ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 46 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 901 - 920 จากข้อมูลทั้งหมด 1462 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
901 | โครงการจัดการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารเพื่อสนองงาน ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี | ศธ | 01/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอโครงการจัดการศึกษาสำหรับเด็ก
และเยาวชนในถิ่นทุรกันดารเพื่อสนองงานตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ปี งบประมาณ พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2556 เพื่อให้เด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารในพื้นที่ทรงงานได้รับการศึกษาอย่าง ต่อเนื่องและทัดเทียมกับเด็กและเยาวชนทั่วไป รวมทั้งเพื่อให้ชุมชนในถิ่นทุรกันดารในพื้นที่ทรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ ดีขึ้น โดยงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานโครงการ ฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ตามขั้น ตอนต่อไป ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2556 ให้พิจารณาเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีตาม ขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักประสาน เร่งรัด กำกับ และติดตาม การดำเนินโครงการ ฯ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแนวทางการดำเนินงานให้ชัดเจนโดยให้ คำนึงถึงความสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ และภูมิสังคมที่มีความแตกต่างในแต่ละ ภูมิภาคและท้องถิ่น ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนในการพัฒนาการเรียนรู้ และให้ความสำคัญกับการ ส่งเสริมคุณธรรม การปลูกฝังความรักชาติและความสามัคคีในการเรียนการสอน ไปพิจารณาด้วย และให้กระทรวง ศึกษาธิการพิจารณาแนวทางในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการ ฯ จากองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นให้กระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสนับสนุน งบประมาณในโครงการ ฯ ได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
902 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 [ปรับปรุงกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2535)] | นร | 01/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออก
ตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระ สำคัญคือ กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 และโรงงานจำพวกที่ 3 สามารถชำระค่าธรรมเนียมราย ปีผ่านที่ทำการไปรษณีย์หรือศูนย์บริการชำระเงินที่เชื่อมต่อระบบสัญญาณคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายคอม พิวเตอร์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้อีกนอก เหนือจากชำระค่าธรรมเนียมรายปีผ่านธนาคารพาณิชย์ด้วยวิธีดังกล่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและเพิ่ม ความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
903 | หลักเกณฑ์การค้ำประกันและการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง | กค | 10/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศและร่างกฎกระทรวง รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ เรื่อง หลักเกณฑ์และกรอบวงเงินการค้ำประกันและการให้กู้ต่อแก่รัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ มีสาระสำคัญคือ กำหนดเพดานของวงเงินการค้ำประกัน หรือวงเงินให้กู้ต่อแก่รัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินภาครัฐแต่ละราย โดยใช้สัดส่วนของหนี้ต่อวงเงินกองทุน (Debt Equity Ratio) เป็นเกณฑ์ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการค้ำประกันของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินภาครัฐ ๒.๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการค้ำประกันตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง ซึ่งแยกออกเป็น ๒ กรณี คือ ๑) ผู้กู้เป็นหน่วยงานของรัฐ และ ๒) ผู้กู้เป็นรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ ซึ่งอัตราค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับระดับความน่าเชื่อถือของรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐนั้น ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้เรียกเก็บเงินสกุลตามที่ได้ค้ำประกัน ๒.๓ กำหนดระยะเวลาและกรอบในการประเมินระดับความน่าเชื่อถือของรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๓.๑ กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อจากหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงินภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๓.๒ กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บดอกเบี้ยให้กู้ต่อจากหน่วยงานดังกล่าวในอัตราและเงื่อนไขเดียวกับที่กระทรวงการคลังกู้มาจากแหล่งเงินกู้โดยรวมค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงินมาให้กู้ต่อด้วย ๓.๓ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อ ให้เรียกเก็บเป็นเงินสกุลตามที่ได้ให้กู้ต่อ ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๔.๑ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดทำสัญญากับผู้กู้โดยเร็ว และสัญญากู้ต้องเป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด ๔.๒ กำหนดขั้นตอนในการเบิกถอนเงินกู้ การชำระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และให้ผู้กู้ต่อรายงานผลการดำเนินการตามโครงการหรือแผนงานให้กระทรวงการคลังทราบ เพื่อประโยชน์ในการติดตามการใช้จ่ายเงินกู้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
904 | ขออนุมัติดำเนินโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 | มท | 10/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2550 ที่เห็นชอบโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 ของการประปา นครหลวง (กปน.) วงเงินลงทุน 7,494 ล้านบาท โดยให้ปรับลดการลงทุนในส่วนการวางท่อใหม่ทดแทนท่อเก่า วงเงิน 306 ล้านบาท ให้ไปจัดไว้ในงบลงทุนประจำปี และให้ กปน. รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ปัจจุบันการดำเนินกิจการประปามีผู้ประกอบการหลายราย ดังนั้น การมี หน่วยงานกลางกำกับดูแลและกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ จะช่วยให้การควบคุมมาตรฐานและการบริการมีความเท่า เทียมกัน และเพื่อดูแลผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ จึงเห็นควรเร่งรัดให้กระทรวงมหาดไทยนำเสนอ พระราชบัญญัติประกอบกิจการน้ำ พ.ศ. .... เพื่อให้สามารถจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลกิจการน้ำได้ต่อไป ไปพิจารณา ดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามและตรวจสอบผู้ใช้น้ำบาดาลของภาค รัฐและเอกชนที่เคยแจ้งยกเลิกไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จนถึงปัจจุบัน แต่ยังไม่ได้ใช้น้ำประปาอย่างจริงจัง รวมทั้ง การต่อใบอนุญาตในพื้นที่ใหม่ที่ กปน. สามารถขยายเขตจ่ายน้ำเพื่อให้บริการน้ำประปาทดแทนการใช้น้ำบาดาล ได้แล้ว เพื่อเร่งปรับลดการใช้น้ำบาดาลของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2546 ให้เกิดผลสำเร็จ และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกันจัดทำแผนป้องกันปัญหาน้ำเสีย ควบคู่ไปพร้อมกับการ บริหารจัดการที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะความร่วมมือในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย ตามหลักการผู้ก่อมลพิษต้องรับภาระค่าใช้จ่าย (Polluters Pay Principle) และสร้างความเข้าใจ และประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนตระหนักถึงสาเหตุและผลกระทบจากปัญหาน้ำเสียที่มีต่อชุมชนส่วนรวม และข้อจำกัดงบประมาณภาค รัฐ และประสานแผนงานก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ต้องดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีความสอด คล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อลดผลกระทบการดำเนินงานและการลงทุนที่ซ้ำซ้อนกัน ตลอดจนกำกับ ดูแลการให้บริการน้ำประปาของ กปน. และของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ในการสนับสนุนการให้บริการ น้ำประปาซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่รอยต่อของจังหวัดที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาดอุปโภค บริโภค ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
905 | สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2551) และการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปี 2551 | มท | 06/05/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ ของกรมป้อง
กันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 มีพื้นที่ประสบภัย 20 จังหวัด 172 อำเภอ 919 ตำบล 6,349 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาค เหนือ 8 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 จังหวัด และภาคกลาง 1 จังหวัด ราษฎรเดือดร้อน 817,243 ครัว เรือน 3,260,359 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 151,987 ไร่ แยกเป็น พื้นที่นา 128,430 ไร่ พื้นที่ไร่ 23,110 ไร่ และพื้นที่สวน 447 ไร่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร และน้ำอุปโภค /บริโภค เป็นต้น นอกจากนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปี พ.ศ. 2551 โดยสั่งการให้จังหวัดเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มที่อาจเกิดขึ้นใน พื้นที่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2551 เป็นต้นไป รวมทั้งให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มระดับจังหวัด/อำเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
906 | มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ | กค | 22/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหา
ริมทรัพย์ที่มิได้อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง รับไปพิจารณาแนวทางดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อทดแทนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากมาตรการดัง กล่าว เช่น การขยายฐานภาษี และการนำภาษีประเภทอื่น ๆ มาใช้ เป็นต้น และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวง มหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีสนับ สนุนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เรียกเก็บค่า จดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 0.01 สำหรับกรณีสนับสนุนการซื้อขาย อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัย ประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ หรืออาคาร ดังกล่าวพร้อมที่ดินซึ่งมีเนื้อที่ไม่เกิน 1 ไร่ และมิใช่ที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินหรือที่ดำเนินการการ จัดสรรที่ดินโดยทางราชการหรือองค์การของรัฐบาล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ทำการจัดสรรที่ดินตามกฎหมาย ทั้งนี้ ให้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2552 และให้กระทรวงมหาด ไทยเร่งดำเนินการเพื่อประกาศใช้บังคับต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
907 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "ยุทธศาสตร์การส่งเสริมด้านการพลศึกษา การกีฬาและนันทนาการ" | นร | 08/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การส่งเสริมด้านการพลศึกษา การกีฬาและนันทนาการ ดังนี้ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย อาทิ รัฐบาลต้องกำหนดเป็นวาระแห่งชาติให้ทุกคนในชาติมีสุขภาพร่างกายและจิตใจ ที่ดี โดยใช้การพลศึกษา กีฬาและนันทนาการเป็นกิจกรรมหลักในวิถีชีวิตประการหนึ่ง และรัฐบาลต้องกำหนดเป็น ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศโดยใช้ศาสตร์ด้านการพลศึกษา การกีฬาและนันทนาการขับเคลื่อน รวมทั้งส่งเสริม การดำเนินกิจกรรมผ่านสื่อสารมวลชนสาขาต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงการพัฒนาในทุกภาค ส่วนของสังคม เป็นต้น และข้อเสนอด้านการบริหารจัดการ ได้แก่ ระดับผลักดันยุทธศาสตร์ อาทิ รัฐบาลต้องผลัก ดันให้แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2554) สามารถขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติให้จงได้ และรัฐบาลควรกำหนดให้การกีฬาเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของแต่ละจังหวัด ส่วนระดับปฏิบัติการ อาทิ รัฐบาลควร ผลักดันให้การพลศึกษา การเล่นกีฬา การออกกำลังกายและนันทนาการ กลายเป็นวิถีชีวิตของประชาชนทุกระดับ และรัฐบาลควรจัดให้มีนโยบายการกีฬาแห่งชาติ เพื่อกำหนดนโยบายมาตรการกำกับ ดูแลและสนับสนุนการปฏิบัติ งานตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักด้านการกีฬา ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งพัฒนาโครงสร้าง พื้นบ้านและอุปกรณ์กีฬาเพื่อสนับสนุนการเล่นกีฬา การออกกำลังกายและนันทนาการ เป็นต้น และรับทราบตาม ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงร่วมกับส่วน ราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
908 | แนวทางและแผนการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2551 | รง | 08/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับแนวทางและแผนการปฏิบัติตาม
มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2551 โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดทำ แนวทางและแผนการปฏิบัติดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยร่วมกับ ตำรวจจราจร ตำรวจทางหลวง ขนส่งจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ จัดฝึกอบรมให้ประชาชนทั่วไปมี ความรู้ความเข้าใจในการขับขี่อย่างถูกวิธี และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และจัดฝึกอาชีพยกระดับฝีมือแรงงานให้ แก่ผู้มีหน้าที่ให้บริการผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีความรู้ด้านช่างยนต์ สามารถ วิเคราะห์และช่วยแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องในเบื้องต้นได้ และให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค/ศูนย์พัฒนาฝี มือแรงงานจังหวัด จัดทำโครงการให้บริการตรวจสภาพซ่อมบำรุงรักษารถยนต์และรถจักรยานยนต์แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ก่อนการเดินทาง ณ ที่ตั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค/ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด ทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม-10 เมษายน 2551 และระหว่างช่วงเทศกาล ดำเนินการระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2551 โดยตั้ง จุดบริการบนถนนสายหลัก และดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้เดินทางทราบเกี่ยวกับการตั้งจุดบริการใน ช่วงก่อนเทศกาลและระหว่างเทศกาล รวมทั้งให้บริการที่พักรถปลอดภัยภายในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาคและ ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด ทุกแห่ง จัดให้มีที่พักรถ/คน บริการน้ำดื่ม ผ้าเย็น ฯลฯ และติดป้ายประชาสัมพันธ์ ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทราบโดยทั่วกัน มีข้อความดังนี้ "เหนื่อยนัก พักก่อน ปลอดภัย ไร้กังวล"
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
909 | สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 4 เมษายน 2551) | มท | 08/04/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ ของกรม
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกา ยน 2550 ถึงวันที่ 4 เมษายน 2551 มีพื้นที่ประสบภัย 55 จังหวัด 487 อำเภอ 3,138 ตำบล 24,936 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 16 จังหวัด 137 อำเภอ 733 ตำบล 5,084 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 500,872 ครัวเรือน 1,512,831 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด 242 อำเภอ 1,943 ตำบล 16,916 หมู่บ้าน ราษฎร ประสบภัย 1,811,223 ครัวเรือน 8,017,458 คน ภาคกลาง 8 จังหวัด 43 อำเภอ 177 ตำบล 1,204 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 70,248 ครัวเรือน 250,567 คน ภาคตะวันออก 7 จังหวัด 47 อำเภอ 225 ตำบล 1,417 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 141,577 ครัวเรือน 418,433 คน และภาคใต้ 5 จังหวัด 18 อำเภอ 60 ตำบล 315 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 58,572 ครัวเรือน 160,517 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 150,077 ไร่ แยกเป็น พื้นที่นา 128,430 ไร่ พื้นที่ไร่ 21,535 ไร่ และพื้นที่สวน 112 ไร่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร และน้ำอุปโภค/บริโภค เป็นต้น นอกจากนี้ ได้จัดการประชุมติดตามสถานการณ์ ปัญหาภัยแล้งภาคกลาง เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2551 ณ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อมอบนโยบาย ชี้แจงแนวทางและ มาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยมอบหมายให้จังหวัด/อำเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องติดตามและแก้ปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น รวมทั้งเร่งระดมการให้ความช่วยเหลือในเรื่องการจัด หาน้ำอุปโภคบริโภคให้เพียงพอและทั่วถึง การบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรให้เหมาะสมกับน้ำต้นทุนที่มีอยู่ การส่งเสริมฝึกอาชีพระยะสั้น การดูแลรักษาสุขภาพอนามัย/ป้องกันโรคระบาดในช่วงฤดูแล้ง และการดูแลป้อง กันและปราบปรามโจรผู้ร้ายในช่วงฤดูแล้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
910 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า พ.ศ. 2551 - 2554 | ทส | 25/03/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความคืบหน้าการ
ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2554 โดยในส่วนของการควบคุม ไฟป่า ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานจัดการไฟป่าระดับจังหวัด จัดทำแผนปฏิบัติการควบคุมไฟป่าในพื้นที่ และสร้างเครือ ข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการควบคุมไฟป่า และออกประกาศกำหนดเขตควบคุมไฟป่า ส่วนการควบคุมการ เผาในพื้นที่เกษตรกรรม ได้จัดทำโครงการนำร่องสาธิตการใช้มาตรการควบคุมการเผาในที่โล่งพื้นที่เกษตรกรรมใน พื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับสภาพปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมทั้งการจัดประชุมคณะทำงานด้านหมอกควันและไฟป่าอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ครั้งที่ 1 (1st TWG Mekong) และ การประชุมคณะกรรมการภายใต้ข้อตกลงอาเซียน เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 2 (COM-2) เมื่อวันที่ 4-7 มีนาคม 2551 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยที่ประชุม ฯ เห็นชอบให้ดำเนินการความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไข ปัญหาหมอกควันข้ามแดนให้เกิดผลในทางปฏิบัติ และมอบหมายให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการพัฒนาศักยภาพ การป้องกันและควบคุมไฟป่า รวมทั้งให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการดับไฟป่าร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน และประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่ตรวจพบว่ามีจุดความร้อน (Hotsposts) จำนวนมาก หรือบริเวณที่มีฝุ่น ละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานจำนวนมากเพื่อแจ้งไปยังหน่วยงานระดับพื้นที่และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการ เฝ้าระหวังไฟป่าและควบคุมกิจกรรมการเผาในที่โล่งต่าง ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
911 | รายงานผลการศึกษาการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ | นร | 22/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) เสนอดังนี้ รับทราบรายงานผล
การศึกษาการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ ของคณะอนุกรรมการศึกษาการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณา การ โดยมีผลการศึกษาดังนี้ แนวทางหลักของการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรราการ คือ การประสานการพัฒนา แบบบูรณาการและมีส่วนร่วม การใช้ภูมิภาคเป็นกรอบในการพัฒนา มีเป้าหมายเพื่อที่จะทำให้เกิดการพัฒนาแบบ สมดุลทั้งทางกายภาพ เศรษฐกิจและสังคม และการจัดตั้งองค์กรกลางในการพัฒนาภาคมหานคร โดยกำหนดเกณฑ์ ในการจัดตั้งองค์กรแยกเป็น 3 ประเด็น ดังนี้ (1) โครงสร้างองค์กร ให้มีการจัดรูปแบบองค์กรเป็น 3 กลุ่ม คือ คณะ กรรมการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ ประกอบด้วย กลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาภาคมหานครโดยตรง 5 กลุ่ม ได้แก่ ภาครัฐบาลกลาง ภาคท้องถิ่น (กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ภาคเอกชน ภาค ประชาสังคม และภาควิชาการ/วิชาชีพ คณะอนุกรรมการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ ประกอบด้วย กลุ่ม ผู้มีหน้าที่ดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการพัฒนาภาคมหานคร และกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากการ พัฒนาภาคมหานคร เช่น ประชาชน กลุ่มประชาชน และองค์กรต่าง ๆ ซึ่งต้องจัดให้มีส่วนร่วมอย่างเหมาะสม (2) อำนาจหน้าที่ขององค์กร คือ การสื่อสารเพื่อประสานความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ เพื่อนำมากำหนด วิสัยทัศน์และแนวทางในการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการ ดำเนินการวางแผนการพัฒนา และบริหารการ พัฒนา และ (3) กระบวนการพัฒนาภาคมหานคร เป็นการสร้างแผนการพัฒนาภาคมหานคร โดยเปิดโอกาสให้ผู้ มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเหมาะสม ตั้งแต่เริ่มทำแผนพัฒนาภาคมหานคร และเห็นชอบให้กรุงเทพมหา นคร เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการพัฒนาภาคมหานครแบบบูรณาการต่อไป โดยประสานการดำเนินงาน กับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
912 | รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าแห่งชาติ พ.ศ. 2548 - 2557 | ทส | 22/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยว
ข้องพิจารณาดำเนินการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอความร่วมมือและสนับสนุนการ ดำเนินงานตามแผนแม่บทการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าแห่งชาติ พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2557 ดังนี้ การจัดการพื้นที่ป่า เพื่อการอนุรักษ์โดยการจัดทำโครงการเชื่อมต่อป่า (Corridor) ภายในกลุ่มป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็น ขอความร่วมมือ และการสนับสนุนจากกระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท) และระหว่างกลุ่มป่าตะวันตกกับ กลุ่มป่าแก่งกระจาน ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) กระทรวงกลาโหม (กองทัพภาคที่ 1) กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง และ กรมทางหลวงชนบท) และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามการเปลี่ยนแปลง ทรัพยากรป่าไม้และไฟป่า ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับการจัดการสัตว์ ป่า โดยการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านสัตว์ป่า ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) และกระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยมหิดลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
913 | ส่งรายงานประจำปี 2549 | นร | 22/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอรายงานประจำปี พ.ศ. 2549 ของคณะกรรมการการกระจาย ยอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยสาระสำคัญของรายงานฉบับนี้ ประกอบด้วย สรุปผลการดำเนินงาน ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เปรียบเทียบกับ ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 และผลการปฏิบัติงานการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 รวมทั้งผลการดำเนินงานในด้านอื่น ๆ รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอ แนะในการดำเนินการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
914 | การถ่ายโอนสถานศึกษา บัญชี 2 ปีการศึกษา 2549 | ศธ | 15/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงศึกษาธิการถ่ายโอนสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการขอสงวนไว้จำนวน
11 โรงเรียน ที่อยู่ในบัญชี 2 ปีการศึกษา 2549 ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยกรณีที่สถานศึกษาที่มีงบ ประมาณผูกพันข้ามปีงบประมาณ ให้ส่วนราชการเดิมเป็นผู้ดำเนินการตามสัญญาให้เสร็จสิ้นแล้วจึงส่งมอบให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความ เห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการในระยะต่อไป ไม่ ควรจำกัดจำนวนโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่จะถ่ายโอนในแต่ละปี ควรพิจารณาตามความสมัครใจและความ พร้อมของ อปท. เป็นรายกรณีไป และสร้างเครือข่ายการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทั้งระบบและสนับสนุนให้การ ดำเนินการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นบรรลุผลตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยปรับบทบาทมาให้ความสำคัญกับ การกำกับ ดูแล ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรยึดหลัก เกณฑ์ที่ได้มีการกำหนดไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2548 โดยให้ สถานศึกษาใดมีความพร้อมและสมัครใจไปอยู่ อปท. และ อปท. ยินดีรับโอนสถานศึกษา ให้สถานศึกษา และ อปท. ทำความตกลงเพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน และเสนอคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
915 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาและงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. .... | นร | 08/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลัก
เกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาและงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว โดยปรับ ปรุงร่างพระราชกฤษฎีกาใหม่ทั้งฉบับให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามมาตรา 52/1 และมาตรา 53/1 แห่งพระราช บัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 โดยกำหนดโครงสร้างคณะกรรมการ หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำ ของบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด การกำกับดูแลการปฏิบัติตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด รวมทั้งปรับ ปรุงบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด และงบประมาณจังหวัดและ กลุ่มจังหวัดให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เป็นต้น โดยมอบให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนขององค์ ประกอบของคณะกรรมการนโยบายแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (ก.น.พ.) ตามร่างมาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่า การกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธานกรรมการคนที่หนึ่ง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นรองประธาน กรรมการคนที่สอง และให้เพิ่มผู้แทนคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประธาน กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมอบหมายหนึ่งคน เป็นกรรมการ เพื่อให้เป็นไปตาม ร่างพระราชกฤษฎีกาที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการไว้เดิม และตัดความในส่วนที่กำหนดเกี่ยวกับกรรมการผู้ทรง คุณวุฒิต้องแต่งตั้งจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ รวม 4 ด้านออก เพื่อให้ประธานคณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนากลุ่ม จังหวัดพิจารณาแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้ตามที่เห็นสมควร โดยไม่จำกัดเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ตามที่ กำหนดไว้เท่านั้น เพื่อให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ส่วนการจัดทำแผนกลุ่มจังหวัด ตามร่างมาตรา 16 ซึ่งกำหนดให้ผู้ว่าราช การจังหวัดของจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดเป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัด อาจไม่เหมาะสมกับการบริหาร งานของกระทรวงมหาดไทย สมควรแก้ไขให้กระทรวงมหาดไทยสามารถใช้ดุลพินิจมอบหมายบุคคลที่เหมาะสมทำ หน้าที่ดังกล่าวได้ และปรับเปลี่ยนชื่อตำแหน่ง "หัวหน้ากลุ่มจังหวัด" เป็น "ผู้ประสานงานของกลุ่มจังหวัด" รวมทั้ง แก้ไขร่างมาตรา 17 วรรคหนึ่ง ให้สอดคล้องกัน นอกจากนี้ โดยที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้ เห็นชอบให้จัดตั้งสำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดขึ้น เพื่อทำหน้าที่ประสานงานกลุ่มจังหวัด และเป็นฝ่ายเลขา นุการของคณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด จึงควรแก้ไขชื่อตำแหน่งของผู้ที่เป็นเลขานุการในร่างมาตรา 17 วรรคสอง ให้สอดคล้องกับการจัดตั้งสำนักงานดังกล่าว และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็น กฎหมายต่อไป ตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
916 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 08/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอดังนี้ รับทราบรายงานข้อมูลผลกระทบต่อประชาชนและ
สังคมเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2548 (เรื่อง ร่าง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) สรุปได้ว่า มีความจำเป็นต้องแก้ไขพระ ราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ให้กรุงเทพมหานครมีอำนาจออกข้อบัญญัติจัดเก็บ ภาษีน้ำมัน ภาษียาสูบ และค่าธรรมเนียมจากผู้พักในโรงแรม ฯ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้น ตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และเพื่อให้สามารถดำเนินการออกข้อบัญญัติ จัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมดังกล่าว ได้เช่นเดียวกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ และอนุมัติหลักการร่าง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระ ราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 เพื่อให้การจัดบริการสาธารณะและการใช้บังคับกฎ หมายเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนโดยส่วนรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วยความโปร่งใส และสอดคล้องกับพระราช บัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
917 | ร่างแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) | นร | 02/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอร่างแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) รวม 6 ด้าน ได้แก่ ร่างแผนปฏิบัติการ ฯ ด้านการถ่ายโอนภารกิจ ด้านการเงิน การคลัง และงบประมาณ ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการเงิน การคลัง ด้านการถ่าย โอนบุคลากรและพัฒนาการบริหารทรัพยากรบุคลากรส่วนท้องถิ่น ด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน /ภาคประชาสังคมและการตรวจติดตามประเมินผล และด้านการแก้ไขหรือจัดให้มีกฎหมายที่ดำเนินการตามแผน การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมทั้งมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ในการประชุมครั้งที่ 6/2550 วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2550 ที่เห็นชอบ ให้ส่วนราชการที่ถ่ายโอนแผนปฏิบัติการ ฯ ดำเนินการจัดทำแผนการถ่ายโอน กำหนดขั้นตอนและแนวทางการ ถ่ายโอนให้สอดคล้องกับระยะเวลาการถ่ายโอนที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการ จัดฝึกอบรม จัดทำคู่มือการปฏิบัติ งานเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับ อปท. ที่รับโอนภารกิจ และเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำแก่ อปท. เพื่อให้ สามารถบริหารจัดการภารกิจที่ถ่ายโอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการกำหนดมาตรฐานบริการสาธารณะ ที่ถ่ายโอน เพื่อให้ อปท. ให้บริการสาธารณะอย่างมีมาตรฐาน และติดตามประเมินผลในภารกิจที่ถ่ายโอนอย่าง ต่อเนื่องและรายงานให้ กกถ. ทราบทุกรอบ 3 เดือน และให้รายงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
918 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีและขอความเห็นชอบให้จังหวัดจัดทำยุทธศาสตร์ดำเนินงานโครงการถนนสายวัฒนธรรม | วธ | 25/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กุมภา
พันธ์ 2549 ที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการโครงการประติมากรรมบนถนนสายวัฒนธรรมเชียงใหม่-สันกำ แพง และงบดำเนินการในวงเงิน 110,000,000 บาท และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2549 ที่อนุมัติให้ จัดซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างอุทยานวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญ พระชนมพรรษา 80 พรรษา วงเงิน 45,000,000 บาท โดยปรับเปลี่ยนให้จังหวัดเชียงใหม่รวมกับองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ หากพิจารณาเห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อท้อง ถิ่น และให้จังหวัดทุกจังหวัดจัดทำยุทธศาสตร์การดำเนินงานโครงการถนนสายวัฒนธรรม โดยการมีส่วนร่วมของ ประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
919 | โครงการสร้างหลักประกันในชีวิตด้วยการปลูกไม้เศรษฐกิจ | ทส | 25/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติเห็น
ชอบในหลักการโครงการสร้างหลักประกันในชีวิตด้วยการปลูกไม้เศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาค เอกชนซึ่งเป็นบริษัทผู้รับประกันภัย เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางในรายละเอียด และเงื่อนไขการรับประกันภัย และอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำรายละเอียดเกี่ยว กับการประกันภัยพืชเศรษฐกิจให้แล้วเสร็จ ตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และให้รับความ เห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับขั้นตอนการ นำตั๋วสัญญาใช้เงินไปขายลดให้แก่ ธปท. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสาน ธปท. ในการ ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกรในโครงการสร้างหลักประกันในชีวิตด้วยการปลูกต้นไม้เศรษฐกิจ รวม ทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประกันวินาศภัยต้นไม้ กับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเตรียม แผนรองรับในด้านการประกอบอาชีพและภาระด้านสินเชื่อในกรณีที่เกษตรกรไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขการ ดำเนินโครงการ และมีระบบการติดตาม ดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จอย่าง ยั่งยืน และเป็นหลักประกันให้กับเกษตรกรรายย่อย และข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการกำหนด หลักเกณฑ์เงื่อนไขต่าง ๆ ของโครงการที่มีผลผูกพันกับเกษตรกรและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรให้กรมส่ง เสริมการปกครองท้องถิ่นและจังหวัดเข้าร่วมพิจารณาด้วย นอกจากนี้ ภายใต้โครงการควรมีรายละเอียดข้อมูล เกี่ยวกับการดำเนินการกับไม้ที่รับซื้อจากเกษตรกรและการดำเนินการกับผลประโยชน์ที่เป็นรายได้ซึ่งรัฐบาลจะ ได้รับจากการจำหน่ายไม้ดังกล่าวไว้ด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการ ก่อนเสนอขออนุมัติรายละเอียดโครง การและกรอบวงเงินงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
920 | แผนและมาตรการป้องกันรักษาป่าและฟื้นฟูสภาพป่า (พ.ศ. 2551 - 2555) | ทส | 18/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ เห็นชอบในหลักการของ
แผนและมาตรการป้องกันรักษาป่าและฟื้นฟูสภาพป่า (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555) กับเห็นชอบร่างคำสั่งสำนักนายก รัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ (คปป.) และให้สำนักงาน พัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) สนับสนุนข้อมูลภาพจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากร ธรรมชาติแก่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานตามมาตรการดังกล่าว โดยให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับปรุงแผนงานและมาตรการดังกล่าว โดยจัดทำ เป็นกรอบยุทธศาสตร์ระยะยาวที่มีการกำหนดผลผลิต ผลลัพธ์ และจำนวนพื้นที่เป้าหมายที่ชัดเจน มีตัวชี้วัดทั้งเชิง ปริมาณและคุณภาพทั้งในระดับแผนงาน มาตรการ และระดับรายโครงการเพื่อเป็นตัววัดความก้าวหน้าและความ สำเร็จของการดำเนินงาน ส่วนการแต่งตั้ง คปป. และคณะกรรมการระดับจังหวัด ควรมีผู้แทนของเครือข่ายชุมชน องค์กรพัฒนาเอกเชน นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีการพัฒนาต่าง ๆ เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย โดยให้คณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นมีอำนาจหน้าที่ที่ชัดเจน สามารถรับผิดชอบต่อการป้อง กันแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า สามารถผลักดันในเชิงระดับนโยบายและขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ เป็นต้น ไป พิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและ หน่วยงานสนับสนุนตามมาตรการเร่งด่วนในปี พ.ศ. 2551 ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อดำเนินการตามแผนและมาตรการ ฯ ก่อน ส่วนค่าใช้จ่าย ในปีต่อ ๆ ไป ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะ สมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
.....