สิงหาคม-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖)
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติม ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิดและกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๑ และ ๒๒ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน
๓ เดือน นับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม
๒๕๖๖ เพื่อให้การบริหารจัดการ เงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรกำกับติดตามหน่วยงานในสังกัดให้ดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
และกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2845 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... | มท. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
ในท้องที่ตำบลหนองวัวซอ และตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท
ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินการคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งมีนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาชุมชนหนองวัวซอให้เป็นชุมชนเกษตรกรรม
การค้า การบริการทางสังคม ส่งเสริมและพัฒนาที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรมให้สอดคล้องกับการขยายตัวของชุมชน
อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ศาสนสถานที่มีคุณค่าทางศิลปกรรม สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์
รวมทั้งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2846 | การพิจารณาทบทวนความจำเป็น เหมาะสมของประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | นร. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน) ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
มอบหมายให้ส่วนราชการพิจารณาทบทวนความจำเป็น เหมาะสมของประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่สามารถยกเลิกได้โดยการตราพระราชบัญญัติกลางยกเลิก
และเสนอความเห็นไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภายใน ๑๔ วัน
เพื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะได้พิจารณาและเสนอผลการพิจารณาไปยังคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
นั้น โดยที่ระยะเวลาดังกล่าวใกล้จะครบกำหนดแล้ว (ภายในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๗) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับความเห็นส่วนราชการเพียงบางหน่วยงาน
ดังนั้น จึงเห็นควรให้ส่วนราชการเร่งรัดการพิจารณาเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2847 | ขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี (เรื่อง การออกเลขที่บ้านชั่วคราวให้กับผู้บุกรุกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย) | นร.09 | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘
เมษายน ๒๕๔๖ (เรื่อง
การออกเลขที่บ้านชั่วคราวให้กับผู้บุกรุกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย)
ในข้อ ๒.๒ ที่กำหนดว่า “...
กรณีประชาชนผู้ได้รับทะเบียนบ้านชั่วคราวมาขออนุญาตใช้บริการด้านสาธารณูปโภคต่าง ๆ
จะอนุญาตได้ต่อเมื่อได้รับคำยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากส่วนราชการ
รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐที่ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่บ้านในทะเบียนบ้านชั่วคราวนั้น
ๆ ตั้งอยู่ ...”
เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่ดินที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิในที่ดินว่าเป็นของรัฐหรือเอกชน
โดยอยู่มาก่อนวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๗ ให้สามารถขอใช้สาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้าและน้ำประปาได้เป็นการชั่วคราวตามหลักสิทธิมนุษยชน
โดยให้ดำเนินการนำร่องในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีและแม่ฮ่องสอน
แล้วขยายไปในพื้นที่อื่นที่มีปัญหาเดียวกัน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาต
รวมถึงผู้ที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิสามารถเข้าถึงไฟฟ้าและน้ำประปาได้เป็นการชั่วคราวตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๙ มกราคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
การเร่งรัดการดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ)
ให้แล้วเสร็จโดยด่วน และนำเสนอคณะรัฐนตรีต่อไป โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม
กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรพิจารณาถึงการปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
เพื่อให้การบริหารจัดการที่ดินของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป กรณีประชาชนผู้ได้รับทะเบียนบ้านชั่วคราวในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
มาขออนุญาตใช้บริการต่าง ๆ
จะอนุญาตได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย
ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของการรถไฟแห่งประเทศไทย และคำนึงถึงความสอดคล้องตามแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗o เพื่อป้องกันไม่ให้การดำเนินโครงการมีความล่าช้าและสามารถดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด
ควรมีมาตรการในการให้การสนับสนุน กรณีหน่วยงานของรัฐมีความจำเป็นต้องผลักดันผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ของหน่วยงานของรัฐด้วย
กรณีมีพื้นที่ดำเนินการเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการจัดบริการสาธารณูปโภคอยู่ในเขตพื้นที่ป่า
ขอให้ประสานกับหน่วยงานเจ้าของพื้นที่เพื่อตรวจสอบและดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก่อน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2848 | ขอความเห็นชอบปฏิญญาว่าด้วยการเร่งรัดและเสริมสร้างความเข้มแข็งในการรับมือระดับโลกต่อภัยคุกคามยาเสพติดสังเคราะห์ และขอความเห็นชอบการเข้าร่วมเป็นสมาชิกแนวร่วมในการรับมือภัยคุกคามจากยาเสพติดสังเคราะห์ระดับโลก | ยธ. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติในสารัตถะของปฏิญญาว่าด้วยการเร่งรัดและเสริมสร้างความเข้มแข็งในการรับมือระดับโลกต่อภัยคุกคามยาเสพติดสังเคราะห์
(Ministerial Declaration
on Accelerating and Strengthening the Global Response to
Synthetic Drugs) และให้ประเทศไทยโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมร่วมรับรองปฏิญญาดังกล่าว
รวมทั้งเห็นชอบต่อการเข้าร่วมเป็นสมาชิกแนวร่วมในการรับมือภัยคุกคามจากยาเสพติดสังเคราะห์ระดับโลก
(Global Coalition to Address Synthetic Drug Threats) ของกระทรวงยุติธรรมในนามของประเทศไทย
โดยมีสำนักงาน ป.ป.ส. เป็นหน่วยดำเนินการ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ
แจ้งผลการพิจารณาการร่วมรับรองปฏิญญาฯ และการเข้าร่วมเป็นเป็นสมาชิกแนวร่วมฯ
ของประเทศไทย ต่อกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๖ กันยายน ๒๕๖๖ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี)
ในประเด็นการเสนอเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดระยะเวลาของเรื่องนั้น
ๆ อย่างน้อย ๑๕ วัน โดยเรื่องนี้เป็นกรณีเร่งด่วน
จึงขอส่งเรื่องให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอย่างน้อย ๗ วัน
ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรพิจารณาขยายการขับเคลื่อนเพิ่มเติมตามความเหมาะสมในมิติของการบูรณาการด้านเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลสากลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ประกอบกับการบูรณาการด้านงบประมาณที่จะสนับสนุนการดำเนินการร่วมกับประเทศสมาชิกแนวร่วมฯ
ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพการบริหารและพัฒนาภายในประเทศ
ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นคงของชาติยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2849 | แนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ พ.ศ. 2566-2570 | นร.10 | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐ ตามมติคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๖ เมื่อวันที่
๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติสำหรับให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐใช้ในการพัฒนาองค์กร
และบุคลากรภาครัฐใช้ในการวางแผนพัฒนาตนเองและพัฒนางานต่อเนื่องจากแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ รวมทั้งได้นำแนวทางการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐเพื่อการปรับเปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิทัล
(ระยะเวลาดำเนินการ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) ผนวกรวมเข้ามาเป็นฉบับเดียวกัน กำหนดประเด็นการพัฒนา
๓ ประเด็น ได้แก่ (๑) การพัฒนาองค์กร เพื่อเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และพัฒนา (๒)
การพัฒนากรอบแนวคิดและทักษะให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนภารกิจภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ
และ (๓)
การพัฒนากรอบความคิดและทักษะด้านดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเป็นรัฐบาลดิจิทัล ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงศึกษาธิการ เช่น
ควรคำนึงถึงความเชื่อมโยงกับมาตรการบริหารอัตรากำลังปกติ เนื่องจากการควบคุมอัตรากำลังควรมีความสอดคล้องกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด
รวมทั้งอาจพิจารณาความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการเพื่อให้การพัฒนาบุคลากรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ควรมีคำอธิบายและคำนิยามของตัวชี้วัดส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐ หลักเกณฑ์
วิธีการประเมิน
เครื่องมือการวัดผลที่สามารถสะท้อนการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดได้อย่างชัดเจน ควรมีการกำหนดหลักสูตรกลาง
เพื่อให้ส่วนราชการสามารถส่งบุคลากรไปพัฒนาได้ตรงกับแนวทางที่ ก.พ. กำหนด
และมีการจัดอบรมให้กับบุคลากรที่รับผิดชอบด้านพัฒนาทรัพยากรบุคคลอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้เกิดความรู้ ความเชี่ยวชาญ
และสามารถนำความรู้ไปปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2850 | การจัดทำข้อสงวนไม่รับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ | ยธ. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการจัดทำข้อสงวนเพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ
(International Convention
for the Protection of all Persons from Enforced
Disappearance : ICPPED) ของกระทรวงยุติธรรม แล้ว
ลงมติเป็นหลักการให้ทุกส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดว่า
ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจัดทำหนังสือสัญญา
ซึ่งมีข้อบทให้อำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of
Justice : ICJ) มีเขตอำนาจเหนือข้อพิพาทตามหนังสือสัญญานั้น
ให้จัดทำข้อสงวนไม่รับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไว้ทุกเรื่อง
เพื่อมิให้กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2851 | มาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) | กค. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการของมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ
(Classic Cars) เป็นการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ซึ่งคาดว่าจะมีศักยภาพในการขยายตัว โดยการใช้ทุนวัฒนธรรมกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับงานศิลปะและรถยนต์โบราณ
(Classic Cars) เช่น ภาคการท่องเที่ยว แฟชั่น
การออกแบบอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงวัฒนธรรม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ให้เหมาะสม ถูกต้อง รอบคอบ เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ
ด้วย ดังนี้ ๑.๑
ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะโดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมงานศิลปะจากศิลปินชาวไทย
รวมทั้งพิจารณากำหนดมาตรการส่งเสริมการส่งออกงานศิลปะที่ผลิตโดยศิลปินชาวไทยไปยังต่างประเทศด้วย
เพื่อสนับสนุนงานศิลปะและช่วยสร้างรายได้ให้แก่ศิลปินชาวไทย ๑.๒
หารือร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การดำเนินมาตรการลดหรือยกเว้นอากรขาเข้างานศิลปะเป็นไปอย่างมีเอกภาพและต่อเนื่องกัน ๑.๓
ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดคำนิยาม
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ให้เหมาะสมชัดเจน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างแท้จริง ๑.๔
ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานเกี่ยวกับการใช้งาน
รวมทั้งมาตรการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพเครื่องยนต์ของรถยนต์โบราณ (Classic Cars) โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการปล่อยมลพิษทางอากาศด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2852 | ความตกลงการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา (Free Trade Agreement between the Kingdom of Thailand and the Democratic Socialist Republic of Sri Lanka) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567)] | ปสส. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๗
ซึ่งให้เสนอความตกลงการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
(Free Trade
Agreement between the Kingdom of Thailand and the Democratic Socialist
Republic of Sri Lanka) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2853 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | สธ. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ
ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๘ ประเด็น โดยในส่วนของประเด็นที่เห็นควรให้แก้ไขผู้รักษาการตามกฎหมาย
จาก “นายกรัฐมนตรี” เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข” นั้น ยังมีความเห็นบางส่วนที่เห็นว่า
การให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายมีความเหมาะสมแล้ว
เนื่องจากการดำเนินการตามกฎหมายฉบับนี้จำเป็นจะต้องมีการบูรณาการร่วมกับภาคส่วนต่าง
ๆ เพื่อให้นโยบาย แผนงาน และมาตรการต่าง ๆ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
รวมทั้งการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือผู้มีปัญหาจากการดื่มแอลกอฮอล์เกิดผลสัมฤทธิ์
ตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒.
รับทราบคำชี้แจงเหตุผลตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยเป็นการปรับปรุงคำนิยามให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
เพิ่มเติมองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการต่าง ๆ เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีผู้รักษาการในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับสถานที่ห้ามจำหน่ายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เพิ่มอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพิ่มหมวดว่าด้วยการโฆษณาเพื่อการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ห้ามแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ
หรือชักจูงใจ กำหนดให้มีการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพแก่ผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
และกำหนดเวลาห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ทั้งนี้
ให้ส่งความเห็นที่มีต่อร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานศาลยุติธรรม
และผลการพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ของกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
และความเห็นที่มีต่อประเด็นดังกล่าว ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งคำชี้แจงเหตุผลตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ไปประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรด้วย ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2854 | การแต่งตั้งกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร (1. ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ฯลฯ จำนวน 55 คน) | นร.01 | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
จำนวน ๕๕ คน ตามมติคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๖
เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ เนื่องจากคณะกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด)
ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ ดังนี้ ๑. สาขาสังคม
การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ๑.๑
ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ๑.๒
ผู้ช่วยศาสตราจารย์จันทจิรา เอี่ยมมยุรา ๑.๓
พลโท สุขสันต์ สิงหเดช ๑.๔
นายพิรุฬ เพียรล้ำเลิศ ๑.๕
นายมานะ วีระอาชากุล ๑.๖
พลตำรวจโท วราวุธ ทวีชัยการ ๑.๗
พลตำรวจตรี ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ๑.๘ รองศาสตราจารย์วรรณภา ติระสังขะ ๑.๙
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ๑.๑๐
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์
๑.๑๑ นายนนทิกร กาญจนะจิตรา ๑.๑๒
รองศาสตราจารย์อดิศร เนาวนนท์ ๑.๑๓
พลเอก กฤษณะ บวรรัตนารักษ์ ๑.๑๔
นายธนกฤต วรธนัชชากุล ๑.๑๕
พันตำรวจโท เธียรรัตน์ วิเชียรสรรค์ ๑.๑๖
นางพัชฌา จิตรมหึมา ๑.๑๗
นายอรรถพล อรรถวรเดช ๑.๑๘
ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ๑.๑๙
นายสมคิด จันทมฤก ๑.๒๐
นายมานะ สิมมา ๑.๒๑
นางวนิดา สักการโกศล ๑.๒๒
นายคุณวุฒิ ตันตระกูล ๑.๒๓
นายสุวัฒน์ เอื้อเฟื้อ ๑.๒๔
นายจเร พันธุ์เปรื่อง ๑.๒๕
รองศาสตราจารย์ยุทธพร อิสรชัย ๑.๒๖
นายธนากร แหวกวารี ๑.๒๗
นายสมยศ อักษร ๑.๒๘
นายไพรัช ชัยชาญ ๒. สาขาการแพทย์และสาธารณสุข ๒.๑
ศาสตราจารย์บุญศรี มีวงศ์อุโฆษ ๒.๒
นายรุ่งเรือง กิจผาติ ๒.๓
ศาสตราจารย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ๒.๔
พลโท ศาสตราจารย์คลินิกภานุวิชญ์ พุ่มหิรัญ ๒.๕
นายกิติพงษ์ มหารัตนวงศ์ ๒.๖
นางสาวเสาวณีย์ คงวุฒิปัญญา ๒.๗
พลอากาศโท อิทธพร คณะเจริญ ๓. สาขาต่างประเทศ ความมั่นคง และการเมือง ๓.๑
พลเอก วิทยา จินตนานุรัตน์ ๓.๒ นายดนัย มู่สา ๓.๓
นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต ๓.๔
พลตำรวจตรี ศาสตราจารย์ชัชนันท์ ลีระเติมพงษ์ ๓.๕
พันตำรวจเอก วิทยา บวรศิขริน ๓.๖
นายปิยะ คงขำ ๓.๗
นายศุภวัฒน์ สิงห์สุวงษ์ ๔. สาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม
และการเกษตร ๔.๑
นายอดิทัต วะสีนนท์ ๔.๒
นายภุชพงค์ โนดไธสง ๔.๓
รองศาสตราจารย์ชมพูนุท โภสลากร เพิ่มพูนวิวัฒน์ ๔.๔
พันจ่าเอก ประเสริฐ มาลัย ๔.๕
นางสาวสายน้ำผึ้ง ทองใส ๔.๖
ศาสตราจารย์วราวุฒิ ครูส่ง ๔.๗
นายสุรพงษ์ เจียสกุล ๕. สาขาเศรษฐกิจและการคลัง ๕.๑
นางชลิดา พันธ์กระวี ๕.๒
นางดวงตา ตันโช ๕.๓
นายเกริกพงษ์ เกสรทอง ๕.๔
นายพนิต ธีรภาพวงศ์ ๕.๕
นายเทวินทร์ นรินทร์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2855 | รายงานประจำปีกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กค. | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย ส่วนที่ ๑ ข้อมูลทั่วไป กองทุนฯ จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยกำหนดให้ตั้งไว้ที่สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายในการจัดประชารัฐสวัสดิการที่เป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย
หรือเพื่อสนับสนุนโครงการที่ให้บริการทางสังคมที่เป็นการช่วยเหลือประชาชนในภาวะลำบาก
ส่วนที่ ๒ ผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประกอบด้วยการจัดรัฐสวัสดิการให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
รวม ๒ รูปแบบ ได้แก่ สวัสดิการที่ไม่กำหนดระยะเวลา
ซึ่งจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพโดยเป็นวงเงินสำหรับซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค
และสวัสดิการที่กำหนดระยะเวลา ซึ่งเป็นสวัสดิการตามมาตรการต่าง ๆ
ที่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละช่วงเวลา เช่น
มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ส่วนที่ ๓
ผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการใช้จ่ายของกองทุนฯ มีบทบาทอย่างมากต่อการบรรเทาภาระค่าครองชีพโดยช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
จำนวนกว่า ๑๓.๒ ล้านคน (เฉลี่ย ๑,๓๓๓ บาทต่อคนต่อเดือน) และส่วนที่ ๔ รายงานของผู้สอบบัญชี
และรายงานการเงินของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจรากและสังคม
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรายงานการเงินของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมแล้วรายงานว่ามีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2856 | รายงานการศึกษา เรื่อง โอกาสของเศรษฐกิจชุมชนกับการเติบโตของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา | สว. | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการศึกษา
เรื่อง โอกาสของเศรษฐกิจชุมชนกับการเติบโตของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม
วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
๒.
มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2857 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา | สว. | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future
Food) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2858 | ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธ์ุ | ทส. | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อม
ความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธุ์ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างหนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อม
ความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธุ์ โดยร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ เป็นการกำหนดกรอบการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเกี่ยวกับการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพและชนิดพันธุ์ในอนาคต
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกลไกการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ
รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือและบูรณาการเชิงนโยบายระหว่างไทยและฝรั่งเศส
และสนับสนุนให้เกิดโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมโดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะดำเนินงานร่วมกันใน
๒ ประเด็น ได้แก่ (๑) ความหลากหลายทางชีวภาพกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ
(๒) การจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืนผ่านกิจกรรมความร่วมมือต่าง ๆ
เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ การเยี่ยมเยือนของทั้งเจ้าหน้าที่ระดับต่าง
ๆ การจัดประชุมหรือสัมมนาร่วมกัน เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ควรดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถดำเนินการสนับสนุนความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และเพื่อให้สามารถนำความรู้จากการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญในด้านความหลากหลายทางชีวภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน ไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อม
ความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธุ์ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ในส่วนของการแลกเปลี่ยนข้อมูล
ความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ต่าง ๆ
ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐฝรั่งเศส
ภายใต้หนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อมความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธุ์
นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาดำเนินการตามความจำเป็น
เหมาะสม คุ้มค่าและละเอียดรอบคอบ ตลอดจนคำนึงถึงผลกระทบในด้านต่าง ๆ
ที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากการที่ต่างประเทศหรือหน่วยงานระหว่างประเทศได้ทราบข้อมูล
ข่าวสาร หรือองค์ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ของประเทศไทยและนำไปใช้ประโยชน์
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (เรื่อง
การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ) อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2859 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ | กต. | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ
เพื่อฉลองวาระครบรอบ ๕๐ ปี ความสัมพันธ์ จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑)
ร่างวิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลีย
หุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง (ASEAN-Australia
Leaders’ Vision Statement-Partners for Peace and Prosperity) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลียต่อเนื่องจากช่วง
๕๐ ปีที่ผ่านมา และ (๒) ร่างปฏิญญาเมลเบิร์น หุ้นส่วนความร่วมมือเพื่ออนาคต (Melborne
Declaration-A Partnership for the Future) มีสาระสำคัญ เช่น
การปกป้องความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาค การส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืน
และกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ในกรณีที่ต้องมีการปรับแก้ไขร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
ให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมผลการปรับแก้ร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
ความตกลงระหว่างประเทศของกรอบความร่วมมืออื่น ๆ
รวมทั้งผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องรายงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบในคราวเดียวกัน รวมทั้งควรสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2860 | การปรับปรุงแก้ไขความตกลงว่าด้วยน้ำตาลระหว่างประเทศ (International Sugar Agreement : ISA) ฉบับปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) | อก. | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขความตกลงว่าด้วยน้ำตาลระหว่างประเทศ
(International Sugar Agreement :
ISA) ฉบับปี พ.ศ. ๒๕๓๕ (ค.ศ. ๑๙๙๒) และให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในตราสารการยอมรับการแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงว่าด้วยน้ำตาลระหว่างประเทศ
โดยการปรับปรุงแก้ไขความตกลงฯ มีวัตถุประสงค์ตามความตกลงฯ เป็นไปตามข้อมติที่ ๙๓
(๔) รับรองโดยที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ประกอบด้วย (๑) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านน้ำตาลโลกและสารทำความหวานอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพลังงานชีวภาพ และเชื้อเพลิงเอทานอลจากพืชน้ำตาล (๒) เพื่อเป็นเวทีในการหารือระหว่างประเทศด้านตลาดน้ำตาลและสารให้ความหวาน
รวมถึงผลพลอยได้ที่เกิดจากการผลิตในอุตสาหกรรมน้ำตาลและเชื้อเพลิงเอทานอล (๓)
เพื่ออำนวยความสะดวกการค้า ชีวภาพ และเชื้อเพลิงเอทานอลที่ผลิตจากน้ำตาล และ (๔)
เพื่อเพิ่มปริมาณการอุปสงค์ของน้ำตาลและพืชน้ำตาล โดยเฉพาะที่มิใช่การนำมาบริโภค ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรใช้โอกาสจากการปรับปรุงข้อตกลงดังกล่าว กำหนดแนวทางการผลิต การแปรรูป และการส่งออกผลิตภัณฑ์และผลพลอยได้ในอุตสาหกรรมน้ำตาล
เชื้อเพลิงชีวภาพ และเชื้อเพลิงเอทานอล
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมน้ำตาล
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เพื่อการอุปโภคของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|