ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1261 จากทั้งหมด 6220 หน้า แสดงรายการที่ 25201 - 25220 จากข้อมูลทั้งหมด 124389 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 25201 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 3 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน - 31 ธันวาคม 2557) | นร | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ ซึ่งได้มีการติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล โดยภาพรวมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗) ส่วนราชการต่าง ๆ ได้มีการดำเนินงานในเรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การปฏิรูปประเทศ และการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลทั้ง ๑๑ ข้อ เป็นไปตามเป้าหมายและมีผลสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ส่วนการขับเคลื่อนเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ผลการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ งบประมาณรายจ่ายประจำ ทุกส่วนราชการสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย สำหรับงบประมาณรายจ่ายลงทุนยังมีปัญหาการเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามแผนการใช้จ่าย (แผนการใช้จ่าย ๑๔๐,๕๖๓.๔๓ ล้านบาท เบิกจ่าย ๔๑,๒๖๒.๔๗ ล้านบาท) นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ขับเคลื่อนเร่งรัดการดำเนินงานในเรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การปฏิรูปประเทศไทย รวมถึงการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลทั้ง ๑๑ ข้อด้วย ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่เห็นควรให้แต่ละกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลผลการเบิกจ่ายงบประมาณจำแนกรายกระทรวงมาใช้ประกอบการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และควรให้ความสำคัญกับผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินการดังกล่าวและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบและเห็นผลสำเร็จของผลงานที่เป็นรูปธรรมโดยเฉพาะในส่วนที่ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรงและเกิดผลดีต่อภาพรวมของประเทศ รวมทั้งให้แต่ละหน่วยงานหรือส่วนราชการเพิ่มการนำเสนองานที่สำคัญที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลแสดงให้ปรากฏว่าได้ดำเนินการอะไรบ้าง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||
| 25202 | การจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม | รง | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม โดยดำเนินการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม ซึ่งเป็นบุคคลที่ถือหนังสือเดินทาง (Passport) และเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างถูกกฎหมายครั้งสุดท้ายก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม แต่ระยะเวลาการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดลงแล้ว เฉพาะแรงงานต่างด้าวที่ต้องการจะทำงานกับนายจ้างในงานรับใช้ในบ้าน งานกรรมกรในกิจการก่อสร้าง ประมง ร้านอาหาร โดยให้มารายงานตัวเพื่อจัดทำทะเบียนประวัติและขออนุญาตทำงาน ณ ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ๑.๒ ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้ ๒ งาน ได้แก่ งานกรรมกร และงานรับใช้ในบ้าน ๑.๓ การนำเข้าแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยให้มีการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเวียดนามเพื่อทำข้อตกลงระหว่างรัฐต่อรัฐในการนำเข้าแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม เพื่อทำงานในกิจการประมง และก่อสร้าง ๒. ให้กระทรวงแรงงานประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อกำหนดวัน เวลา ในการเริ่มปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวเมื่อได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการจัดทำบันทึกความเข้าใจด้านแรงงานกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามแล้วต่อไป ๓. ให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับประเด็นการอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม รวมทั้งความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม ควรดำเนินการโดยสถานบริการของรัฐ และแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามทุกรายควรซื้อประกันสุขภาพในช่วงระยะเวลาไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่อนุญาตให้ทำงานอยู่ในประเทศไทย รวมทั้งควรมีมาตรการในการติดตาม ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามที่เข้ามาและลักลอบทำงานภายหลังจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามแล้ว เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
| 25203 | การดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย | ทส | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้บูรณาการการทำงานเกี่ยวกับการกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน เป็นต้น รวมทั้งได้จัดกิจกรรมรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างค่านิยมในการทิ้งขยะของประชาชนให้ถูกต้องและกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง และจะมีการยกร่างกฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติมความคืบหน้าในการดำเนินงานตาม Roadmap การกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ดังนี้ ๑.๑ การกำจัดขยะค้างสะสม (ขยะเก่า) จำนวน ๓๐.๘๓ ล้านตัน มีการดำเนินการกำจัดขยะ ๓ วิธี ได้แก่ การฝังกลบชั่วคราว การขนย้ายไปกำจัดอย่างถูกต้อง และการนำขยะไปผลิตเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel : RDF) คาดว่าจะสามารถกำจัดขยะค้างสะสม (ขยะเก่า) ได้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๐ ๑.๒ การกำจัดขยะใหม่จะดำเนินการ ๓ มาตรการ ได้แก่ การลดขยะและคัดแยกขยะมูลฝอยจากต้นทาง การจัดการขยะมูลฝอยแบบศูนย์รวม และการกำจัดขยะโดยเทคโนโลยีแบบผสมผสานที่เน้นการแปรรูปเป็นพลังงาน โดยส่งเสริมให้ภาคเอกชนร่วมลงทุน ๑.๓ มีแผนจะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะจำนวนทั้งสิ้น ๕๓ แห่ง ขณะนี้เปิดดำเนินการแล้ว ๒ แห่ง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ๓ แห่ง อยู่ระหว่างลงนามในสัญญา/บันทึกความเข้าใจ (MOU) ๒ แห่ง และอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม ๑ แห่ง และอยู่ระหว่างการเจรจา ๔๕ แห่ง ๑.๔ การดำเนินการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายจะดำเนินการใน ๖ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครปฐม สระบุรี ลพบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขับเคลื่อนการดำเนินการตามแผนในทุกจังหวัดดังกล่าว ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ๑.๔.๑ กระทรวงมหาดไทย กำหนดนโยบายให้จังหวัด/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการลดคัดแยกขยะมูลฝอย ณ แหล่งกำเนิด กำกับดูแลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเกี่ยวกับคัดแยกขยะมูลฝอยและค่าธรรมเนียมเก็บขนและกำจัด รวมทั้งกำกับ ดูแลจังหวัด/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๔.๒ กระทรวงสาธารณสุข ออกกฎกระทรวง เรื่อง การคัดแยก เก็บขนแบบแยกประเภท/สุขลักษณะการจัดการมูลฝอยทั่วไป/อัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการ (เก็บขนและกำจัด) และออกคำแนะนำ เรื่อง แนวทางการควบคุมการประกอบกิจการรับเก็บขน หรือกำจัดขยะมูลฝอยทั่วไป ที่ทำเป็นธุรกิจหรือได้รับผลตอบแทนจากการคิดค่าบริการ ๑.๔.๓ กระทรวงศึกษาธิการ กำหนดให้มีหลักสูตรการเรียนเกี่ยวกับการลด การคัดแยกขยะมูลฝอย และการจัดการขยะมูลฝอย ตั้งแต่ระดับเยาวชน และส่งเสริมสถานศึกษาดำเนินกิจกรรมลด คัดแยก และนำขยะมูลฝอยไปใช้ประโยชน์ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปตาม Roadmap ต่อไป ๓. เห็นชอบให้ถอนข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๗ ไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติม ๔. เห็นชอบแผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสมของจังหวัดอยุธยา ฉบับแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติม โดยสาระสำคัญในการขอปรับแผนปฏิบัติการฯ (ระยะเร่งด่วน ๖ เดือน) คือ การขนย้ายขยะมูลฝอยตกค้างสะสมของเทศบาล จำนวน ๑๔ แห่ง (จากเดิม ๓ แห่ง) จำนวนปริมาณขยะมูลฝอยตกค้างสะสมรวม ๑๘๘,๒๒๐ ตัน และเพิ่มการจัดตั้งศูนย์รวบรวมของเสียอันตรายของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รายการค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสม (ระยะเร่งด่วน ๖ เดือน) ที่กรมควบคุมมลพิษได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว ภายในกรอบวงเงิน ๑๑๖,๔๙๔,๐๐๐ บาท โดยให้กรมควบคุมมลพิษขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณสำหรับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการและตาม Roadmap ดังกล่าวให้เหมาะสมเพียงพอด้วย ๕. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เกี่ยวกับการจัดการของเสียอันตรายอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งก่อให้เกิดภาระต่อประเทศ จึงควรเร่งออกกฎหมายโดยใช้หลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต ส่วนการฝึกอบรมและจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ควรมีการดำเนินการอย่างทั่วถึงและครอบคลุมประเด็นสำคัญของการจัดการของเสียอันตรายอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ รวมทั้งควรมีการจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของพนักงานและศูนย์รวบรวมของเสียอันตรายชุมชนของจังหวัด ตลอดจนอุปกรณ์เพื่อการจำกัดขอบเขตการรั่วไหลของสารอันตรายสู่ชุมชนข้างเคียงกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และมีมาตรการฟื้นฟูพื้นที่วิกฤตเดิมหลังจากขนย้ายขยะมูลฝอยตกค้างเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ เห็นควรเร่งรัดติดตามการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตาม Roadmap ในส่วนที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน มีการรายงานผลความคืบหน้าตามห้วงเวลา การปฏิบัติเร่งด่วนตามแนวทางที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนด เช่น การปรับปรุงฟื้นฟูสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย การนำขยะมูลฝอยมากำจัดในลักษณะรวมศูนย์ การจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอย และการจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอยแบบเตาเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า ให้มีผลอย่างเป็นรูปธรรม สามารถนำมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปทราบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๖. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายให้ประชาชนได้รับทราบการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องดังกล่าวอย่างถูกต้องโดยทั่วกันด้วย |
||||||||||||||||||
| 25204 | มติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า เรื่อง การกำหนดขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2552 เรื่อง มาตรการในการควบคุมการก่อสร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมี ในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ ให้ครอบคลุมพื้นที่เมืองเก่าด้วย | ทส | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า ๔ เมือง ได้แก่ เมืองเก่าแพร่ เมืองเก่าเพชรบุรี เมืองเก่าจันทบุรี และเมืองเก่าปัตตานี เพื่อประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ ๑.๒ เห็นชอบให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒ โดยเห็นชอบมาตรการในการควบคุมการก่อสร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ และในบริเวณเมืองเก่าที่ได้ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยให้หน่วยราชการต่าง ๆ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีที่จะดำเนินการก่อสร้างภายในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ และในบริเวณเมืองเก่าที่ได้ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่าตามมติคณะรัฐมนตรี ส่งเรื่องและแบบแปลนให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า โดยผ่านทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าแล้ว จึงให้เสนอสำนักงบประมาณเพื่อขอจัดตั้งงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานภาครัฐ ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงวัฒนธรรมเกี่ยวกับเขตพื้นที่เมืองเก่ามีขอบเขตครอบคลุมเขตทางและที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งอาจมีการดำเนินกิจกรรมใด ๆ อันอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่เมืองเก่า จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกรณีพื้นที่เมืองเก่าที่ทับซ้อนกับพื้นที่เมืองโบราณและโบราณสถานทั้งที่ประกาศขึ้นทะเบียนแล้วและที่ยังไม่ประกาศขึ้นทะเบียน การก่อสร้างหรือรื้อถอนอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐอย่างอื่น รวมทั้งเอกชนที่พึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ และในบริเวณเมืองเก่าที่ได้ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่าตามมติคณะรัฐมนตรี ยังคงต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากรตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
| 25205 | ขออนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินระยะสั้น โดยต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน 800 ล้านบาท | คค | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท ออกไปอีก ๑ ปี ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งนี้ เพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถบริหารการเงินและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาภาวะเงินสดขาดมือจนไม่สามารถดำเนินงานให้บริการได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ส่วนประเด็นของการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมตามที่กระทรวงการคลังกำหนดเพื่อเสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการให้บริการ เน้นการเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ควบคู่ไปกับการควบคุมและลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งพิจารณาการใช้วงเงินกู้ด้วยความรอบคอบและตามความจำเป็นหรือฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อลดผลกระทบต่อภาระหนี้และฐานะการเงินขององค์กร ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
| 25206 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลางของจังหวัดกาฬสินธุ์ | มท | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ดังนี้
๑. โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน ๑๙ โครงการ วงเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ได้บรรจุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ [เรื่อง ขอความเห็นชอบแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) และแนวทางการสนับสนุนงบประมาณ] แล้ว ดังนั้น ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำดำเนินการต่อไป และให้แจ้งรายละเอียดความคืบหน้าการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงมหาดไทยและจังหวัดกาฬสินธุ์ทราบอย่างต่อเนื่องด้วย ๒. โครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน ๘ โครงการ วงเงิน ๑๐๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท มอบหมายให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำนำโครงการนี้ไปบรรจุเพิ่มเติมในแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ต่อไป |
||||||||||||||||||
| 25207 | ขอความเห็นชอบการปรับปรุงสวัสดิการด้านค่ารักษาพยาบาลของการประปานครหลวง | มท | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การประปานครหลวงปรับปรุงสวัสดิการด้านค่ารักษาพยาบาลให้ผู้ปฏิบัติงานหรือบุคคลในครอบครัวที่เข้ารับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอก ในสถานพยาบาลของเอกชนหรือคลินิกเวชกรรม ให้ได้รับค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินปีงบประมาณละ ๓,๖๐๐ บาท ต่อครอบครัว ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||
| 25208 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 22 - 26 ธันวาคม 2557) | สผ | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๒๒-๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗) ๒. สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(วันที่ ๒๙-๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๕-๙ มกราคม ๒๕๕๘) ๓. สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๑๒-๑๖ มกราคม ๒๕๕๘)
|
||||||||||||||||||
| 25209 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 29 - 30 ธันวาคม 2557 และ วันที่ 5 - 9 มกราคม 2558) | สผ | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๒๒-๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗) ๒. สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(วันที่ ๒๙-๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๕-๙ มกราคม ๒๕๕๘) ๓. สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๑๒-๑๖ มกราคม ๒๕๕๘)
|
||||||||||||||||||
| 25210 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 (โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง) | มท | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ (โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง) จาก บ้านนาเขท่า หมู่ที่ ๓ ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ความยาว ๑,๐๐๐ เมตร เป็น บ้านนาเขท่า หมู่ที่ ๓ ตำบลนาเข อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ความยาว ๖๙๕ เมตร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) ปรับลดวงเงินค่าก่อสร้างลงตามส่วนของระยะทางในการก่อสร้างที่ลดลง ตามความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ โดยรายละเอียดของค่าก่อสร้างดังกล่าว ให้ดำเนินการและขอตกลงความเหมาะสมของราคาตามขั้นตอน รวมทั้งเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
| 25211 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 พ.ศ. .... | กค | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 25212 | การเยือนบรูไนดารุสซาลามอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเยือนบรูไนดารุสซาลามอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๒-๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทสมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์แห่งบรูไนฯ พบหารือกับเจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้า เป็นต้น โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญ ได้แก่ ภาพรวมความสัมพันธ์ และการแลกเปลี่ยนการเยือน ความร่วมมือด้านทหาร สถานการณ์การเมืองไทย หนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทย-บรูไนฯ ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ ความร่วมมือด้านการศึกษา และความร่วมมือในระดับภูมิภาคและอาเซียน และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนฯ โดยเฉพาะเร่งรัดผลักดันประเด็นสำคัญต่าง ๆ ตามตารางติดตามผลการเยือนฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ประสานกับฝ่ายบรูไนฯ เพื่อเตรียมการเยือนบรูไนฯ ของนายกรัฐมนตรี ในวันที่ ๒๕-๒๖ มีนาคม ๒๕๕๘ การเตรียมการเสด็จฯ เยือนไทยของสมเด็จพระราชาธิบดีบรูไนฯ ๒. การสนับสนุนความร่วมมือด้านการฝึกหลักสูตรต่างๆ ของกองทัพไทยและบรูไนฯ ๓. ประสานกับฝ่ายบรูไนฯ เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนร่างหนังสือระหว่างรัฐบาลไทย-บรูไนฯ ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีผลบังคับใช้ในช่วงการเยือนบรูไนฯ อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ๔. ประสานงานกับศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเพื่อหารือแนวทางส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมฮาลาลกับ Bio Innovation Corridor (BIC) ของบรูไนฯ และประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพื่อแจ้งเกี่ยวกับการเชิญภาคเอกชนไทยเข้าร่วมการประชุม “Brunei Bio Tech and Food Conference 2015” ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ๒๕๕๘ |
||||||||||||||||||
| 25213 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายพิพัฒน์ ขันทอง) | กค | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายพิพัฒน์ ขันทอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||
| 25214 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 12 - 16 มกราคม 2558) | สผ | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๒๒-๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗) ๒. สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(วันที่ ๒๙-๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๕-๙ มกราคม ๒๕๕๘) ๓. สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๑๒-๑๖ มกราคม ๒๕๕๘)
|
||||||||||||||||||
| 25215 | บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐโตโกว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ | กต | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐโตโกว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Togo on Technical Cooperation) มีสาระสำคัญระบุให้ภาคีคู่สัญญาจะต้องส่งเสริมโครงการความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกัน ได้แก่ (๑) แลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ และสิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรม (๒) ร่วมกันส่งเสริมการศึกษาและโครงการต่าง ๆ ซึ่งน่าจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ (๓) ให้ความช่วยเหลือในโครงการเฉพาะต่าง ๆ และ (๔) ความช่วยเหลือในรูปแบบอื่นที่ภาคีคู่สัญญาอาจตกลงและจัดการร่วมกันเป็นครั้งคราว โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||
| 25216 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐโตโก | กต | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐโตโก (Memorandum of Understanding on Cooperation between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Foreign Affairs and Cooperation of the Republic of Togo) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกรอบการปรึกษาหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือด้านการเมือง การค้า เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวัฒนธรรม อันจะนำมาซึ่งการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับโตโกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยบันทึกความเข้าใจฯ จัดทำเป็น ๓ ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาไทย ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง |
||||||||||||||||||
| 25217 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๐ มกราคม ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๑,๒๖๔,๑๑๑ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ และเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ จำนวน ๙๙,๔๓๓ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ
|
||||||||||||||||||
| 25218 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตหรือใบรับรอง และการออกใบอนุญาตหรือใบรับรอง นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตหรือใบรับรอง และการออกใบอนุญาตหรือใบรับรอง นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตหรือใบรับรอง และการออกใบอนุญาตหรือใบรับรอง นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 25219 | การบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | นร | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ในปัจจุบันประชาชนในหลายพื้นที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคเพื่อประกอบอาชีพโดยเฉพาะภาคการเกษตร อันเนื่องมาจากภาวะภัยแล้ง ซึ่งคาดว่าสถานการณ์ภัยแล้งจะมีความรุนแรงขึ้นในช่วงต่อไป ดังนั้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างเป็นระบบ จึงมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานในเรื่องนี้ร่วมกันโดยจัดทำแผนบูรณาการการจัดการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||
| 25220 | การยืนยันร่างกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และการเสนอความเห็นของส่วนราชการเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี | นร05 | 10/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการยืนยันร่างกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และการเสนอความเห็นของส่วนราชการเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้ทุกส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้
๑. ให้ทุกส่วนราชการแจ้งยืนยันร่างกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วภายในกรอบระยะเวลา ได้แก่ ๑.๑ กรณีเป็นร่างกฎหมายที่เป็นไปตามผลการดำเนินการตามมติคณะที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หากส่วนราชการประสงค์ที่จะดำเนินการร่างกฎหมายดังกล่าวต่อไป ให้ส่วนราชการแจ้งยืนยันมาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันศุกร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๑.๒ กรณีเป็นร่างกฎหมายที่คณะรัฐมนตรีชุดก่อนอนุมัติหลักการ หากส่วนราชการประสงค์ที่จะดำเนินการร่างกฎหมายดังกล่าวต่อไป ให้ส่วนราชการแจ้งยืนยันมาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ สัปดาห์นับจากวันที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีหนังสือแจ้งเรื่องดังกล่าว ๑.๓ กรณีเป็นร่างกฎหมายที่ได้มีการอนุมัติหลักการโดยคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน ๑.๓.๑ เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งให้ส่วนราชการยืนยันในชั้นการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ส่วนราชการแจ้งยืนยันต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาภายในระยะเวลาที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากำหนด หรือหากไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ให้ส่วนราชการแจ้งยืนยันต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาภายใน ๒ สัปดาห์นับจากวันที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีหนังสือแจ้งให้ส่วนราชการแจ้งยืนยันร่างกฎหมายที่ตรวจพิจารณาแล้ว ๑.๓.๒ กรณีเป็นร่างกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งให้ส่วนราชการยืนยันมาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยตรง ให้ส่วนราชการแจ้งยืนยันมาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากำหนด หรือหากไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ให้ส่วนราชการแจ้งยืนยันมาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ สัปดาห์นับจากวันที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีหนังสือแจ้งให้ส่วนราชการแจ้งยืนยันร่างกฎหมายที่ตรวจพิจารณาแล้ว ทั้งนี้ หากส่วนราชการไม่แจ้งยืนยันภายในระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น ให้ถือว่าส่วนราชการนั้นได้ยืนยันและเห็นชอบร่างกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ๒. ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการเสนอความเห็นเรื่องต่าง ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว กรณีที่เป็นเรื่องเร่งด่วนให้เสนอความเห็นภายในระยะเวลาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนด สำหรับกรณีเป็นเรื่องปกติให้เสนอความเห็นภายใน ๒ สัปดาห์นับจากวันที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือแจ้งเรื่องดังกล่าว หากส่วนราชการไม่เสนอความเห็นภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าส่วนราชการนั้นได้เห็นชอบเรื่องดังกล่าวแล้ว
|
||||||||||||||||||
.....
