ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 36 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 701 - 720 จากข้อมูลทั้งหมด 1093 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
701 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2554 | นร | 12/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ (กศส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๔ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ กศส. เสนอ โดยที่ประชุม กศส. ได้มีมติในเรื่องต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กรอบการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย ที่ประชุม กศส. มีมติเห็นชอบกรอบการกำหนดนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทยและการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ในลักษณะที่เป็นกลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจ (Creative Cluster) ที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หารือและประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อกำหนดนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศและแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่ชัดเจน รวมทั้งกำหนดอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อนำเสนอต่อ กศส. ต่อไป ๑.๒ แนวคิดสร้างสรรค์ทุนวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยว ที่ประชุม กศส. มีมติเห็นชอบแนวคิดดังกล่าวตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับกรอบแนวคิดนี้ รวมทั้งความเห็นของ กศส. ไปร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการที่มีการบูรณาการอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถแปลงกรอบแนวคิดไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องตามแนวนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เสนอ ๑.๓ แนวทางการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (สศส.) ในรูปแบบองค์การมหาชน ที่ประชุม กศส. มีมติให้ สศช. ศึกษาวิเคราะห์เพื่อหารูปแบบและแนวทางที่เหมาะสมในการจัดองค์กรเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ มีบูรณาการ และไม่ซ้ำซ้อนกันในบทบาทหน้าที่ เพื่อนำเสนอต่อ กศส. ต่อไป ๑.๔ แนวทางการสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในรูปแบบ Public Service Obligation (PSO) ที่ประชุม กศส. มีมติให้ สศช. วิเคราะห์แหล่งเงินทุนและระบบการให้เงินกู้ยืมแก่ภาคธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อเสนอรูปแบบการปรับปรุงระบบการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจสร้างสรรค์ที่เหมาะสมและนำเสนอต่อ กศส. ต่อไป ๑.๕ ผลการศึกษาโครงการความร่วมมือระหว่าง สศช. และ UNDP เรื่อง Thailand’s National Strategy on Creative Economy ที่ประชุม กศส. มีมติรับทราบผลการศึกษาฯ ตามที่ สศช. เสนอ และให้นำข้อเสนอแนะของรายงานการศึกษาฯ ไปประกอบการจัดทำแนวทางการพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ต่อไป ๑.๖ การดำเนินงานของหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ไทย - สหรัฐฯ (Thai-US Creative Partnership) ที่ประชุม กศส. มีมติรับทราบและให้กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการดำเนินงานของหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ไทย - สหรัฐฯ ต่อคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทราบและประสานกระทรวงพาณิชย์เพื่อนำผลการดำเนินงานไปผนวกกับกรอบความร่วมมืออาเซียนและญี่ปุ่น ๑.๗ รายงานผลความก้าวหน้าโครงการ Creative ASEAN ที่ประชุม กศส. มีมติรับทราบรายงานความเป็นมาและความก้าวหน้าโครงการ Creative ASEAN ตามที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาเสนอ ๒. สำหรับข้อเสนอเกี่ยวกับการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับการบริหารจัดการ สศส. วงเงินรวม ๕๐ ล้านบาท ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (สศส.) ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอน โดยขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อน ๓. ให้ สศช. ไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ ให้มีการระบุถึงนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
702 | ร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 04/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ โดยเพิ่มมาตรการในการควบคุมสิ่งเทียมอาวุธปืน และการกำหนดบุคคลให้มีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติฯ รวมทั้งการควบคุมอานุภาพอาวุธปืนให้เหมาะสม มีความปลอดภัยไม่ให้มีการดัดแปลงจนเป็นอันตรายแก่ประชาชน และมิให้กระทำต่ออาวุธปืนนั้นโดยพลการ ตลอดจนกำหนดให้มีการควบคุมเกี่ยวกับดอกไม้เพลิงที่มีปริมาณหรือน้ำหนักมาก และกำหนดให้มีการควบคุมพื้นที่ในการใช้ดอกไม้เพลิง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เห็นควรเพิ่มเติมสาระสำคัญบางประการ อาทิ เพิ่มนิยามคำว่า “นายทะเบียน” และ “นายทะเบียนท้องที่” ว่าหมายถึงผู้ใด ส่วนการสันนิษฐานว่าผู้รับอนุญาตเป็นผู้กระทำความผิดควรมีการพิสูจน์ให้ได้ความชัดเจนเสียก่อนว่าผู้รับอนุญาตเป็นผู้กระทำความผิด และให้ตัดข้อความ “บันดาลโทสะ” ใน (๑) ข. ออก เนื่องจากอาวุธปืนเป็นอาวุธที่มีอันตรายร้ายแรงสามารถทำลายชีวิตและทรัพย์สินได้ ผู้ที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์จากการถูกยั่วยุหรือการบันดาลโทสะไม่ควรได้รับการยกเว้นให้ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง เป็นต้น และข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ให้ครอบคลุมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกิดขึ้นใหม่หลายหน่วยงานซึ่งมิได้มีสถานะเป็นหน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจ เช่น องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ (สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ) และองค์การมหาชน แต่มีความจำเป็นต้องมีและใช้อาวุธปืนในการป้องกันและรักษาทรัพย์สินอันสำคัญของรัฐ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
703 | รายงานผลการศึกษาและขอความเห็นชอบในการเสนอตัวเพื่อประมูลสิทธิ์ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลกเวิลด์ เอ็กซ์โป (World Expo 2020) | นร | 04/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการคัดเลือกพื้นที่ที่มีความเหมาะสมและมีศักยภาพสำหรับการจัดงานมหกรรมโลกเวิลด์ เอ็กซ์โป ตามผลการศึกษา (Feasibility Study) ความเป็นไปได้เชิงลึก และตามความเห็นของเลขาธิการสำนักงานมหกรรมโลก [Bureau of International Expositions (BIE)] ว่า จังหวัดที่มีศักยภาพมากที่สุดเพื่อเสนอเป็นพื้นที่จัดงาน คือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) ดำเนินการเสนอตัวเพื่อการประมูลสิทธิ์ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานฯ ภายใต้หัวข้อหลักและการพัฒนาแนวคิดหลัก คือ Balanced Life, Sustainable Living โดยให้หารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ในการรณรงค์หาเสียงสนับสนุนประเทศไทย และให้ สสปน. ดำเนินการในเรื่องการพัฒนาแนวคิดภายใต้หัวข้อย่อย (sub - theme) ก่อนดำเนินการยื่นประมูลสิทธิ์ของประเทศไทยอย่างเป็นการถาวร รวมทั้งดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม ศึกษาวิเคราะห์ความคุ้มค่าและผลประโยชน์ที่จะได้รับ (Cost and Benefit Analysis) ก่อนดำเนินการยื่นประมูลสิทธิ์ในนามประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานคณะทำงานเตรียมการสำหรับโครงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 ของประเทศไทยเสนอ ๒. อนุมัติค่าใช้จ่ายสำหรับการเตรียมการดำเนินการสนับสนุนการประมูลสิทธิ์ และการรณรงค์หาเสียงสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดงานฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๔ แล้วในวงเงิน ๑๐๐ ล้านบาท และให้ สสปน. ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ให้ สสปน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อประมูลสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดงานฯ ควรเตรียมการให้เห็นชัดถึงความพร้อมของทุกองค์ประกอบภายในประเทศ เพื่อโน้มน้าวให้คณะผู้แทนขององค์การมหกรรมโลก (BIE) เห็นว่าประเทศไทยมีความเหมาะสมและความพร้อมอย่างแท้จริง และเมื่อได้รับการพิจารณาจาก BIE ให้เป็นประเทศที่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะแข่งขันเป็นเจ้าภาพจัดงานฯ กับประเทศผู้สมัครอื่น ๆ แล้ว (short - listed) หน่วยงานของไทยทุกหน่วยจะต้องร่วมมือกันดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างบูรณาการและเป็นเอกภาพ เพื่อโน้มน้าวให้ได้รับคะแนนเสียงจากรัฐบาลของประเทศสมาชิก BIE รวมทั้งกำหนดบุคคลที่สมควรเป็นหัวหน้าคณะหาเสียงหรือทูตพิเศษ (Special Envoy) ที่จะต้องเดินทางหาเสียงให้ประเทศไทย (Road Show) เพื่อนำเสนอความน่าสนใจและความพร้อมของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||
704 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | นร | 04/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยความเห็นดังกล่าว ให้เพิ่มปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นกรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารจัดการธนาคารที่ดิน ตามมาตรา ๑๔ (๒) แห่งร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
๑. แก้ไขปรับปรุงจำนวนกรรมการในมาตรา ๑๔ ๑.๑ มาตรา ๑๔ (๒) จาก “กรรมการโดยตำแหน่ง จำนวนสี่คน ได้แก่ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และปลัดกระทรวงมหาดไทย” เป็น “กรรมการโดยตำแหน่ง จำนวนห้าคน ได้แก่ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และปลัดกระทรวงมหาดไทย” ๑.๒ มาตรการ ๑๔ (๔) จาก “กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนสามคน ...” เป็น “กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนสองคน ...” ๒. มาตรา ๔๔ ให้เพิ่มผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นกรรมการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
705 | การจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) เป็นองค์การมหาชนในกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดตั้งศูนย์คุณธรรมเป็นองค์การมหาชนในกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้จัดตั้งศูนย์คุณธรรมขึ้นเป็นองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน เพื่อเป็นหน่วยงานในการประสาน เชื่อมโยง ส่งเสริม สนับสนุนบูรณาการกระบวนการพัฒนาความดี รวมถึงคุณธรรมจริยธรรมที่เหมาะสมสำหรับบุคคล ครอบครัว องค์กร ชุมชน สังคม ตลอดจนการบริหารในภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจาณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับร่างมาตรา ๘ วรรคสอง ที่กำหนดให้การเข้าร่วมทุนและการกู้ยืมเงิน ควรให้การดำเนินการดังกล่าวผ่านการกลั่นกรองและได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารศูนย์คุณธรรมก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้ศูนย์คุณธรรมรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรจะต้องไม่ส่งผลต่อการเพิ่มงบประมาณค่าใช้จ่ายภาครัฐ และเห็นควรที่จะได้มีการประเมินผลการดำเนินงานขององค์การมหาชนที่จัดตั้งไว้แล้วและจัดตั้งใหม่ เนื่องจากหน่วยงานดังกล่าวรัฐต้องลงทุนค่าใช้จ่ายที่มีอัตราสูงกว่าองค์การภาครัฐที่เป็นส่วนราชการ นอกจากนี้ การจัดตั้งองค์การมหาชนในอนาคต ควรเป็นองค์การที่มีประสิทธิภาพด้วยการให้บริการที่สูงกว่าหน่วยงานของรัฐที่มีอยู่ และมีศักยภาพในการจัดหารายได้ในรูปของการบริการที่มีผลสัมฤทธิ์สูง สามารถบริหารจัดการองค์กรได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพางบประมาณรายจ่าย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
706 | การขอจัดตั้ง "สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย" (Thailand Institute of Justice - TIJ) | ยธ | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้จัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) เพื่อรับผิดชอบงานตามนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓) ๒. อนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยขึ้นเป็นองค์การมหาชน ตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นการล่วงหน้าก่อน และให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับเรื่องนี้พร้อมกับร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการพิจารณาตามขั้นตอนโดยด่วน และแจ้งผลให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
707 | รายงานสถานการณ์และการดำเนินการกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์ที่ประเทศญี่ปุ่น (ระหว่างวันที่ 14 - 21 มีนาคม 2554) | วท | 22/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานสถานการณ์และการดำเนินการกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์ที่ประเทศญี่ปุ่น สรุปได้ ดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๔.๔๖ น. (ตามเวลาในประเทศญี่ปุ่น) ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่น ความรุนแรง ๙.๐ ตามมาตราริกเตอร์ มีจุดศูนย์กลางไปทางตะวันออกของชายฝั่งเมืองซานริกุ มีผลกระทบบริเวณชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อยู่ทั้งหมด ๕ บริเวณ ทั้งบนเกาะฮอกไกโด และฮอนซู โดยมีจำนวนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รวมทั้งหมด ๑๗ โรง ขณะที่เกิดแผ่นดินไหว โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่กำลังเดินเครื่องอยู่ได้ทำการปิดตัวลงโดยอัตโนมัติ และจากผลการวัดรังสีโดยรอบบริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ พบว่าโรงไฟฟ้าโรงที่ ๑ โรงที่ ๒ และโรงที่ ๓ ของโรงไฟฟ้า Fukushima - Daiichi มีระดับรังสีสูงกว่าปกติในห้องควบคุมของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และเมื่อวันที่ ๑๒ - ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๔ เกิดการระเบิดของก๊าซไฮโดรเจนของเครื่องปฏิกรณ์ไฟฟ้าโรงที่ ๑ โรงที่ ๒ และโรงที่ ๓ รวมทั้งเกิดไฟไหม้บ่อเก็บแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้วของเครื่องปฏิกรณ์โรงไฟฟ้าที่ ๔ ทำให้กัมมันตรังภาพรังสีถูกปล่อยโดยตรงสู่บรรยากาศ โดยสถานการณ์ปัจจุบัน วัดได้ ๓๔.๒ มิลลิซีเวิร์ตต่อชั่วโมง ๒. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้สนับสนุนข้อมูลและเครื่องมือแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังและเตรียมการสำหรับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยในส่วนของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้ดำเนินการด้านการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินทางนิวเคลียร์จากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ การให้บริการตรวจวัดการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีแก่สิ่งแวดล้อม การให้บริการตรวจวัดสารกัมมันตรังสีแก่บุคคล และการเตรียมพร้อมแผนฉุกเฉิน โดยจัดทำแนวทางพิจารณาเพื่อการตัดสินใจอพยพคนไทยในญี่ปุ่น เป็นต้น สำหรับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์ประกอบการปฏิบัติงาน เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ประสบเหตุที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อตรวจวัดกัมมันตภาพรังสีและตรวจวัดการเปรอะเปื้อนทางรังสีให้กับคนไทย ณ ประเทศญี่ปุ่น และเพื่อเป็นการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในอนาคต สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติได้ประสานข้อมูลกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ และหน่วยงานเครือข่ายที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามสถานการณ์และสนับสนุนข้อมูล เครื่องมือ ในการเฝ้าระวังเครื่องมืออย่างต่อเนื่องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
708 | รายงานความก้าวหน้าโครงการจัดการน้ำชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ในพื้นที่นอกเขตชลประทานโดยชุมชนอย่างยั่งยืน 84 แห่ง | วท | 22/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) (สสนก.) รายงานความก้าวหน้าโครงการจัดการน้ำชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ในพื้นที่นอกเขตชลประทานโดยชุมชนอย่างยั่งยืน ๘๔ แห่ง สรุปผลการดำเนินงานได้ ดังนี้
๑. โครงสร้างของการบริหารจัดการน้ำชุมชน บริหารจัดการน้ำโดยชุมชนเป็นเจ้าของในการพัฒนาโครงสร้างน้ำ รวมทั้งวางแผนบนพื้นฐานของการพึ่งตนเองและประสานการทำงานร่วมกับ สสนก. และเครือข่ายความร่วมมือและวิชาการ ๒. โครงสร้างและหน้าที่ แบ่งการรับผิดชอบเป็น ๓ องค์ประกอบ ได้แก่ ๒.๑ สสนก. ทำหน้าที่บริหารโครงการและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการจัดการน้ำ ๒.๒ เครือข่ายความร่วมมือและเครือข่ายความรู้และวิชาการ ทำหน้าที่ประสานงานและปฏิบัติงานร่วมกับชุมชน ๒.๓ ชุมชน ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และคณะกรรมการน้ำชุมชน/หมู่บ้าน ทำหน้าที่ดำเนินงานโครงการ ๓. การดำเนินงานมี ๔ ระยะ ได้แก่ ๓.๑ ระยะที่ ๑ รวบรวมข้อเท็จจริงและสรุปสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไข ๓.๒ ระยะที่ ๒ เขียนแผนงานและจัดทำโครงการ ๓.๓ ระยะที่ ๓ ติดตาม ประเมิน ทบทวน ขยายผล ๔. ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ ๘๔ แห่ง ประกอบด้วย ภาคเหนือ ๓๗ แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒๕ แห่ง ภาคกลาง ๑๑ แห่ง และภาคใต้ ๑๑ แห่ง
|
||||||||||||||||||||||||
709 | การดำเนินงานในระยะเริ่มแรกตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2554 | ทก | 22/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติเฉพาะในส่วนของสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ (สบทร.) และบรรดาภารกิจที่เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปเป็นของสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ.) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้ และเห็นชอบตามข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการโอนงบประมาณที่ได้มีการทำสัญญาไปแล้วในส่วนของ สบทร. และสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่จะโอนให้กับ สรอ. นั้น ให้มีการเปลี่ยนคู่สัญญาในส่วนดังกล่าว จาก สบทร. และสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามแต่กรณี ไปเป็นของ สรอ. โดยปริยาย โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นต้นไป รวมทั้งให้มีการโอนเปลี่ยนงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ สรอ. ยื่นขอผ่านทางสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ณ ขณะที่กฎหมายจัดตั้ง สรอ. ยังไม่มีผลใช้บังคับนั้น ไปเป็นของ สรอ. ด้วย โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ สรอ. รับไปดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
710 | การโอนอำนาจหน้าที่ ภารกิจ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้และงบประมาณ รวมทั้งการจัดทำร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... | ทก | 22/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ และงบประมาณของภารกิจที่เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้านการพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และบรรดาภารกิจที่เกี่ยวกับการศึกษา วิจัยและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศที่สนับสนุนการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติไปเป็นของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้ และเห็นชอบตามข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการโอนงบประมาณที่ได้มีการทำสัญญาไปแล้วในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่จะโอนให้กับ สพธอ. นั้น เห็นควรให้มีการเปลี่ยนคู่สัญญาในส่วนดังกล่าวจากสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็น สพธอ. โดยปริยาย โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นต้นไป รวมทั้งให้มีการโอนงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ สพธอ. ยื่นขอผ่านทางสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ณ ขณะที่กฎหมายจัดตั้ง สพธอ. ยังไม่มีผลใช้บังคับนั้น ไปเป็นของ สพธอ. ด้วย โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ สพธอ. รับไปดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
711 | ขอเพิ่มเติมมติคณะรัฐมนตรีในกรณีการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน เฉพาะทรัพย์สิน สิทธิ และหนี้สินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์ไปเป็นของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) | วท | 22/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการโอนทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ รวม ๓ รายการ ได้แก่ สัญญาเลขที่ ๖๐/๒๕๓๘ ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๓๘ จ้างที่ปรึกษาโครงการศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์ [กิจการร่วมค้า บริษัท อิเล็กโทรวัตต์ เอ็นจิเนียริ่ง เซอร์วิส จำกัด (EWE)] สัญญาเลขที่ ๕๖/๒๕๔๐ ลงวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๐ จ้างเหมาออกแบบและก่อสร้างอาคารเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูวิจัยพร้อมเครื่องปฏิกรณ์ระบบผลิตไอโซโทปพร้อมอุปกรณ์ ระบบจัดการกากกัมมันตรังสีพร้อมอุปกรณ์ (บริษัท เจนเนอรัล อะตอมมิกส์ จำกัด) และเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูวิจัย ๑/ปรับปรุงครั้งที่ ๑ (ปปว-๑/๑) ไปเป็นของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทน.) ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๙ มีผลใช้บังคับ (วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๔๙) และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำกับดูแลและเร่งรัดติดตามการดำเนินการของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ให้เป็นไปตามข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรักษาประโยชน์ของรัฐอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||
712 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | วท | 14/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทยขึ้นเป็นองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมสาระสำคัญบางประการ โดยมาตรา ๓ คำว่า “ชีววิทยาศาสตร์” ควรขยายความให้ชัดเจน ส่วนคำว่า “โครงการด้านชีววิทยาศาสตร์” หมายความว่า โครงการที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีววิทยาศาสตร์ ตลอดห่วงโซ่คุณค่า ให้ขยายความหมาย “ห่วงโซ่คุณค่า” ให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ง่าย และมาตรา ๖ ให้ศูนย์ความเป็นเลิศมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง ให้ตัดมาตรานี้ออก เนื่องจากทำให้มีข้อจำกัดในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศในอนาคต สำหรับมาตรา ๘ วรรคสอง กำหนดให้การกู้ยืมเงินตาม (๖) และการเข้าร่วมทุนตาม (๗) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด นั้น ควรให้การดำเนินการดังกล่าวผ่านการกลั่นกรองและได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี และควรแก้ไขความมาตรา ๙ (๓) โดยใช้ถ้อยคำว่า “(๓) เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความเหมาะสมและจำเป็น” ซึ่งเป็นถ้อยคำที่สอดคล้องกับมาตรา ๑๒(๓) ของพระราชบัญญัติองค์การมหาชนฯ รวมทั้งเพิ่มเติมสาระสำคัญในมาตรา ๓๘ วรรค ๑ โดยกำหนดเงื่อนไขในการจัดตั้งให้มีการประเมินความคุ้มค่าของศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย เมื่อดำเนินการครบ ๓ ปี หากพบว่าไม่คุ้มค่าก็ให้ยุบเลิก เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
713 | ขอถอนร่างกฎหมายจากแผนนิติบัญญัติ พ.ศ. 2552 - 2554 (จำนวน 8 ฉบับ 1. ร่างพระราชบัญญัติกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... ฯลฯ) | นร | 14/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติถอนร่างกฎหมายจากแผนนิติบัญญัติ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๔ จำนวน ๑๐ ฉบับ ประกอบด้วย
๑. ร่างกฎหมายที่ขอถอนจากแผนนิติบัญญัติฯ จำนวน ๘ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... (กระทรวงแรงงาน) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี พ.ศ. .... (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ .... (กระทรวงยุติธรรม) ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย พ.ศ. .... (สำนักนายกรัฐมนตรี) ๑.๕ ร่างพระราชบัญญัติอนุวัติการตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล พ.ศ. ๒๕๒๕ และความตกลงเกี่ยวกับการอนุติภาค ๑๑ ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล พ.ศ. ๒๕๒๕ พ.ศ. .... (กระทรวงการต่างประเทศ) ๑.๖ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กระทรวงอุตสาหกรรม) ๑.๗ ร่างพระราชบัญญัติสภาวัฒนธรรม พ.ศ. .... (กระทรวงวัฒนธรรม) ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... (กระทรวงศึกษาธิการ) ๒. ร่างกฎหมายที่ขอถอนจากแผนนิติบัญญัติฯ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูสถาบันการเงิน พ.ศ. .... (กระทรวงการคลัง) ๒.๒ ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. .... (กระทรวงการต่างประเทศ)
|
||||||||||||||||||||||||
714 | ขอความเห็นชอบในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่ประจำปีของโรตารีสากล ปี พ.ศ. 2555 และขออนุมัติจัดสรรงบประมาณสำหรับจัดการประชุมใหญ่ประจำปีของโรตารีสากล ปี พ.ศ. 2555 | นร | 08/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมใหญ่ประจำปีของโรตารีสากล ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอ ๒. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามข้อตกลงในการจัดประชุมใหญ่ประจำปีของโรตาลีสากล ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) เสนอขอใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามขั้นตอน และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นเหมาะสม |
||||||||||||||||||||||||
715 | ความคืบหน้าการใช้งานตามโครงการฟอนต์มาตรฐานราชการไทย | ทก | 08/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) รายงานผลการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ความคืบหน้าการใช้งานตามโครงการฟอนต์มาตรฐานราชการไทย โดยหน่วยงานราชการต่าง ๆ ได้ให้ความร่วมมือในการติดตั้งฟอนต์สารบรรณ และฟอนต์ทั้ง ๑๓ ฟอนต์ ตามโครงการฟอนต์มาตรฐานราชการไทย เพิ่มเข้าไปในระบบปฏิบัติการที่รองรับภาษาไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ปัญหาอุปสรรคในการใช้งาน คือ ตัวอักษรของฟอนต์ TH Sarabun PSK มีลักษณะจางไม่คมชัดในการใช้งานในระบบปฏิบัติการรุ่นเก่า ซึ่งทางสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้ปรับปรุงเพื่อให้สามารถแสดงผลให้คมชัดมากขึ้น ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการทดสอบความสมบูรณ์ก่อนนำฟอนต์ TH Sarabun PSK รุ่นปรับปรุงเผยแพร่ให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ นำไปใช้แทนรุ่นเดิมที่มีปัญหา ทั้งนี้ สำนักงานฯ ได้แจ้งวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นให้หน่วยงานต่าง ๆ โดยผู้ใช้ที่พบปัญหาสามารถตั้งค่าการแสดงผลของระบบปฏิบัติการให้ฟอนต์ TH Sarabun PSK คมชัดขึ้นระดับหนึ่งอันเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
716 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | นร | 08/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินขึ้นเป็นองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน เพื่อดำเนินการให้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเหมาะสม และสนับสนุนทางการเงินแก่การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยในการดำเนินการของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ให้นำข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปประกอบการจัดทำหลักเกณฑ์การดำเนินการด้วย ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ไม่มีรายละเอียดในแนวทางและวิธีปฏิบัติงานที่เจ้าหน้าที่จะนำมาไปปฏิบัติในลักษณะของกฎหมายโดยทั่วไป เช่น อำนาจและวิธีการนำที่ดินของรัฐมาดำเนินการ จะนำที่ดินของรัฐประเภทไหน เพราะที่ดินของรัฐมีหลายประเภท และการนำมาดำเนินการจะต้องถูกเพิกถอนโดยผลของกฎหมายเสียก่อน และขาดเนื้อหาสาระในการประสานงานกับหน่วยงานที่ดูแลรักษาเพื่อนำที่ดินมาดำเนินการรูปแบบของการจัดที่ดินและการให้กรรมสิทธิยังไม่มีความชัดเจน สำหรับที่ดินเอกชนจะหมายถึงที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ที่ดินชุมชน ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม หรือที่ดินเพื่ออุตสาหกรรม และไม่มีสภาพบังคับที่จะนำมาจัดให้ได้ ๑.๒ การดำเนินการของสถาบันตามร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ไม่มีความชัดเจนในเรื่องการปฏิบัติว่า จะเป็นผู้ประสานงาน หรือผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความสับสนและซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอยู่แล้ว ๑.๓ การพัฒนาเพื่อให้เกษตรกรสามารถทำกินและอยู่ในที่ดินนั้นได้ ไม่มีการบัญญัติถึงการบูรณาการพัฒนากับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควรดำเนินการในรูปของนิคมการเกษตร เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปดำเนินการเพิ่มเติมบทบัญญัติในร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้มีการจัดสรรรายได้จากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน และธนาคารที่ดินที่จะตรากฎหมายขึ้นต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
717 | ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์ที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้างและเหมืองแร่ | มท | 08/03/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายถาวร เสนเนียม) เป็นประธานในคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์ ที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้าง และเหมืองแร่ รายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์ ที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้าง และเหมืองแร่ โดยคณะอนุกรรมการฯ ได้จัดให้มีการประชุมเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้องของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย สรุปได้ ดังนี้
๑. กรณีปัญหาที่สาธารณประโยชน์ ยุติปัญหาแล้ว ๑๒ ปัญหา ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เชียงราย พะเยา ชัยภูมิ ยโสธร และกรุงเทพมหานคร โดยให้นำนโยบายเรื่องโฉนดชุมชนมาใช้ในการแก้ไขปัญหา และอยู่ระหว่างการดำเนินการของจังหวัด ๕ ปัญหา ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิและร้อยเอ็ด ๒. กรณีปัญหาที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้าง ได้แก่ ๒.๑ โครงการนำร่องเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรรายย่อยไทยเข้มแข็งภายใต้กองทุนธนาคารที่ดิน คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ อนุมัติงบประมาณรายจ่าย งบกลางรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ “โครงการนำร่องการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรรายย่อยไทยเข้มแข็งภายใต้นโยบายกองทุนธนาคารที่ดิน” วงเงิน ๑๖๗,๙๖๐,๐๐๐ บาท ส่วนคณะอนุกรรมการฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานจัดหาเพื่อใช้เป็นพื้นที่นำร่องเรื่องธนาคารที่ดินเพื่อรองรับนโยบายการกระจายถือครองที่ดินของรัฐบาลจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน เพื่อทำหน้าที่พิจารณาในการจัดซื้อที่ดินในพื้นที่นำร่อง รวม ๕ พื้นที่ โดยมีคณะทำงานเร่งรัดติดตามผลการดำเนินการจัดหาที่ดินและการจัดทำโครงการนำร่อง เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรรายย่อยภายใต้นโยบายกองทุนธนาคารที่ดินของจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน ติดตามผลการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๓ เห็นชอบร่างพระราชกฤษีกาฯ โดยส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และคณะกรรมการฯ ได้กำหนดพิจารณาเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ สำหรับขั้นตอนในการจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้พิจารณายกเว้นการใช้มาตรการระงับการจัดตั้งองค์การมหาชนแล้ว เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๒.๓ การตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ออกตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินบริเวณบ้านสันตับเต่า หมู่ที่ ๑๗ ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน และบริเวณที่ดินโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่ ๑๕,๐๐๐ ไร่ ตำบลหนองปลาสวาย อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน กรมที่ดิน โดยสำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา ๖๑ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินจำนวน ๒๑ แปลง และ ๔๙ แปลง ตามลำดับ โดยกระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งที่ ๙๗/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบเอกสารสิทธิบริเวณโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่ ๑๕,๐๐๐ ไร่ ตำบลหนองปลาสวาย อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเอกสารสิทธิบริเวณดังกล่าวได้ออกไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ๓. กรณีปัญหาเหมืองแร่ โดยกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) คัดค้านการต่ออายุประทานบัตรการทำเหมืองแร่ของโรงโม่หินศักดิ์ชัย จากการดำเนินการและตรวจสอบปรากฏว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวได้ค้บพบแหล่งโบราณคดี จึงได้ประสานกรมศิลปากรจนได้มีการประกาศให้บริเวณนี้เป็นเขตโบราณสถานแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๕กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ที่ขออนุญาตประทานบัตร ๔. กรณีชุมชนที่อยู่ในที่สาธารณประโยชน์ “ดอนฮังเกลือ” อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่ได้ทำการรังวัดชันสูตรสอบสวนตรวจสอบที่ดินบริเวณที่ขอสัมปทานและดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำแผนที่ตามมาตรา ๑๒ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของราษฎรในพื้นที่ สำหรับชุมชนอื่น ๆ อยู่ระหว่างยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เมื่อได้หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้วจะได้ไปดำเนินการขอสัมปทาน
|
||||||||||||||||||||||||
718 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินงานตามโครงการนำร่องแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรรายย่อยไทยเข้มแข็ง ภายใต้นโยบายกองทุนธนาคารที่ดิน | นร | 22/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้มีการดำเนินงานโครงการนำร่องแก้ไขปัญหาที่ดินของเกษตรกรรายย่อยไทยเข้มแข็ง ภายใต้นโยบายกองทุนธนาคารที่ดิน สำหรับใช้ในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนองค์กรชุมชนที่มีปัญหาเร่งด่วน ๕ พื้นที่ โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามโครงการฯ วงเงิน ๑๖๗,๙๖๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้คณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทยดำเนินการจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งหลักเกณฑ์ในการจัดซื้อที่ดินและหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามโครงการฯ ส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้มีการจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เรียบร้อยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
719 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) แทนตำแหน่งที่ว่าง (นางโสมสุดา ลียะวณิช) | วธ | 22/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางโสมสุดา ลียะวณิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารหอภาพยนตร์ แทนนายเกรียงไกร สัมปัชชลิต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามนัยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๒ มาตรา ๑๓ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
720 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | ศธ | 22/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพขึ้นเป็นองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน เพื่อกำกับดูแลและส่งเสริมการบริหารงานของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐในการพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่เห็นว่า บทบัญญัติของร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... อาจมีเนื้อหาและสาระที่มีความซ้ำซ้อนกับพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่อยู่ในความรับผิดชอบและเป็นภารกิจของกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นส่วนราชการที่กำกับดูแลและส่งเสริมการบริหารงานด้านแรงงานทั้งระบบ ดังนั้น การดำเนินการตามร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้สอดคล้องและเชื่อมโยงโดยไม่ซ้ำซ้อนกับภารกิจของกระทรวงแรงงาน |
.....