ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1270 จากทั้งหมด 6220 หน้า แสดงรายการที่ 25381 - 25400 จากข้อมูลทั้งหมด 124389 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 25381 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง โดยที่ขณะนี้ใกล้ครบกำหนดเวลาที่ใบอนุญาตทำงานชั่วคราวที่ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จออกให้แก่แรงงานต่างด้าวจะหมดอายุแล้ว แต่กระบวนการตรวจสัญชาติอาจไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ทันภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ จึงให้กระทรวงแรงงานพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ รับทราบและเห็นชอบผลการพิจารณาและมติของคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ โดยมีเรื่องแผนการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ซึ่งได้กำหนดขอบเขตพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษระยะแรก ได้แก่ จังหวัดตาก มุกดาหาร สงขลา สระแก้ว และตราด นั้น ในการดำเนินการให้คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษพิจารณาใช้พื้นที่ของทางราชการเป็นลำดับแรก ๒.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรองรับกับเศรษฐกิจดิจิทัล และจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action plan) เพื่อไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพให้แล้วเสร็จโดยเร็ว นั้น เนื่องจากขณะนี้ยังมีความเข้าใจที่แตกต่างกันในเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลค่อนข้างมาก จึงให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางในการสร้างการรับรู้ในเรื่องนี้ต่อสาธารณชนในวงกว้าง เช่น จัดกิจกรรมหรือเวทีให้ทุกภาคส่วนแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ร่วมกัน เป็นต้น ๒.๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) รับเรื่องรายงานผลการศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากแร่ใยหินไปกำกับดูแล โดยตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาและตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องในภาพรวมทั้งหมด นั้น ให้คณะทำงานดังกล่าวพิจารณาหาแนวทางการยกเลิกการใช้แร่ใยหิน โดยเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และให้พิจารณาดำเนินการในช่วงเวลาที่เหมาะสม ๒.๔ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางผลักดันจัดตั้งศูนย์กลางโลจิสติกส์ของประเทศไทย โดยศึกษาผลดี ผลเสีย และเตรียมความพร้อมและมาตรการรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนย้ายเสรี (free flow) ในสาขาต่าง ๆ เช่น สินค้า บริการ การลงทุน แรงงาน ด้วย ๒.๕ ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนการขยายเส้นทางรถไฟสายหลักให้เกิดความเชื่อมโยงและครอบคลุมพื้นที่ซึ่งมีความสำคัญในด้านต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เช่น สถานที่ท่องเที่ยว เขตพื้นที่การศึกษา เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น ๒.๖ ให้กระทรวงพลังงานสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ตามโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cell) ว่าได้มีระบบการกำหนดโควตาในการรับซื้อ มิใช่การรับซื้ออย่างไม่จำกัดจำนวน ๓. ด้านสังคม ให้กระทรวงศึกษาธิการประสานงานและร่วมติดตามการดำเนินการกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการตรวจสอบการดำเนินโครงการก่อสร้างห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติ ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน ที่มีกรณีว่าโครงการดังกล่าวเข้าข่ายการทุจริต ๔. ด้านการต่างประเทศ เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านคาดหวังให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้แทนการเจรจาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกับประเทศนอกกลุ่มอาเซียน เช่น กรณีความขัดแย้งเรื่องการสร้างเขื่อนผลิตพลังงานไฟฟ้ากั้นแม่น้ำโขงของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ส่งผลกระทบต่อสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และกรณีข้อพิพาทหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จึงให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการเจรจาต่อไปด้วย ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องในกรณีที่มีกลุ่มอาจารย์ของสถาบันการศึกษาที่ออกนอกระบบเรียกร้องเพื่อขอรับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้เท่าเทียมกับข้าราชการในสถาบันการศึกษาที่อยู่ในระบบ ๕.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน รวมทั้งกำหนดบทลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดอย่างเหมาะสมเพื่อให้ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเพิ่มความระมัดระวังในการให้บริการยิ่งขึ้น นั้น ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว พร้อมทั้งติดตามกรณีปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เช่น การข่มขู่ การเอารัดเอาเปรียบ และการหลอกลวงนักท่องเที่ยวด้วย ๕.๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อประโยชน์ในการบริโภค อุปโภค และการเกษตรกรรม เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากภาวะภัยแล้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะต่อไป นั้น ให้หน่วยงานดังกล่าวดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์การขาดแคลนน้ำโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งให้มีแหล่งกักเก็บน้ำให้เพียงพอด้วย ๕.๔ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประสานงานกับทุกหน่วยงานในการบูรณาการการใช้ประโยชน์ร่วมกันจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดแนวทางให้ศูนย์ต่าง ๆ ได้แก่ ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของกระทรวงต่าง ๆ และศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัด มีการทำงานที่เชื่อมโยงกันอย่างครบวงจร นั้น ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว โดยเฉพาะการบูรณาการข้อมูลและการปรับปรุงฐานข้อมูลให้ทันสมัยและพร้อมใช้งานทุกเวลา ๕.๕ ในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์และการผลักดันการปฏิรูปให้บรรลุผลสำเร็จ ปัจจัยสำคัญที่สุด คือ การสร้างการรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในเรื่องต่าง ๆ ที่สำคัญ และอยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น การพิจารณาถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การนิรโทษกรรม การดำเนินคดีผู้กระทำผิดกฎหมาย อำนาจหน้าที่ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และอำนาจหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนทราบเหตุผลของการดำเนินการในแต่ละเรื่องให้ถูกต้องและชัดเจน จึงให้ทุกหน่วยงานเร่งสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในเรื่องสำคัญและอยู่ในความสนใจของประชาชนที่อยู่ภายใต้ภารกิจความรับผิดชอบอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25382 | แผนปฏิบัติการในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ | นร04 | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ปี ๒๕๕๘ โดยครอบคลุมถึงปัจจัยที่ผลทำให้เศรษฐกิจขยายตัวที่สำคัญครบทั้ง ๔ ด้าน ประกอบด้วย การใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งมีทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน การลงทุนภาคเอกชน การบริโภคภาคเอกชน และการส่งออก ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เสนอ ทั้งนี้ ในการดำเนินการของทุกส่วนราชการ โดยเฉพาะการดำเนินการที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง และการอนุมัติ/อนุญาตใด ๆ ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. รับทราบข้อสังเกตของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตดังกล่าวตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ข้อสังเกตของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒.๑.๑ ปัจจุบันพบว่า ประชาชนในระดับรากหญ้ายังมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก มีการใช้จ่ายน้อย ส่งผลให้ภาคธุรกิจยังไม่ฟื้นตัว จึงควรหาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือโดยเร็ว เพื่อให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นและเป็นการยกระดับรายได้ของประชาชนกลุ่มนี้ รวมทั้งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบในด้านอื่น ๆ ต่อไป ๒.๑.๒ การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไม่จำเป็นจะต้องมีอัตราการเติบโตที่สูง แต่จะต้องสะท้องสภาพเศรษฐกิจในความเป็นจริง โดยเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป หมวดอาหาร คิดเป็นร้อยละ ๓.๒ หมวดสินค้าอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารคิดเป็นร้อยละ ๐.๖ แสดงให้เห็นว่าราคาอาหารซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของประชาชนยังอยู่ในระดับที่สูง ส่งผลให้อำนาจการซื้อในตลาดของประชาชนยังมีน้อย ๒.๑.๓ ขณะนี้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นและมีแนวโน้มที่จะแข็งขึ้นอีก ซึ่งหากค่าเงินบาทแข็งมากเกินไปจะมีผลกระทบต่อธุรกิจการส่งออกและธุรกิจการท่องเที่ยว ดังนั้น จึงควรดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยพิจารณาระดับค่าเงินของประเทศในภูมิภาคประกอบด้วย ๒.๑.๔ โดยที่ประเทศไทยมีนโยบายในการขยายการลงทุนในประเทศ เช่น การจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่ง เป็นต้น ประกอบกับประเทศญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะให้ความสนใจในการลงทุนในประเทศไทย ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศจึงควรเตรียมการประสานงานเพื่อชักชวนและเจรจาสร้างความร่วมมือในการลงทุนกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้กระเตื้องขึ้น ๒.๒ นายกรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า การพิจารณาสภาพเศรษฐกิจของประทศให้พิจารณาเปรียบเทียบกันระหว่างช่วงก่อนและหลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ และแม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ต้องให้ความสนใจกับรายได้ของประชาชนในทุกระดับด้วย ดังนั้น ทุกส่วนราชการควรจะต้องพิจารณาภารกิจในความรับผิดชอบและหาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือให้ครอบคลุมประชาชนทุกระดับ พร้อมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชนว่า ในขณะนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีได้ร่มมือกันทำงานเพื่อพัฒนาประเทศให้เกิดความยั่งยืน ๓. ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เสนอว่า ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบประมาณรายจ่ายลงทุนที่มีการเบิกจ่ายค่อนข้างน้อย คือ งบกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ ๓ เดือนแรก ที่ใช้เงินจากงบไทยเข้มแข็งและงบกลางส่วนที่เหลือ รวม ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการดำเนินโครงการหลายโครงการต้องใช้ราคามาตรฐานที่ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามแบบรูปรายการเดิม จึงส่งผลให้ไม่มีผู้เขาประมูลรับงาน ดังนั้น เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามเป้าหมายในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พงศ. ๒๕๕๘ ให้สำนักงบประมาณร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เช่น การปรับปรุงราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้างให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นต้น แล้วรายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ สัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25383 | แผนการดำเนินการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ปี 2558 | นร | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการดำเนินการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ปี ๒๕๕๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ด้านการสร้างความเป็นธรรมในสังคม การรักษาความสงบเรียบร้อยและการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ประกอบด้วย การจัดบริการทางสังคมตามสิทธิขั้นพื้นฐาน การแก้ไขปัญหาจงหวัดชายแดนภาคใต้ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ๒. ด้านการพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย การส่งเสริมการเรียนการสอนตลอดชีวิต การปฏิรูปการศึกษา การเสริมสร้างและพัฒนาสุขภาพของประชาชน และการปลูกฝังค่านิยมจิตสำนึกและการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทย ๓. ด้านการสร้างความเข้มแข็งภาคการเกษตร ความมั่นคงของอาหารและพลังงาน ประกอบด้วย การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ และการแก้ไขปัญหาเกษตรกรอย่างยั่งยืน ๔. ด้านการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ประกอบด้วย การเพิ่มศักยภาพสหกรณ์ในการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ตามพื้นที่เป้าหมายบริเวณชายแดน การพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมืองและการพัฒนาโครงข่ายขนส่งสาธารณะ และการบริหารจัดการเศรษฐกิจส่วนรวมอย่างมีเสถียรภาพ ๕. ด้านการสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วย การพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการขนส่งและระบบ Logistic และการสร้างความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ๖. การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ๗. การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในการใช้บริการอย่างแท้จริง ๘. การปรับปรุงระบบโทรคมนาคมเทคโนโลยีของชาติให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคตให้ทัดเทียมอาเซียนและประชาคมโลก ๙. การป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างยั่งยืน แผนการดำเนินการดังกล่าว คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะกำหนดห้วงเวลาดำเนินการรายไตรมาสให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินการของรัฐบาล เพื่อให้ผลการดำเนินการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลเป็นไปอย่างประสานสอดคล้อง ทั้งนี้ คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะติดตามและประเมินผลการดำเนินการของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ซึ่งจะได้ประชุมกำหนดรายละเอียดการดำเนินการในวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๘ และจะรายงานผลการดำเนินการ รวมทั้งความเห็นหรือข้อเสนอแนะแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขเสนอต่อหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาสั่งการส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25384 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายยุทธนา พูนพานิช) | สธ | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. ร้อยโท เกรียงศักดิ์ ศิริรักษ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลพระปกเกล้า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๗ ๒. นายยุทธนา พูนพานิช ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๓. นายอิทธิพล สูงแข็ง ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๗ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25385 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายอิทธิพล สูงแข็ง) | สธ | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. ร้อยโท เกรียงศักดิ์ ศิริรักษ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลพระปกเกล้า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๗ ๒. นายยุทธนา พูนพานิช ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๓. นายอิทธิพล สูงแข็ง ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๗ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25386 | ร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะต้องห้ามของผู้บริหารรัฐวิสาหกิจกรณีต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษา และกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่ว่า ร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะต้องห้ามของผู้บริหารและพนักงานรัฐวิสาหกิจเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับลักษณะต้องห้ามของข้าราชการพลเรือนนั้น ในร่างมาตรา ๓ การกำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้บริหารรัฐวิสาหกิจยังมีความไม่สอดคล้องกับมาตรา ๓๖ ข. (๗) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งกำหนดให้การได้รับโทษจำคุกต้องเป็นการกระทำที่เกิดจากความผิดทางอาญา และในร่างมาตรา ๔ การกำหนดลักษณะต้องห้ามของพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งกำหนดให้พนักงานรัฐวิสาหกิจเมื่อพ้นโทษเกินห้าปีแล้ว สามารถกลับเข้าทำงานได้นั้น ควรกำหนดหลักการของผู้บริหารและพนักงานรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของข้าราชการพลเรือน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25387 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานด้านความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนสืบเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 3 | ยธ | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานด้านความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนสืบเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๓ ตามที่กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อตกลงแผนปฏิบัติการแม่โขงปลอดภัย จีน ลาว เมียนมา และไทย ๒๐๑๔ ระหว่างวันที่ ๙-๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ จังหวัดเชียงราย ที่ประชุมได้มีการนำเสนอสถานการณ์ยาเสพติด และได้กำหนดแนวทางการดำเนินการร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การกำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติการตามแม่น้ำโขงและการปฏิบัติการทางบกซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดและเคมีภัณฑ์ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเป้าหมายของแต่ละประเทศเพื่อกำหนดเป้าหมายการสืบสวนร่วมกัน ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดแนวปฏิบัติในแผนการปฏิบัติการนี้ เช่น การสุ่มตรวจเรือต้องสงสัย การสืบสวนเป้าหมายที่กำหนด การตรวจค้นในพื้นที่ชายฝั่งที่เป็นจุดต้องสงสัย เป็นต้น นอกจากนี้ โครงการแม่โขงปลอดภัยได้กำหนดจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแม่โขงปลอดภัย ณ จังหวัดเชียงใหม่ และจะมีระยะเวลาโครงการ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ มกราคม-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒. การจัดประชุมทวิภาคีไทย-เมียนมา ด้านความร่วมมือด้านการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งดำเนินการเป็นครั้งที่ ๑๗ จัดระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ จังหวัดเชียงใหม่ สรุปสาระสำคัญได้ กล่าวคือ (๑) ด้านการปราบปรามยาเสพติด ทั้ง ๒ ฝ่ายตกลงกำหนดเป้าหมายในการสืบสวนจับกุมและแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกัน รวมทั้งกำหนดจุดตรวจจุดสกัดทั้งในฝั่งเมียนมาและในฝั่งไทยเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดและเคมีภัณฑ์ที่จะเข้าพื้นที่ผลิตในเขตสามเหลี่ยมทองคำ และที่จะผ่านเข้าไทย (๒) ด้านการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดที่จับกุมได้ เพื่อขยายผลเชื่อมโยงกับข้อมูลการข่าว เพื่อให้ทราบถึงกลุ่มที่ผลิต และประเทศไทยได้เสนอโครงการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดร่วมไทย-เมียนมา โดยสนับสนุนเครื่องมือการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด และฝึกอบรมนักวิทยาศาสตร์ของเมียนมา และ (๓) ด้านการพัฒนาทางเลือก ฝ่ายเมียนมาได้เสนอขอขยายพื้นที่โครงการ ซึ่งฝ่ายไทยได้นำข้อมูลนี้เสนอในการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ ได้รับเห็นชอบในหลักการ และจะได้ดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. การเตรียมการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการควบคุมเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด สืบเนื่องจากการประชุมทวิภาคีกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา ลาว และเวียดนาม เมื่อครั้งการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติดครั้งที่ ๓ ณ ประเทศ อินโดนีเซีย ฝ่ายไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้เสนอให้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทาง มาตรการในการควบคุม สกัดกั้นเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นซึ่งใช้ในการผลิตยาเสพติด และมีการลักลอบลำเลียงผ่านประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านไปยังแหล่งผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งประเทศดังกล่าวเห็นชอบให้มีการจัดประชุม ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้พิจารณาจัดทำโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการควบคุมเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด โดยพิจารณากำหนด ๗ ประเทศที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ได้แก่ เมียนมา ลาว เวียดนาม จีน อินเดีย เกาหลี และไทย โดยกำหนดเชิญหัวหน้าหน่วยงานกลางด้านยาเสพติด ผู้แทนฝ่ายสืบสวนปราบปราม และผู้แทนด้านการควบคุมเคมีภัณฑ์ และสารตั้งต้น รวม ๓ คน จากแต่ละประเทศเข้าร่วมประชุมฯ โดยกำหนดจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25388 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน 4 ฉบับ ต่อไปอีกหนึ่งปี) | มท | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน ๔ ฉบับ ต่อไปอีกหนึ่งปี) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองระนอง พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนโคกกลอย-ท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๓ ๔. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองอุดรธานี พ.ศ. ๒๕๕๓ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25389 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... | มท | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่านางงาม ตำบลบางระกำ และตำบลปลักแรด อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25390 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | มท | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองปลาไหล ตำบลนาเกลือ ตำบลโป่ง ตำบลหนองปรือ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง และตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25391 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทากาศ จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... | มท | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทากาศ จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลทาทุ่งหลวง ตำบลทาขุมเงิน ตำบลทาทุ่งหลวง และตำบลทากาศ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25392 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสมุทรสงคราม พ.ศ. .... | มท | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสมุทรสงคราม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลนางตะเคียน ตำบลลาดใหญ่ ตำบลคลองเขิน ตำบลบางแก้ว ตำบลบ้านปรก ตำบลแม่กลอง ตำบลห้วยหาด ตำบลบางขันแตก ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางจะเกร็ง และตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25393 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2554) | มท | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25394 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... | มท | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยยกเว้นกรณีการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ของระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาของอาคารบ้านอยู่อาศัย มิให้ถือเป็นการดัดแปลงอาคาร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25395 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลวังม่วง ตำบลคำพราน และตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลวังม่วง ตำบลคำพราน และตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนและเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25396 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม 3 ฉบับ | คค | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท ปข.๑๐๑๔ ตำบลสามกระทาย อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บริเวณทางหลวงชนบท นฐ.๑๐๑๒ ตำบลศรีษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และบริเวณทางหลวงชนบท ปข.๑๐๒๑ ตำบลศิลาลอย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอนจึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสามกระทาย อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศิลาลอย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25397 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้าง สายทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ (ทางแยกต่างระดับที่หนองตะโก) ตอน 2 ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 จังหวัดนครสวรรค์ | คค | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างสายทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ (ทางแยกต่างระดับที่หนองตะโก) ตอน ๒ ส่วนที่ ๑ และส่วนที่ ๒ จังหวัดนครสวรรค์ ในวงเงิน ๙๒๔,๒๕๑,๔๐๒ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ส่วนงบประมาณในการดำเนินการให้เบิกจ่ายค่างานก่อสร้างดังกล่าวจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๔๘,๕๐๐,๐๐๐ บาท ที่ได้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๗๔,๑๕๐,๖๐๐ บาท ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว ส่วนที่เหลือ จำนวน ๖๐๑,๖๐๐,๘๐๒ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้กรมทางหลวงเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป เพื่อให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญา ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการติดตามความก้าวหน้าของโครงการและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปตามนโยบายเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลซึ่งจะช่วยให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และในการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25398 | การจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและผู้ถือหนังสือเดินทางราชการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ | กต | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ ซึ่งเป็นเอกสารกำหนดกรอบความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและผู้ถือหนังสือเดินทางราชการระหว่างกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรและเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้า แวะผ่าน และพำนักอยู่ในดินแดนของคู่ภาคีเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขในการเดินทางเข้าออก การสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธหรือลดระยะเวลาในการอนุญาต โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการปฏิบัติต่างตอบแทน ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย อาทิ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25399 | ขออนุมัติยกเลิกการก่อสร้างอาคารคลังเก็บใบยาต่างประเทศ (B05) และอาคารศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ (B19) โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ ณ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ของโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง | กค | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติยกเลิกการก่อสร้างอาคารคลังเก็บใบยาต่างประเทศ (B05) และอาคารศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ (B19) โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ ณ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ของโรงงานยาสูบ และปรับลดวงเงินก่อสร้างรวมประมาณ ๒๔๗,๐๔๔,๒๕๗.๙๐ บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากโครงการมีความล่าช้าไปจากกรอบระยะเวลาเดิมที่กำหนดไว้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และในการเบิกจ่ายงบประมาณให้กระทำด้วยความถูกต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการและสามารถตรวจสอบได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางเพื่อบริหารจัดการยาสูบในภาพรวม เช่น การแก้ไขปัญหาราคาใบยาสูบตกต่ำในภาคเหนือ การพัฒนาคุณภาพใบยาสูบไทยเพื่อลดการนำเข้าใบยาสูบจากต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25400 | การขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์กรุงเทพที่จะรับรองในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 14 | ทก | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์กรุงเทพที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๔ โดยสาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ เป็นการระบุถึงการดำเนินการตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียน พ.ศ. ๒๕๕๘ (ASEAN ICT Masterplan 2015) เพื่อเร่งรัดการดำเนินแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลาภายในปี ๒๕๕๘ และสนับสนุนความร่วมมือด้านไอซีทีที่มีการริเริ่มแล้วให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและแข็งขันมากขึ้น ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
