ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ 21 | พณ | 19/05/2558 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (๑) ร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (Draft Ministerial Statements) เป็นเอกสารแนวทางความร่วมมือในการดำเนินการโครงการและกิจกรรมร่วมกันระหว่างสมาชิกเอเปค รวมทั้งการจัดทำแผนปฏิบัติ (Implementation Plan) ของสมาชิกในการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมเอเปค ๕๔ รายการ ให้เหลือไม่เกินร้อยละ ๕ ภายในปี ๒๐๑๕ ตามแถลงการณ์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคเมื่อปี ๒๐๑๒ และ (๒) ร่างแถลงการณ์เรื่องการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี (Draft Statement on Supporting the Multilateral Trading System) มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานภายใต้องค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) อาทิ การเห็นชอบพิธีสารเพื่อผนวกความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Agreement on Trade Facilitation : TFA) เข้าเป็นอีกความตกลงหนึ่งของ WTO การจัดทำแผนการเจรจาหลังบาหลี (pot-Bali work program) ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๐๑๕ ๑.๒ เห็นชอบการดำเนินการตามแผนปฏิบัติของไทยในการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปค ทั้งนี้ ตามแผนปฏิบัติดังกล่าวมีสินค้าจำนวน ๕ รายการที่ไม่สามารถลดภาษีลงเป็นร้อยละ ๐-๕ ได้ และยังมีสินค้าอีก ๘ รายการที่ยังมีอัตราภาษีมากกว่าร้อยละ ๕ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาการลดภาษีของกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๓ อนุมัติให้ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ทั้ง ๒ ฉบับ ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรนำประเด็นเรื่อง Global Data Standards (GDS) บรรจุไว้ภายใต้หัวข้อเรื่อง Supply Chain Connectivity ส่วนการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมซึ่งเอเปคกำหนดให้จัดทำแผนปฏิบัติ (Implementation Plan) ของสมาชิกในการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อม ๕๔ รายการให้เหลือไม่เกินร้อยละ ๕ ภายในปี ๒๐๑๕ นั้น ควรมีแผนปฏิบัติลดภาษีโดยคำนึงถึงรูปแบบการลดภาษีที่เหมาะสมกับการดำเนินการภายในประเทศและเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยควรเร่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล พร้อมทั้งยกระดับการอำนวยความสะดวกทางการค้าของภาครัฐ ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....