ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 38 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 741 - 760 จากข้อมูลทั้งหมด 1093 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
741 | รายงานผลการลงนามในสัญญาเงินกู้โครงการปรับปรุงถนนหมายเลข 3 (R3) และโครงการปรับปรุงถนนและระบบระบายน้ำในนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | กค | 21/09/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการลงนามในสัญญาเงินกู้โครงการปรับ
ปรุงถนนหมายเลข 3 (R3) และโครงการปรับปรุงถนนและระบบระบายน้ำในนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2553 ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือ พัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ได้ลงนามในสัญญาให้ความช่วยเหลือทางการ เงินกับ สปป.ลาว วงเงินรวม 655 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินโครงการ จำนวน 2 โครงการ ดังนี้ 1. โครงการปรับปรุงถนนหมายเลข 3 (R3) วงเงินให้ความช่วยเหลือ 405 ล้านบาท โ ดยแยกสัญญาฯ ออกเป็น 2 สัญญา คือ สัญญาฯ สำหรับการปรับปรุงถนนหมายเลข 3 (R3) วงเงิน 205 ล้านบาท และสัญญาฯ สำหรับค่าปรับปรุงราคาวัสดุก่อสร้าง (Price Adjustment) วงเงิน 200 ล้านบาท เนื่องจากเงื่นอไขทางการเงิน ของทั้ง 2 สัญญา มีอายุสัญญาและระยะเวลาปลอดหนี้ที่แตกต่างกัน 2. โครงการปรับปรุงถนนและระบบระบายน้ำในนครหลวงเวียงจันทน์ วงเงินให้ความช่วยเหลือ 250 ล้านบาท โดย สพพ. ได้กำหนดขอบเขตของงานก่อสร้าง จำนวน 5 รายการ ได้แก่ 2.1 ปรับปรุงผิวถนน T2 ช่วงที่ 1 ก่อสร้างทางเท้าและท่อระบายน้ำระยะทาง 3.2 กิโลเมตร 2.2 ปรับปรุงผิวถนน T2 ช่วงที่ 2 ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร 2.3 ก่อสร้างถนน T2 ช่วงที่ 3 ระยะทาง 300 เมตร โดยเป็นถนน 4 ช่องจราจรพร้อมทางเท้าและท่อ ระบายน้ำ 2.4 ปรับปรุงร่องระบายน้ำคลองทุ่งสร้างนาง 2.5 ปรับปรุงบึงหนองด้วงและร่องระบายน้ำคลองหนองด้วง
|
||||||||||||||||||
742 | ขอให้ตรวจสอบและแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรม โครงการ หรือการก่อสร้างในความรับผิดชอบที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1.70 - 1.999 ล้านบาท | นร | 14/09/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และ
หน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในสังกัด การบังคับบัญชา หรือกำกับดูแลของฝ่ายบริหาร (ไม่รวมถึงองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น) ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรม โครงการ หรือการก่อสร้างในความรับผิดชอบที่มีมูลค่าตั้ง แต่ 1.70-1.9999 ล้านบาท ทั้งในส่วนที่เบิกจ่ายจากงบประมาณโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ซึ่งยังไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และที่จะเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 แล้ว รายงานข้อมูลดังกล่าวไปยังสำนักงบประมาณโดยด่วนที่สุด เพื่อให้สำนักงบประมาณรวบรวม แล้วนำเสนอคณะ รัฐมนตรีต่อไปภายใน 2 สัปดาห์
|
||||||||||||||||||
743 | มาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงาน และขั้นตอนการขอจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ | นร | 14/09/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. รับทราบมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานและขั้นตอนการขอจัดตั้ง หน่วยงานของรัฐ ตามมติคณะกรรมการ ก.พ.ร. ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ร. มีมติเห็นชอบให้สำนักงาน ก.พ.ร. มีหนังสือแจ้งเวียนทุกส่วนราชการเพื่อซัก ซ้อมแนวทางปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การขอจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ และมาตรการระงับการขอจัดตั้ง หน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงาน หรือปรับปรุงหน่วยงาน รวมทั้งขั้นตอนการขอจัดตั้งหน่วยงาน ตามหนัง สือสำนักงาน ก.พ.ร. ในข้อ ๓.๑ อย่างเคร่งครัดและขอความร่วมมือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า กรณีที่ส่วน ราชการได้เสนอขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยตรงโดยไม่ดำเนินการ ตามแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องคืนให้ส่วนราชการเพื่อดำเนินการตาม ขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติในเรื่องนั้น ๆ ก่อน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. ส่วนการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการกรณีการแยกศูนย์ ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) ออกจากสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ไปสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
744 | โครงการฟอนต์มาตรฐานราชการไทย | ทก | 07/09/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยดำเนินการติดตั้งฟอนต์สารบรรณและฟอนต์
อื่น ๆ ทั้งหมด จำนวน 13 ฟอนต์ ของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) และ กรมทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มเข้าไปในระบบปฏิบัติการ Thai OS (Thai Operating System) และใช้ฟอนต์ดังกล่าว แทนฟอนต์เดิม ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของ สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) ที่เห็นควรให้จัดพิมพ์ตัวเลขเป็นเลขไทย เพื่อเป็นการ ส่งเสริมการใช้เลขไทย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2543 แจ้งตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะ รัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 62 ลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2543 เรื่อง การดูแลกำชับให้หน่วยราชการทุกแห่งใช้ เลขศักราชเป็นเลขปีพุทธศักราชในกิจกรรมทุกด้านของหน่วยราชการไปพิจารณา ทั้งนี้ หากหน่วยงานใดประสบ ปัญหาอุปสรรคในการใช้งานตามโครงการฟอนต์มาตรฐานราชการไทยให้รายงานคณะรัฐมนตรีด้วย |
||||||||||||||||||
745 | การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2553 (ยกเลิกโดยมติ 27709/54) | นร | 07/09/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงาน รวมทั้งการขอจัดตั้งองค์การมหาชนหรือหน่วยงานอื่นของรัฐในสังกัดฝ่ายบริหาร (ไม่รวมรัฐวิสาหกิจ) เพิ่มใหม่ออกไปอีกระยะหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2554 ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ 2. คณะรัฐมนตรีเห็นว่าสำนักงาน ก.พ.ร. ควรประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อขอให้ส่งแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาหน่วยงาน การขอขยายหน่วยงาน หรือจัดตั้งหน่วยงานใหม่ รวมทั้งการจัดตั้งองค์การมหาชนของรัฐเพื่อจะได้พิจารณาภาพรวม
|
||||||||||||||||||
746 | โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 | กษ | 03/08/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดงานตามโครงการจัดงานมหกรรม พืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ในกรอบวงเงินรวม 838.76 ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์เสนอ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดทำประมาณการรายรับ-ราย จ่าย แผนบริหารรายได้ และแผนความพร้อมด้านบุคลากร ตลอดจนการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรม และ ความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการจัดทำแผนความเป็นไปได้ทางธุรกิจ (Financial Plan) และการศึกษา วิเคราะห์แนวทางการให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมในการบริหารจัดการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 2. สำหรับงบประมาณเพื่อการดำเนินงานตามรายการต่าง ๆ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้จ่ายงบ ประมาณให้เป็นไปโดยประหยัด เหมาะสมคุ้มค่า และเป็นไปตามเป้าหมายของการจัดงาน ทั้งนี้ ในส่วนของโครง การที่จะต้องดำเนินการโดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ อนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำ สัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณได้ตามที่เสนอ โดย 2.1 อนุมัติในหลักการงบประมาณสำหรับใช้ในการปรับปรุงสถานที่ สิ่งก่อสร้าง และการจัดตกแต่ง ภูมิสถาปัตยกรรม จำนวน 6 รายการ ได้แก่ งานก่อสร้างอาคารสำนักงาน พื้นที่ 360 ตารางเมตร งานปรับปรุง อาคารโลกแมลง งานปรับปรุงงานระบบและพื้นที่อาคารนิทรรศการเดิม พื้นที่ 1,700 ตารางเมตร งานก่อสร้าง อาคารจัดนิทรรศการ พื้นที่ 5,000 ตารางเมตร งานเดินท่อน้ำเสียออกจากพื้นที่เพื่อทำการบำบัด และงาน ก่อสร้างระบบบ่อบำบัดน้ำเสีย ซึ่งจำเป็นจะต้องผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2554 ในวงเงินรวมไม่เกิน 130.348 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงิน สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงินไม่เกิน 47.0 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 83.348 ล้านบาท ให้ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2554 โดยขอทำความตกลงความเหมาะสมราคากับสำนักงบประมาณตามระเบียบ การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 ต่อไป ตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ 2.2 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับสำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดงบประมาณเพื่อ ใช้ในการบริหารจัดการการประชาสัมพันธ์และการจัดกิจกรรม จำนวน 2 รายการ ในวงเงินรวมไม่เกิน 470 ล้าน บาท ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถดำเนินการโครงการได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ไปก่อน 3. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและที่ปรึกษาจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ฯ ราชพฤกษ์ 2554 โดยให้มีผู้แทนกระทรวงการคลังร่วมเป็นกรรมการดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ให้ประธานคณะกรรม การสามารถปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการและที่ปรึกษาได้ตามความจำเป็น เหมาะสม และให้ดำเนิน การต่อไปได้ 4. สำหรับเงินรายได้เกิดขึ้นจากการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพกฤษ์ 2554 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามแนวทางตามความเห็นของกระทรวงการคลัง แนวทางใดแนวทาง หนึ่ง โดยหากเงินรายได้ที่ได้รับจากการจัดงานเป็นของกรมวิชาการเกษตรให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการ คลัง หรือหากเงินรายได้ที่ได้รับจากการจัดงานเป็นของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ให้ถือ ปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ต่อไป |
||||||||||||||||||
747 | รายงานประจำปีของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ประจำปี 2551) | ศธ | 03/08/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอรายงานประจำปี ของสถาบันส่งเสริมการ
สอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เห็นชอบแล้ว สรุปสาระสำคัญของรายงานฯ ได้ดังนี้ 1. การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ประกอบด้วย 1.1 การดำเนินงานในโครงการความร่วมมือระหว่าง สสวท. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน (สพฐ.) และสถาบันอุดมศึกษาพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาใน 10 จังหวัด เพื่อยกระดับผลสัม ฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ โดยจัดทำหลักสูตรอบรมครู (หลักสูตรกลาง) จัดทำเอกสารสำหรับผู้เข้ารับการอบรม และเอกสารสำหรับผู้ให้การอบรมในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ สารสนเทศ ของระดับชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย รวม 11 หลักสูตร โดย หลักสูตรและเอกสารอบรมครูของทุกวิชานั้นหลังจากนำไปใช้อบรมครูและปรับปรุงแล้ว สสวท. ได้นำไปจัดอบรม ให้แก่ศึกษานิเทศก์ และส่งมอบต้นฉบับให้แก่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขตสำหรับนำไปใช้ขยายผลสู่ครู วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ในจังหวัดของตนเองต่อไป 1.2 การพัฒนา ส่งเสริม และฝึกอบรมครูในโรงเรียนท้องถิ่นทุรกันดาร โรงเรียนตำรวจตระเวนชาย แดนและโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญโดยจัดให้มีการอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะการจัดการเรียน รู้ในทุก ๆ ปี สนับสนุนสือ-อุปกรณ์การสอนที่เหมาะสมกับสภาพของโรงเรียน รวมทั้งสนับสนุนทุนการศึกษาต่อ แก่ครูจำนวนหนึ่ง สำหรับครูใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สสวท. ได้ให้ความช่วยเหลือพัฒนาและฝึกอบรมผู้ที่ มีหน้าที่จัดการเรียนการสอนให้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีทักษะจนสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในวิชาวิทยา ศาสตร์และคณิตศาสตร์ในโรงเรียนได้ 1.3 การพัฒนาเว็บไซต์เครือข่ายครู เพื่อให้ครูสมัครเข้าใช้เป็นแหล่งเรียนรู้และศึกษา ตลอดจนนำ เสนอผลงานวิจัยและโครงงานต่าง ๆ ของครู 2. การพัฒนาหลักสูตร-สื่อ ประกอบด้วย 2.1 การพัฒนาหลักสูตร-สื่อ กระบวนการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการอบรมพัฒนาครูโดยให้ความสำคัญ กับหลักสูตร-สื่อวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนที่ไม่ได้เลือกเรียนสายวิทยาศาสตร์ในระดับมัธยม ศึกษาตอนปลาย 2.2 การพัฒนาและจัดทำเอกสารกรอบมาตรฐานการศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์สำหรับเด็ก ปฐมวัย รวมทั้งจัดทำสื่อ-กิจกรรมสำหรับครูนำไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย 2.3 การพัฒนาต้นแบบสื่อดิจิทัลทั้งในรูป Learning object, E-learning, E-book รวมทั้งสนับสนุน เว็บไซต์วิชาการดอทคอม 3. การพัฒนามาตรฐานการศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ได้ดำเนินการพัฒนากรอบมาตรฐานการ ศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้โรงเรียนพร้อมในการรองรับการประเมินผลจากสำนัก งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) โดย สสวท. ได้พัฒนาคู่มือและกรอบ มาตรฐานเผยแพร่ อาทิ มาตรฐานครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ มาตรฐานการจัดห้องปฏิบัติการ เป็นต้น รวมทั้ง ได้เข้าร่วมโครงการศึกษาวิจัยร่วมกับนานาชาติในการวิจัยและประเมินผลนักเรียน 4. การส่งเสริมวัฒนธรรมวิทยาศาสตร์ ได้ดำเนินการจัดรายการพลังคิดเผยแพร่ทางสถานีวิทยุและโทร ทัศน์ การจัดเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในธรรมชาติของ ท้องถิ่นในภูมิภาคต่าง ๆ อาทิ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศูนย์ฝึกอบรมครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี เป็นต้น และร่วมมือกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อครูและสังคม 5. การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ดำเนิน การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการ พสวท. ซึ่งเป็นโครงการสร้างนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ระดับนำของประเทศ โครงการและส่งเสริมการ ผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (โครงการ สควค.) เพื่อผลิตคนเก่งให้มาประกอบ อาชีพครู และโครงการส่งเสริมการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการในปี พ.ศ. 2551 นอกจากนี้ สสวท. ได้ดำเนินโครงการ พัฒนาและส่งเสริมอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ของเยาวชน อย่างต่อเนื่อง เพื่อคัดเลือกและบ่ม เพาะเยาวชนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีความสามารถพิเศษ และดำเนินการให้เด็ก เหล่านี้ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ
|
||||||||||||||||||
748 | รายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. 2552 | นร | 28/07/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. รายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. 2552 ประกอบ ด้วย 3 ส่วน ดังนี้ 1.1 ส่วนที่ 1 ภาพรวมของระบบราชการที่สะท้อนขีดสมรรถนะเชิงกายภาพ และสัมฤทธิผลของระบบ ราชการไทย 1.2 ความก้าวหน้าของการพัฒนาระบบราชการไทย ประกอบด้วย 1.2.1 ผลประเมินการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของกระทรวง กรม จังหวัด สถาบันอุดมศึกษา และองค์การมหาชน 1.2.2 การผลักดันการพัฒนาระบบราชการไทย เพื่อบรรลุเป้าประสงค์หลัก 4 ประการของแผน ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555) ที่จะนำพาระบบราชการไทยให้เป็นองค์การที่ เก่ง ดี มีส่วนร่วม และตอบสนองทันต่อการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งแนวทางที่ ก.พ.ร. จะดำเนินงานขั้นต่อไป 1.3 ส่วนที่ 3 ผลการดำเนินงานของสำนักงาน ก.พ.ร. ในฐานะหน่วยงานด้านธุรการที่รับผิดชอบกิจ กรรม วิชาการและแผนงานภายใต้นโยบายของ ก.พ.ร. 1.4 การนำเสนอเหตุการณ์สำคัญและกิจกรรมที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการไทย ในรอบปี พ.ศ. 2552 2. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. แก้ไขรายงานฯ ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอว่า รายงานในเรื่องนี้มี การรายงานรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โดยจำแนกเป็นงบรายจ่ายด้านบุคลากร ซึ่งเป็นการรายงาน ในลักษณะเปรียบเทียบงบรายจ่ายด้านบุคลากรกับงบอื่นๆ ได้แก่ งบเงินอุดหนุน งบลงทุน และงบดำเนินการ การ เปรียบเทียบในลักษณะเช่นนี้อาจจะมีประเด็นปัญหาในการรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาได้สมควรที่จะ แก้ไขรายงานในเรื่องนี้ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป 3. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. นำข้อมูลขององค์การระหว่างประเทศซึ่งเปรียบเทียบระบบราชการไทยกับ ประเทศอื่น ๆ มาประกอบการจัดทำรายงานฯ ในครั้งต่อ ๆ ไปด้วย
|
||||||||||||||||||
749 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารและวิธีการต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. .... | กก | 06/07/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารและวิธีการต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการใช้สารและวิธีการต้องห้ามทางการกีฬา เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีใน คำประกาศแห่งองค์การต่อต้านสารต้องห้ามทางการกีฬาระดับโลก (World Anti-Doping Agency) และส่งเสริมความ ร่วมมือระดับนานาชาติ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณาเป็นเรื่องด่วน 2. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานศาลยุติธรรม และกระทรวงการคลัง ที่เห็นว่าการจัดตั้งสำนักงานควบคุมการใช้สารและวิธีการต้องห้ามทาง การกีฬาในการกีฬาแห่งประเทศไทย ไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2553 ที่ให้ขยายระยะ เวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงาน และการขอจัดตั้งองค์การมหาชนหรือหน่วย งานอื่นของรัฐในสังกัดฝ่ายบริหารออกไป ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ส่วนการกำหนดให้ พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในที่รโหฐานระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก โดยไม่ต้องมีหมายศาล นั้น ควรระบุถึงเหตุผลความจำเป็นเหตุยกเว้นดังกล่าวไว้ให้ชัดเจนด้วย รวมทั้งปรับปรุงวิธีการลงโทษนักกีฬาที่ใช้สาร เคมีและผู้ส่งเสริมหรือสนับสนุนนักกีฬาในการใช้สารเคมีโดยห้ามแข่งขันในระยะเวลาอันสมควรเพื่อเป็นการให้โอกาส นักกีฬาหรือผู้สนับสนุนนักกีฬาได้ปรับปรุงตัวเองและสามารถกลับมาเล่นกีฬาหรือร่วมกิจกรรมทางการกีฬาได้อีก ไป ประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณาเพื่อจะได้เสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาในสมัยประชุมสมัยสามัญที่จะถึงนี้ต่อไป |
||||||||||||||||||
750 | รายงานการส่งดาวเทียม THEOS ล่าช้ากว่าระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด | วท | 29/06/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานว่า ตามที่สำนักงานพัฒนา
เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) : สทอภ. ได้ลงนามสัญญาร่วมกับบริษัท EADS Astrium S.A.S. ประเทศฝรั่งเศส เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาดาวเทียมสำรวจทรัพยากร Remote Sensing ของประเทศไทย (ดาวเทียม THEOS) ตามสัญญาเลขที่ 11/2547 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2547 โดยมีกรอบระยะเวลาให้นำดาวเทียมดังกล่าวขึ้น สู่วงโคจรภายใน 36 เดือน นับตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาตามมติคณะรัฐมนตรี นั้น บริษัทฯ ได้ดำเนินการส่งดาวเทียม THEOS ขึ้นสู่วงโคจรเป็นผลสำเร็จแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2551 เวลา 13.37 น. จากฐานยิงจรวดเมือง Yasny สหพันธ รัฐรัสเซีย ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดสิ้นสุดตามสัญญาฯ วันที่ 19 มกราคม 2551 (36 เดือนหลังการลงนามในสัญญา + Launch window ระยะเวลา 6 เดือน) คิดเป็นความล่าช้า จำนวน 256 วัน |
||||||||||||||||||
751 | การจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) | ทก | 29/06/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ในฐานะประธาน ก.พ.ร.
รับเรื่อง การจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอ นิกส์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ไปพิจารณาใน ก.พ.ร. เป็นกรณีเร่งด่วน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||
752 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการการใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเพื่อการติดตามและประเมินพื้นที่ปลูกข้าวปี 2552/53 รอบที่ 2 ครั้งที่ 2 | วท | 08/06/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยี
อวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) รายงานผลการดำเนินงานโครงการการใช้เทคโนโลยีภูมิ สารสนเทศเพื่อการติดตามและประเมินพื้นที่ปลูกข้าว ปี 2552/53 ครั้งที่ 2 ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก รวม 48 จังหวัด สรุปผลการดำเนินงานได้ดังนี้ 1. ทำการถ่ายภาพและผลิตข้อมูล ระหว่างเดือนธันวาคม 2552 ถึงมีนาคม 2553 เพื่อนำมาใช้ในการ ประเมินพื้นที่เพาะปลูกข้าวในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ประกอบด้วย ภาพจากดาวเทียมธีออสของประเทศไทย 813 ภาพ ภาพจากดาวเทียม LANDSAT ของสหรัฐอเมริกา 245 ภาพ และภาพจากดาวเทียม ALOS ของญี่ปุ่น 123 ภาพ รวมทั้งสิ้น 1,181 ภาพ 2. ทำการวิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมและจัดทำแผนที่พื้นที่เพาะปลูกข้าวปี 2552-53 รอบที่ 2 โดยดำเนินการแล้วเสร็จครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคตะวัน ออก 8 จังหวัด และภาคตะวันตก 4 จังหวัด พร้อมทั้งจัดทำเป็นแผนที่แสดงพื้นที่เพาะปลูกมาตราส่วน 1 : 25,000 (digital map) ลงรายละเอียดระดับตำบล โดยแบ่งตามระวางแผนที่ของกรมแผนที่ทหาร จำนวน 997 ระวาง และ รายงานข้อมูลพื้นที่ปลูกข้าวเป็นรายจังหวัด อำเภอ ตำบล และได้จัดส่งข้อมูลภาคเหนือให้กับกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์แล้วเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2553 ข้อมูลภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดส่งเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2553 ภาค ตะวันออกและภาคตะวันตกจัดส่งเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2553 ตามลำดับ 3. จัดทำฐานข้อมูลพื้นที่ปลูกข้าวปี 2552/53 รอบที่ 2 และระบบแสดงแผนที่ทางอินเทอร์เน็ต โดยได้ ดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลสำหรับโครงการ มีข้อมูลประกอบด้วยข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ใช้ในโครงการ ข้อ มูลพื้นที่ และแผนที่แสดงพื้นที่ปลูกข้าว พร้อมทั้งพัฒนาระบบเรียกดูข้อมูลแผนที่ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Web Map Service : WMS) เพื่อให้หน่วยงานร่วมโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียกดูข้อมูลแผนที่ผ่านอินเทอร์เน็ต ได้ที่ http://203.146.189.125/rice/ 4. คณะทำงานเฉพาะกิจโครงการสำรวจพื้นที่การปลูกข้าวปี 2552/53 รอบที่ 2 ได้ร่วมกันตรวจสอบ ความถูกต้องของแผนที่ในพื้นที่ปลูกข้าว โดยการออกสำรวจข้อมูลภาคพื้นที่ดิน ทั้งนี้ จากผลการประเมินความถูก ต้องของแผนที่ พบว่า ข้อมูลแผนที่ปลูกข้าวจากการแปลตีความภาพถ่ายจากดาวเทียมมีความสอดคล้องกับข้อมูล ภาคพื้นดินบริเวณพื้นที่ที่ได้มีการสุ่มตรวจ และสอดคล้องกับการแจ้งขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรไว้แล้ว
|
||||||||||||||||||
753 | การกำหนดหลักเกณฑ์การเข้าร่วมทุนกับนิติบุคคลอื่นของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) | วท | 25/05/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักเกณฑ์การเข้าร่วมทุนกับนิติบุคคลอื่นของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยหลักเกณฑ์การเข้าร่วมทุนกับนิติบุคคลอื่นของสถาบันฯ มีสาระ สำคัญดังนี้ 1.1 กำหนดความหมายของคำว่า "สถาบัน" "คณะกรรมการ" "รัฐมนตรี" และ "การเข้าร่วมทุน" 1.2 ในแต่ละปีงบประมาณ การเข้าร่วมทุนของสถาบัน ให้มีวงเงินรวมทั้งสิ้นไม่เกินร้อยละสิบของเงินอุด หนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ในปีงบประมาณนั้น 1.3 กำหนดหลักเกณฑ์การเข้าร่วมทุนกับนิติบุคคลที่มีภาคเอกชนร่วมอยู่ด้วยและนิติบุคคลที่เป็นหน่วย งานของรัฐ 1.4 กำหนดให้ต้องพิจารณาข้อเสนอโครงการในรายละเอียดในการเข้าร่วมทุนกับนิติบุคคลที่มีภาคเอก ชนร่วมอยู่ด้วย 1.5 กำหนดให้ตั้งคณะทำงานขึ้นคณะหนึ่งเพื่อทำหน้าที่ศึกษาและวิเคราะห์โครงการ 1.6 ให้มีการติดตามและกำกับดูแลโดยให้มีการดำเนินงานตามที่กำหนดในสัญญา และรายงานผลการ ดำเนินงาน ความคืบหน้า ปัญหา และแนวทางแก้ไข 1.7 ต้องจัดให้มีการลงนามสัญญาเข้าร่วมทุนกับนิติบุคคลอื่นที่มีภาคเอกชนร่วมอยู่ด้วย และต้องส่งร่าง สัญญาเข้าร่วมทุนให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจก่อนลงนามในสัญญา 2. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่า ในการเข้าร่วมทุน กับนิติบุคคลอื่นของสถาบันฯ ต้องมีวงเงินที่สูงกว่า เนื่องจากการวิจัยและให้บริการเกี่ยวกับแสงซินโครตรอนจำเป็น จะต้องมีการจัดหาและบำรุงรักษาอุปกรณ์และครุภัณฑ์วิจัยชั้นสูงในการดำเนินงาน เช่น โครงการร่วมทุนสร้างสถาน ร่วมวิจัยเกี่ยวกับการสร้างระบบลำเลียงแสงซินโครตรอนนั้น จำเป็นต้องมีครุภัณฑ์ระบบลำเลียงแสง ครุภัณฑ์ประจำ ห้องปฏิบัติการ และครุภัณฑ์เพื่อการคำนวณและประมวลผล เป็นต้น รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์การเข้าร่วมทุน กับนิติบุคคลอื่นฯ บางประการ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
754 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | ศธ | 18/05/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการโครงการจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สถาบันฯ ดำเนินการบริหารจัดการระบบ โดยเป็นหน่วยรับรององค์กรกลุ่มอาชีพให้สามารถประเมินความรู้และความสามารถ ของบุคคล ซึ่งจะช่วยให้การผลิตกำลังคนของสถาบันการศึกษามีความสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ รวมทั้งสนับสนุนส่งเสริมการยกระดับความสามารถกำลังแรงงานที่อยู่นอกระบบการศึกษาด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการ ดำเนินโครงการฯ โดยเห็นว่า สถาบัน ฯ ควรอยู่ภายใต้กำกับของกระทรวงแรงงานถ้าเน้นที่การพัฒนาคุณภาพฝีมือ แรงงาน หรืออยู่ภายใต้กำกับของกระทรวงศึกษาธิการถ้าเน้นการให้การรับรองด้านฝีมือแรงงานของผู้จบหลักสูตร อาชีวศึกษาของสถาบันในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ และให้คำนึงถึงกลไกการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภาค เอกชนและสมาคมวิชาชีพให้ยอมรับผู้ที่ผ่านการรับรองสมรรถนะจากสถาบันฯ รวมทั้งควรนำมาตรฐานคุณวุฒิแห่ง ชาติที่จะจัดตั้งขึ้นไปพัฒนาการจัดการการอาชีวศึกษาให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน เพื่อแก้ไขระบบการศึกษา การฝึก อบรม ตลอดจนกระบวนการผลิตและการพัฒนากำลังคน นอกจากนี้ เห็นควรพิจารณาอำนาจหน้าที่ของกระทรวง ศึกษาธิการและกระทรวงแรงงานที่ต้องรับผิดชอบบทบาทหน้าที่ของสถาบันฯ ให้มีความชัดเจน และพิจารณาความ เชื่อมโยงในการกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพกับการพัฒนาบุคลากร การรับรองมาตรฐานวิชาชีพ และการ เป็นศูนย์ข้อมูลบุคลากรในวิชาชีพต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับระบบการศึกษาของสถานศึกษาในระดับต่าง ๆ ทั้งระดับ ปวช. ปวส. และระดับปริญญาตรี เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ตามที่ กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วน ราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรกำหนดในพระราชกฤษฎีกาว่า "คุณวุฒิวิชาชีพ" ใช้สำหรับมาตรฐานฝีมือแรงงานและ หลักสูตรวิชาชีพระดับ ปวช. ปวส. และปริญญาตรี เท่านั้น และปรับปรุงบทเฉพาะกาลให้กระทรวงศึกษาธิการเป็น หน่วยดำเนินการเพื่อให้สอดรับตามกรอบภารกิจการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง เป็นต้น ไปประกอบการ พิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||
755 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนที่นำทางแห่งชาติการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ พ.ศ. 2551 - 2555 เพื่อเป็นอุตสาหกรรมเพื่ออนาคต (New Wave Industry) ของประเทศไทย | วท | 04/05/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอรายงานผลการดำเนินการ
ตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนที่นำทางแห่งชาติการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ พ.ศ. 2551-2555 เพื่อ เป็นอุตสาหกรรมเพื่ออนาคต (New Wave Industry) ของประเทศไทย สรุปผลการดำเนินการได้ดังนี้ 1. ภาพรวมผลการดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพตามแผนที่นำทางแห่งชาติฯ ที่ผ่าน มาส่งผลให้เกิดการริเริ่มพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ได้แก่ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม นโยบายด้าน สิ่งแวดล้อม และมาตรการให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนและภาษีต่าง ๆ การพัฒนาเทคโนโลยีที่มีศักยภาพใน เชิงพาณิชย์ รวมทั้งการจัดทำโครงการนำร่องเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพได้อย่างดีในระดับ หนึ่ง ส่วนปัญหาหลักที่พบ คือ การดำเนินงานเพื่อให้บรรลุตัวชี้วัดของ 4 กลยุทธ์หลักของแผนที่นำทางแห่งชาติฯ ทำได้ยาก เนื่องจากต้องอาศัยการสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญในการดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติก ชีวภาพอย่างบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงต้องมีการปรับแผนเพื่อกำหนดกรอบงบประมาณและตัวชี้ว้ดให้ ชัดเจนและเหมาะสมกับภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2. ในส่วนของงบประมาณดำเนินการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) ได้รับ การจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณสำหรับโครงการยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพตาม แผนที่นำทางแห่งชาติฯ ในปี พ.ศ. 2551-2553 เป็นจำนวน 248 ล้านบาท และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทค โนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 25 ล้านบาท (พ.ศ. 2553) รวมเป็นเงินที่ได้รับการ จัดสรร 273 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่างบประมาณที่ระบุไว้ในแผนที่นำทางฯ จำนวน 1,635.10 ล้านบาท ส่งผลต่อ การดำเนินการ โดยเฉพาะกลยุทธ์ที่ 2 การเร่งรัดและสร้างเทคโนโลยี ในเรื่องของการสนับสนุนให้เกิดการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพที่มีศักยภาพสู่อุตสาหกรรม และกลยุทธ์ที่ 3 การสร้าง อุตสาหกรรมและธุรกิจนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมและธุรกิจนวัตกรรม ด้านพลาสติกชีวภาพในประเทศไทย ทั้งนี้ สนช. อยู่ระหว่างการปรับแผนการดำเนินงานเพื่อเร่งพัฒนาให้เกิดการ ลงทุนในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพอย่างครบวงจร
|
||||||||||||||||||
756 | เสนอรายชื่อคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) (จำนวน 8 คน 1. ศาสตราจารย์วิจารณ์ พนิช ฯลฯ) | สธ | 04/05/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหาร
สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล จำนวน 8 คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้มี ผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (4 พฤษภาคม 2553) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. ศาสตราจารย์วิจารณ์ พานิช ประธานกรรมการ 2. นายมงคล ณ สงขลา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 3. นายศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 4. ศาสตราจารย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 5. พลตำรวจตรี ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 6. รองศาสตราจารย์ธิดา นิงสานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7. ศาสตราจารย์วิภาดา คุณาวิกติกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 8. นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||
757 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | นร | 27/04/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ 1.1 วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 2,070,000 ล้านบาท โดย เป็นนโยบายงบประมาณขาดดุลจำนวน 420,000 ล้านบาท รายได้สุทธิจำนวน 1,650,000 ล้านบาท รวมทั้งราย ละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 1.2 ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีกรณีรายจ่ายลงทุนที่ขออนุมัติผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เริ่มดำเนินการใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 1.3 ให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอตามข้อ 1.1 ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปจัดทำเป็นร่างพระ ราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และเอกสารประกอบงบประมาณ โดยให้ส่งร่างพระ ราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และแจ้งผลการพิจารณาให้ สำนักงบประมาณทราบโดยตรง ก่อนนำไปจัดพิมพ์เป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และเอกสารประกอบงบประมาณ เพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันอังคารที่ 11 พฤษภาคม 2553 และนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป 2. เห็นชอบให้ส่วนราชการดำเนินการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เสนอเพิ่มเติม ดังนี้ 2.1 ส่วนราชการที่ยังไม่ได้ทำหนังสือขอรับการจัดสรรงบกลางมายังสำนักงบประมาณตามขั้นตอน 3 ส่วนราชการ ได้แก่ กรมทางหลวง จำนวน 1 โครงการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 1 โครงการ และกรมศุลกา กร จำนวน 3 โครงการ 2.2 ส่วนราชการที่ยังไม่ได้ขอทำความตกลงแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายเงินมายังสำนักงบ ประมาณตามขั้นตอน 6 ส่วนราชการ ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 1 โครงการ กรมประมง จำนวน 4 โครง การ กรมปศุสัตว์ จำนวน 2 โครงการ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จำนวน 1 โครงการ กรมส่ง เสริมสหกรณ์ จำนวน 1 โครงการ และกรมราชองค์รักษ์ จำนวน 1 โครงการ 2.3 ส่วนราชการที่ยังไม่ได้เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ผ่าน รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมายังสำนักงบประมาณ 4 ส่วนราชการ ได้แก่ กองบัญชาการกองทัพไทย (หน่วยบัญชาการทหาร พัฒนา) จำนวน 1 โครงการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล) จำนวน 1 โครงการ กรมศุลกา กร จำนวน 2 โครงการ และกรมโยธาธิการและผังเมือง จำนวน 1 โครงการ
|
||||||||||||||||||
758 | การเสนอตัวลงรับสมัครคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 | นร | 20/04/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้ดำเนินการโครงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 ของประเทศไทย ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอ โดยให้สำนักงานส่งเสริมการจัด ประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่าง ประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับการเสนอตัวลงรับสมัครคัดเลือกเป็นเจ้า ภาพจัดงานดังกล่าว ต้องเริ่มการรณรงค์เพื่อขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในประเทศ และการขอเสียงสนับสนุน จากประชาคมโลกนับตั้งแต่จากนี้ไปเป็นระยะเวลา 5 ปี จนถึงปี พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) เพื่อให้ประเทศไทยได้ เป็นเจ้าภาพงานมหกรรมโลก และให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อศึกษาขั้นตอนการดำเนินการเตรียม เสนอตัวเป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการต่อไป และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับนำเสนอหัวข้อการจัดงาน (Theme) ต้องสอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลงและทิศทาง การพัฒนาในระยะ 10 ปีข้างหน้า อาทิ กระแสแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การสร้างความสมดุลของ การพัฒนาความต้องการด้านอาหารและพลังงานทางเลือก การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และกระแสการบริโภคที่ต้อง การอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ ให้ สสปน. หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อศึกษาขั้น ตอนการเตรียมการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการ การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การสนับสนุน งบประมาณดำเนินโครงการ และการกำหนดแผนรองรับการใช้ประโยชน์จากงานออกแบบและก่อสร้างโครงการ ให้ชัดเจนภายหลังจากงานมหกรรมเสร็จสิ้น ไปพิจารณาต่อไป 2. สำหรับงบประมาณการดำเนินงานเบื้องต้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของ สสปน. ซึ่งได้รับจัดสรรไว้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 749.797 ล้านบาท และเสนอขอจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 25 ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
759 | การพัฒนาการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Procurement) | กค | 07/04/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 [เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยว กับการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Government Fiscal Management Information System : GFMIS) และการจัดหาพัสดุโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction)] 2. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานของรัฐทุกแห่งประกาศจัดซื้อจัดจ้าง สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีสอบราคา ประกวดราคา และประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เว็บ ไซต์ศูนย์ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (www.gprocurement.go.th) และเว็บไซต์ของหน่วยงาน 3. ให้หน่วยงานต่าง ๆ ปฏิบัติงานในระบบ (e-Government Procurement) ระยะที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 เป็นต้นไป โดยกรมบัญชีกลางจัดฝึกอบรม จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานและจัดทำสื่อการเรียนรู้ใน รูปแบบของแผ่นดีวีดีเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้กับผู้เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||
760 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 30/03/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์
การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อให้การปฏิบัติงานของสถาบันมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล รวมทั้งกำหนดคุณสมบัติของผู้ อำนวยการสถาบัน จากเดิมมีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์ และไม่เกินหกสิบปีบริบูรณ์ในวันที่ได้รับการแต่งตั้ง เป็นอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์ และไม่เกินเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....