ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1012 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20221 - 20240 จากข้อมูลทั้งหมด 124282 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20221 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร เป็นกรณีที่มี ความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน เพื่อก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบ ตามโครงการระบบส่งน้ำประตูระบายน้ำลำน้ำยาม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20222 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการปรับปรุงระเบียบดังกล่าว ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในโอกาสแรกก่อน และหากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20223 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเหมืองง่า ตำบลในเมือง ตำบลต้นธง และตำบลบ้านแป้น อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเหมืองง่า ตำบลในเมือง ตำบลต้นธง และตำบลบ้านแป้น อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20224 | ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การให้ตั้งโรงงานผลิตและบรรจุสุราในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ. .... | อก | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การให้ตั้งโรงงานผลิตและบรรจุสุราในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการให้ตั้งโรงงานสุราในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรคำนึงถึงบริเวณที่ตั้งโรงงานให้สอดคล้องกับบริเวณในการกำหนดใช้ประโยชน์ที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง และควรพิจารณาหาแนวทางในการกำกับดูแลและควบคุมไม่ให้โรงงานสุราดำเนินการใด ๆ ที่มีผลกระทบในทางลบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20225 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 | กค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว สรุปได้ ดังนี้
๑. บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๒๔,๘๗๘.๖๙ ล้านบาท และมีหนี้สินรวมจำนวน ๒๓,๙๐๑.๙๖ ล้านบาท ๒. ในปี ๒๕๕๘ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีรายได้รวมจำนวน ๙๓๗.๓๑ ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวมจำนวน ๗๐๐.๖๐ ล้านบาท ๓. ณ สิ้นปี ๒๕๕๘ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย มีส่วนของเงินกองทุนเท่ากับ ๙๗๖.๗๓ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
20226 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการสนับสนุนและส่งเสริมโรงเรียนนิติบุคคล (รูปแบบใหม่) ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการสนับสนุนและส่งเสริมโรงเรียนนิติบุคคล (รูปแบบใหม่) ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาศึกษาเพื่อให้ได้มาซึ่งรูปแบบและแนวทางการพัฒนาการบริหารจัดการศึกษาที่มีศักยภาพ ส่งเสริมและสนับสนุนความเป็นอิสระและความคล่องตัวในการบริหารจัดการศึกษาของสถานศึกษานิติบุคคลให้เกิดผลเป็นรูปธรรมทั้งด้านการบริหารงานบุคคล การบริหารงานทั่วไป การบริหารงานวิชาการ และการบริหารการเงินและงบประมาณ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20227 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น พิจารณาร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น พิจารณาร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๑๖ เป็นการแก้ไขปัญหาในระยะสั้นเพื่อให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานครมีเงินเพียงพอในการจ่ายบำเหน็จบำนาญให้แก่ข้าราชการกรุงเทพมหานคร โดยในระยะยาวกรุงเทพมหานครควรพิจารณาหามาตรการเพื่อลดค่าใช้จ่ายสำหรับบำเหน็จบำนาญข้าราชการโดยการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การบริหารงานบุคคลเพื่อพัฒนาสมรรถนะของข้าราชการและลดอัตรากำลังข้าราชการในอนาคต รวมทั้งการเข้าสู่ระบบบำเหน็จบำนาญแบบกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ประกอบด้วยเงินสมทบของรัฐและเงินสะสมของสมาชิกกองทุนดังเช่นกรณีของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยควรดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓ ปี เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการจ่ายบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานครที่ยั่งยืนต่อไป ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20228 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบการนำเข้า - ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร | สว | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร พร้อมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้ศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคของระบบการตรวจสอบการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารในปัจจุบัน เช่น ปัญหาการแบ่งแยกอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบความปลอดภัยอาหารนำเข้าและส่งออกที่ทำให้ประเทศไทยขาดอำนาจในการเจรจาต่อรองทางการค้า ปัญหาข้อจำกัดของทรัพยากรที่ใช้ในกระบวนการการตรวจสอบความปลอดภัยอาหารนำเข้า และปัญหาการตรวจสอบสินค้าส่งออกของไทยที่ถูกส่งกลับ ซึ่งต้องถูกตรวจสอบซ้ำและใช้ระยะเวลานาน เป็นต้น รวมทั้งได้จัดทำข้อเสนอแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร โดยเป็นการบูรณาการกลไกการดำเนินงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ และสามารถผลักดันไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมได้ โดยนำเสนอเป็นมาตรการระยะสั้นและมาตรการระยะยาว ซึ่งเป็นแนวทางที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ เกษตรกร และเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคภายในประเทศให้ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยภายใต้การยึดโยงกับผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20229 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "การศึกษามาตรฐานค่ารักษาพยาบาลของสถานพยาบาล" ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “การศึกษามาตรฐานค่ารักษาพยาบาลของสถานพยาบาล” พร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประกอบด้วยข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ข้อเสนอแนะต่อผู้ประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชน และข้อเสนอแนะต่อประชาชนผู้ที่ต้องเข้ารับบริการ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20230 | การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | อส | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้พิจารณาตัดสินชี้ขาดการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ กับเอกชน และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง รวม ๑๘ เรื่อง โดยเป็นการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ กับเอกชน ได้พิจารณาคดีเสร็จสิ้น รวม ๓ เรื่อง และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง ได้พิจารณาคดีเสร็จสิ้น รวม ๑๕ เรื่อง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอ และแจ้งให้สำนักงานอัยการสูงสุดส่งเรื่องคืนตัวความหรือส่งคำตัดสินชี้ขาด และมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ให้คู่กรณีทราบและถือปฏิบัติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20231 | การขอเปิดจุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อการก่อสร้างสะพานข้ามลำน้ำพรมโหด | นร08 | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการเปิดจุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อการก่อสร้างสะพานข้ามลำน้ำพรมโหด ระหว่างบ้านหนองเอี่ยน ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ประเทศไทย กับ สตึงบท เมืองปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ เมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดแล้วจะต้องปิดจุดผ่านแดนชั่วคราวทันที ๒. มอบให้กระทรวงคมนาคมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำเงื่อนไข ข้อกำหนด และการควบคุมดูแลไม่ให้มีผลกระทบในด้านต่าง ๆ ๓. การดำเนินการใด ๆ จะต้องระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อความมั่นคง โดยต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๒ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนหรือกระทำกิจการใด ๆ ตามบริเวณชายแดน) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ (เรื่อง การระงับการก่อสร้างถนนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์) อย่างเคร่งครัด ๔. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับการเปิดจุดผ่านแดนชั่วคราวและสร้างสะพานชั่วคราวจะต้องดำเนินการในพื้นที่ซึ่งชุดสำรวจร่วมไทย-กัมพูชาได้สำรวจไว้แล้ว หากมีการดำเนินการนอกพื้นที่ดังกล่าวในฝั่งไทยจะต้องหารือกรมสนธิสัญญาและกฎหมายและกรมแผนที่ทหารก่อน นอกจากนี้ การดำเนินการใด ๆ ระหว่างการก่อสร้างสะพานและภายหลังการเปิดจุดผ่านแดนถาวรจะต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบต่อตลิ่งทั้งสองฝั่งของลำน้ำ และให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์สำหรับใช้ก่อสร้างสะพานเท่านั้น โดยควบคุมมิให้มีสิ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งกำหนดเวลาเปิด-ปิดให้เหมาะสม ตลอดจนกำหนดมาตรการเข้า-ออกราชอาณาจักรให้ชัดเจนและไม่มีผลกระทบด้านความมั่นคง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20232 | ขอรับเงินสนับสนุนสมทบร้อยละห้าของเงินบริจาคภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่พรรคการเมืองประจำปีภาษี 2555 ประจำปีภาษี 2556 และประจำปีภาษี 2557 จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร07 | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อสมทบการบริจาคเงินภาษี ประจำปีภาษี ๒๕๕๕-๒๕๕๗ จำนวน ๒,๒๓๒,๔๐๕ บาท นั้น สำนักงบประมาณพิจารณาแล้วเห็นว่า ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๕๗/๒๕๕๗ เรื่อง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป ข้อ ๒ กำหนดให้ระงับการจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมืองของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไว้เป็นการชั่วคราว ดังนั้น สำนักงบประมาณจึงเห็นควรให้ชะลอการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวไว้ก่อนจนกว่ากองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองจะสามารถจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมืองได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณด้วยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
20233 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 42/2559 เรื่อง การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 43/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 4 | สลธ.คสช. | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๒/๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สั่ง ณ วันที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๓/๒๕๕๙ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๔ สั่ง ณ วันที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
20234 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน 4 ฉบับ (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 40/2559 และ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 41/2559) | สลธ.คสช. | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๔ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๘/๒๕๕๙ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๙ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๕๙ สั่ง ณ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ (แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งดังกล่าวเพื่อให้การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น) ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๙/๒๕๕๙ เรื่อง การจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา สั่ง ณ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๓. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๐/๒๕๕๙ เรื่อง ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๔๘/๒๕๕๗ สั่ง ณ วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ (ยกเลิกประกาศเกี่ยวกับการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่าง) ๔. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๑/๒๕๕๙ เรื่อง การกำกับดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ สั่ง ณ วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
20235 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 (ครั้งที่ 16) | มท | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (ครั้งที่ ๑๖) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลงานสะสมที่ทำได้ คิดเป็นร้อยละ ๒๐.๓๗ ๑.๒ การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง ไม่มีการส่งมอบพื้นที่เพิ่มเติม ส่งมอบแล้ว ๑๐๓-๒-๑๓ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๘๔ ๑.๓ ปัญหา/อุปสรรค ได้แก่ การส่งมอบพื้นที่ที่เหลือยังส่งมอบไม่ได้ตามสัญญาก่อสร้างกระทบกับแผนงานก่อสร้างตามที่ได้รับอนุมัติ และกระทบกับการใช้พื้นที่ในการจัดกองวัสดุหรือประกอบชิ้นส่วนโครงสร้างก่อนนำไปติดตั้ง ซึ่งตามแผนงานผู้รับจ้างจะใช้เวลาก่อสร้างงานส่วนดังกล่าว เป็นเวลา ๓๗๖ วัน รวมทั้งกรณีชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า จำนวน ๑๙ ครอบครัว ไม่ได้รับสิทธิ์เข้าอยู่อาศัยในที่พักแห่งใหม่ ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะดำเนินการปรับปรุงแฟลตดังกล่าว แต่ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนสำรวจและประเมินราคา ๑.๔ คณะทำงานติดตามความก้าวหน้าของโครงการฯ มีความเห็นว่า (๑) การขยายระยะเวลาก่อสร้างออกไปจำนวน ๓๘๗ วัน ไม่สามารถทำให้งานก่อสร้างแล้วเสร็จได้ อีกทั้งยังมีเหตุให้ผู้รับจ้างขอขยายระยะเวลาการก่อสร้างออกไปได้อีก (๒) พื้นที่ที่ยังไม่ได้ส่งมอบให้ผู้รับจ้างที่จะต้องเร่งรัดดำเนินการ ได้แก่ พื้นที่บ้านพักกรมการอุตสาหกรรมทหาร ศูนย์บริการสาธารณสุข ๓๘ โรงเรียนโยธินบูรณะ และชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า และ (๓) ควรให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการขายซากอาคารเพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ให้แก่ผู้รับจ้างได้โดยเร็ว ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ |
|||||||||||||||||||||
20236 | การร่วมรับรองเอกสารในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 48 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers : AEM) ครั้งที่ ๔๘ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒-๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนจะมีการรับรองเอกสารด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๒๑ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) เอกสารผลงานด้านเศรษฐกิจที่ สปป.ลาว ในฐานะประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๙ ให้ความสำคัญ จำนวน ๕ ฉบับ (๒) แผนปฏิบัติการรายสาขาภายใต้ AEC Blueprint 2025 จำนวน ๑๑ ฉบับ (๓) กรอบการตรวจสอบและประเมินผลสำหรับ AEC Blueprint 2025 (AEC 2025 Monitoring & Evaluation Framework) และ (๔) เอกสารที่ AEM จะรับรองร่วมกับประเทศคู่เจรจาของอาเซียน จำนวน ๔ ฉบับ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับแผนปฏิบัติการ รายสาขาภายใต้ AEC Blueprint 2025 ซึ่งเห็นควรมีประเด็นเพิ่มเติมในส่วนของแผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์ด้านการค้าบริการอาเซียน แผนยุทธศาสตร์ด้านมาตรฐานและการรับรอง แผนงานด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน และแผนงานการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลกของอาเซียน สำหรับกรอบการดำเนินงานด้านความปลอดภัยอาหารของอาเซียนเห็นควรมีการปรับปรุงสาระสำคัญของร่างเอกสารฯ บางประการ และปรับสถานะของเอกสารเป็น General Principles for AFSRF เพื่อความเหมาะสมกับเนื้อหาของร่างเอกสารฯ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันพิจารณาจัดทำรายละเอียดเครื่องมือทางกฎหมายและพิธีสารภายใต้ร่างเอกสารดังกล่าว ทั้งนี้ แนวทางความร่วมมือระหว่างกันในอาเซียนควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาความช่วยเหลือเพื่อลดช่องว่างระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อขจัดปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานและส่งเสริมการพัฒนาของประเทศสมาชิกให้สามารถบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้ รวมทั้งการทบทวนและใช้ประโยชน์จากกรอบความร่วมมือที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น นอกจากนี้ ควรสร้างความรู้ความเข้าใจและการเตรียมการในแนวทางการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะต่อไป โดยเฉพาะภาคเอกชนซึ่งจะเข้ามามีบทบาทในความร่วมมือเพื่อพัฒนาในประเด็นต่าง ๆ ภายในอาเซียนมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงเอกสารฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
20237 | การเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2560 ขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย | พน | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี ๒๕๖๐ ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. งบประมาณประจำปี ๒๕๖๐ จำนวน ๔,๒๖๘,๖๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้เงินจากทุนฝึกอบรมที่คงเหลืออยู่ในบัญชีกองทุนฝึกอบรมขององค์กรร่วมฯ จำนวน ๑๐๗,๒๑๐ ดอลลาร์สหรัฐ รายได้ที่องค์กรร่วมฯ ได้รับจากการขายปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไรในไตรมาสสุดท้ายของปี ๒๕๕๙ จำนวน ๓,๒๗๗,๑๕๑ ดอลลาร์สหรัฐ และงบประมาณเหลือจ่ายของปี ๒๕๕๘ จำนวน ๘๘๔,๒๓๙ ดอลลาร์สหรัฐ ๒. แผนการดำเนินงานในปี ๒๕๖๐ ประกอบด้วยการดำเนินงานด้านการประเมินผล ด้านการพัฒนาปิโตรเลียม และด้านการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย แปลง A-18 ดำเนินงานโดยบริษัท Carigali Hess Operating Company Sdn. Bhd. แปลง B-17 และ C-19 ดำเนินงานโดยบริษัท Carigali-PTTEPI Operating Company Sdn. Bhd. และแปลง B-17-01 ดำเนินงานโดยบริษัท Carigali-PTTEPI Operating Company Sdn. Bhd. |
|||||||||||||||||||||
20238 | ร่างพระราชกำหนดการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ พ.ศ. .... | รง | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างพระราชกำหนดการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ พ.ศ. .... ของกระทรวงแรงงาน ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายว่าด้วยการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาถ้อยคำในร่างพระราชกำหนดให้สอดคล้องกับบทอาศัยอำนาจตามมาตรา ๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ อีกครั้งหนึ่ง และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชกำหนดการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ |
|||||||||||||||||||||
20239 | มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิต [ร่างกฎกระทวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร] | กค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิต และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้เท่าที่ผู้มีเงินได้จ่ายเป็นเงินฝากไว้กับธนาคารที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยการฝากเงินนั้นมีข้อตกลงว่าธนาคารจะจ่ายเงินและผลประโยชน์ตามข้อตกลงโดยอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของผู้ฝากเงิน และการรับฝากเงินต้องมีกำหนดเวลาตั้งแต่สิบปีขึ้นไป และกำหนดให้เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการฝากเงินดังกล่าว เป็นเงินได้พึงประเมินที่ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรให้ธนาคารที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ผู้ฝากเงินถึงประโยชน์ในการฝากเงินเพื่อสงเคราะห์ชีวิต รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ฝากเงินเข้าใจถึงประโยชน์และความจำเป็นในการออมเงินระยะยาวและการสร้างหลักประกันของชีวิตในอนาคต และในกรณีที่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ออกใหม่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น หน่วยงานกำกับดูแลต้องพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎระเบียบในการกำกับดูแลมาตรฐานการดำเนินงาน ตลอดจนหลักเกณฑ์ในการบริหารความเสี่ยง เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นแก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจและระบบการเงินโดยรวม นอกจากนี้ หากธนาคารที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะแห่งใดจะพิจารณาขยายขอบเขตการออกผลิตภัณฑ์เช่นเดียวกับเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิต ควรจะต้องมีความพร้อมและความเชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20240 | มาตรการฟื้นฟูกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม | กค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการการดำเนินมาตรการฟื้นฟูกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยอุดหนุนเข้ากองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ตามนัยมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ ๑.๒ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงจัดทำรายละเอียดให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้มีความชัดเจน เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและความสามารถของผู้ประกอบการ SMEs และโอกาสในการพลิกฟื้นกิจการของ SMEs เป็นสำคัญ สำหรับการใช้จ่ายเงินจากกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อดำเนินมาตรการดังกล่าวนั้น เห็นควรที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาตามที่คณะอนุกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามนัยมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฟื้นฟูกิจการ SMEs เห็นควรเพิ่มผู้แทนที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยหรือภาคเอกชนอื่นเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการเพิ่มเติมอีก ๑ ตำแหน่ง และควรพิจารณาถึงกระบวนการทำงาน ปัญหาและอุปสรรคจากการให้ความช่วยเหลือ SMEs ในลักษณะร่วมกิจการ ร่วมทุน หรือลงทุน จากผลการดำเนินงานโครงการที่ผ่านมา เช่น โครงการ Venture Capital Fund เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินมาตรการฟื้นฟูกิจการ SMEs และหลีกเลี่ยงปัญหาที่เคยเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน ซึ่งจะเป็นการใช้เงินลงทุนให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อ SMEs อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ควรพิจารณาการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจ โดยคำนึงถึงทั้งขนาดวิสาหกิจ สาขาธุรกิจ และพื้นที่การประกอบธุรกิจ เพื่อให้เกิดการกระจายความช่วยเหลือวิสาหกิจอย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังนำมาตรการฟื้นฟูกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเพื่อติดตามและรวบรวมผลการดำเนินมาตรการดังกล่าวเพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย |
.....