ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1361 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 27201 - 27220 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 27201 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 3 ราย 1. นายสุวิชญ โรจนวานิช ฯลฯ) | กค | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงกลาโหม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสุวิชญ โรจนวานิช ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๒. นายอรรณพ บัวครื้น ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๓. นายณรงค์ ราบเรียบ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 27202 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตรของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังรับร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตรของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ พ.ศ. .... ไปพิจารณาทบทวนตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้
๑. การกำหนดให้ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในประเทศหรือเมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ (hardship) หรือประเทศที่ไม่มีสถานศึกษาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษาจากสถาบันรับรองมาตรฐานสากลซึ่งศึกษาในประเทศที่สาม รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร บริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ เครือรัฐออสเตรีย และนิวซีแลนด์ ตามรายชื่อประเทศหรือเมืองที่กระทรวงการคลังกำหนด มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุตร สำหรับบุตรที่ศึกษาในต่างประเทศ ณ สถานศึกษานอกประเทศที่ผู้มีสิทธิมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับสิทธิของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในประเทศอื่น ๆ ๒. การกำหนดอัตราเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุตรของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ ควรพิจารณาทบทวนเพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมให้กับข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในประเทศหรือเมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ (hardship) หรือประเทศที่ไม่มีสถานศึกษาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษาจากสถาบันรับรองมาตรฐานสากลซึ่งศึกษาในประเทศที่สาม รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร บริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ เครือรัฐออสเตรีย และนิวซีแลนด์ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 27203 | รายงานการชำระบัญชีของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) | กค | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการชำระบัญชีของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. บสท. ได้รับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมาจากสถาบันผู้โอนจำนวน ๑๕,๑๙๔ ราย มูลค่าทางบัญชี ๗๗๔,๙๐๔ ล้านบาท โดยชำระราคารับโอนเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ไม่สามารถเปลี่ยนมือได้และอาวัลโดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งมีกำหนดไถ่ถอนในปีที่ ๑๐ มูลค่ารวมทั้งสิ้น ๒๔๖,๓๐๓ ล้านบาท ๒. บสท. มีเงินที่ที่เรียกเก็บได้จากลูกหนี้ที่ลงนามในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้หรือศาลฟื้นฟูเห็นชอบด้วยแผนแล้ว เงินรับจากการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย และรายรับจากการจำหน่ายสินทรัพย์คงเหลือในช่วงการชำระบัญชีสะสมจนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ รวม ๓๓๒,๙๖๕ ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรายรับจากผลตอบแทนการลงทุนจำนวน ๓,๑๘๑ ล้านบาท รวมมีรายรับสะสมตลอดอายุการดำเนินงานของ บสท. เท่ากับ ๓๓๖,๑๔๖ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 27204 | ผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาและสาธารณรัฐมัลดีฟส์ | อก | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ (เรื่อง ผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยประชาชนศรีลังกาและสาธารณรัฐมัลดีฟส์) เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการบริหารจัดการโลจิสติก์ทั้งระบบซึ่งเชื่อมโยงและเป็นประโยชน์ต่อการส่งออก รวมทั้งเป็นช่องทางในการขยายตลาดสินค้าของไทยในศรีลังกาและประเทศใกล้เคียงอื่น ๆ เช่น อินเดีย ซึ่งในการดำเนินการตามติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวมีปัญหาและอุปสรรค และแนวทางการแก้ไข สรุปได้ ดังนี้
๑. ปัญหาและอุปสรรค ผลจากการดำเนินการพบว่า ปัจจุบันการบริหารจัดการโลจิสติก์ในสถานประกอบการของภาคอุตสาหกรรม (Manufacturing logistics) ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่าในอนาคต เนื่องจากกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโลจิสติกส์ในสถานประกอบการของกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญที่ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปจำหน่ายในศรีลังกาและประเทศใกล้เคียงอย่างต่อเนื่องภายใต้โครงการต่าง ๆ ของแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหรรม (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙) เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น ซึ่งปัญหาและอุปสรรคสำคัญในการบริหารจัดการโลจิสติกส์ทั้งระบบฯ ในขณะนี้ คือ ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานทางด้านโลจิสติกส์ (Logistics Infrastructure) โดยเฉพาะการขาดท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ฝั่งทะเลอันดามันที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งและขนถ่ายสินค้าทางทะเลจากประเทศไทยไปยังเอเชียใต้โดยตรง รวมทั้งศูนย์ขนถ่ายและการกระจายสินค้าในพื้นที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจชายฝั่งทะเลตะวันตก ๒. แนวทางการแก้ไข กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการดำเนินโครงการเพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคดังกล่าว ได้แก่ ๒.๑ โครงการศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่เพื่อประกอบการกำหนดพื้นที่อุตสาหกรรมในพื้นที่ชายแดนด่านพุน้ำร้อน อำเภอเมือง และพื้นที่อื่น ๆ ที่เหมาะสมในจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อศึกษาพื้นที่ที่เหมาะสมในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดชายแดน (ด่านพุน้ำร้อน อำเภอเมือง และพื้นที่อื่น ๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี) ในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมบริการด้านโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการขนส่งสินค้าผ่านแดนและเชื่อมโยงกับโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายสำหรับนิคมอุตสาหกรรมทวายในสหภาพเมียนมาร์ ๒.๒ โครงการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ แนวทาง มาตรการ กลยุทธ์และข้อเสนอแนะในเชิงลึกที่เหมาะสมต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย เพื่อเชื่อมโยงการผลิต การค้า การลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน และเสนอแนะอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพ ศึกษาและกำหนดรูปแบบทางเทคนิคและวิศวกรรม (Conceptual Design) ของเขตการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่โครงการที่บ่งบอกถึงการใช้ที่ดินและระบบกิจกรรมภายในพื้นที่ (Land Use) ๒.๓ โครงการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในพื้นที่ฝั่งตะวันตกตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economics Corridor EWEC) เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของประเทศไทยสอดคล้องและเหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่และเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งจะเป็นการสร้างโอกาสสำคัญในการเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนภายในประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 27205 | การตรวจสอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 และ 2554 | ศย | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอผลการตรวจสอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด สรุปได้ ดังนี้
๑. งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ มีสินทรัพย์รวม ๒๘,๗๖๘,๑๙๙,๔๔๙.๔๙ บาท และ ๒๖,๒๑๐,๔๗๐,๗๔๙.๘๒ บาท ตามลำดับ ๒. งบรายได้ค่าใช้จ่าย มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ ๒,๗๒๑,๙๙๐,๕๒๗.๖๖ บาท และ ๓,๔๕๑,๓๒๐,๐๔๓.๓๑ บาท ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 27206 | การจัดสรรเงินงบประมาณเหลือจ่ายเพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลและสิ่งจูงใจสำหรับข้าราชการธุรการและลูกจ้างประจำของสำนักงานอัยการสูงสุด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | อส | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๖ รับทราบและเห็นชอบให้เบิกจ่ายเงินเหลือจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๐ ล้านบาท ที่ได้ผ่านการพิจารณาจากกระทรวงการคลังแล้วมาดำเนินการจัดสรรเพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลสำหรับข้าราชการธุรการและลูกจ้างประจำของสำนักงานอัยการสูงสุด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ โดยให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีการ การจัดสรรเงินรางวัลสำหรับส่วนราชการสังกัดฝ่ายบริหาร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง แนวทางการจัดสรรเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ สำหรับส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 27207 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าใช้จ่ายบุคลากรของข้าราชการและลูกจ้างอัตราใหม่ของสำนักงาน ป.ป.ช.) | ปช | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากรในการปฏิบัติงานประจำสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจังหวัด ๖๗ จังหวัด จังหวัดละ ๕ อัตรา รวม ๓๓๕ อัตรา งบประมาณทั้งสิ้น ๒๐,๑๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 27208 | ขอโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จากแผนงานการจัดการหนี้ภาครัฐ โครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน เป็นแผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โครงการอุดหนุนเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จำนวน ๑,๗๒๖.๔๔๔๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้ตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 27209 | ขอให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตอบรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในประเทศไทย เพื่อจะได้ดำเนินการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศแจ้งให้คณะผู้แทนถาวรไทย ประจำกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ทราบและแจ้งทบวงการการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ตามแนวทางปฏิบัติต่อไป จำนวน ๒ รายการ ได้แก่ การประชุมเชิงปฏิบัติการ Regional Workshop on Occupational Radiation Protection and ALARA in Waste Management ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ และการประชุม Asian Nuclear Safety Network (ANSN) Steering Committee (SC) Meeting ครั้งที่ ๑๘ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับประเด็นการเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 27210 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา และผลการดำเนินการตามข้อสังเกตดังกล่าวที่กระทรวงกลาโหมเสนอ แล้วแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยในส่วนข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีดังนี้
๑. โดยที่กระทรวงกลาโหมได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อกำหนดให้สถาบันการศึกษาวิชาการทหารในสังกัดกระทรวงกลาโหม สามารถจัดการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา อันได้แก่ ระดับปริญญาโทและปริญญาเอกได้ แต่การแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวยังขาดสภาวิชาการที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจการต่าง ๆ ทางด้านงานวิชาการ เช่น การเสนอแนะเป้าหมาย นโยบาย แนวทางในการพัฒนาและแผนพัฒนาวิชาการ หรือการพัฒนาหลักสูตรการศึกษา การเปิดสอน การปรับปรุง การยุบรวมและการยกเลิกหลักสูตร เป็นต้น สมควรที่กระทรวงกลาโหมจะได้ดำเนินการให้มีสภาวิชาการในสถาบันการศึกษาวิชาการทหารแต่ละแห่ง ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกับการจัดการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาแห่งอื่น ๒. การแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ ที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ยังไม่รองรับให้บุคคลพลเรือนมีโอกาสเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาในสังกัดกระทรวงกลาโหมได้ รวมทั้งยังมีข้อจำกัดจากอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องบางฉบับ เช่น ระเบียบหรือข้อบังคับของสภาการศึกษาวิชาการทหาร พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการซึ่งออกตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้น ดังนั้น หากกระทรวงกลาโหมมีความพร้อมที่จะจัดการศึกษาให้แก่บุคคลพลเรือนควรมีการแก้ไขปรับปรุงอนุบัญญัติให้รองรับการดำเนินการดังกล่าวต่อไป ๓. สถาบันการศึกษาในสังกัดกระทรวงกลาโหมตามมาตรา ๓ และมาตรา ๓ ทวิ ควรจัดให้มีบัณฑิตวิทยาลัยขึ้นเพื่อทำหน้าที่บริหารการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา (ปริญญาโทและปริญญาเอก) ประสานงานการจัดการศึกษา แผนและนโยบาย รวมทั้งควบคุมมาตรฐานการศึกษาและการวิจัยของสถาบันการศึกษาแต่ละแห่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 27211 | รายงานการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการอนุวัติอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) | ทส | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการอนุวัติอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ครั้งที่ ๑๖ (CITES CoP 16) เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้พิจารณาและรับรองรายงานการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสที่รับผิดชอบการปฏิบัติตามอนุสัญญา CITES ประเด็นสำคัญประกอบด้วย สถานภาพและความสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือกันของอาเซียนด้านอนุสัญญา CITES อันได้แก่ ความก้าวหน้าและความสำเร็จ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน แนวทางและท่าทีร่วมกันของอาเซียน และความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียนเกี่ยวกับประเด็นอนุสัญญา CITES ซึ่งประเด็นดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือและความพยายามร่วมกันของอาเซียน ความเป็นหุ้นส่วนและเครือข่าย และการดำเนินงานตามรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการอนุวัติอนุสัญญา CITES ๒. แถลงการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียน โดยผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนได้กล่าวถึงการสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือด้านอนุสัญญา CITES ในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ แต่ละประเทศได้ดำเนินการผ่านกิจกรรมการบังคับใช้กฎหมายสัตว์ป่าและพันธุ์พืชในประเทศของตน อีกทั้งได้แสดงการสนับสนุนเครือข่าย ASEAN-WEN และการดำเนินงานของสำนักงานศูนย์ประสานเครือข่าย ASEAN-WEN การแลกเปลี่ยนข้อมูลการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการส่งเสริมบทบาทของหน่วยงานพันธมิตร และผู้ให้ทุนสนับสนุนเพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาและความท้าทายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอนุสัญญา CITES ตลอดจนการพัฒนาเครือข่าย ASEAN-WEN อย่างยั่งยืนต่อไป ๓. แถลงการณ์จากพันธมิตร ๓.๑ นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้กล่าวแสดงความภาคภูมิใจของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ได้มีส่วนช่วยในการพัฒนาเครือข่าย ASEAN-WEN ซึ่งกลายเป็นแบบอย่างระดับโลกของการร่วมมือกันในระดับชาติเพื่อต่อต้านการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าข้ามชาติ และได้แสดงความต้องการที่จะติดตามความยั่งยืนของเครือข่าย ASEAN-WEN ด้วยการสร้างทรัพยากรทางการเงินและบุคคลเพื่อให้สามารถสร้างเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของภูมิภาค ๓.๒ ดร.ชำนาญ พงษ์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAFDEC) ได้ให้ความเชื่อมั่นแก่ที่ประชุมว่าจะยังคงสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือการประมงขนาดเล็กและการพัฒนาการประมงในภูมิภาคอาเซียนต่อไปในอนาคต ๓.๓ นายวาน ซิงหมิง ผู้ประสานงานปฏิบัติการงูเห่า (Operation Cobra) และผู้อำนวยการกองบังคับใช้กฎหมายและฝึกอบรมการจัดการตามอนุสัญญา CITES แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวเน้นถึงความสำเร็จและข้อเสนอแนะจากปฏิบัติการ Cobra ว่าในปฏิบัติการนี้มีการจับกุมและยึดของกลางได้จำนวนมาก ทั้งยังได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศว่าเป็นนวัตกรรมความร่วมมือ และเป็นความพยายามระหว่างประเทศที่มุ่งเน้นการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็วระหว่างประเทศต่าง ๆ เป็นครั้งแรก พร้อมกันนี้ได้นำเสนอข้อเสนอแนะจากปฏิบัติการ Cobra ต่อการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการอนุวัติอนุสัญญา CITES ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 27212 | ขอความเห็นชอบการลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลว่าด้วยท่าเรือบก | คค | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลว่าด้วยท่าเรือบก ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีขนส่งเอเชีย สมัยที่ ๒ ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๔-๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร โดยความตกลงฯ มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับความตั้งใจของสมาชิกคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (เอสแคป) ต่อการพัฒนาท่าเรือบกที่มีความสำคัญระดับชาติ เพื่อบูรณาการระบบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นผู้ลงนามความตกลงฯ ในนามรัฐบาลไทย ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็มให้แก่ผู้ลงนามความตกลงฯ และจัดทำข้อความการตั้งข้อสงวนในขั้นตอนการให้สัตยาบัน ๑.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารเพื่อยื่นต่อเอสแคปในวันลงนามความตกลงฯ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการเลือกพื้นที่ใดให้เป็นท่าเรือบก ต้องคำนึงถึงปริมาณสินค้าและคำนึงถึงโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมต่อจากประเทศเพื่อนบ้านถึงท่าเรือที่จะสร้างขึ้นของไทย ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 27213 | ขออนุมัติใช้เงินเหลือจ่าย งบเงินอุดหนุน โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี | ศธ | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณมีความเห็นเพิ่มเติมว่า เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้กันเงินเหลือจ่ายของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไว้ จึงเห็นสมควรอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) ใช้เงินเหลือจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๓๙,๕๒๖,๕๐๐ บาท เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคเป็นค่าเช่าใช้บริการอินเทอร์เน็ตโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (MOE Net) โดยทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) จัดตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณเพื่อชำระค่าสาธารณูปโภคเป็นค่าเช่าใช้บริการอินเทอร์เน็ตโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (MOE Net) ในปีงบประมาณต่อ ๆ ไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 27214 | สรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2556 | ทก | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน มีจำนวนทั้งสิ้น ๓๙.๗๕ ล้านคน ประกอบด้วย ผู้มีงานทำ ๓๙.๓๖ ล้านคน ผู้ว่างงาน ๐.๓๖ ล้านคน และผู้ที่รอฤดูกาล ๐.๐๓ ล้านคน โดยผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานมีจำนวนลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๕ จำนวน ๓.๕ แสนคน (จาก ๔๐.๑๐ ล้านคน เป็น ๓๙.๗๕ ล้านคน) ๒. ผู้มีงานทำ มีจำนวน ๓๙.๓๖ ล้านคน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๕ จำนวน ๔.๙ แสนคน (จาก ๓๙.๘๕ เป็น ๓๙.๓๖) หรือลดลงร้อยละ ๑.๒ โดยผู้ทำงานลดลง ได้แก่ ผู้ทำงานภาคเกษตรกรรม ๖.๓ แสนคน สาขาที่พักแรมและการบริการด้านอาหาร ๒.๘ แสนคน สาขากิจกรรมด้านสุขภาพ และงานสังคมสงเคราะห์ ๑.๑ แสนคน สาขากิจกรรมการบริการอื่น ๆ เช่น กิจกรรมบริการเพื่อสุขภาพร่างกาย การดูแลสัตว์เลี้ยง การบริการซักรีดซักแห้ง เป็นต้น ๕.๐ หมื่นคน สาขาการศึกษา ๕.๐ หมื่นคน สาขาการขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ และรถจักรยานยนต์ ๔.๐ หมื่นคน ส่วนผู้ทำงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ สาขาการผลิต ๔.๕ แสนคน สาขาการก่อสร้าง ๑.๔ แสนคน สาขากิจกรรมทางการเงิน และการประกันภัย ๕.๐ หมื่นคน เป็นต้น ๓. ผู้ว่างงานทั่วประเทศ มีจำนวน ๓.๕๕ แสนคน เพิ่มขึ้น ๑.๒๙ แสนคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๕ ประกอบด้วย ผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน จำนวน ๑.๙๖ แสนคน อีกส่วนหนึ่งเป็นผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน จำนวน ๑.๕๙ แสนคน โดยเป็นผู้ว่างงานที่มาจากภาคบริการและการค้า ๗.๒ หมื่นคน ภาคการผลิต ๖.๘ หมื่นคน และภาคเกษตรกรรม ๑.๙ หมื่นคน ผู้ว่างงานเป็นผู้มีการศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษา ๑.๕๑ แสนคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ๘.๑ หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ๕.๔ หมื่นคน ระดับประถมศึกษา ๔.๗ หมื่นคน และไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา ๒.๒ หมื่นคน และผู้ว่างงานส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง ๙.๙ หมื่นคน ภาคใต้ ๘.๖ หมื่นคน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๗.๙ หมื่นคน ภาคเหนือ ๕.๗ หมื่นคน และกรุงเทพมหานคร ๓.๔ หมื่นคน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 27215 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสาวพัชรี กัมพลานนท์ และ นายถวัลย์ พบลาภ) | สธ | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวพัชรี กัมพลานนท์ ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านทันตกรรม) กลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ๒. นายถวัลย์ พบลาภ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 27216 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนกันยายน 2556 | พณ | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนกันยายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนกันยายน ๒๕๕๖ เทียบกับเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๖ (เดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ ลดลงร้อยละ ๐.๐๑) จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๖ จากการสูงขึ้นของราคาหมวดไข่และผลิตภัณฑ์นม หมวดเครื่องประกอบอาหาร หมวดเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ หมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง และหมวดอาหารสำเร็จรูป สำหรับดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๕ จากการสูงขึ้นของหมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ หมวดเคหสถาน หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า และหมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล ๒. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนกันยายน ๒๕๕๖ เทียบกับเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๙ สินค้าและบริการที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ หมวดอาหารสำเร็จรูป หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า หมวดเคหสถาน หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล และหมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 27217 | การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้อำนวยการสถาบันอนุญาโตตุลาการ | ยธ | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) เสนอ ดังนี้
๑. จัดให้สถาบันอนุญาโตตุลาการอยู่ในกลุ่มองค์การมหาชน กลุ่มที่ ๒ กลุ่มบริการที่ใช้เทคนิควิชาการเฉพาะด้านหรือสหวิทยาการ ซึ่งกำหนดอัตราเงินเดือนผู้อำนวยการองค์การมหาชน ขั้นต่ำและขั้นสูง อยู่ระหว่าง ๑๐๐,๐๐๐-๒๕๐,๐๐๐ บาท ประโยชน์ตอบแทน และค่าตอบแทนพิเศษให้เป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๗ (เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนฯ หลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมฯ และการพัฒนาการดำเนินงานและการประเมินผลองค์การมหาชน) ๒. ให้สถาบันอนุญาโตตุลาการรับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เมื่อสถาบันอนุญาโตตุลาการมีผลการปฏิบัติงานครบ ๑ ปี สมควรให้เข้าสู่ระบบการประเมินผลตามกรอบการประเมินผลหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๗ (เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนฯ หลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมฯ และการพัฒนาการดำเนินงานและการประเมินผลองค์การมหาชน) และเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง กรอบการประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 27218 | ข้อเสนอความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว | นร05 | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการของข้อเสนอความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว ตามมติที่ประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานหลักที่ร่วมประสานปฏิบัติภารกิจในโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประจำทุกปี โดยให้ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๑.๒ เห็นชอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความร่วมมือหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจในสังกัดในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) เพื่อร่วมสมทบทุนการศึกษาในโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทุกปี ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ปีละประมาณ ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 27219 | การขยายเวลาเปิดจุดผ่านแดนถาวรไทย - กัมพูชา | มท | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินการขยายเวลาเปิดจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา จาก เวลา ๐๗.๐๐-๒๐.๐๐ น. เป็น ๐๖.๐๐-๒๒.๐๐ น. จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกลี่ยอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้เพียงพอและสอดคล้องกับการขยายเวลาเปิดจุดผ่านแดนถาวรที่เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าชายแดนและการท่องเที่ยว และหากไม่เพียงพอให้ดำเนินการเพื่อขออัตรากำลังเพิ่มใหม่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติของทางราชการต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการขยายระยะเวลาเปิด-ปิดจุดผ่านแดนถาวรทั้ง ๕ แห่ง ควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงปริมาณการค้าและการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งการขยายเวลาเปิดจุดผ่านแดนถาวรออกไปจะกระทบกับการจัดอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการจัดสรรการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกัน นอกจากนี้ เห็นควรประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานรับผิดชอบอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามประเมินผลจากการขยายเวลาเปิด-ปิดจุดผ่านแดนถาวรดังกล่าวเป็นระยะ และรายงานผลให้คณะอนุกรรมการพิจารณาการเปิดจุดผ่านแดนได้รับทราบ และพิจารณาวางแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 27220 | เอกสารผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมความร่วมมือแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 13 | กต | 29/10/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมความร่วมมือแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association for Regional Co-operation-IOR-ARC) ครั้งที่ ๑๓ ในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ เมืองเพิร์ท เครือรัฐออสเตรเลีย ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างแถลงการณ์เพิร์ท ระบุถึงแนวทางการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเล การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การจัดการการประมง การจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ความร่วมมือด้านวิชาการและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและการพัฒนาของภูมิภาค รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเลและการเปลี่ยนชื่อจากสมาคมความร่วมมือแห่งมหาสมุทรอินเดีย (India Ocean Rim Association for Regional Co-operation) หรือ IOR-ARC เป็นสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association) หรือ IORA ๑.๒ ร่างปฏิญญาสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยหลักการใช้มหาสมุทรอินเดียและทรัพยากรของมหาสมุทรอินเดียอย่างสันติและยั่งยืน จะกำหนดแนวทางการดำเนินการที่เรียกว่า “หลักการเพิร์ท” โดยเรียกร้องให้รัฐสมาชิกตระหนักถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ พันธกรณีในการอนุรักษ์และการใช้มหาสมุทรอินเดียและทรัพยากรของมหาสมุทรอินเดียอย่างยั่งยืนตามกฎหมายระหว่างประเทศ พันธกรณีด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ประโยชน์จากการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน การรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรประมง การจัดการกับภัยคุกคามต่าง ๆ และการเสริมสร้างศักยภาพให้กับรัฐสมาชิก ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||||||||
.....
