ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1013 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20241 - 20260 จากข้อมูลทั้งหมด 124282 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20241 | ขออนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิก | กษ | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ จัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ยืมเงิน จำนวน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยจัดเก็บดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๐ กำหนดชำระคืนภายใน ๕ ปี เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิกสถาบันเกษตรกร ๑.๒ เงินจ่ายขาด สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานโครงการฯ จำนวน ๒,๙๙๗,๕๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลการจัดการเงินทุนหมุนเวียนให้ทันต่อสถานการณ์อย่างทั่วถึง เป็นธรรม โปร่งใส และบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ รวมถึงติดตามการชำระคืนเงินจากสถาบันเกษตรกรอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การชำระคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด และให้ความสำคัญตั้งแต่กระบวนการชี้แจงทำความเข้าใจถึงวัตถุประสงค์และเงื่อนไขการชำระคืน การกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาและจัดสรรเงินกู้ ซึ่งควรพิจารณาทั้งสถานการณ์น้ำและภาวะภัยแล้งในพื้นที่ ควบคู่กับศักยภาพและความพร้อมของเกษตรกรในการประกอบอาชีพและการชำระคืนเงินตามโครงการฯ การสำรวจและการจัดทำแผนผังและออกแบบแหล่งน้ำในไร่นาให้สามารถรับน้ำและกักเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้องตามหลักวิชาการ ร่วมกับการส่งเสริมการเพาะปลูกพืชใช้น้ำน้อยหรือการทำเกษตรผสมผสานที่เหมาะสมกับเงื่อนไขในพื้นที่ โดยในส่วนเกษตรกรที่ยังขาดความพร้อมด้านอาชีพและรายได้ และได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำในไร่นา กรมส่งเสริมสหกรณ์ควรประสานกรมพัฒนาที่ดิน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อพิจารณาแนวทางให้ความช่วยเหลือด้านแหล่งน้ำและการประกอบอาชีพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20242 | ขอความเห็นชอบขยายกลุ่มเป้าหมายและขยายรายการเครื่องจักรกลทางการเกษตรในโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะขยายผล ปี พ.ศ. 2559 - 2562 | กษ | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายกลุ่มเป้าหมายและขยายรายการเครื่องจักรกลทางการเกษตรในโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะขยายผล ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กลุ่มเกษตรกรที่ขอขยายเป้าหมายในครั้งนี้จะต้องเป็นกลุ่มเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เท่านั้น และในการขยายรายการเครื่องจักรกลทางการเกษตรตามโครงการฯ ต้องเป็นรายการเครื่องจักรกลทางการเกษตรที่จำเป็นต่อการดำเนินกิจการ การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรในด้านปริมาณและคุณภาพ การแปรสภาพผลผลิต และการสนับสนุนระบบการผลิตทางการเกษตรอุตสาหกรรม โดยไม่รวมถึงครุภัณฑ์ ยานพาหนะ เช่น รถบรรทุก รถพ่วง เป็นต้น เนื่องจากไม่ทำให้เกิดการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรโดยตรง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการขยายกลุ่มเป้าหมายและรายการเครื่องจักรกลทางการเกษตรดังกล่าว ให้เร่งรัดดำเนินการให้ครอบคลุมถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นธรรม และตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับโครงการประเภทอื่นที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน และเห็นควรให้ความสำคัญกับการคัดเลือกกลุ่มเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ต้องเป็นกลุ่มเกษตรกรที่มีความเข้มแข็ง มีความสามารถในการบริหารจัดการเครื่องจักรกลทางการเกษตร และมีความพร้อมในด้านการเงิน เนื่องจากการเข้าร่วมโครงการในระยะขยายผล กลุ่มเกษตรกรจะต้องใช้เงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อดำเนินการจัดซื้อเครื่องจักรกลทางการเกษตร รวมทั้งให้ความสำคัญกับประเภทของเครื่องจักรกลทางการเกษตรที่จะขยายเพิ่มขึ้น ต้องเป็นเครื่องจักรกลทางการเกษตรหลักที่มีความจำเป็นและสำคัญต่อขั้นตอนการผลิตและสามารถสนับสนุนกระบวนการลดต้นทุนการผลิตให้กับกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ได้อย่างแท้จริง และต้องมีระบบการบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ เห็นควรให้ขยายกลุ่มเป้าหมายโครงการฯ เฉพาะในกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการจัดพื้นที่เพื่อทำการเกษตรเป็นแปลงใหญ่ ตามนโยบายของรัฐบาลเท่านั้น เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์จากเครื่องจักรกลที่จะจัดหาได้เต็มประสิทธิภาพและเป็นการสร้างแรงจูงใจให้มีการรวมกลุ่มของเกษตรกร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20243 | ขออนุมัติดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ - พญาไท - มักกะสัน - หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ - หัวลำโพง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ในกรอบวงเงิน ๔๔,๑๕๗.๗๖ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) และเห็นชอบให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เกี่ยวกับแนวทางการรับภาระการลงทุนและการจัดหาแหล่งเงินทุน รัฐบาลควรรับภาระค่าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานงานโยธาและส่วนที่เกี่ยวข้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ รวมทั้งเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมปฏิบัติตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๕ และวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ อย่างเคร่งครัด ไปดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ในประเทศและให้กู้ต่อแก่ รฟท. เพื่อเป็นค่าก่อสร้างงานโยธา ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมการก่อสร้าง และค่าจ้างที่ปรึกษาวิศวกรอิสระ รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าที่ปรึกษาจัดการประกวดราคาและค่ารื้อย้ายและเวนคืนที่ดิน รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ๓. สำหรับงานระบบไฟฟ้า อาณัติสัญญาณและขบวนรถไฟฟ้า รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเดินรถและการบำรุงรักษา ให้ รฟท. เป็นผู้รับภาระการลงทุนเอง โดยให้ รฟท. กู้เงินจากในประเทศ และกระทรวงการคลังค้ำประกัน ทั้งนี้ ในส่วนของการบริหารจัดการเดินรถและการบำรุงรักษา ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. เร่งจัดทำแผนการบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ตลอดทั้งเส้นทางตามมติของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๙ และเสนอ คนร. พิจารณาโดยเร็ว และหาก คนร. มีมติให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในการบริหารจัดการเดินรถและบำรุงรักษาโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ให้ รฟท. เร่งดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนของพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ต่อไป ๔. ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ดำเนินการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฯ และประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจ มาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น การจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย หรือการสนับสนุนให้เข้าร่วมโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อยของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อลดผลกระทบต่อการดำเนินโครงการในอนาคต |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20244 | การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว กัมพูชา | รง | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยการปรับปรุงขั้นตอนการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) คณะอนุกรรมการพิจารณากำหนดเงื่อนไขการอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวเปลี่ยนไปทำงานกับนายจ้างรายใหม่ (๒) คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ติดตามของแรงงานต่างด้าวและบุตรของแรงงานต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทย และ (๓) คณะอนุกรรมการพิจารณาการให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๑๘๘ และคณะอนุกรรมการยกร่างกฎหมาย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานชี้แจงเพิ่มเติมว่า โดยที่ชื่อ “ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและส่งกลับแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดน” อาจซ้ำซ้อนกับภารกิจที่หน่วยงานอื่นรับผิดชอบ ส่งผลให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับภารกิจที่ศูนย์ฯ จะดำเนินการ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจึงขอแก้ไขชื่อเป็น “ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง” ๓. เห็นชอบในหลักการให้ขยายระยะเวลาการหักเงินค่าจ้างจากลูกจ้างเพื่อนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรเป็นเวลา ๒ ปี (๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๙-๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๑) และให้เริ่มหักเงินในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงานเร่งดำเนินการจัดทำกฎกระทรวงเพื่อรองรับการขยายระยะเวลาการหักเงินค่าจ้างเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป ๔. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงแรงงานจัดตั้งศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง และศูนย์ร่วมบริการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว โดยให้กระทรวงแรงงานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๕. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรเพิ่มภารกิจของ "ศูนย์ร่วมบริการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว" ให้มีหน้าที่ประสานการส่งกลับแรงงานต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรยังภูมิลำเนาในประเทศต้นทาง ในกรณีที่ผลการตรวจสุขภาพเป็นประเภทที่ ๓ และแรงงานต่างด้าวที่เจ็บป่วยจนไม่สามารถทำงานได้แล้ว สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งและดำเนินการศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง และศูนย์ร่วมบริการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว ให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร โดยคำนึงถึงความประหยัด ความมั่นคง การบูรณาการในพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งควรมีมาตรการที่ชัดเจนในการตรวจสอบ ติดตาม ให้นายจ้างนำแรงงานต่างด้าวมาตรวจร่างกายตามที่ได้นัดหมายไว้ เพื่อป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดต่อร้ายแรงหรือโรคต้องห้าม อันจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ตลอดจนพิจารณาปรับระบบวิธีการทำงานของศูนย์ฯ ทั้ง ๒ ศูนย์ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวได้อย่างเป็นระบบและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้านแรงงานต่างด้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กันไป และควรกำหนดให้มีตัวชี้วัดผลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เพื่อติดตามประเมินผลการปฏิบัติราชการของหน่วยงานตามแนวทางที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๖. ให้กระทรวงแรงงานสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขการขยายระยะเวลาการอยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวที่เป็นผู้เสียหายจากการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษสำหรับผู้เสียหายจากการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20245 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้นที่พิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้นที่พิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิได้รับเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้นที่พิเศษจากคนละหนึ่งพันบาทต่อเดือน เป็นสองพันบาทต่อเดือน โดยให้กระทรวงการคลังมีอำนาจในการกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราเงินสวัสดิการฯ และกำหนดให้มีคณะกรรมการพิจารณากำหนดสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษ และคณะกรรมการพิจารณากำหนดสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษระดับจังหวัด รวมทั้งกำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราเงินสวัสดิการฯ ควรคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และความไม่ซ้ำซ้อนกับสวัสดิการประเภทอื่น เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณแผ่นดินมากเกินความจำเป็นในอนาคต สำหรับภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20246 | ร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม บทบัญญัติเกี่ยวกับคณะกรรมการวัตถุอันตราย บทบัญญัติสำหรับการนำผ่าน การนำกลับเข้ามา และส่งกลับออกไป ซึ่งวัตถุอันตราย อายุใบสำคัญ การขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย กำหนดให้มีคณะกรรมการกำกับการควบคุมวัตถุอันตราย เพิ่มข้อบทยกเว้นในการนำวัตถุอันตรายมาใช้สำหรับการศึกษา การวิเคราะห์ การวิจัยและพัฒนา กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการโฆษณาวัตถุอันตราย และเพิ่มบทลงโทษ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการยกระดับคณะกรรมการวัตถุอันตรายขึ้นเป็นคณะกรรมการวัตถุอันตรายแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการอาจไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎหมาย) ซึ่งกำหนดแนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎหมายว่าไม่ควรมีข้อกำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ เว้นแต่มีความจำเป็น เพื่อให้มีการประสานนโยบายหรือเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีโดยตรงที่จะกำหนดนโยบายหรือบริหารกฎหมายนั้น และข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับการกำหนดนิยามการนำกลับเข้ามาและการส่งกลับออกไป แยกจากการนำเข้าและการส่งออก และกำหนดให้มีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วแต่กรณีตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติฯ รวมทั้งเพิ่มเติมข้อความ “ทั้งนี้ การผ่อนผันให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบกำหนด” ท้ายความในมาตรา ๒๐/๓ แห่งร่างพระราชบัญญัติฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น และหน่วยงานผู้รับผิดชอบจะได้ออกหลักเกณฑ์ได้ทันต่อเหตุการณ์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณากำหนดแนวทางและแนวปฏิบัติที่มีความชัดเจนสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนประเด็นร่วมที่สำคัญ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว เป็นระบบ และสามารถบรรลุผลสัมฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. รับทราบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20247 | ขอความเห็นชอบการจัดการฝึกร่วมระหว่างคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหารกับคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ | กห | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดเตรียมการฝึกร่วมระหว่างคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหารกับคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (ADMM-Plus ASEAN Military Medicine-Humanitarian Assistance and Disaster Relief Joint Exercise 2016 : AM-HEx 2016) และการฝึกเตรียมการ ระหว่างวันที่ ๑๗-๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ และการฝึกร่วมฯ ระหว่างวันที่ ๑-๑๑ กันยายน ๒๕๕๙ ณ จังหวัดชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง ๑.๒ ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ให้การสนับสนุนการดำเนินการของกระทรวงกลาโหม ๑.๓ หากมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของการจัดการฝึกร่วมฯ โดยไม่กระทบเนื้อหาสาระสำคัญ และมีผลต่อการดำเนินการของรัฐบาลไทย ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ตามความเหมาะสม ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการบูรณาการและเผยแพร่องค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายหลังการฝึกร่วมฯ เสร็จสิ้น เพื่อให้แต่ละภาคส่วนสามารถนำไปปฏิบัติและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20248 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | พม | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความร่วมมือระดับทวิภาคีในการต่อต้านการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก โดยครอบคลุมการดำเนินงาน ๓ ด้าน คือ การคุ้มครองผู้เสียหาย การบังคับใช้กฎหมาย และการส่งกลับและคืนสู่สังคม โดยยึดการรักษาความลับ และความปลอดภัยของผู้เสียหายเป็นสำคัญ ๑.๒ เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20249 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - สาธารณรัฐอาร์เมเนีย | คค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย-สาธารณรัฐอาร์เมเนีย มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการให้สิทธิ การบังคับใช้กฎหมาย ความปลอดภัยการบิน ค่าภาระ พิกัดอัตราค่าขนส่ง การแก้ไขความตกลง และใบพิกัดเส้นทางบิน และเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ ฉบับจัดทำวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๐ ซึ่งผู้แทนทั้งสองฝ่ายได้ตกลงเกี่ยวกับสิทธิการบินระหว่างกัน ประกอบด้วย ความจุความถี่ของบริการ สิทธิรับขนการจราจร และการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย-สาธารณรัฐอาร์เมเนีย และบันทึกความเข้าใจ ๓. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ และบันทึกความเข้าใจ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20250 | โครงการทุนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ | ศธ | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการทุนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่บุคคลทั่วไปสำหรับศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ณ ต่างประเทศ และผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาแพทยศาสตร์ สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ และสาขาวิชารังสีเทคนิค เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว จะปฏิบัติงานชดใช้ทุน ณ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๐ (รวม ๑๑ ปี) งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๘๔๑,๑๐๐,๐๐๐ บาท และอนุมัติให้ดำเนินการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ นั้น ตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้รับการเสนอตั้งงบประมาณเพื่อการดังกล่าวไว้แล้ว จำนวน ๓๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการฯ และให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาที่ให้ระบุจำนวนนักศึกษาแพทยศาสตร์จำนวน ๑๙๒ คน ไว้ในแผนผลิตแพทย์ในโครงการผลิตแพทย์ตามนโยบายรัฐบาล (พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๗๐) ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาด้วย เพื่อเป็นภาพรวมแผนการผลิตแพทย์ของทั้งประเทศ และเพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน ควรคำนึงถึงกรอบอัตรากำลังของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ที่จะรองรับการชดใช้ทุน และประสานกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องสำหรับรองรับการขอใช้ทุนดังกล่าว รวมทั้งการกำหนดเกณฑ์การชดใช้ทุนการศึกษาควรเทียบเคียงและพิจารณาให้มีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.พ. กำหนด นอกจากนี้ การขับเคลื่อนนโยบายการผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ของประเทศควรคำนึงถึงการจัดสรรบุคลากรให้เกิดการกระจายไปสู่พื้นที่ขาดแคลน และการธำรงรักษาบุคลากรทางการแพทย์ให้คงอยู่ในระบบ เพื่อนำไปสู่การมีสัดส่วนบุคลากรทางการแพทย์ต่อประชากรที่เหมาะสมของประเทศในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการแจ้งคณะกรรมการที่ทำหน้าที่อำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา ทราบในโอกาสต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20251 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร | ทก | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเข้าร่วมการประชุม Ministerial Forum on ICT 2016 และงาน Infocomm Media Business Exchange (imbX) ระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งในการประชุมดังกล่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Memorandum of Understanding between the Ministry of Information and Communication Technology of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Communications and Information of the Republic of Singapore for Cooperation in the Field of Information and Communication Technology) โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระหว่างกัน โดยมีขอบเขตความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ได้แก่ การแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ด้านการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ การแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับความรู้และการพัฒนาด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การแลกเปลี่ยนทัศนะและความร่วมมือในการยกระดับระบบนิเวศน์ด้วยธุรกิจเกิดใหม่ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การจัดหรือการอำนวยความสะดวกการฝึกอบรมและโปรแกรมการพัฒนาความสามารถ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และความร่วมมือในสาขาอื่น ๆ ที่อยู่ในความสนใจของคู่ภาคี ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20252 | การนำเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน | พณ | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการนำเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการนำเงินต้นของกองทุนฯ จำนวน ๒๖๙.๕๒ ล้านบาท ส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดินแล้วเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ ซึ่งเมื่อรวมกับวงเงินต้นของกองทุนฯ ที่ได้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน จำนวน ๒,๐๕๕.๔๓ ล้านบาท ทำให้วงเงินของกองทุนฯ ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินครบถ้วนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด จำนวน ๒,๓๒๔.๙๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20253 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 4/2559 | อื่นๆ | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ โดยที่ประชุมมีมติและข้อเสนอแนะ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สิ้นสุดลงแล้ว ได้แก่ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ภายใต้มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ๒. รับทราบความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย มาตรการการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน มาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ และมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตร โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ๓. เห็นควรให้ปรับกำหนดการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศจากเดิมที่จัดให้มีการประชุมทุกเดือน เป็นจัดให้มีการประชุมทุกสามเดือน เนื่องจากมาตรการและ/หรือโครงการส่วนใหญ่สามารถดำเนินการได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ ๔. มอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมวิเคราะห์หาสาเหตุความล่าช้าของการดำเนินการขับเคลื่อนโครงการตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และเสนอแนวทางการแก้ไข รวมทั้งรายงานให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทราบในคราวประชุมครั้งต่อไป ๕. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังร่วมกับกรมสรรพากรศึกษาข้อเท็จจริงกรณีที่บริษัททั้งของไทยและต่างประเทศที่ไปจดทะเบียนที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากได้รับสิทธิประโยชน์ ว่าในกรณีดังกล่าวจะมี Tax loophole (ช่องว่างทางภาษี) หรือไม่/อย่างไร พร้อมทั้งนำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทราบในคราวประชุมครั้งต่อไป ๖. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (๑) สรุปผลการดำเนินงานมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับหมู่บ้าน (๒) รายงานความคืบหน้าในการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐ และ (๓) รายงานความคืบหน้าการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ พร้อมทั้งปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งแนวทางแก้ไข เสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทราบในคราวประชุมครั้งต่อไป ๗. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ (๑) มีหนังสือถึงกรมธนารักษ์เพื่อนำโครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุ (มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙) มาบรรจุไว้ภายใต้กรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้มีการรายงานความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศในคราวประชุมครั้งต่อไป และ (๒) ปรับปรุงตารางสรุปผลการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จำแนกตามกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ มาตรการที่สนับสนุนภาคการเกษตร มาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยระบุวงเงินงบประมาณหรือวงเงินสินเชื่อและระบุต้นทุนหรือภาระทางการคลังของแต่ละมาตรการ รวมทั้งรายงานสถานะของการเบิกจ่ายของแต่ละกลุ่มมาตรการเพื่อแสดงให้เห็นถึงเม็ดเงินที่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และให้นำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20254 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายของรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส มหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 (เพิ่มเติม) | กห | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๘๗,๘๗๗,๒๐๐ บาท ให้กองทัพบกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายของรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ เพิ่มเติม จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการขุดลอกคลองบางสองร้อย (เพิ่มเติม) ระยะทาง ๒๐.๖ กิโลเมตร (๒) โครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยโม้เต็ง ตำบลน้ำพุ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี และ (๓) โครงการงานก่อสร้างประตูระบายน้ำบางกระ ตำบลหนองกลางนา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการขุดลอกคลองและอ่างเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน อาจทำให้การขุดลอกไม่สามารถดำเนินการได้ตามระยะเวลา และบรรลุเป้าหมายการเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำและการระบายน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรตามที่ตั้งไว้ หรืออาจต้องใช้จ่ายเงินงบประมาณที่สูงกว่าปกติเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้ จึงควรเร่งรัดการดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อสามารถดำเนินการแล้วเสร็จอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20255 | รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการช่วยเหลือชาวนาตามมาตรการลดต้นทุนการผลิตในฤดูการผลิต ปี 2559/2560 รอบการทำนาปรัง | มท | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการช่วยเหลือชาวนาตามมาตรการลดต้นทุนการผลิตในฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๙/๒๕๖๐ รอบการทำนาปรัง ซึ่งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) เป็นหน่วยงานหลักในการควบคุมค่าเช่านาให้เป็นธรรมและเจรจาลดค่าเช่านาให้แก่ชาวนาเพื่อลดต้นทุนการผลิตแก่ชาวนา ดูแลให้ชาวนามีรายได้ที่เหมาะสมและได้รับความเป็นธรรม สรุปได้ ดังนี้
๑. การกำหนดขั้นตอนการดำเนินการช่วยเหลือชาวนาตามมาตรการฯ (ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน ๒๕๕๙ รอบการทำนาปรัง) เช่น การแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดกำกับการดำเนินการตามนโยบายการลดต้นทุนการผลิตในระดับจังหวัดทั้ง ๕ มาตรการตามนโยบายดำเนินการลดต้นทุนการผลิตและการควบคุมค่าเช่านาเพื่อช่วยเหลือชาวนา การให้นายอำเภอควบคุมดูแลการดำเนินงานตามมาตรการลดต้นทุนค่าเช่านา การสำรวจและขึ้นทะเบียนผู้เช่านาและผู้ให้เช่านา และการทบทวนบัญชีรายชื่อผู้เช่านาและผู้ให้เช่านาให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน เป็นต้น ๒. การดำเนินการตามมาตรการลดต้นทุนการผลิตโดยการควบคุมค่าเช่านาและเจรจาไกล่เกลี่ยขอลดค่าเช่านา เพื่อช่วยเหลือชาวนาฤดูการผลิตปี ๒๕๕๙ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน ๒๕๕๙ รอบการทำนาปรัง ได้แก่ (๑) จัดทำและปรับปรุงข้อมูลผู้เช่า/ผู้ให้เช่า/พื้นที่การเช่านา ซึ่งมีผู้มาเช่านา ๓๕๘,๙๗๖ ราย ผู้ให้เช่า ๓๔๓,๔๓๔ ราย และพื้นที่ที่มีการเช่านา ๙,๖๕๓,๒๔๐ ไร่ (๒) ควบคุม/ตรวจสอบ/ป้องกัน/แก้ไข/ช่วยเหลือ ไม่ให้ค่าเช่านาสูงกว่าที่กำหนด มีพื้นที่การเช่านาที่ได้รับการควบคุม ๘,๐๗๘,๑๙๗ ไร่ และ (๓) เจรจาขอลดค่าเช่านาทั้งสิ้น ๔๘,๓๐๑,๐๗๔ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20256 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ เนการาบรูไนดารุสซาลาม | กห | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ เนการาบรูไนดารุสซาลาม ของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ระหว่างวันที่ ๑๔ ถึงวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๗๐ พรรษา สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม ในวันศุกร์ที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ตามคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม และเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม และทูลเกล้าฯ ถวายของขวัญ รวมทั้งกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบถึงความพร้อมของประเทศไทยในการให้การสนับสนุนเนการาบรูไนดารุสซาลามในทุก ๆ ด้าน โดยสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลามมีพระราชปฏิสันถารกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและทรงขอบใจสำหรับการถวายพระพร โดยมีพระราชกระแสฝากความระลึกถึงมายังนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งตรัสชื่นชมความงดงามของประเทศไทย และทรงหวังว่าจะมีโอกาสเสด็จฯ เยือนประเทศไทยในอนาคตตามคำกราบบังคมทูลเชิญของนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20257 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (เฉพาะกรณีโครงการที่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติหรือเหตุสุดวิสัย) | มท | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (เฉพาะกรณีโครงการที่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติหรือเหตุสุดวิสัย) จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ เนื่องจากโครงการของหมู่บ้านบางส่วนประสบปัญหาภัยธรรมชาติหรือเหตุสุดวิสัยซึ่งเป็นเหตุให้ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการอนุญาตให้หมู่บ้านสามารถเปลี่ยนแปลงโครงการได้นั้น จะต้องอยู่ภายใต้วงเงินของโครงการเดิมที่หมู่บ้านได้รับการจัดสรรไปแล้ว และควรติดตามการดำเนินงานโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ขยาย เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า บรรลุตามวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20258 | ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ซึ่งรับทราบผลการหารือของประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ซึ่งเห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ออกจากการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20259 | ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร05 | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20260 | ข้อแนะขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยประชุมที่ 99-101 (พ.ศ. 2553-2555) และสมัยประชุมที่ 103-104 (พ.ศ. 2557-2558) จำนวน 5 ฉบับ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอข้อแนะขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยประชุมที่ ๙๙-๑๐๑ (พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๕) และสมัยประชุมที่ ๑๐๓-๑๐๔ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘) จำนวน ๕ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อทราบ
|
.....