ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 143 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 2841 - 2860 จากข้อมูลทั้งหมด 124453 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2841 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี รวม 3 ฉบับ (คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 216/2567-218/2567) | นร.04 | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑๖/๒๕๖๗ เรื่อง
มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง
ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ ๒. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑๗/๒๕๖๗ เรื่อง
มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ ๓. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑๘/๒๕๖๗ เรื่อง
มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย
และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๗
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2842 | การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว | นร. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการร่วมงาน
“เปิดเมืองน่าเที่ยว” ทางภาคเหนือ ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของรัฐบาลตามนโยบาย IGNITE
TOURISM THAILAND โดยการเชื่อมโยงกิจกรรมการท่องเที่ยวเป็นเครือข่ายร่วมกับจังหวัดใกล้เคียงที่เป็นเมืองน่าเที่ยว
รวมถึงค้นหาและพลิกฟื้นโอกาสของจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ด้วย
เช่น จังหวัดลำพูน ที่เป็นเมืองเก่าในภาคเหนือ มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ซึ่งสามารถผลักดันให้ประชาชนและคนรุ่นใหม่ชาวจังหวัดลำพูนฟื้นคืนคุณค่าของจังหวัดที่มีอยู่แต่เดิม
เปลี่ยนจังหวัดลำพูนให้เป็นเมืองมรดกทางวัฒนธรรม (Cultural Heritage) หรือเมืองสร้างสรรค์ (Creative City) ได้ ดังนั้น
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดจัดทำแผนบูรณาการการท่องเที่ยวของเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวทั้ง
๕๕ จังหวัด ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒.
โดยที่ในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดเมืองน่าเที่ยวทั้ง
๕๕ จังหวัด
รวมทั้งรับฟังปัญหาจากภาคธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อนำมายกระดับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยด้วย
จึงขอให้ทุกส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนำนโยบายหรือข้อสรุปที่จะได้จากการประชุมดังกล่าวไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน
(KPI) ในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปภายใน ๒ สัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2843 | การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ | นร. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ไปแล้วนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณดังกล่าวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้โดยเร็ว
อันจะส่งผลดีโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง
รวมทั้งมีส่วนทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มสูงขึ้นด้วย จึงขอให้ทุกส่วนราชการ
รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณฯ ในความรับผิดชอบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุนให้แล้วเสร็จโดยด่วน ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้รอบคอบ
ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2844 | การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) | นร. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๖) มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) ให้แล้วเสร็จครบถ้วนโดยเร็ว
เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณากำหนดแนวเขตที่ดินในพื้นที่ต่าง ๆ
ทั่วประเทศให้เป็นที่ยอมรับร่วมกัน เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และประชาชนกลุ่มต่าง
ๆ สามารถเข้าใช้ประโยชน์และมีที่ดินทำกินอย่างถูกต้องนั้น เนื่องจากได้รับทราบจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติว่าปัจจุบันแผนที่อาณาเขตที่ดินของประเทศไทยในหลายพื้นที่ยังขาดความชัดเจน
ทำให้ไม่มีมาตรฐานในการนำไปใช้อ้างอิงและใช้ประโยชนในทางราชการต่าง ๆ
ได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการนำส่งข้อมูลต่าง
ๆ เกี่ยวกับที่ดินที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติให้ถูกต้องครบถ้วนโดยด่วนเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการบูรณาการปรับปรุงแผนที่
One Map ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปี ๒๕๖๘ นี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2845 | ผลการประชุม Bridging The Gap : Thailand's Path to Inclusive Prosperity | นร.14 | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม Bridging The Gap : Thailand’s Path to Inclusive Prosperity เพื่อเผยแพร่รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย
ปี ๒๕๖๕ รายงานการลดช่องว่าง : ความเหลื่อมล้ำและการจ้างงานในประเทศไทย และมุมมองปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ
จากตัวแทนสถาบันการศึกษา ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานเกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เห็นว่า ควรผลักดันข้อเสนอแนะเชิงนโยบายฯ
ทั้ง ๓ ระยะ (ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว) ไปสู่การปฏิบัติ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ทั้งภาครัฐ (ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น) ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นองค์รวมได้อย่างตรงจุด
กลุ่มเป้าหมายสามารถหลุดพ้นจากความยากจนที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างแท้จริง
และควรมีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลประชาชน และการให้บริการของภาครัฐ
จากทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการใช้บริการจากภาครัฐ
เป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และคำนึงถึงการป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2846 | การเร่งรัดดำเนินการปรับผังเมืองและการกำหนดเขตท้องที่ (Zoning) | นร. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาทบทวนการวางผังเมืองในจังหวัดต่าง
ๆ (รวมทั้งกรุงเทพมหานครให้เหมาะสมและสอดคล้องกับการขยายตัวของเมือง
รวมถึงให้พิจารณาดำเนินการเพื่อยกระดับเมืองรองต่าง ๆ ให้มีความพร้อมรองรับการขยายตัวของเมืองและการลงทุนในพื้นที่ด้วย
นั้น เพื่อให้การวางผังเมืองและการกำหนดเขตท้องที่ (Zoning) ในจังหวัดต่าง ๆ
มีความสอดคล้องกับการเจริญเติบโตของเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปและรองรับมาตรการของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยส่งเสริมและดึงดูดให้เกิดการลงทุนทั้งภายในประเทศและจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
จึงขอให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นให้แล้วเสร็จโดยด่วน
โดยให้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญและความเป็นไปได้ในการปรับผังเมืองในจังหวัดหลักต่าง
ๆ ก่อนเป็นลำดับแรก แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เหมาะสม เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2847 | การป้องกันและแก้ไขปัญหาสารเคมีรั่วไหล | นร. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้มีเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลอยู่บ่อยครั้ง
เช่น เหตุการณ์ในจังหวัดระยองและพระนครศรีอยุธยา
ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างครบวงจรอีกทั้งยังขาดมาตรการที่ชัดเจนในการควบคุมสถานการณ์และผลกระทบต่าง
ๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อประชาชนและสังคมโดยรวม
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมดและกำหนดมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวอีกให้ชัดเจน
เป็นระบบ และเป็นรูปธรรม ครอบคลุมทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องเช่น การจัดการ การทำลาย
และการเคลื่อนย้ายสารเคมีตามมาตรฐานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(Environmental Impact Assessment : EIA) เพื่อป้องกันผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการโรงงานหรือผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดและเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2848 | การเร่งรัดกำหนดมาตรการในการอนุญาตและส่งเสริมให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้ากับผู้ผลิตพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนได้โดยตรง (Direct PPA) | นร.04 | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗)
มอบหมายให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการในการอนุญาตและส่งเสริมให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าผู้ผลิตพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนได้โดยตรง
(Direct Power Purchase
Agreement: Direct PPA ) ให้ชัดเจนก่อนสิ้นปี
๒๕๖๗ แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป นั้น เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมรองรับและดึงดูดการลงทุนจากบริษัทชั้นนำของโลกที่รัฐบาลได้เชิญชวนไว้และสนใจเข้ามาลงทุนในด้าน
Data Center จึงขอให้กระทรวงพลังงานเร่งหารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการในเรื่องดังกล่าวให้เหมาะสมและชัดเจนโดยเร็ว
แล้วนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
ให้ทันการประชุมในคราวต่อไปที่ได้กำหนดไว้ในวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๗ ทั้งนี้
หากไม่สามารถพิจารณากำหนดมาตรการดังกล่าวทั้งระบบได้ทันตามกำหนดเวลาข้างต้น
ก็ให้พิจารณากำหนดเป็นมาตรการนำร่อง (Sandbox) แล้วนำเสนอ
กพช. พิจารณา เพื่อทดลองใช้ดำเนินการเป็นกรณี ๆ ไป ตามความจำเป็นเหมาะสมก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2849 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
เป็นจำนวน ไม่เกิน ๓,๗๕๒,๗๐๐ ล้านบาท
เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณได้มีกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2850 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กำหนดจำนวนกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๗๒ คน
(เท่ากับจำนวนที่มติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๗)
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร
เจริญศรี) ร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณประสานในรายละเอียดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2851 | การผลักดันให้จังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลก | นร. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จังหวัดน่านเป็นจังหวัดในภาคเหนือที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง รวมถึงในอดีตถือเป็นเมืองคู่แฝดกับเมืองหลวงพระบาง
ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ดังนั้น
หากมีการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดน่าน - หลวงพระบางให้เป็นเมืองคู่แฝดมรดกโลก
ก็จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นได้ ดังนั้น
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก
กระทรวงวัฒนธรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการสนับสนุนและผลักดันให้จังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่ง ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับจังหวัดน่านให้มีความสะดวก
ปลอดภัย และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการขยายสนามบินและขยายระยะเวลาการเปิดให้บริการของสนามบินจังหวัดน่านให้สามารถให้บริการในช่วงเวลากลางคืนด้วย
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เพิ่มขึ้นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2852 | โครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอสำหรับการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงการคลัง [ธนาคารออมสิน
และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)]
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นควรดำเนินการตามแผนและใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ
รวมทั้งมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการให้บรรจุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ตลอดจนขอให้ดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ควรพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการ
และควรมีแนวทางในการชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินโครงการอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อบริหารจัดการภาระทางการคลังของรัฐให้เป็นไปตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาระบบฐานข้อมูล SMEs เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับการใช้กลไกการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงสำหรับสินเชื่อรายย่อย
(Risk-Based Pricing) เพื่อให้ต้นทุนทางการเงินสะท้อนตามความเสี่ยงของลูกหนี้แต่ละราย ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับเพิ่มกลุ่มเป้าหมายของโครงการสินเชื่อ
IGNITE THAILAND ให้ครอบคลุมถึงวิสาหกิจรายย่อย (Micro SMEs) สถาบันเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนด้วย
รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล) เสนอความเห็นเพิ่มเติมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2853 | ให้กระทรวงการคลังเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี กรณีรัฐจะจ่ายเงินชดเชย หรือเยียวยาบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล | นร. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการว่า ในกรณีที่รัฐจะจ่ายเงินชดเชยหรือเยียวยาบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลตามกฎหมายหรือระเบียบใด
ๆ ให้กระทรวงการคลังเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาด้วยว่า
สมควรยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินชดเชยหรือเยียวยาดังกล่าวด้วยหรือไม่
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2854 | ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล พ.ศ. .... | คค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร
และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร
สายเฉลิมรัชมงคล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร
สายเฉลิมรัชมงคลอัตราใหม่ตามวิธีการในสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
โดยมีอัตราค่าโดยสารเริ่มต้น ๑๗ บาท สูงสุด ๔๕ บาท เพื่อให้การปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานครเป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาสัมปทาน
และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ก่อนวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการคลัง
เห็นว่าการให้คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีอำนาจในการกำหนดส่วนลดการเปลี่ยนถ่ายระบบระหว่างรถไฟฟ้าสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง
ๆ ภายในความรับผิดชอบของ รฟม.
และรวมไปถึงโครงการรถไฟฟ้านอกความรับผิดชอบของ รฟม. ตามร่างข้อบังคับ รฟม. ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสารฯ
จะต้องพิจารณาความเหมาะสมและผลกระทบต่อการดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง
ๆ เพื่อไม่ให้เกิดข้อพิพาทและ/หรือส่งผลกระทบต่อผลประกอบการและฐานะทางการเงินของ รฟม.
ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาระในการอุดหนุนงบประมาณของภาครัฐในอนาคต
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2855 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 11 | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium Enterprises
: SMEs) ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee
Scheme ระยะที่ ๑๑ เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอสำหรับการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและเป็นแรงขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจโดยรวมให้เติบโตได้ในระยะยาว
รวมถึงเป็นการสนับสนุนศักยภาพด้านเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ของรัฐบาล ตลอดจนการปรับตัวเพื่อรับมือให้ทันกับสถานการณ์หรือวิกฤตที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ สำหรับภาระงบประมาณของโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio
Guarantee Scheme ระยะที่ ๑๑ วงเงินรวม ๗,๑๒๕
ล้านบาท ให้กระทรวงการคลัง [บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
(บสย.)] ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าการเก็บค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เช่น
ค่าธรรมเนียมการจ่ายค่าประกันชดเชย ค่าจัดการค้ำประกัน
ค่าดำเนินการค้ำประกันสินเชื่อ เป็นต้น ให้ บสย. พิจารณาเก็บค่าธรรมนียมด้วยความเหมาะสมและเป็นธรรม
เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการ SMEs และสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ และการดำเนินการตามมาตรการ/โครงการที่มีผลทำให้รัฐต้องชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ของหน่วยงานของรัฐ
จะต้องดำเนินการให้อยู่ภายในสัดส่วนตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
ตามมาตรา ๒๘ และให้มีการรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวบรรลุผลสัมฤทธิ์และมีความคุ้มค่าอย่างแท้จริงตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ธนาคารแห่งประเทศไทย ควรพิจารณาจัดสรรวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ
และอัตราค่าธรรมเนียมที่รัฐบาลจ่ายแทนให้แก่ SMEs แต่ละโครงการย่อยให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมาย SMEs ที่ควรได้รับความช่วยเหลือเป็นสำคัญ
เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (บสย.)
ดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ ๑๑
ไม่ให้เกิดความช้ำซ้อนกับโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND และโครงการให้ความช่วยเหลือ
SMEs อื่น ๆ ในลักษณะเดียวกันด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง บสย.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทาง
รวมทั้งประสานกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจของโครงการฯ
ให้แก่กลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ถูกต้อง
เพื่อให้สามารถเข้าถึงการค้ำประกันสินเชื่อได้อย่างทั่วถึงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2856 | (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (ปรับปรุงช่วงที่ 1 พ.ศ. 2566 - 2580) | นร.14 | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง)
แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (ปรับปรุงช่วงที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๘๐)
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนงาน
รวมถึงแผนปฏิบัติการ รวมทั้งจัดทำรายละเอียดเป้าหมายรายลุ่มน้ำให้สอดคล้องกับ
(ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (ปรับปรุงช่วงที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ -
๒๕๘๐) ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการจัดหาน้ำให้เพียงพอสำหรับใช้ในภาคอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงต่อไปในอนาคตและจะมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นในปริมาณมาก
รวมทั้งให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำในภาพรวมทั้งระบบให้เกิดความสมดุล
ครอบคลุมถึงภาคการเกษตร การอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศ และด้านอื่น ๆ ด้วย ๒.ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ
เห็นควรที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติจะพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน
โดยคำนึงถึงวงเงินงบประมาณของประเทศที่จะดำเนินการตามแผนให้ประสบผลสำเร็จ
ประโยชน์ที่ได้รับ รวมทั้งประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการ
และมอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
กำกับ ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานให้เป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ
๒๐ ปี (ปรับปรุงช่วงที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๘๐) และรายงานต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ตามนัยมาตรา ๑๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นควรให้มีการปรับปรุงรายละเอียดเป้าหมาย การดำเนินงาน
และหน่วยงานรับผิดชอบ ในภาคผนวก ก ค่าเป้าหมาย พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ในด้านที่ ๕ การบริหารจัดการ
ให้สอดคล้องกับ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (ปรับปรุงช่วงที่
๑) พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๘๐ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค)
ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้
ในการดำเนินโครงการผันน้ำจากจังหวัดสระแก้วไปยังจังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดชลบุรี
เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค และภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่
EEC ให้เพียงพอและมีความยั่งยืน
โดยให้มีการพิจารณาเปรียบเทียบระบบการผันน้ำ โดยวิธีการต่าง ๆ เช่น การก่อสร้างท่อส่งน้ำ
การก่อสร้างคลองส่งน้ำ เพื่อให้การดำเนินโครงการมีความเหมาะสม คุ้มค่า
และเกิดประโยชน์สูงสุด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2857 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินชดเชยเยียวยาที่ได้รับจากกรมประมงตามโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน) | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่เจ้าของเรือประมงสำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการชดเชยเยียวยาจากกรมประมง
เนื่องจากการเข้าร่วมโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน
ระยะที่ ๑ (ระยะเร่งด่วน) (ช่วงปี ๒๕๖๒ – ๒๕๖๓) และระยะที่ ๒ (ช่วงปี ๒๕๖๕ - ๒๕๖๖
) เพื่อช่วยบรรเทาภาระภาษีให้เจ้าของเรือประมงในการมีทุนในการประกอบอาชีพอื่น
และบรรเทาหนี้สินอันเกิดจากค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเรือ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2858 | ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 4 ฉบับ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2567) | ปสส. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันพฤหัสบดีที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๗ ซึ่งให้เสนอ ๑ ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... ๒. ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
การวิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.
ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม
๔ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2859 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2567) | ปสส. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันพฤหัสบดีที่ ๖
มิถุนายน ๒๕๖๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2860 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ รวม ๒ ราย ตามลำดับ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ๒. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
