ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 39 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 761 - 780 จากข้อมูลทั้งหมด 1093 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
761 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีสมัครไปปฎิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ พ.ศ. .... | นร | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณี
สมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนิน การต่อไปได้ โดยร่างกฎ ก.พ. ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดหน่วยงานที่จะสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทาง ราชการจะต้องเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งใหม่เป็นเวลาไม่เกินห้าปี และเป็นการไปปฏิบัติงานในหน่วยงานลักษณะใด ลักษณะหนึ่ง ซึ่งได้แก่ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยบริการรูปแบบพิเศษ หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎ หมายเฉพาะหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่นตามที่ ก.พ. กำหนด 2. กำหนดกรณีการไปปฏิบัติงานตามความประสงค์ของทางราชการตามกฎ ก.พ. นี้ หมายถึง การไป ปฏิบัติงานตามความประสงค์ร่วมกันของหน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยงานตามข้อ 1. และต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ ของทางราชการ โดยอาจเป็นไปเพื่อประโยชน์ของหน่วยงานต้นสังกัด หรือหน่วยงานตามข้อ 1. หรือเป็นไปเพื่อ ประโยชน์ของทางราชการโดยรวมก็ได้ 3. กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งถูกสั่งให้ออกไปปฏิบัติงานใด ๆ ต้องแสดงความสมัครใจเป็น ลายลักษณ์อักษร และจะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังนี้ คือ มีอายุน้อยกว่าห้าสิบปี มีอายุราชการ ไม่น้อยกว่าห้าปี และไม่อยู่ระหว่างถูกดำเนินการทางวินัยหรืออยู่ระหว่างชดใช้ทุน และหากกรณีที่มีเหตุผลความ จำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ก.พ. จะพิจารณายกเว้นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามให้เป็นการเฉพาะราย ก็ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
762 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทก | 23/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่ง
ชาติ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของประธานกรรม การและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การ มหาชน) โดยตัดลักษณะต้องห้ามในการเป็นอนุกรรมการออก เพื่อให้คณะกรรมการบริหาร ฯ สามารถได้รับแต่งตั้ง เป็นอนุกรรมการได้ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
763 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการ "การใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเพื่อการติดตามและประเมินพื้นที่ปลูกข้าวปี 2552/53 รอบที่ 2" | วท | 23/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ 1.1 ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสน เทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) กับหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย สำนักงานเศรษฐกิจ การเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าว กรมชลประทาน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร รวมทั้งกรมที่ดิน กรมป่าไม้ และกรมธนารักษ์ ร่วมกันดำเนินงาน โครงการ "การใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเพื่อการติดตามและประเมินพื้นที่ปลูกข้าวปี 2552/53 รอบที่ 2" ใน ระยะเวลา 6 เดือน ภายในวงเงิน 23,700,000 บาท 1.2 ให้ใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 23,700,000 บาท เพื่อ การดำเนินการตามโครงการนี้ 2. ให้กรมพัฒนาที่ดินเป็นหน่วยงานเพิ่มเติมร่วมดำเนินงานโครงการ ฯ สำหรับงบประมาณดำเนินการ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจัดส่งข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียม อัตราส่วน 1 : 25,000 ของพื้นที่ จำแนกเป็นรายตำบลไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายในวันที่ 9 มีนาคม 2553 เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการ ตรวจสอบข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงต่อไป ส่วนกรณีพื้นที่ใดมีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเพิ่มเติม จากภาพถ่ายดาวเทียม อัตราส่วน 1: 4,000 เพื่อใช้ประกอบการตรวจสอบข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งแจ้งประสานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อดำเนินการเพิ่มเติมเป็นกรณีๆ ไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
764 | รายงานประจำปี 2551 ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา | ศธ | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในฐานะกำกับสถาบันระหว่างประเทศ
เพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) (สคพ.) เสนอรายงานประจำปี พ.ศ. 2551 ของ สคพ. ดังนี้ ในปี พ.ศ. 2551 สคพ. ได้ดำเนินการจัดการศึกษาและฝึกอบรมบุคลากรทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและประเทศ อื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ประกอบด้วย การฝึกอบรม/ประชุมเชิงปฏิบัติการ 36 ครั้ง สัมมนา 16 ครั้ง และจัดการ ประชุม 2 ครั้ง มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 2,680 คน และในการดำเนินการ สคพ. ได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งใน และต่างประเทศเป็นจำนวนมาก อาทิ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) สำนักงานความ ร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรม การกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) APEC Economic Integration Program (APEC-EIP) United Nations Institute for Training and Research (UNITAR) Swiss Agency for Development and Cooperation (SDC) Indian Institute for Foreign Trade (IIFT) เป็นต้น ทำให้ประเทศไทย มีความโดดเด่นในสายตาของมิตรประเทศในเอเชีย และองค์การระหว่างประเทศในด้านการเสริมสร้างศักยภาพของ บุคคล (Capacity building) ในด้านการค้าระหว่างประเทศและการพัฒนา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
765 | การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 | นร | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอขอขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงาน รวมทั้งการจัดตั้งองค์การมหาชนหรือหน่วยงานอื่นของรัฐในสังกัดฝ่ายบริหารและหน่วยบริการ รูปแบบพิเศษเพิ่มใหม่ชั่วคราว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งได้สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2552 โดยขยายระยะเวลาออกไปอีกตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 ยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้ 1.1 การจัดตั้งหน่วยงานตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติ 1.2 การจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงาน เพื่อรับผิดชอบงานตามนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐ บาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดำเนินการ 1.3 การยกฐานะส่วนราชการภายในกรมซึ่งมีการปรับปรุงงานให้มีคุณภาพสูงขึ้น โดยไม่มีผลทำให้ค่าใช้ จ่ายเพิ่มขึ้น 1.4 การยุบ รวม โอน หน่วยงานภายในส่วนราชการ/จังหวัดเดียวกัน หรือส่วนราชการในกระทรวงเดียว กันหรือต่างกระทรวง หรือระหว่างจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยไม่มีผลทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1.5 การถ่ายโอนภารกิจตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ซึ่งส่งผลให้ต้องมีการปรับปรุงหน่วยงานใหม่ 1.6 ทั้งนี้ ในการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงาน หรือปรับปรุงหน่วยงานใหม่ ตามข้อ 1.1- 1.5 ส่วนราชการต้องดำเนินการตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีได้กำหนดไว้ในแต่ละเรื่องด้วย 2. สำหรับกรณีการเปลี่ยนแปลงชื่อหน่วยงานเดิมให้สามารถดำเนินการได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
766 | ขออนุมัติโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และเงินของกองทุนพัฒนานวัตกรรมและเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี รวมทั้งงบประมาณไปเป็นของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) | วท | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และเงินของกองทุนพัฒนานวัตกรรมและ
เงินทุนหมุนเวียนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี รวมทั้งงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติที่มีอยู่ในวันที่พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานนวัต กรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2552 ใช้บังคับ เว้นแต่เงินงบประมาณหมวดเงินเดือนและค่าจ้างประจำที่ยัง มีผู้ครองอยู่ไปเป็นของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
767 | งบการเงิน ประจำปีงบประมาณ 2552 ของโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (องค์การมหาชน) (แนวทางปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 170) | ศธ | 12/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนองบการเงินของโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
(องค์การมหาชน) สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โดยเปรียบเทียบกับปี พ.ศ. 2551 สรุปได้ดังนี้ 1. รายงานแสดงฐานะการเงิน มีสินทรัพย์รวม 510,605,457.22 บาท ลดลงร้อยละ 1.36 2. รายงานแสดงผลการดำเนินงาน มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายจากงบดำเนินงาน 7,913,165.67 บาท ลดลงร้อยละ 158.58 3. รายงานการรับ-จ่ายเงิน มีเงินคงเหลือ ณ วันปลายงวด 220,593,990.66 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.31
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
768 | ร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงประเภทของหน่วยงานราชการที่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมหรือภาษีประจำปีและนิรโทษกรรมค่าธรรมเนียม และภาษีประจำปีที่ค้างชำระของหน่วยงานราชการ) รวม 2 ฉบับ | คค | 05/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อน เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ดังนี้ 1. ร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ 1.1 กำหนดยกเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีให้แก่รถของส่วนราชการ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ เฉพาะรถที่มิได้ใช้ในทางการค้าหรือหากำไร 1.2 กำหนดให้บรรดาค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีของรถของหน่วยงานตามมาตรา 9 (3) แห่ง พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ที่ค้างชำระไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับให้เป็นอันระงับไป 2. ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ 2.1 กำหนดมิให้นำมาตรา 23 มาใช้บังคับแก่การขนส่งส่วนบุคคลซึ่งหน่วยงานของรัฐ มหาวิทยาลัย และสถาบันอุดมศึกษา วัด มัสยิด มิซซัง มูลนิธิ สภากาชาดไทยและสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถาน พยาบาล เป็นผู้ประกอบการขนส่ง แต่ผู้ประกอบการขนส่งต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติอื่นแห่งพระราชบัญญัตินี้ เสมือนดังเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลทุกประการ 2.2 กำหนดให้รถที่ใช้ในการขนส่งส่วนบุคคลของส่วนราชการ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น มหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ องค์การมหาชน หน่วยงานอื่นของรัฐตามที่กำหนด ในกฎกระทรวง วัด มัสยิด มิซซัง มูลนิธิ และสภากาชาดไทย ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี 2.3 กำหนดให้บรรดาภาษีประจำปีของรถของหน่วยงานตามมาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติการขน ส่งทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ค้างชำระไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับให้เป็น อันระงับไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
769 | รายงานการรับและใช้จ่ายเงินที่ไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 สำหรับสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) | พณ | 29/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอรายงานการรับและการใช้จ่ายเงินที่ไม่ต้องนำ
ส่งเป็นรายได้แผ่นดินตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 สำหรับสถาบันวิจัยและ พัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป สรุป ได้ดังนี้ 1. ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป 1.1 รายงานแสดงฐานะการเงิน มีสินทรัพย์หมุนเวียนรวม 189,658,080.42 บาท มีสินทรัพย์ไม่ หมุนเวียนรวม 279,685,411.46 บาท มีสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุนรวม 330,958,059.12 บาท 1.2 รายงานแสดงผลการดำเนินงาน มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 194,668,587.65 บาท มี ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวม 64,711,908.42 บาท มีรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ 129,956,679.23 บาท 1.3 รายการรับ-จ่ายเงินและเงินคงเหลือ มีรายรับรวม 194,729,992.41 บาท มีรายจ่ายรวม 213,937,912.01 บาท มีเงินคงเหลือรวมทั้งสิ้น 182,447,204.88 บาท 1.4 รายการรับ-จ่ายเงิน มีรายรับรวม 136,157,921.91 บาท มีรายจ่ายรวม 9,799,521.70 บาท และมีเงินคงเหลือ ณ วันปลายงวด 126,358,400.21 บาท 2. ประเภทเงินรายได้และเงินนอกงบประมาณ รายงานผลการดำเนินงาน มีรายรับ 136,157,921. 91 บาท มีรายจ่ายรวม 9,799,521.70 บาท และมีเงินคงเหลือ ณ วันปลายงวด 126,358,400.21 บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
770 | รายงานการรับและการใช้จ่ายเงินของโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (องค์การมหาชน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | ศธ | 29/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอรายงานการรับและใช้จ่ายเงินของโรงเรียน
มหิดลวิทยานุสรณ์ (องค์การมหาชน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เปรียบเทียบกับปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ดังนี้ ฐานะการเงินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 โรงเรียนมหิดล ฯ มีสินทรัพย์รวม 517,670,100.17 บาท เพิ่ม ขึ้นร้อยละ 2.83 ในส่วนของรายได้ โรงเรียนมหิดล ฯ มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย 13,508,744.91 บาท ลดลงร้อย ละ 68.15 และมีเงินคงเหลือ ณ วันปลายงวด 219,902,093.43 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.43 และให้เสนอสภาผู้ แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
771 | รายงานการรับและการใช้จ่ายเงินของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | ศธ | 29/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอรายงานการรับและการใช้จ่ายเงินของสถาบัน
ระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เปรียบเทียบกับปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2550 ดังนี้ ฐานะการเงินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 สถาบัน ฯ มีสินทรัพย์รวม 76,321,820.72 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 8.84 ในส่วนของรายได้ สถาบัน ฯ มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย 6,199,637.55 บาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 75.93 ทั้งนี้ สถาบัน ฯ มีเงินคงเหลือ ณ วันปลายงวด 32,858,028.38 บาท เพิ่มขึ้นจากปี ก่อนร้อยละ 112.79 และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
772 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารหอภาพยนตร์ (จำนวน 8 คน 1. รองศาสตราจารย์ สุกรี เจริญสุข ฯลฯ) | วธ | 15/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารหอ
ภาพยนตร์ ตามมาตรา 13 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2552 จำนวน 8 คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (15 ธันวาคม 2552) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ 1. รองศาสตราจารย์ สุกรี เจริญสุข (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารและพัฒนาองค์กร) ประธานกรรมการ 2. นายชาคร วิภูษณวนิช (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารบุคคล) กรรมการ 3. นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารหน่วยงานรัฐ) กรรมการ 4. นายอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างสรรค์ภาพยนตร์) กรรมการ 5. นายนคร วีระประวัติ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน) กรรมการ 6. นางจิระนันท์ ประเสริฐกุล (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจกรรมวัฒนธรรม) กรรมการ 7. นายศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจการหอภาพยนตร์) กรรมการ 8. นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพัฒนานโยบายสื่อ) กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
773 | การจัดตั้งมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และงบประมาณจัดตั้งมูลนิธิฯ และสถาบันฯ | นร | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ 1.1 ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดตั้งมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เพื่อเป็นหน่วยงานที่เป็นกลไก ของรัฐรับผิดชอบการจัดการความรู้และการส่งเสริมการพัฒนาตามแนวทางโครงการพระราชดำริ 1.2 ให้โอนภารกิจ ทรัพย์สิน และงบประมาณโครงการปิดทองหลังพระ สืบสานแนวทางพระราช ดำริจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) องค์การมหาชน ให้แก่มูลนิธิปิดทองหลังพระ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนาปิดทองหลังพระ ฯ ให้โอนในจำนวนเงินที่คงเหลืออยู่ที่ สสปน. ณ วันที่จดทะเบียน จัดตั้งมูลนิธิปิดทองหลังพระ ฯ ตามกฎหมาย ตามความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 2. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการโอนภารกิจ ทรัพย์สิน และงบประมาณให้เป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และให้มีการพิจารณาปรับ เป้าหมายการดำเนินงาน และงบประมาณที่จะขอรับการอุดหนุนจากรัฐบาล ให้เหมาะสมสอดคล้องกับการปรับ เปลี่ยนรูปแบบองค์กรและการบริหารจัดการ โดยให้ภาคเอกชน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามี ส่วนร่วม รวมทั้งความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินงานจัดตั้งมูลนิธิ ไปพิจารณาดำเนิน การต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
774 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) (พันเอก เทพพงศ์ ทิพยจันทร์) | พณ | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพันเอก เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผู้แทนศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เป็นกรรมการ
ในคณะกรรมการบริหารศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ แทนนายชัชวาล ลางดี ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจาก มีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ อันเป็นลักษณะต้องห้ามตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2546 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (24 พฤศจิกา ยน 2552) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
775 | การโอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปเป็นของสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) | กษ | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการโอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ไปเป็นของสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหา ชน) โดยเบิกจ่ายในลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2552 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้โอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ในส่วนที่เหลือจากวงเงินที่ ได้รับจัดสรรให้สำนักงานพิพิธภัณฑ์ ฯ ไปแล้วด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
776 | การโอนอำนาจหน้าที่ บรรดากิจการทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และเงินงบประมาณ | สธ | 17/11/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนอำนาจหน้าที่ บรรดากิจการทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และเงินงบประมาณของ
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาและ รับรองคุณภาพโรงพยาบาล ที่มีอยู่ในวันที่พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การ มหาชน) พ.ศ. 2552 ใช้บังคับ ไปเป็นของสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) ตามพระราช กฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2552 มาตรา 39 ตามที่กระทรวง สาธารณสุขเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
777 | รายงานผลการวิจัยเรื่อง การศึกษาแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กที่ได้รับงบอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ค่าใช้จ่ายรายหัว) ส่วนเพิ่ม (Top up) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน | ศธ | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการวิจัยเรื่อง การศึกษาแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กที่ได้ รับงบอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ค่าใช้จ่ายรายหัว) ส่วนเพิ่ม (Top up) สังกัดสำนักงานคณะ กรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สรุปได้ดังนี้ โรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่มีความคล่องตัวในการบริหารจัด การงบประมาณ มีสื่อแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม โครงการหรือกิจกรรมเพื่อการพัฒนาคุณภาพมีความหลากหลายเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาจำนวนมากทั้งนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการและ นวัตกรรมด้านการเรียนการสอน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ 2. อนุมัติในหลักการสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนรายหัวเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนโรงเรียนประถมศึกษา ขนาดเล็ก ในอัตรา 500 บาท/คน/ปี และนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็กในอัตรา 1,000 บาท/คน/ปี ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณาทบทวนคุณสมบัติโรงเรียนขนาดเล็กที่สมควรจะได้รับการสนับสนุนงบ ประมาณอุดหนุนรายหัวเพิ่มเติมดังกล่าว โดยหากจะกำหนดแนวทางหรือมาตรการอื่น ๆ เพื่อบริหารจัดการในการ จำกัดจำนวนโรงเรียนขนาดเล็ก ควรคำนึงถึงปัญหาและภาระของสังคมและครอบครัว เช่น ปัญหาการคมนาคม และ ปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งให้ใช้ข้อมูลของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประกันคุณภาพ การศึกษา (องค์การมหาชน) ประกอบการศึกษาวิเคราะห์ด้วย และให้เริ่มสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนรายหัวเพิ่ม เติมดังกล่าวตั้งแต่ภาคการศึกษาแรกของปีการศึกษา 2553 เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
778 | การปรับปรุงหลักการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร | นร | 20/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักการการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหารที่ได้ปรับปรุงใหม่ และ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งมีอำนาจดำเนินการตามกฎหมายยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ และให้คณะกรรมการพัฒนา ระบบราชการเป็นผู้พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีในการจำแนกประเภทให้แก่หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้ง ขึ้นใหม่ และแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ 2. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงบ ประมาณ และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกี่ยวกับกรณีรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในเกณฑ์ที่อาจปรับสถานภาพ เป็นองค์การมหาชน จำนวน 10 แห่ง ประกอบด้วยองค์การสวนสัตว์ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย สถาบันการบิน พลเรือน องค์การสวนพฤกษศาสตร์ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ องค์การจัดการน้ำเสีย และองค์การ ตลาดเพื่อเกษตรกร เนื่องจากรัฐวิสาหกิจเหล่านี้มีกฎหมายจัดตั้งเป็นการเฉพาะตามสถานะการดำเนินงานที่แตก ต่างกัน และปัจจุบันมีระบบการกำกับดูแลที่ชัดเจนโดยเฉพาะระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะมี การประเมินผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นประจำทุกปี หากปรับสถานภาพหน่วยงานเหล่านั้นเป็นองค์การมหาชนอาจ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินงานในหลายด้าน ตลอดจนสภาพการจ้างงานของบุคลากรในองค์กร และการ ดำเนินงานขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายต่าง ๆ จึงเห็นควรคงสถานภาพหน่วยงานดังกล่าวเป็นรัฐวิสาหกิจ เช่นเดิม ส่วนกรณีที่เสนอให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเป็นผู้พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีใน การจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นใหม่ นั้น ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องและนำเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกันเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
779 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ครั้งที่ 2/2552 | นร | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ
คณะกรรมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (กพบ.) ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2552 โดยที่ประชุมรับทราบและเห็นชอบในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ 1. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านในกรอบ GMS IMT-GT BIMSTEC ACMECS Mekong-Japan Cooperation และสามเหลี่ยมมรกต และการดำเนินงานในระยะ ต่อไป 2. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางสำนักงานความร่วมมือ พัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) กระทรวงการคลัง กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม และ ภาคเอกชน ประกอบด้วย (1) โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2551 รวม 6 โครงการ วงเงิน 2,942.57 ล้านบาท (2) โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2552 รวม 2 โครงการ วงเงิน 1,335 ล้านบาท (3) โครง การที่อยู่ระหว่างดำเนินการในปี พ.ศ. 2552 รวม 6 โครงการ วงเงิน 2,905 ล้านบาท และ (4) โครงการที่มีแผนจะ ดำเนินการในปี พ.ศ. 2553 รวม 5 โครงการ วงเงิน 3,690 ล้านบาท 3. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินงานของเวทีขับเคลื่อนการพัฒนาแนวพื้นที่พัฒนาเศรษฐ กิจ (Economic Corridor Forum : ECF) ภายใต้แผนงาน GMS 4. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามความตกลงการขนส่งพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่ม แม่น้ำโขง (Cross Border Transport Agreement : CBTA) 5. ที่ประชุมเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลัก ในการศึกษาประสบการณ์ของการบริหารจัดการแม่น้ำมิสซิสซิปปีของสหรัฐ ฯ เป็นแบบอย่างเพื่อนำมาปรับใช้กับ ประเทศในเขตลุ่มน้ำโขง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ยกประเด็นเรื่อง การประชุม US-Lower Mekong Ministerial Meeting ระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ฯ กับรัฐมนตรีต่างประเทศต่าง ๆ ใน ลุ่มน้ำโขงตอนล่าง (กัมพูชา ลาว ไทย เวียดนาม) ซึ่งมีการหารือระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน กับประเทศคู่เจรจา เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2552 ที่จังหวัดภูเก็ต โดยสหรัฐ ฯ ย้ำความสำคัญของพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ตอนล่าง และประเทศในพื้นที่ต่อสหรัฐ ฯ และความมุ่งมั่นของสหรัฐ ฯ ในการช่วยเสริมสร้างสันติภาพ และความ เจริญรุ่งเรืองแก่ภูมิภาค ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาข้ามชาติ รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของ แม่น้ำโขง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
780 | ขอขยายระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 | กค | 06/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการผ่อนผันการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในสังกัด การบังคับบัญชา หรือการกำกับดูแลของฝ่ายบริหารตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หรือ กฎหมายจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าว ทั้งนี้ ให้มาตรการผ่อนผันมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ถึงวันที่ระเบียบ ฯ ฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมมีผลใช้บังคับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระเบียบ ฯ ตามนัยมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไข ปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 4/2552] ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
.....