ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 147 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 2921 - 2940 จากข้อมูลทั้งหมด 124453 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2921 | การเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ของประเทศไทย | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างหนังสือแสดงความประสงค์ของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี
เป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงความประสงค์ฯ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานประสานหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ของประเทศไทย โดยร่างหนังสือแสดงความประสงค์ฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS
เพื่อขอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสมาชิกกลุ่ม BRICS ต่อไป ดังนั้น
ร่างหนังสือแสดงความประสงค์ดังกล่าวจึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงการต่างประเทศควรพิจารณาให้รอบด้านในการสมัครเข้าสมาชิก BRICS โดยต้องอยู่บนหลักการดำเนินการทางการทูตอย่างสมดุลที่ยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงความประสงค์ของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2922 | การดำเนินโครงการ/กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 | นร. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศโครงการหลักและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ จำนวน ๑๐ โครงการ เมื่อวันที่
๙ พฤษภาคม ๒๕๖๗ นั้น ขอเน้นย้ำว่า
รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับโครงการหลักและกิจกรรมดังกล่าว และขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบทุกหน่วยงานเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดและให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการและกิจกรรมดังกล่าวข้างต้น
เช่น ความสำคัญ ความเป็นมาของโครงการ และกิจกรรม
ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อสังคมและประชาชน ให้ถูกต้อง ทั่วถึง และต่อเนื่องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2923 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 (สำนักงานอัยการสูงสุด) | อส. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ของสำนักงานอัยการสูงสุด
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงกำหนด
ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2924 | การศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula E ในประเทศไทย | นร.05 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๓ เมษายน ๒๕๖๗ มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
ศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula One ในประเทศไทย เพื่อพิจารณาดำเนินการประมูลสิทธิการจัดการแข่งขันรถยนต์ดังกล่าวต่อไป
รวมทั้งให้การกีฬาแห่งประเทศไทยศึกษารายละเอียดด้านสนามแข่งขันที่เหมาะสมและการลงทุนที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างมาก นั้น
เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพการจัดงานระดับโลกให้มากยิ่งขึ้น
จึงขอมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทยศึกษาความหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์
Formula E ในประเทศไทยเพิ่มเติมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2925 | มาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) | กสศ. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์
(Thailand Zero Dropout)
และเห็นชอบร่างมาตรการฯ จำนวน ๔ มาตรการ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
สรุปได้ ดังนี้ ๑) มาตรการค้นหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาผ่านการบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การค้นพบเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ๒) มาตรการติดตาม
ช่วยเหลือ ส่งต่อ และดูแลเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา
โดยบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนแต่ละรายทั้งด้านการศึกษา
สุขภาวะ พัฒนาการ สภาพความเป็นอยู่ และสภาพสังคม ๓)
มาตรการจัดการศึกษาและเรียนรู้แบบยืดหยุ่น มีคุณภาพ
และเหมาะสมกับศักยภาพของเด็กและเยาวชนแต่ละราย มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาและพัฒนาเต็มศักยภาพของตนเอง
และ ๔) มาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการภาคเอกชนให้เข้ามาร่วมจัดการศึกษาหรือเรียนรู้
มีเป้าหมาย เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาหรือการเรียนรู้ในลักษณะ
Learn to Earn ให้เด็กและเยาวชนอายุ ๑๕-๑๘ ปี
ได้พัฒนาทักษะการทำงานที่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน เหมาะสม ตามศักยภาพและมีรายได้เสริมระหว่างการศึกษา
ตามที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเสนอ ทั้งนี้
ให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่ากองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาควรเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนและมีแผนการดำเนินการของมาตรการดังกล่าวที่ชัดเจน
เพื่อกระทรวงการคลังจะได้นำมาพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของมาตรการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2926 | การเข้าร่วมเจรจาอนุสัญญาว่าด้วยการจัดตั้งองค์การเพื่อการไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศ | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะผู้แทนไทยเข้าร่วมเจรจาอนุสัญญาว่าด้วยการจัดตั้งองค์การเพื่อการไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศ
โดยมีองค์ประกอบ ได้แก่ ๑) กระทรวงการต่างประเทศ ๒) สำนักงานอัยการสูงสุด ๓)
สำนักงานศาลยุติธรรม ๔) กระทรวงยุติธรรม และ ๕) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และเห็นชอบกรอบการเจรจาอนุสัญญาว่าด้วยการจัดตั้งองค์การเพื่อการไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศ
และให้รับรองถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยการจัดตั้งในอนาคตซึ่งองค์การเพื่อการไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศ
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งความประสงค์ของไทยในการเข้าร่วมเจรจาอนุสัญญาฯ
และรับรองถ้อยแถลงร่วมฯ กับฝ่ายจีน โดยวิธีการที่เหมาะสมต่อไป โดยการเข้าร่วมเจรจาอนุสัญญาฯ
เป็นการเข้าร่วมเจรจาจัดทำสนธิสัญญาจัดตั้งองค์การเพื่อการไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศ
(International Organization for Mediation : IOMed) ซึ่งจะเป็นองค์การระหว่างประเทศระดับรัฐบาลแห่งแรกในด้านการระงับข้อพิพาททางเลือกโดยใช้วิธีการไกล่เกลี่ย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรพิจารณาความพร้อมของไทยทั้งในด้านภาระทางงบประมาณ
ความคุ้มค่าของงบประมาณที่จำเป็นต้องใช้ และภาระหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าว
เพื่อให้การเจรจาอนุสัญญาฯ เป็นไปอย่างรอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ
นอกจากนี้ภายหลังจากกระบวนการเจรจาสิ้นสุดลง
กระทรวงการต่างประเทศควรพิจารณาประเมินผลประโยชน์และผลกระทบเชิงลบจากการเข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาฯ
ซึ่งหากพิจารณาแล้วพบว่า การเข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาฯ
ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศในภาพรวม
กระทรวงการต่างประเทศอาจพิจารณาไม่เข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาดังกล่าวตามความเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2927 | มาตรการและแนวทางการตรวจลงตราเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการและแนวทางการตรวจลงตราเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ในการขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังในการอนุญาตให้กระทรวงการต่างประเทศหักเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมการกงสุลในอัตราร้อยละ
๕๐ หรือไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ ล้านบาท
ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. เห็นชอบในหลักการ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ทำงาน หรือการติดต่อธุรกิจระยะสั้น ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา
และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินหกสิบวันเป็นกรณีพิเศษ ๒.๒
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวจะขอรับการตรวจลงตรา
ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง ๒.๓
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อท่องเที่ยวและทำงานทางไกล
เป็นกรณีพิเศษ ๒.๔
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร เพื่อศึกษา
หรือศึกษาและทำงาน เป็นกรณีพิเศษ รวม
๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าข้อเสนอของกระทรวงการต่างประเทศที่จะขอหักเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมการกงสุลเพิ่มขึ้นจากอัตราร้อยละ
๓๐ เป็นอัตราร้อยละ ๕๐ หรือไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ ล้านบาท ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป นั้น
เป็นการดำเนินการตามมาตรา ๔ วรรคสอง (๒) แห่งพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ. ๒๔๙๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เห็นควรรับฟังความเห็นของกระทรวงการคลัง ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรับความเห็นของนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น นายกรัฐมนตรี เห็นว่าการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านระบบการตรวจคนเข้าเมืองและการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์
(e – Visa) ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ
และสมควรดำเนินการให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น มีความสะดวกรวดเร็ว
คล่องตัว และสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้รับบริการอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม
การอำนวยความสะดวกดังกล่าวยังคงต้องให้ความสำคัญกับการคัดกรองอย่างรอบคอบรัดกุมเพื่อเฝ้าระวังบุคคลและกลุ่มอาชญากรที่อาจแฝงตัวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2928 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุรชาติ เทียนทอง และนายธันว์ วุฒิธรรม) | กค. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายสุรชาติ เทียนทอง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2929 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | นร.04 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นายณณัฏฐ์ หงส์ชูเวช ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๒. นายชวรัชต์ อุรัสยะนันทน์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายจักรพงษ์ แสงมณี)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2930 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร และนายรัศม์ ชาลีจันทร์) | นร.04 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร และนายรัศม์
ชาลีจันทร์ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2931 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม) | นร.04 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2932 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี (๑๓ กันยายน ๒๕๖๖) เรื่อง แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2933 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ และนางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ) | กก. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑. นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2934 | รัฐบาลสาธารณรัฐฟินแลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ประจำประเทศไทย (นางเอวา กริสตีนา กูวายา-ซันโทปูโลส) | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางเอวา กริสตีนา กูวายา-ซันโทปูโลส (Ms. Eeva Kristiina Kuvaja-Xanthopoulos) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายยูริ ยาร์วียาโฮ (Mr. Jyri
Jarviaho) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2935 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีประจำประเทศไทย (นายฮัน แจ ซง) | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฮัน แจ ซง (Mr. Han Jae Song) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายคิม เช พง (Mr. Kim Je Bong) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2936 | รัฐบาลสาธารณรัฐแซมเบียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแซมเบียประจำประเทศไทย (นายมอร์คัม มุมบา) | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมอร์คัม มุมบา (Mr. Morecome Mumba) ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแซมเบียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สืบแทน นายวาลูบีทา อีมาคันโด (Mr.
Walubita Imakando) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2937 | รัฐบาลสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานประจำประเทศไทย (นายเอลชิน รากุบ โอกลู บาชีรอฟ) | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเอลชิน รากุบ โอกลู บาชีรอฟ (Mr. Elchin Ragub oglu Bashirov) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน
ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอีร์ฟัน ชากีร์
โอกลู ดาวูดอฟ (Mr. Irfan Shakir oglu Davudov) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2938 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ และนายดนัย เรืองสอน) | คค. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายชาครีย์ บำรุงวงศ์
ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางบก (นักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2939 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวี (1. นายเศกสันต์ คำตั๋น ฯลฯ จำนวน 9 คน) | คค. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวี
จำนวน ๙ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ (๑) ด้านการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ นายเศกสันต์
คำตั๋น นายเรือฝ่ายสนับสนุนวิชาการ
และงานวิจัยเรือเกษตรศาสตร์ ๑ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (๒) ด้านการขนส่งทางน้ำ พลเรือเอก
สุธีพงศ์ แก้วทับ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ (๓) ด้านกิจการท่าเรือ เรือเอก
กานต์ เมนะรุจิ อดีตผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง (๔) ด้านกิจการการเดินเรือไทย พลเรือเอก
ปกครอง มนธาตุผลิน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการกองทัพไทย (๕) ด้านกิจการอู่เรือ พลเรือตรี สุบิน บรรยง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ (๖) ด้านกฎหมายพาณิชยนาวี นายทรงศักดิ์
ผิวเกลี้ยง ที่ปรึกษากฎหมาย
และทนายความ สำนักงานรวมชนคนกฎหมายธุรกิจ และทนายความ (๗) ด้านการประกันภัยทางทะเล นางสาวจารุภา
วัฒน์ประกายรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท
มารีนไทย กรุ๊ป จำกัด (๘) ด้านการค้าระหว่างประเทศ นายณัฐพงษ์
รัตนสุวรรณทวี รองประธานกรรมการ/ประธานคณะกรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) (๙) ด้านสิ่งแวดล้อม นายดรุฒ
คำวิชิตธนาภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการประจำสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์
ที่ปรึกษาอธิบดีกรมการข้าว (ด้านงบประมาณ) กรรมการผู้จัดการบริษัท
แม่หมูอ้วน จำกัด และบริษัท ดีเจไลท์ติ้ง จำกัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 2940 | รัฐบาลราชอาณาจักรเบลเยียมเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรเบลเยียมประจำประเทศไทย (นายสกันแดร์ นัสรา) | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสกันแดร์ นัสรา (Mr. Skander Nasra) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรเบลเยียมประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางซีบีย์ เดอ การ์ตีเย ดีฟว์ (Ms.
Sibille de Cartier d’Yves) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
