ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 34 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 661 - 680 จากข้อมูลทั้งหมด 1093 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
661 | รายงานความคืบหน้าในการโอนภารกิจและงบประมาณของสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และขออนุมัติงบกลางเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | ทก | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโอนภารกิจและงบประมาณให้แก่สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ.) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การโอนบรรดาอำนาจ หน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติตามพระราชบัญญัติพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๓๔ เฉพาะในส่วนของสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ ได้ดำเนินการโอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ๑.๒ บรรดาภารกิจเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่จะต้องโอนให้แก่ สรอ. สามารถแบ่งออกเป็น ๒ ภารกิจหลัก คือ ภารกิจการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารปี ๒๕๕๔ จำนวน ๓ สัญญา ประกอบด้วย สัญญาเช่าใช้บริการระบบจดหมายอิเล็มกทรอนิกส์กลางเพื่อการสื่อสารในภาครัฐ สัญญาจ้างพัฒนาระบบเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ (e - Government Portal) และสัญญาจ้างที่ปรึกษาเพื่อปฏิบัติงานตามโครงการขยายผลระบบสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานภาครัฐโดยใช้มาตรฐาน TH e - GIF และภารกิจภายใต้โครงการพัฒนาเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ (Government Information Network : GIN) จำนวน ๔ สัญญา ประกอบด้วย สัญญาเช่าใช้บริการสายสัญญาณคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์เครือข่าย Access Switch L2 สำหรับศาลากลางจังหวัด ๓๕ จังหวัด และหน่วยงานภายในศาลากลาง จำนวน ๒๓๐ หน่วยงาน สัญญาเช่าใช้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลพร้อมอุปกรณ์เพื่อพัฒนาเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ จำนวน ๗๓๕ หน่วยงาน สัญญาเช่าใช้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลพร้อมอุปกรณ์ สำหรับ ๓๙ หน่วยงาน ตามโครงการพัฒนาเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ ระยะที่ ๓ และสัญญาเช่าใช้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลพร้อมอุปกรณ์เพื่อพัฒนาเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ (ขยายสู่อำเภอใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. อนุมัติให้ สรอ. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี ในวงเงิน ๗๔๑,๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||
662 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ครั้งที่ 1 | กค | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๓๖๓,๙๖๐.๘๐ ล้านบาท จากเดิม ๑,๒๘๗,๐๐๔.๖๐ ล้านบาท เป็นเงิน ๑,๖๕๐,๙๖๕.๔๐ ล้านบาท ๑.๒ รับทราบแผนการกู้เงินของสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ๑.๓ อนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ในประเทศของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ ภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับกรอบวงเงินการค้ำประกันเงินกู้คงเหลือซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด จึงขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดลำดับความสำคัญโครงการเงินกู้และวงเงินการค้ำประกันเงินกู้ที่เหมาะสมสำหรับการปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะระหว่างปี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
663 | รายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. 2553 | นร | 01/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป โดยรายงานการพัฒนาระบบราชการไทยฯ มีสาระสำคัญประกอบด้วย ๓ ส่วน ดังนี้
๑. ส่วนที่ ๑ ภาพรวม ประกอบด้วย เป้าหมายและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. ๒๕๕๑ - พ.ศ. ๒๕๕๕) สถานภาพของระบบราชการไทย ที่บ่งบอกถึงลักษณะการมีอยู่ของหน่วยงานภาครัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร ตลอดจนผลการประเมินภาพรวมของระบบราชการไทยด้านต่าง ๆ ที่สะท้อนสมรรถนะของระบบราชการที่ได้พัฒนาต่อเนื่องมา และในรอบปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ส่วนที่ ๒ ความก้าวหน้าของการพัฒนาระบบราชการไทย ประกอบด้วย ผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของกระทรวง กรม จังหวัด และองค์การมหาชน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ การผลักดันการพัฒนาระบบราชการไทย เพื่อบรรลุเป้าประสงค์หลัก ๔ ประการของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. ๒๕๕๑ - พ.ศ. ๒๕๕๕) ซึ่งทำให้ระบบราชการไทย “เก่ง ดี มีส่วนร่วม และตอบสนองทันต่อการเปลี่ยนแปลง” อาทิเช่น การพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชน การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม การยกระดับการให้บริการประชาชนในราชการบริหารส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การสร้างความเข้มแข็งในการบริหารพื้นที่ การปรับปรุงระบบการประเมินผลตามคำรับรองการปฏิบัติราชการให้เกิดการบูรณาการการทำงานระหว่างกระทรวง การพัฒนาตนเองของส่วนราชการตามกระบวนการการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) ฯลฯ และการดำเนินงานขั้นต่อไป ทั้งงานเดิมที่สานต่อ และงานริเริ่มใหม่ โดยเฉพาะการสร้างระบบรองรับการเข้ามามีบทบาทการทำบริการสาธารณะของภาคส่วนอื่น และการสร้างความพร้อมยอมรับของฝ่ายข้าราชการ และความเชื่อมั่นของผู้รับบริการ ๓. ส่วนที่ ๓ การดำเนินงานของสำนักงาน ก.พ.ร. ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ ประเด็นยุทธศาสตร์ของสำนักงาน ก.พ.ร. ทรัพยากรที่สำนักงานใช้ในการบริหารงาน ได้แก่ บุคลากร และงบประมาณ และรายงานกิจการของสถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (หน่วยบริการรูปแบบพิเศษ) ในกำกับของสำนักงาน ก.พ.ร.
|
|||||||||||||||||||||||||||
664 | การเฝ้าระวังฝนตกต่อเนื่องระหว่างวันที่ 24-30 ตุลาคม 2554 | วท | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับเฝ้าระวังอุทกภัยในช่วงที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาสและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การติดตามสถานการณ์อุทกภัยด้วยดาวเทียม ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) โดยผลการวิเคราะห์ด้วยข้อมูลจากดาวเทียม ปี ๒๕๕๔ สรุปสถานการณ์น้ำท่วมขังในช่วง ๗ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กันยายน ถึง ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ มีน้ำท่วมขังในทุกภาคของประเทศโดยมีน้ำท่วมขังใน ๔๗ จังหวัด รวม ๓๘๕ อำเภอ และ ๒,๓๙๗ ตำบล คิดเป็นพื้นที่น้ำท่วมขังทั้งสิ้นประมาณ ๑๓,๓๕๔,๔๗๕ ไร่ และผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียม ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีพื้นที่ที่น้ำท่วมขังติดต่อกันนานเกิน ๑๕ วันทั้งสิ้น ๑๖,๖๗๕,๙๕๗ ไร่ ใน ๔๖ จังหวัด รวม ๓๙๒ อำเภอ และ ๒,๕๐๔ ตำบล ๒. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลคาดการณ์ปริมาณฝน ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) พบว่าประเทศไทยจะมีฝนตก ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นเนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทยตลอดช่วง ทำให้มีพื้นที่เฝ้าระวังอุทกภัยคือ พื้นที่เฝ้าระวัง เนื่องจากจะมีฝนตกหนักในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา กระบี่ พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส นอกจากนี้ คลื่นในทะเลบริเวณอ่าวไทยอาจยกตัวสูงขึ้นกว่าปกติ เนื่องจากลมทะเลพัดเข้าสู่ปากแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอาจส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำดังกล่าวสูงกว่าที่คาดหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
665 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้มีผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ และการเปลี่ยนแปลงเลื่อยโซ่ยนต์ให้มีกำลังเครื่องจักรกลเพิ่มขึ้น รวมทั้งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้มี ผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ และการเปลี่ยนแปลงเลื่อยโซ่ยนต์ให้มีกำลังเครื่องจักรกลเพิ่มขึ้น รวมทั้งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตให้มีเลื่อยโซ่ยนต์ต้องจัดหาเลื่อยโซ่ยนต์ภายในเวลาที่กำหนด หากพ้นกำหนดให้ถือว่าใบรับรองให้มีเลื่อยโซ่ยนต์นั้นสิ้นผล ๑.๒ กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ ที่ได้เลื่อยโซ่ยนต์มาจากการขายทอดตลาดหรือศาลสั่งริบหรือที่ตกเป็นของแผ่นดิน และการรับโอนมรดก สามารถขอรับอนุญาตได้ไม่ต้องมีใบรับรองให้มีเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๓ กำหนดให้มีการทำตัวเลขประจำเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๔ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตผลิตเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๕ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๖ กำหนดเหตุแห่งการเพิกถอนใบอนุญาต ๑.๗ กำหนดแบบเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๘ กำหนดบทเฉพาะกาล ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรกำหนดลักษณะของเลื่อยโซ่ยนต์ให้ครอบคลุมถึงเลื่อยโซ่ยนต์ที่ใช้แผ่นบังคับโช่ ขนาดความยาวตั้งแต่ ๑๒ นิ้วลงมา รวมทั้งเลื่อยโซ่ที่ใช้พลังงานอื่น ๆ เช่น พลังงานลม พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแผนและขั้นตอนในการปฏิบัติตามร่างกฎกระทรวงฯ ให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
666 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดยุทธภัณฑ์ของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) ไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 พ.ศ. .... | กห | 18/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดยุทธภัณฑ์ของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) ไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยุทธภัณฑ์ของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอใบอนุญาตทุกครั้งที่นำเข้ามา ผลิต หรือมียุทธภัณฑ์เพื่อการวิจัยและพัฒนายุทธภัณฑ์ดังกล่าว ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับรายการสารเคมีบางรายการควบคุมเป็นวัตถุอันตรายที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ และเป็นสารเคมีในรายการสารเคมีของอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นผู้ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานขององค์การมหาชนทั้งหมด ว่าหน่วยงานใดควรเป็นผู้รับผิดชอบภารกิจนั้นต่อไป หรือควบรวม ตลอดจนยุบเลิก เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการขอยกเว้นให้สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) ไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ กระทรวงกลาโหมควรมีอำนาจกำกับดูแลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว และสถาบันควรขยายวัตถุประสงค์ให้ครอบคลุมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศในเรื่องภัยพิบัติและอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานขององค์การมหาชนต่าง ๆ ว่าปฏิบัติงานเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ นโยบายของรัฐบาลและคุ้มค่ากับงบประมาณดำเนินการหรือไม่ อย่างไร โดยกำหนดตัวชี้วัดที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้การจัดตั้งองค์การมหาชนเป็นไปตามวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการ |
|||||||||||||||||||||||||||
667 | การเฝ้าระวังอุทกภัยจากฝนตกระหว่างวันที่ 17 - 19 ตุลาคม 2554 | วท | 18/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลการเฝ้าระวังอุทกภัยจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การติดตามสถานการณ์อุทกภัยด้วยดาวเทียม ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) โดยผลการวิเคราะห์ด้วยข้อมูลจากดาวเทียม ปี ๒๕๕๔ สรุปสถานการณ์น้ำท่วมขังในช่วง ๗ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กันยายน ถึง ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ มีน้ำท่วมขังในทุกภาคของประเทศ โดยมีน้ำท่วมขังใน ๔๙ จังหวัด รวม ๓๕๖ อำเภอ และ ๒,๓๖๔ ตำบล คิดเป็นพื้นที่น้ำท่วมขังทั้งสิ้นประมาณ ๑๒,๑๑๙,๓๘๗ ไร่ และผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียม ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีพื้นที่ที่น้ำท่วมขังติดต่อกันนานเกิน ๑๕ วัน ทั้งสิ้น ๑๕,๓๒๘,๓๙๘ ไร่ ใน ๔๘ จังหวัด รวม ๔๓๕ อำเภอ และ ๕,๑๙๙ ตำบล การคาดการณ์พื้นที่ต้องเฝ้าระวัง พบความเสี่ยงที่จะเริ่มเกิดน้ำท่วมขังได้ในช่วงสัปดาห์นี้ มีทั้งสิ้น ๑๔๖ อำเภอ ใน ๓๒ จังหวัด ๒. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลคาดการณ์ปริมาณฝน ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) พบว่าประเทศไทยจะมีฝนตก ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ทำให้มีพื้นที่เฝ้าระวังอุทกภัยคือ พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ เนื่องจากมีสถานการณ์อุทกภัยอยู่เดิม และจะมีฝนตกเพิ่มในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ จังหวัดตาก ขอนแก่น สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร และพื้นที่เฝ้าระวัง เนื่องจากจะมีฝนตกในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เชียงใหม่ เลย มหาสารคาม ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง เพชรบุรี ชุมพร กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี และจังหวัดสงขลา
|
|||||||||||||||||||||||||||
668 | การเฝ้าระวังอุทกภัยจากฝนตกต่อเนื่องระหว่างวันที่ 10 - 16 ตุลาคม 2554 | วท | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลการเฝ้าระวังอุทกภัยจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การติดตามสถานการณ์อุทกภัยด้วยดาวเทียม ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) โดยผลการวิเคราะห์ด้วยข้อมูลจากดาวเทียม ปี ๒๕๕๔ สรุปสถานการณ์น้ำท่วมขังในช่วง ๗ วัน ตั้งแต่วันที่ ๓ กันยายน ถึง ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ มีน้ำท่วมขังในทุกภาคของประเทศ โดยมีน้ำท่วมขังใน ๔๙ จังหวัด รวม ๓๙๑ อำเภอ และ ๒,๖๐๑ ตำบล คิดเป็นพื้นที่น้ำท่วมขังทั้งสิ้นประมาณ ๑๒,๓๖๖,๓๖๖ ไร่ และผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียม ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีพื้นที่ที่น้ำท่วมขังติดต่อกันนานเกิน ๑๕ วัน ทั้งสิ้น ๑๕,๓๒๘,๓๙๘ ไร่ ใน ๔๘ จังหวัด รวม ๔๓๕ อำเภอ และ ๕,๑๙๒ ตำบล การคาดการณ์พื้นที่ต้องเฝ้าระวัง พบความเสี่ยงที่จะเริ่มเกิดน้ำท่วมขังได้ในช่วงสัปดาห์นี้ มีทั้งสิ้น ๑๔๖ อำเภอ ใน ๓๒ จังหวัด ๒. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลคาดการณ์ปริมาณฝน ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) พบว่าประเทศไทยจะมีฝนตกต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ จะมีฝนเพิ่มขึ้นบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากอาจมีพายุก่อตัวขึ้นในทะเลจีนใต้ ทำให้มีพื้นที่เฝ้าระวังอุทกภัย โดยพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ เนื่องจากมีสถานการณ์อุทกภัยอยู่เดิม และจะมีฝนตกเพิ่มในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ ตาก เลย ขอนแก่น นครราชสีมา ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี นครปฐม นนทบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา และพื้นที่เฝ้าระวัง เนื่องจากจะมีฝนตกหนักในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ จังหวัดนครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี มหาสารคาม กาญจนบุรี กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ราชบุรี ชลบุรี ระยอง สระแก้ว จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง พังงา สตูล ยะลา และจังหวัดนราธิวาส
|
|||||||||||||||||||||||||||
669 | การเฝ้าระวังอุทกภัยจากฝนตกต่อเนื่องระหว่างวันที่ 3 - 7 ตุลาคม 2554 | วท | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับเฝ้าระวังอุทกภัยในช่วงที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ ๓ - ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการวิเคราะห์ด้วยข้อมูลจากดาวเทียม ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) สรุปสถานการณ์น้ำท่วมขังในช่วง ๗ วัน ตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ถึง ๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ มีน้ำท่วมขังในทุกภาคของประเทศ โดยมีน้ำท่วมขังใน ๔๘ จังหวัด รวม ๔๒๑ อำเภอ และ ๓,๒๑๓ ตำบล คิดเป็นพื้นที่น้ำท่วมขังทั้งสิ้นประมาณ ๑๒,๐๘๐,๘๙๔ ไร่ และผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียมตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีพื้นที่ที่น้ำท่วมขังติดต่อกันนานเกิน ๑๕ วัน ทั้งสิ้น ๓,๕๘๕,๗๘๕ ไร่ ใน ๓๒ จังหวัด รวม ๒๑๖ อำเภอ และ ๑,๑๓๙ ตำบล การคาดการณ์พื้นที่ต้องเฝ้าระวัง พบว่ามีความเสี่ยงที่จะเริ่มเกิดน้ำท่วมขังได้ในช่วงสัปดาห์นี้ มีทั้งสิ้น ๑๔๕ อำเภอใน ๓๒ จังหวัด ๒. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลคาดการณ์ปริมาณฝน ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ประเทศไทยจะมีฝนตกต่อเนื่องระหว่างวันที่ ๓ - ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ โดยเฉพาะระหว่างวันที่ ๖ - ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ จะมีฝนเพิ่มขึ้นเนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “นาลแก” ที่จะเคลื่อนขึ้นฝั่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนบนในวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ ทำให้มีพื้นที่เฝ้าระวังอุทกภัย ดังนี้ ๒.๑ พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ เนื่องจากมีสถานการณ์อุทกภัยอยู่เดิม และจะมีฝนเพิ่มในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร ชัยภูมิ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด นครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี นครปฐม นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา นครนายก ปราจีนบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา ๒.๒ พื้นที่เฝ้าระวัง เนื่องจากจะมีฝนตกหนักในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร สระแก้ว จันทบุรี ตราด ชลบุรี ระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล สุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช
|
|||||||||||||||||||||||||||
670 | การตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยและแนวทางแก้ไขปัญหา | ทส | 04/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการตรวจติดตามสถานการณ์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย และแนวทางแก้ไขปัญหา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ประสบภัย ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ บริเวณตำบลป่าแดด ช้างคลาน หนองหอย สันป่าข่อย ฟ้าฮ่าม วัดเกตุ ท่าศาลา และอำเภอสารภี บริเวณตำบลท่าวังตาล ตำบลยางเนิ้ง รวมทั้งพื้นที่ลุ่มน้ำสาขาซึ่งได้รับผลกระทบจากลำน้ำปิง ได้แก่ อำเภอสันทราย อำเภอสันกำแพง และอำเภอดอยสะเก็ด ในการนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ ได้ให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัยโดยแจงถุงยังชีพ น้ำดื่ม อาหารปรุงสำเร็จ เป็นต้น นอกจากนี้ ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์อุทกภัย ผลการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนและการฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยทางจังหวัดเชียงใหม่ได้เสนอขอรับการสนับสนุนกระสอบทราย จำนวน ๕๐๐,๐๐๐ ใบ เพื่อเสริมแนวป้องกันน้ำเดิมที่ชำรุด และความแข็งแรงของแนวกั้นน้ำในเขตเศรษฐกิจ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ๗ จังหวัด (จังหวัดชัยภูมิ หนองบัวลำภู ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และจังหวัดยโสธร) และคณะกรรมการลุ่มน้ำชี ด้วยระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference System) ณ ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัยวาตภัยและดินโคลนถล่ม (ศอส.) กระทรวงมหาดไทย ผ่านไปยังศาลากลางจังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยที่ประชุมได้มีการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนล่วงหน้า ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประมาณ ๓๐ - ๔๐ มม. และในวันที่ ๒ - ๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประมาณ ๓๐ - ๔๐ มม. ซึ่งทางจังหวัดได้เสนอโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ (แก้มลิง) เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยดังกล่าว ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานงานกับองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) ส่งจุลินทรีย์บอล (ดาสต้าบอล) จำนวน ๖๐,๐๐๐ ลูก ให้แก่จังหวัดลพบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งมีปัญหาน้ำเน่าเสีย
|
|||||||||||||||||||||||||||
671 | การโอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สำนักนายกรัฐมนตรี เฉพาะในส่วนของศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม ไปเป็นของศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 20/09/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนบรรอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สำนักนายกรัฐมนตรี เฉพาะในส่วนของศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม ไปเป็นของศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
672 | การโอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) เฉพาะในส่วนของศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย ไปเป็นของศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) | วท | 20/09/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้มีการโอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) เฉพาะในส่วนของศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย ไปเป็นของศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ให้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) ดำเนินการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับบทบาทภารกิจที่ปรับใหม่ และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้มีการประเมินความคุ้มค่าของศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) เมื่อดำเนินการครบ ๓ ปี ตามนัยที่คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้ดำเนินการเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
673 | ส่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (คำสั่ง นร ที่ 163/2554 ลงวันที่ 19 กันยายน 2554) | นร | 20/09/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๖๓/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๔ เรื่องมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี (เพิ่มเติม) ดังนี้
๑. การมอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้ - สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒. การมอบหมายให้กำกับดูแลองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐ ดังนี้ - สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน)
|
|||||||||||||||||||||||||||
674 | รายงานการประเมินผลการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติงานขององค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 12/07/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติงานขององค์การมหาชน จำนวน ๒๒ แห่ง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้
๑. กลุ่มที่ ๑ : องค์การมหาชนที่มีการกำหนดตัวชี้วัดในมิติที่ ๑ ครอบคลุมวัตถุประสงค์การจัดตั้ง และตัวชี้วัดประเภทผลลัพธ์หรือผลผลิตเป็นส่วนใหญ่ ความแตกต่างของผลการประเมินตนเองและผลการประเมินของสำนักงาน ก.พ.ร. น้อย มีการจัดเก็บเอกสารหลักฐานประกอบการประเมินเป็นระบบที่ดี มีเอกสารครบถ้วนพร้อมให้ตรวจสอบได้ทันที เกณฑ์การประเมินผลมีความท้าทาย และผลประเมินการกำกับดูแลกิจการและการพัฒนาองค์กรอยู่ได้ในระดับดี ได้แก่ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ๒. กลุ่มที่ ๒ : องค์การมหาชนที่มีการกำหนดตัวชี้วัดในมิติที่ ๑ ครอบคลุมวัตถุประสงค์การจัดตั้ง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดประเภทผลผลิตเป็นส่วนใหญ่ ความแตกต่างของผลการประเมินตนเองและผลการประเมินของสำนักงาน ก.พ.ร. น้อย มีการจัดเก็บเอกสารหลักฐานประกอบการประเมินผลเป็นระบบ มีเอกสารครบถ้วนพอสมควร อาจให้ส่งเอกสารเพิ่มเติมแต่ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคะแนน มีการกำหนดตัวชี้วัดเพิ่มเติมในมิติที่ ๒, ๓ และ ๔ และได้คะแนนไม่ต่ำกว่าระดับ ๓ ผลประเมินการกำกับดูแลกิจการและการพัฒนาองค์กรส่วนใหญ่สูงกว่าคะแนนเฉลี่ย ได้แก่ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ และสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ๓. กลุ่มที่ ๓ : องค์การมหาชนที่มีการกำหนดตัวชี้วัดในมิติที่ ๑ ยังไม่ครอบคลุมวัตถุประสงค์การจัดตั้ง ตัวชี้วัดส่วนใหญ่เป็นตัวชี้วัดประเภทผลผลิต มีความแตกต่างระหว่างผลการประเมินตนเองกับผลการประเมินของสำนักงาน ก.พ.ร. การจัดเก็บเอกสารหลักฐานประกอบการประเมินผลยังไม่ครบถ้วน ต้องส่งหลักฐานประกอบการประเมินเพิ่มเติมภายหลัง รายงานการประเมินตนเองขาดความครบถ้วนในสาระสำคัญ ผลประเมินการกำกับดูแลกิจการและการพัฒนาองค์กรต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ย ได้แก่ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ และสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
675 | ขออนุมัติให้มีการโอนภารกิจและงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ประจำปีงบประมาณ 2554 | ทก | 28/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) ตามข้อเสนอของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จำเป็นแก่การดำเนินงาน โดยให้สำนักงบประมาณนำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามนัยมาตรา ๑๘๑(๒) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการรวบรวมข้อมูลและความเห็นที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้งต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง สรุปผลและแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ด้วย ๒. ส่วนข้อเสนอที่ขออนุมัติให้มีการโอนภารกิจและงบประมาณของโครงการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังภัยคุกคามการกระทำความผิดด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศ เป็นจำนวนเงิน ๙๘,๕๐๐,๐๐๐ บาท ไปเป็นของ สพธอ. แทนการจัดจ้างตามสัญญา นั้น รับทราบตามความเห็นของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๔ อนุมัติเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวไว้แล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||
676 | สรุปผลการประชุมหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชน เพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) | ยธ | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยผลการประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๔ ที่ประชุมพิจารณาเห็นว่า การเจรจาเพื่อขอซื้อที่ดินของบริษัท สมประสงค์แลนด์ จำกัด (มหาชน) จากเจ้าหนี้เพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนพิมานในที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นไปได้ยากและต้องใช้ระยะเวลานาน เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวยังอยู่ในคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และยังมีผู้ที่ซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านพิมานยื่นคำร้องครอบครองปรปักษ์ และศาลได้ยกคำร้อง ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์และผู้ร้องยังได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ที่ดินแปลงดังกล่าว จึงทำให้ไม่สามารถนำที่ดินแปลงดังกล่าวมาขายทอดตลาดได้ และยังเห็นว่าการจะขอแบ่งซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ที่มายื่นขอรับชำระหนี้กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ทำให้การจะขอแบ่งซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ได้หาทางแก้ไขในเบื้องต้น โดยขอซื้อที่ดินของบริษัทสินทรัพย์ไทยหรือที่ดินที่อยู่ระหว่างการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี เพื่อช่วยเหลือให้ชุมชนพิมานมีที่อยู่อาศัยใหม่
|
|||||||||||||||||||||||||||
677 | ขอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดแรกของคณะกรรมการบริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (จำนวน 3 ราย 1. นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ฯลฯ) | ศธ | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่อง ขอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดแรกของคณะกรรมการบริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ของกระทรวงศึกษาธิการ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นก่อน ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ได้เห็นชอบการกำหนดแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรในส่วนที่เกี่ยวกับแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายนั้น มีผลทำให้บุคคลนั้นสามารถดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการได้ต่อเนื่องตามวาระที่กฎหมายบัญญัติ จึงอาจถือว่าเป็นการดำเนินการที่มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ดังนั้น ในระหว่างการยุบสภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรีจึงจะไม่พิจารณาการแต่งตั้งคณะกรรมการ อย่างไรก็ตาม การมีมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวนั้นสืบเนื่องมาจากกรณีปกติที่คณะกรรมการที่พ้นวาระตามกฎหมายจะอยู่ดำรงตำแหน่งได้ต่อไปจึงไม่เกิดความเสียหายในการปฏิบัติราชการ แต่สำหรับพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นกฎหมายใหม่ ที่มิได้มีบทบัญญัติให้มีคณะกรรมการทำหน้าที่บริหารเป็นการชั่วคราวในระหว่างวันที่ยังมิได้แต่งตั้งคณะกรรมการ หากแต่บัญญัติให้มีการสรรหาคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่บริหารภายใน ๔๕ วันนับแต่วันที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา กรณีจึงอาจแตกต่างจากการแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายอื่นเพราะสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพไม่มีคณะกรรมการบริหาร ซึ่งทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ จึงมีกรณีที่ต้องพิจารณาว่าหากไม่แต่งตั้งคณะกรรมการแล้วจะมีผลทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ซึ่งอาจเป็นเหตุจำเป็นที่คณะรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งโดยเร็ว นอกจากนี้ การได้มาซึ่งคณะกรรมการบริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพตามกฎหมายได้มีกระบวนการสรรหาไว้โดยเฉพาะ และคณะรัฐมนตรีมีอำนาจพิจารณาแต่งตั้งตามรายชื่อที่มีการสรรหา โดยมิใช่เป็นผู้ใช้ดุลยพินิจคัดเลือกบุคคลนั้นเอง การพิจารณาแต่งตั้งจึงอาจถือได้ว่าเป็นการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
678 | การแต่งตั้งคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน | นร | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๔๔ กำหนดให้ในวาระเริ่มแรกให้คณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการตามพระราชกฤษฎีกานี้ไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ และโดยที่นายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงเป็นผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งผู้แทนองค์กรชุมชนและผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการ แต่โดยที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๔ มีผลใช้บังคับแล้ว นายกรัฐมนตรีจะสามารถแต่งตั้งกรรมการดังกล่าวได้หรือไม่ เพียงใด จึงเห็นควรขอความเห็นคณะกรรมการการเลือกตั้งในประเด็นดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
679 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือระหว่างสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) กับ North Carolina state University ประเทศสหรัฐอเมริกา | กษ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้จัดทำบันทึกความเข้าใจความร่วมมือระหว่างสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) แห่งราชอาณาจักรไทยกับ North Carolina State University แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือไทย ๒. อนุมัติในหลักการว่า ก่อนที่จะมีการลงนาม หากมีการแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
|
|||||||||||||||||||||||||||
680 | ของบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | ทก | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินการเพื่อผลักดันภารกิจเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศของประเทศเพื่อการพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อให้สอดรับตามเจตนารมณ์ของ (ร่าง) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. .... เป็นจำนวนเงิน ๒๕๘,๕๖๑,๒๘๕ บาท ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ในส่วนของงบประมาณสำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศของประเทศไทยเพื่อการพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ นั้น ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรอการดำเนินการตามกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่สำนักงบประมาณจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
.....