ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1262 จากทั้งหมด 6220 หน้า แสดงรายการที่ 25221 - 25240 จากข้อมูลทั้งหมด 124389 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 25221 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 10/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุวาระเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับค้ำประกันและจำนอง) ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25222 | การนำส่งเงินคงเหลือของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดิน | ยธ | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการนำส่งเงินคงเหลือของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ว่าปัจจุบันกองทุนฯ บริหารงานเพื่อใช้เงินไปตามวัตถุประสงค์จากสินทรัพย์หมุนเวียนที่มีอยู่ในปัจจุบัน จำนวน ๒๕๕,๙๕๔,๓๒๕.๔๑ บาท โดยจัดทำแผนงบประมาณประจำปี แยกเป็นงบบุคลากร งบดำเนินงาน และงบสนับสนุน ซึ่งในปีบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตั้งกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๑๖๙,๘๑๕,๓๖๒.๐๔ บาท และได้กำหนดกรอบวงเงินเพื่อรองรับการจ่ายเงินช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ หรือผู้มีส่วนช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่หรือบุคคลดังกล่าวได้รับความเดือดร้อน หรือได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินอันเนื่องจากการดำเนินการ รวมถึงเงินชดเชยความเสียหายและค่าเสื่อมสภาพทรัพย์สิน จำนวน ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมวงเงินงบประมาณที่จัดสรรเพื่อรองรับการบริหารงาน จำนวน ๑๘๑,๘๑๕,๓๖๒.๐๔ บาท เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องในปัจจุบัน จำนวน ๒๕๕,๙๕๔,๓๒๕.๔๑ บาท คงเหลือเงินกองทุนฯ ประมาณ ๗๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจะต้องสำรองไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติภารกิจ ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ รวมถึงการชดเชยค่าเสียหาย หรือเสื่อมสภาพของทรัพย์สินที่มีคำสั่งยึดและอายัดไว้ ซึ่งไม่สามารถประมาณการได้ เนื่องจากคดีแต่ละคดีมีช่วงเวลาการตัดสินที่แตกต่างกัน ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าทรัพย์และดอกเบี้ย ทำให้มูลค่าของเงินที่ต้องใช้ในเรื่องการคืนและชดเชยไม่สามารถกันยอดตัวเลขที่แน่นอน ด้วยเหตุดังกล่าว จึงยังไม่สามารถนำส่งเงินเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดินได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อมูลกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลังและกองทุนอื่น ๆ) ที่ให้กระทรวงการคลังรวบรวมข้อมูลกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนต่าง ๆ ของภาครัฐที่มีอยู่ทั้งหมดให้ครบถ้วน และจัดกลุ่ม วิเคราะห์ผลดำเนินการ ประโยชน์และผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับ และแนวทางการปรับปรุงหรือยุบเลิกกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนที่หมดความจำเป็น รวมทั้งให้จัดทำตัวชี้วัดของกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนโดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์และผลสัมฤทธิ์ของการจัดตั้งกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนดังกล่าว และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25223 | แนวทางการดำเนินงานโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ | กค | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการดำเนินงานโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และทุกภาคส่วนของสังคมไทยเพื่อสร้างเครือข่ายที่จะร่วมกันสร้างมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้าง ส่งเสริมให้ภาคเอกชนที่เข้าร่วมเป็นผู้เสนอราคาต่อหน่วยงานภาครัฐ มีการป้องกันและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน และมีความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งให้ภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ทำให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของประเทศมีความคุ้มค่ามากที่สุด โดยมีขั้นตอนการดำเนินงานโครงการฯ ได้แก่ การแต่งตั้งคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต (Anti-Corruption Cooperation Committee) การคัดเลือกโครงการจัดซื้อจัดจ้าง การคัดเลือกผู้สังเกตการณ์ (Observers) ตามข้อตกลงคุณธรรม การจัดทำข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) เงื่อนไขการดำเนินงานที่กำหนดเพิ่มเติม ข้อยกเว้น และการประเมินผลโครงการจัดซื้อจัดจ้างตามข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ๑.๒ อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต (Anti-Corruption Cooperation Committee) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และปลัดกระทรวงการคลัง เป็นรองประธาน และอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดแนวทางและวิธีการในการดำเนินโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ กำหนดรูปแบบ ปรับปรุง เนื้อหาของข้อตกลงคุณธรรม พิจารณาคัดเลือกโครงการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเข้าร่วมโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พิจารณาคัดเลือกผู้สังเกตการณ์เพื่อเข้าร่วมโครงการฯ ทบทวน ปรับปรุง และกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการดำเนินโครงการฯ กำหนดแนวทางการดำเนินงานให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหรือระเบียบใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด รวมทั้งพิจารณารายงานผลการประเมินผลโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่เข้าร่วมโครงการฯ และเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานตามโครงการฯ ตลอดจนพิจารณาหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอันเนื่องมาจากการเป็นผู้สังเกตการณ์ตามโครงการฯ ๒. ในส่วนขององค์ประกอบของคณะกรรมการ ให้ตัดเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติออก เนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นองค์กรกลางที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานและโครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐอยู่แล้ว |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25224 | รายงานผลการพิจารณาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ. .... | สว | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ. .... โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีข้อสังเกตว่า ในกรณีที่พบว่าคนไร้ที่พึ่งผู้ใดเป็นคนที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่คงของมนุษย์ให้ความช่วยเหลือเท่าที่จำเป็นในเบื้องต้นแล้วประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดส่งคนไร้ที่พึ่งผู้นั้นกลับประเทศต่อไป ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. รับทราบรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมีหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว คือ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ซึ่งมีหน่วยงานในสังกัด ได้แก่ สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง จำนวน ๑๑ แห่ง และบ้านมิตรไมตรี จำนวน ๑๐ แห่ง ให้ความช่วยเหลือชาวต่างชาติผู้หลบหนีเข้าเมืองในเบื้องต้นอยู่แล้วตามหลักมนุษยธรรม ก่อนที่จะมีการประสานส่งต่อไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อส่งกลับประเทศต่อไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25225 | การขออนุมัติดำเนินโครงการจัดสรรทุนการศึกษาตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ ระยะที่ 3 ช่วงที่ 3 (ปีงบประมาณ 2559 - 2567) | กต | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การดำเนินโครงการจัดสรรทุนการศึกษาตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ ระยะที่ ๓ ช่วงที่ ๓ (ปีงบประมาณ ๒๕๕๙-๒๕๖๗) เป็นระยะเวลา ๙ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๕๙-๒๕๖๗) ๑.๒ วงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ เป็นจำนวน ๑๘๘ ล้านบาท โดยให้ใช้ได้จนสิ้นสุดปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุนรัฐบาลควรสอดคล้องตามระยะเวลาของหลักสูตรที่สถาบันการศึกษากำหนดไว้ เช่น ทุนการศึกษาในระดับปริญญาโท ณ สหราชอาณาจักร ซึ่งตามหลักสูตรกำหนดไว้ประมาณ ๑ ปี เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25226 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการพิจารณาโครงการภาคสมัครใจ และการพิจารณาให้ใช้เครื่องหมายรับรอง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25227 | ร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อนำกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25228 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ฉบับที่..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ เพื่อนำกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25229 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับค้ำประกันและจำนอง) | นร09 | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับค้ำประกันและจำนอง) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับค้ำประกันและจำนองตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้ชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25230 | การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและอากรแสตมป์ สำหรับกรณีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เป็นที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย | กค | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและอากรแสตมป์ สำหรับกรณีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เป็นที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25231 | หนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งบรูไนดารุสซาลามว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ | กต | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งบรูไนดารุสซาลามว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ (Exchange of Notes between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of His Majesty the Sultan and Yang Di-Pertuan of Brunei Darussalam on Visa Exemption for Holders of Diplomatic and Official Passports) ซึ่งเป็นเอกสารกำหนดกรอบความร่วมมือว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการระหว่างกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้า แวะผ่าน และพำนักอยู่ในดินแดนของทั้งสองประเทศเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๓๐ วัน รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขการเดินทางเข้าและออก โดยการดำเนินการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานของการประติบัติต่างตอบแทน ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการขยายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ครอบคลุมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยกับประเทศบรูไนดารุสซาลาม รวมถึงกลุ่มประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง เช่น ราชอาณาจักรบาร์เรน ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25232 | ขอความเห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมและการฝึกอบรมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตอบรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมและการฝึกอบรมในประเทศไทย จำนวน ๓ รายการ เพื่อจะได้ดำเนินการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ทราบและแจ้งทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) ตามแนวทางปฏิบัติต่อไป โดย IAEA จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดำเนินการจัดและผู้เข้าร่วมการประชุมและฝึกอบรม (ค่าโดยสารเครื่องบิน ค่าที่พัก และค่าเบี้ยเลี้ยง) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การประชุม IAEA Mid-Term Review Meeting ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๙-๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยมีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ๑.๒ การฝึกอบรม IAEA Regional Training Course on Isotope and Geochemical Application in Flood Risk Mitigation ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยมีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ๑.๓ การประชุม IAEA/RCA First Coordination Meeting ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยมีสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอชื่อผู้เข้าร่วมประชุมและฝึกอบรมเพิ่มเติมตามจำนวนที่ IAEA กำหนด รวมทั้งให้รับความเห็น ข้อสังเกต และประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ไปดำเนินการด้วย ๓. ให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนทราบถึงบทบาทอำนาจหน้าที่และผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เป็นประโยชน์และเกิดผลเป็นรูปธรรม เช่น ผลงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย การใช้เทคโนโลยีถนอมอาหารโดยการฉายรังสี การควบคุมคุณภาพของสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งที่ใช้ภายในประเทศและเพื่อการส่งออกไปต่างประเทศ เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25233 | การเป็นเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลกปี พ.ศ. 2559 | กก | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลกปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับรายละเอียดการดำเนินงาน ควรให้ความสำคัญกับการวางกรอบแผนการดำเนินงานที่บูรณาการระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนโดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม การเมืองและเศรษฐกิจของประเทศและโลกโดยรวม พร้อมทั้งการนำเสนอความเป็นไทยเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ให้โดดเด่นและแตกต่างภายใต้การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกและสังคมโลกที่จะมีผู้สูงอายุมากขึ้น นอกจากนี้ ควรเร่งพัฒนาความพร้อมของบุคลากรในการจัดการประชุมให้เป็นมืออาชีพและความสามารถด้านภาษาในทุกสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลกปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ประมาณการไว้จำนวนไม่ต่ำกว่า ๓๐ ล้านบาท (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินของผู้เข้าร่วมประชุม) ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำรายละเอียดและเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ หากการดำเนินโครงการดังกล่าวมีผลให้ต้องผูกพันงบประมาณเกินกว่าที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้แจ้งไว้ หรือมีการลงนามความตกลงความร่วมมือต่าง ๆ ในการดำเนินงาน ซึ่งอาจมีผลผูกพันเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ก่อนดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25234 | โครงการขยายเขตระบบไฟฟ้าให้ครัวเรือนที่ห่างไกล | มท | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๑.๑ อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการขยายเขตระบบไฟฟ้าให้ครัวเรือนที่ห่างไกล วงเงินลงทุนทั้งสิ้น ๑,๒๑๕ ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ในประเทศ ๙๑๐ ล้านบาท และเงินรายได้ กฟภ. ๓๐๕ ล้านบาท ๑.๒ ให้ กฟภ. กู้เงินในประเทศ ภายในกรอบวงเงิน ๙๑๐ ล้านบาท เพื่อเป็นเงินลงทุนของโครงการฯ โดย กฟภ. จะทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นจนกว่างานจะแล้วเสร็จ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. รับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ ๒.๑ ในการดำเนินโครงการฯ ควรให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกครัวเรือนเข้าก่อสร้างตามโครงการฯ ได้แก่ มีบ้านเรือนราษฎรที่ตั้งอยู่อย่างถาวร มีเลขที่บ้าน มีผู้อยู่อาศัย ที่ดินมีเอกสารสิทธิ มีเส้นทางคมนาคมสาธารณะเข้าถึง ไม่มีปัญหาในการดำเนินการก่อสร้าง เป็นต้น ๒.๒ บ้านเรือนราษฎรที่จะเข้าโครงการฯ และมีการปักเสาพาดสายไฟฟ้า จะต้องไม่อยู่ในพื้นที่ป่าสงวน หรือเป็นพื้นที่ที่มีการบุกรุก ๒.๓ การจะปักเสาพาดสายไฟฟ้าพื้นที่ใด จะต้องไม่เป็นการเอื้อประโยชน์แก่บุคคล กลุ่มบุคคล หรือเป็นการดำเนินการในลักษณะที่มุ่งหวังอย่างอื่น นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ของโครงการที่กำหนด ๒.๔ การปักเสาพาดสายไฟฟ้าไปยังพื้นที่ใด ๆ ต้องไม่เป็นการทำลายพื้นที่ป่าหรือก่อนดำเนินการได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว และการดำเนินการต้องไม่นำไปสู่การฟ้องร้องหรือการต่อสู้ทางคดีความในชั้นศาล ๒.๕ ให้เร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบเวลาของโครงการฯ การดำเนินการทุกขั้นตอนดำเนินการด้วยความโปร่งใส ถูกต้อง เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนของทางราชการและหลักเกณฑ์ที่กำหนด และพร้อมให้หน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบการดำเนินการโครงการฯ ได้ทุกขั้นตอนการปฏิบัติ |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25235 | ขอความเห็นชอบปรับปรุงสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ปรับปรุงสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลประเภทคนไข้นอกในสถานพยาบาลของเอกชน โดยให้ผู้ปฏิบัติงานของ กฟภ. เบิกค่ารักษาพยาบาลประเภทคนไข้นอกในสถานพยาบาลเอกชน สำหรับตนเองและบุคคลในครอบครัวได้เท่าที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินปีละ ๓,๖๐๐ บาท/ครอบครัว ทั้งนี้ ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25236 | การปรับปรุงบัญชีโครงสร้างอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงอัตราค่าจ้างตามบัญชีโครงสร้างอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดอัตราค่าจ้างต่ำสุด ขั้นที่ ๑ อัตรา ๙,๐๔๐ บาท และอัตราค่าจ้างสูงสุด ขั้นที่ ๕๓ อัตรา ๑๔๒,๘๓๐ บาท ๑.๒ ลูกจ้างยังคงได้รับค่าจ้างในอัตราเดิมตามขั้นของบัญชีโครงสร้างใหม่ ๑.๓ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ทั้งนี้ การปรับขยายเพดานขั้นสูงของลูกจ้างแต่ละระดับ รัฐวิสาหกิจจะต้องคำนึงถึงสถานะการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ การจัดหารายได้เพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยไม่ส่งผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดิน และประชาชน ๒. สำหรับกรณีที่รัฐวิสาหกิจจะขยายเพดานอัตราค่าจ้างขั้นสูงขึ้นไปสูงกว่าอัตราขั้นสูงที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ให้เสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์และคณะรัฐมนตรีเป็นรายกรณีไป รวมทั้งการขยายเพดานอัตราค่าจ้างขั้นสูงจะต้องสอดคล้องกับขนาด ภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบของรัฐวิสาหกิจที่มีความแตกต่างกันตามความเหมาะสม ตลอดจนความสามารถในการรองรับภาระค่าใช้จ่ายบุคลากรที่เพิ่มขึ้นของรัฐวิสาหกิจด้วย ตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25237 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ราย บริษัท เขตอุตสาหกรรมสุรนารี จำกัด | กค | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ นม.๒๖๒๑ ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ ๖-๐-๐๐ ไร่ คืนให้แก่บริษัท เขตอุตสาหกรรมสุรนารี จำกัด ผู้ยกให้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25238 | ขออนุมัติงบประมาณจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพโครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ | กษ | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้มีการจ่ายเงินชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตามผลการสำรวจของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการจ่ายเงินค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพในโครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และคณะกรรมการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขและจำนวนเงินชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพ จังหวัดลพบุรี จำนวน ๒๗ ราย รายละ ๑๗๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น ๔,๕๙๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้คณะกรรมการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ฯ ทำหน้าที่กำกับดูแลการจ่ายเงินให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิและจำนวนเงินชดเชยพิเศษฯ โดยให้มีอำนาจหน้าที่พิจารณาและควบคุมการโอนจ่ายเงินชดเชยพิเศษฯ ให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ และจำนวนเงินชดเชยพิเศษฯ โดยในการจ่ายเงินให้จ่ายด้วยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร (จ่ายตรง) ตามบัญชีรายชื่อบุคคลผู้มีสิทธิ โดยถือความเห็นของคณะกรรมการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ฯ เป็นหลักฐานในการจ่ายเงิน สำหรับราษฎรส่วนที่เหลือที่อยู่ระหว่างพิจารณา จำนวน ๑,๓๓๐ ราย เมื่อคณะกรรมการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ฯ พิจารณาให้ได้รับสิทธิเงินชดเชยพิเศษฯ เพิ่ม จึงจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณางบประมาณรายจ่ายให้กับราษฎรเป็นประเด็น ๆ ไป ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยให้คณะกรรมการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ฯ กำกับดูแลการจ่ายเงินให้เป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส ไม่ซ้ำซ้อน และสอดคล้องกับข้อเท็จจริง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการพิจารณาจ่ายค่าชดเชยสำหรับราษฎรส่วนที่เหลืออีก ไปประกอบการดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดกระบวนการพิจารณาการจ่ายค่าชดเชยสำหรับราษฎรส่วนที่เหลืออีก ๑,๓๓๐ ราย ให้แล้วเสร็จโดยเร็วและให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายมีการทุจริตและมีการเลือกปฏิบัติจนเป็นเหตุให้ราษฎรไม่ได้รับเงินค่าชดเชยที่ดินหรือรับเงินค่าชดเชยพิเศษไม่ตรงกับความเป็นจริง แล้วรายงานผลการตรวจสอบให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25239 | ขออนุมัติแก้ไขแบบรายละเอียดและปรับกรอบวงเงินค่าจ้างของโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต เพื่อรองรับการเดินรถไฟประเภทต่าง ๆ | คค | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการแก้ไขแบบรายละเอียดและปรับกรอบวงเงินค่าจ้างของโครงการระบบขนส่งทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต เพื่อรองรับการเดินรถไฟประเภทต่างๆ โดยมีค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นทั้ง ๓ สัญญา จำนวน ๘,๑๔๐ ล้านบาท แยกเป็นค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นของสัญญาที่ ๑ จำนวน ๔,๓๑๕ ล้านบาท สัญญาที่ ๒ จำนวน ๓,๓๕๒ ล้านบาท และสัญญาที่ ๓ จำนวน ๔๗๓ ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังดำเนินการขยายวงเงินกู้เพิ่มเติม จำนวน ๘,๑๔๐ ล้านบาท ให้ครอบคลุมการปรับกรอบวงเงินค่าจ้างของโครงการฯ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ โดยกำกับดูแลให้การปรับเพิ่มกรอบวงเงินดังกล่าวมีความเหมาะสม โปร่งใส สอดคล้องกับรายละเอียดของเนื้องานที่เพิ่มขึ้น เพื่อคำนวณเป็นราคาค่าก่อสร้างที่จะใช้เป็นราคาเจรจาต่อรองกับคู่สัญญาในรายละเอียดของการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาก่อสร้าง รวมทั้งจัดส่งรายละเอียดให้กระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการจัดหาแหล่งเงินในการดำเนินโครงการฯ และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 25240 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola) ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | สธ | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ดำเนินโครงการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola) ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ภายในกรอบวงเงิน ๑๘๘,๔๙๐,๘๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี จำนวน ๑๓๒,๒๒๓,๙๐๐ บาท และเงินรายได้ของโรงพยาบาล จำนวน ๕๖,๒๖๖,๙๐๐ บาท ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวกรมควบคุมโรคจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนและขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการจัดให้มีระบบคัดกรองผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola) ที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานนานาชาติและท่าเรือเป็นหลัก โดยให้พิจารณาดำเนินการให้ครอบคลุมถึงการคัดกรองผู้ป่วยโรคติดต่ออันตรายอื่น ๆ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
.....
