ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 44 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 861 - 880 จากข้อมูลทั้งหมด 1462 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
861 | ข้อเสนอทางนโยบายเรื่อง ผลกระทบจากอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง | สช | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอทางนโยบายเรื่อง ผลกระทบจากอุตสาหกรรมในพื้นที่ มาบตาพุดและจังหวัดระยอง ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 4/2551 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 ตามที่สำนักงาน คสช. เสนอ ไปพิจารณาดำเนินการดังนี้ 1.1 ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลผลกระทบทางสุขภาพจากอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ในพื้นที่มาบตาพุดและอำเภอบ้านฉาง รวมถึงเผยแพร่วิธีป้องกันผลกระทบและวิธีการสร้างเสริมสุขภาพในภาวะ มลพิษให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึงโดยเร็วและต่อเนื่อง และให้จัดทำแผนและกฎการปฏิบัติการสำหรับป้องกัน และบรรเทาอุบัติภัยจากอุตสาหกรรมและการจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาอุบัติภัยสารเคมีระดับจังหวัดโดยให้ ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรและประชาชนในพื้นที่ 1.2 ให้ คสช. สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพกลไกกลางในการดำเนินงานและความเข้มแข็งของภาค ประชาชน ได้แก่ การศึกษาแนวทางในการจัดตั้งกลไกผู้ตรวจการสำหรับการป้องกันและแก้ไขผลกระทบทางสุข ภาพ การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของภาคประชาชน และการสนับสนุนภาคประชาสังคมจังหวัด ระยองติดตามความเคลื่อนไหวทางนโยบายโดยใช้กระบวนการสมัชชาสุขภาพเฉพาะพื้นที่ 2. ส่วนข้อเสนอที่สำนักงาน คสช. เสนอคือ 2.1 ให้รัฐบาลทบทวนและปรับแนวทางการพัฒนาจังหวัดระยอง โดยจัดตั้งคณะกรรมการจากทุก ภาคส่วน วางและจัดทำผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมหลักและชุมชนจังหวัดระยองฉบับใหม่ ปรับปรุงระบบและ มาตรการทางการคลัง และจัดตั้งกองทุนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดระยอง จัดให้มีระบบและกลไกการป้องกันและ แก้ไขปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะปัญหาเด็กและเยาวชน และจัดให้มีบริการทางสังคมซึ่งเป็นความสำคัญขั้นพื้น ฐานอย่างเพียงพอ โดยสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ในทุกขั้นตอน 2.2 ให้รัฐบาลชะลอการขยายและก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่มาบตาพุดและบ้านฉาง ในระหว่างการทบทวนและปรับแนวทางการพัฒนาจังหวัดระยอง โดยให้มีการกำหนดแนวทางและกระบวนการ ตัดสินใจในการให้อนุมัติ/อนุญาต/ให้ความเห็นชอบการขยายโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ให้เป็นไปตามมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นั้น ให้คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ซึ่งมีรอง นายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เป็นประธาน รับไปพิจารณาทบทวนความเหมาะสมตามอำนาจหน้าที่ และความสอดคล้องของกฎหมาย กฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
862 | การปรับแผนการฝึกอบรม จัดประชุมสัมมนา และการดูงาน | นร | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า
1. รับทราบผลการปรับแผนการฝึกอบรม จัดประชุม สัมมนา และดูงานในต่างประเทศ ของส่วน ราชการต่าง ๆ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ 2. ให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณาปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ในส่วนการฝึกอบรม จัดประชุม สัมมนา และดูงานต่างประเทศ 3. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อขอความร่วมมือให้ ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการฝึกอบรม จัดประชุม สัมมนา และดูงานในต่างประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
863 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2551 | สช | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอมติสมัชชาสุขภาพแห่ง
ชาติ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2551 รวม 14 ประเด็น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยว ข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานผลการดำเนินการพร้อมทั้งปัญหาอุปสรรคเพื่อแจ้งต่อคณะ กรรมการสุขภาพแห่งชาติด้วย โดยมติสมัชชาสุภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2551 ประกอบด้วย มติ 1.1 ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ มติ 1.2 การเข้าถึงยาถ้วนหน้าของประชากรไทย มติ 1.3 นโยบายแห่งชาติเพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพในพื้นที่พหุวัฒนธรรมในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ มติ 1.4 การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการกำหนดนโยบายการเจรจาการค้าเสรี มติ 1.5 เกษตรและอาหารในยุควิกฤต มติ 1.6 ยุทธศาสตร์ในการจัดการปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มติ 1.7 บทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการจัดการสุขภาพและทรัพยากรธรรมชาติ สิ่ง แวดล้อม มติ 1.8 ความเสมอภาคในการเข้าถึงและได้รับบริการสาธารณสุขที่จำเป็น มติ 1.9 ผลกระทบจากสื่อต่อเด็ก เยาวชน และครอบครัว มติ 1.10 สุขภาวะทางเพศ : ความรุนแรงทางเพศ การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม และเรื่องเพศกับเอดส์ /โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มติ 1.11 ระบบและกลไกการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพในสังคมไทย มติ 1.12 นโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาวะของแรงงานนอกระบบ มติ 1.13 การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและญาติกับบุคลากรทางการแพทย์ มติ 1.14 วิกฤตเศรษฐกิจและการปกป้องสุขภาวะคนไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
864 | ของบประมาณเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนให้เด็กนักเรียนทุกคนรับประทานอาหารกลางวัน | มท | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้เด็กนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เด็กเล็ก เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้รับ การสนับสนุนงบประมาณอาหารกลางวันเต็ม 100% และปรับอัตราค่าอาหารกลางวัน จากอัตราคนละ 10 บาท ต่อวัน เป็นอัตราคนละ 13 บาทต่อวัน ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ที่เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้มีส่วนร่วมสมทบดำเนินการและประสานความร่วมมือทั้ง จากภาคเอกชน และชุมชนในท้องถิ่น มาร่วมสนับสนุนให้เด็กนักเรียนทุกคนได้รับประทานอาหารกลางวัน อันจะ ช่วยให้มีภาวะโภชนาการที่ดีขึ้นส่งผลต่อสุขภาพและการเรียนรู้ รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควร ให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ทบทวนหลักเกณฑ์การจัดสรรเงิน อุดหนุน เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถช่วยเหลือนักเรียนที่มีภาวะ ทุพโภชนาการ ยากจนและขาดแคลนให้ได้รับสารอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกายตามมาตรฐานของ กระทรวงสาธารณสุข ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
865 | มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน | มท | 28/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน
ในส่วนของกรอบวงเงินชดเชยค่าใช้น้ำประปา ของระบบประปาเทศบาลที่ดำเนินการในลักษณะเทศพาณิชย์ และ ระบบประปาหมู่บ้านที่ดำเนินการในลักษณะพาณิชย์ดำเนินการจำนวน 540 ล้านบาท และจำนวน 2,445.725 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อให้ประชาชนในชนบทที่อยู่ในความดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับความช่วย เหลือด้านน้ำประปาเท่าเทียมกับประชาชนในเขตนครหลวงและภูมิภาค ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้ กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น) รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการปรับ ปรุงข้อมูลที่ใช้ในการประมาณการเงินชดเชยไปดำเนินการ และให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นประสาน รายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าว รวม ทั้งให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
866 | ข้อเสนอมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจต่อภาคอุตสาหกรรมไทย (การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศหรือเป็นกิจการของคนไทย) | อก | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้ส่วนราชการถือปฏิบัติเกี่ยวกับการใชัพัสดุที่ผลิตในประเทศหรือเป็นกิจการของคนไทย ตามข้อ 16 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2539 และ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2541 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง หลักเกณฑ์การใชัพัสดุที่ผลิตในประเทศ อย่างเคร่งครัด 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานขอความร่วมมือรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนนำระเบียบ ฯ และ มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวมาปรับใช้ตามความเหมาะสม และหาแนวทางและมาตรการในการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ ตลอดจนการลดการใช้ผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศในอีกทางหนึ่ง 3. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศ หรือเป็นกิจการของคนไทย ทั้งนี้ ในการปฏิบัติดังกล่าวส่วนราชการควรระมัดระวังมิให้ขัดหรือแย้งกับข้อตกลงระหว่างประเทศต่าง ๆ เช่น ข้อตกลงขององค์การการค้าโลก การประกวดราคานานาชาติ เป็นต้น โดยอาจประสานกับกระทรวงพาณิชย์ ก่อนดำเนินการ |
|||||||||||||||||||||||||||
867 | การช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ | นร | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการอนุมัติการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครอง
ชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 (เรื่อง การช่วยเหลือค่าครอง ชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ 1. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกลุ่มเป้าหมาย 6 กลุ่ม (บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พนัก งานรัฐวิสาหกิจ บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหาชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวงกลาโหม กลุ่ม ครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน และบุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ) จัดให้ มีการลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิให้ถูกต้องว่าเป็นผู้มีรายได้ประจำรวมต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน และจัด ทำรายละเอียดเพื่อเสนอขออนุมัติใช้เงินงบกลางกับสำนักงบประมาณโดยตรงโดยไม่ต้องเสนอขออนุมัติในรายละ เอียดกับคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง 2. สำหรับแหล่งเงินเพื่อดำเนินการช่วยเหลือค่าครองชีพ ให้ดำเนินการดังนี้ 2.1 พนักงานรัฐวิสาหกิจ จำนวนประมาณ 47,135 คน งบประมาณจำนวน 94,270,000 บาท ให้ใชัจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายตามมาตร การช่วยเหลือค่าครองชีพบุคลากรภาครัฐ หากไม่เพียงพอ ให้เสนอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2.2 บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหา ชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวงกลาโหม ครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน รวมทั้ง บุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 3. ให้หน่วยงานเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพื่อใช้จ่ายเป็นเงินช่วยเหลือค่าครองชีพปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 10 มีนาคม 2552 (หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาค รัฐ) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
868 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
1. นโยบายงบประมาณ วงเงินงบประมาณ และโครงสร้างงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 2. การจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3. ให้สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ภายในกรอบวงเงินที่กำหนดขึ้นใหม่และเสนอคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 ตามที่ กำหนดไว้ในปฏิทินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2553 ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
869 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ชะลอการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอไว้ก่อน เพื่อพิจารณาไปพร้อมกับร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นอีก 4 ฉบับ ที่คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้เสนอ คณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
870 | ร่างพระราชบัญญัติพัฒนาเมือง พ.ศ. .... | พม | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติพัฒนาเมือง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่น คงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยไม่ให้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการ จัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงาน แล้วนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเมืองและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ 1.2 กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเมืองเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็น ส่วนราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ มีฐานะเป็นนิติบุคคล และกำหนดอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน 1.3 กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายตรวจสอบเพื่อเสนอความเห็นเกี่ยวกับผลการตรวจสอบภาย ในต่อคณะกรรมการนโยบาย 1.4 กำหนดให้การพัฒนาเมืองต้องสอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินตามที่กำหนดไว้ในผังเมือง และคำนึงถึงความต้องการของประชาชนในพื้นที่เมืองและเขตพื้นที่พัฒนาการบำรุงรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรม ชาติ 1.5 กำหนดให้จัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมือง 1.6 กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ 2. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยว กับการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมือง ควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 26 สิงหาคม 2551 ซึ่งกำหนดหลักการในการจัดตั้งทุนหมุนเวียนจะกระทำได้เฉพาะที่เป็นกิจกรรมที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อสาธารณประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือเพื่อช่วยเหลือในการครองชีพ หรืออำนวยบริการแก่ ประชาชน และเป็นกรณีที่ไม่สามารถใช้วิธีดำเนินการตามระเบียบของทางราชการได้ และการออกพระราชบัญญัติ ควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งให้มีการนำมาตรการในการ จูงใจมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและการดำเนินงาน โดยเฉพาะการกำหนดให้มีการยกเว้นค่า ธรรมเนียม เนื่องจากมีผลกระทบกับผู้อยู่อาศัยในเขตพื้นที่พัฒนา ส่วนบทนิยามของคำว่า "การพัฒนาเมือง" ควร กำหนดให้มีความหมายที่ครอบคลุมทุกสาขาของการพัฒนา อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาสิ่งแวด ล้อมและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการพัฒนาสังคมและการพัฒนาเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การกำหนดให้ กองทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมืองส่วนหนึ่ง ประกอบด้วยเงินกู้ที่รัฐบาลกู้เพื่อสมทบกองทุนโดยอนุมัติจากคณะ รัฐมนตรี นั้น น่าจะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามหลักการจัดตั้งกองทุนในการที่จะต้องกู้เงินมาสมทบกองทุนเพื่อเป็น ค่าใช้จ่าย ควรกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ และขอรับการ จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีจะเหมาะสมว่า จึงไม่มีความจำเป็นต้องจัดตั้งกองทุนดังกล่าว ไปประกอบการ พิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
871 | โครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ | นร | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอว่า โครงการเรียนฟรี
15 ปี อย่างมีคุณภาพตามนโยบายของรัฐบาล เป็นโครงการที่ครอบคลุมนักเรียนนักศึกษาทุกคนทุกสังกัด ทั้งสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงสถาน ศึกษาของเอกชน ดังนั้น การดำเนินโครงการดังกล่าวควรมีแนวทางปฏิบัติทำนองเดียวกันกับที่กระทรวง ศึกษาธิการดำเนินการอยู่ จึงเห็นสมควรให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ประสานงานการดำเนินโครงการอย่างมี คุณภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||
872 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การจัดการขยะของประเทศไทย | สสป | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การจัดการขยะของประเทศไทย รวมทั้งรับทราบความเห็น ผลการ พิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. ด้านการป้องกันไม่ให้เกิดขยะ ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคการผลิต ผลิตสินค้าโดยใช้วัสดุคง ทน สามารถใช้งานได้นาน ย่อยสลายตามธรรมชาติได้ง่าย และสามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ (Recycle) สร้าง มาตรการและแรงจูงใจเพื่อให้ผู้บริโภคมีส่วนช่วยในการลดขยะ โดยเฉพาะการลดขยะในครัวเรือน ส่งเสริมและ สนับสนุนอาชีพเก็บ-ซื้อ-ขายขยะ ให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทั้งระดับบุคคล ระดับชุมชน และระดับธุรกิจขนาด เล็ก กลาง ถึงใหญ่ เป็นต้น 2. ด้านการจัดการขยะ ควรรณรงค์ให้ประชาชนลดการบริโภคโดยบริโภคเฉพาะสิ่งที่จำเป็น และลด การทิ้งขยะอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ทำการศึกษาวิจัยเพื่อ วางแนวทางและแผนการจัดการขยะที่เหมาะสมกับสภาพของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย หรือการวิเคราะห์เพื่อคิดค้นเทคโนโลยีในการนำขยะที่เหลือขั้นสุดท้ายมาใช้ประโยชน์ ตลอดจนการนำขยะที่ ถูกฝังกลบมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น 3. ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วม ในการวางแนวทางและแผนการจัดการขยะตั้งแต่ขั้นศึกษาข้อมูล จัดทำแผนการจัดการ การติดตามการปฏิบัติ การ วิเคราะห์ประเมินผล และร่วมปรับแผนเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้ ชุมชนโรงเรียน สถาบันการศึกษา วัด และสถานที่ทำงานได้มีกิจกรรมด้านการจัดการขยะในสถานที่ของตนเอง เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
873 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2552 | ทส | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2552 สรุปมติที่สำคัญดังนี้ 1. เห็นชอบให้ใช้อำนาจประกาศกำหนดให้ท้องที่เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุดและพื้นที่บริเวณใกล้เคียง เป็นเขตควบคุมมลพิษ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในท้องที่ที่ได้ประกาศกำหนดให้เป็นเขตควบคุมมลพิษจัด ทำแผนปฏิบัติการเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และดำเนินการตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษา คุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 2. เห็นชอบนโยบายสร้างจิตสำนึกเยาวชนด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามความ เห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3. เห็นชอบมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม โดยให้กระทรวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตราการ ฯ และรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี สำหรับ มาตรการแก้ไขปัญหามลพิษจากการประกอบกิจการรับกำจัดกากอุตสาหกรรมของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการสำรวจพื้นที่และจัดทำข้อมูลรายงานต่อประธานกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ ภายใน 7 วัน 4. เห็นชอบในหลักการโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ โดยในส่วนของวงเงินงบประมาณให้ประสานสำนักงบประมาณเพื่อตกลงในรายละเอียดต่อไป กรณีที่ไม่สามารถ สนับสนุนงบประมาณจากกลางปี พ.ศ. 2552 ได้ ให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาตาม ขั้นตอนต่อไป 5. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาด โครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบ ปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการปรับปรุงเอกสารท้ายประกาศ 1 ในลำดับที่ 28 โดยกำหนดให้โครงการจัดสรรที่ดิน จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 500 แปลงขึ้นไปหรือเนื้อที่เกิน กว่า 100 ไร่ ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการจัดสรรที่ดินแปลงย่อยขนาด 250 แปลง แต่ไม่ถึง 500 แปลง ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประมวลข้อ มูล และให้เสนอแนวทางในการดำเนินการให้มีมาตรการจัดการสิ่งแวดล้อมก่อนเริ่มโครงการตามหลักวิชาการที่ เหมาะสมเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติต่อไป 6. เห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสียเทศบาลเมืองแม่สอด จังหวัดตาก เทศบาลตำบลหัว ขวาง จังหวัดมหาสารคาม เทศบาลเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร เทศบาลเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเทศบาลเมืองป่าตอง จังหวัดภูเก็ต โดยให้จัดเก็บค่าบริการบำบัดน้ำเสียตามอัตราขั้นต่ำในปีแรกที่เริ่มจัดเก็บ ก่อน กับเห็นชอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 5 พื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมความพร้อมและวาง แผนงานต่าง ๆ ตามความเห็นของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ โดยมีเงื่อนไขให้มีการพิจารณาทบทวนอัตราค่า บริการบำบัดน้ำเสียทุก 5 ปี 7. เห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าบริการจัดการขยะมูลฝอยเทศบาลเมืองตราด จังหวัดตราด เทศบาล เมืองสะเดา จังหวัดสงขลา เทศบาลตำบลเมืองแกลง จังหวัดระยอง และเทศบาลตำบลเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม เป็นอัตราค่าบริการที่เป็นช่วง (ขั้นต่ำ-ขั้นสูง) โดยเทศบาลดังกล่าวจะต้องจัดให้มีกระบวนการสร้างความรู้เพื่อทำ ความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการจัดเก็บอัตราค่าบริการด้วย และให้มีการพิจารณาทบทวนอัตราค่าบริการทุก 5 ปี
|
|||||||||||||||||||||||||||
874 | การช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ | นร | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 6 กลุ่ม ประกอบด้วย บุคลากรขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นพนักงานรัฐวิสาหกิจ บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหาชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวง กลาโหม กลุ่มครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชนและบุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรม นูญ เป็นผู้ซึ่งสมควรได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาค รัฐ รายละ 2,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขมีรายได้/ค่าจ้างประจำรวมต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน 2. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกลุ่มเป้าหมายจัดให้มีการลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ที่สมควรได้ รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพให้ถูกต้องว่าเป็นผู้มีรายได้ประจำรวมต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน และให้เสนอขอ อนุมัติคณะรัฐมนตรีต่อไป 3. สำหรับแหล่งเงินเพื่อดำเนินการช่วยเหลือค่าครองชีพดังกล่าว เมื่อตรวจสอบสิทธิ์ และได้รับอนุมัติ จากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้ดำเนินการ ดังนี้ 3.1 พนักงานรัฐวิสาหกิจ จำนวนประมาณ 47,135 คน งบประมาณจำนวน 94,270,000 บาท ให้ ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายตามมาตรการ ช่วยเหลือค่าครองชีพบุคลากรภาครัฐ หากไม่เพียงพอ ให้เสนอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 3.2 บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหา ชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวงกลาโหม ครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน รวมทั้ง บุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 4. สำหรับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพื่อใช้จ่ายเป็นเงินช่วยเหลือค่าครองชีพให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||
875 | ร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การแบ่งเงินค่าปรับให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | ตช | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติระงับการดำเนินการเสนอร่างพระราชบัญญัติจราจร
ทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การแบ่งเงินค่าปรับให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ไว้ก่อน ในประเด็นผู้รักษา การพระราชบัญญัติและการแบ่งเงินค่าปรับให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากยังไม่มีความจำเป็นที่จะ ต้องแก้ไขในขณะนี้ และให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อมีประเด็นที่เหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||
876 | ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท | 24/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่และกฎหมายว่าด้วย
เทศบาล ตามร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอเพื่อให้ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำ ตำบล และสารวัตรกำนัน ในเขตท้องที่ที่ได้รับยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองหรือเทศบาลนครคงอยู่ต่อไป โดยไม่มี การยุบเลิกยกเว้นในท้องที่ที่มีความเจริญแล้วนั้น ควรต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบเพราะอาจมีปัญหาที่ส่งผล ต่อการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น จึงมีมติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว ให้คณะกรรมการการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
877 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
1. ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ประกอบด้วย 8 ยุทธ ศาสตร์ 1 รายการ คือ 1.1 ยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมั่นและการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ 1.2 ยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงของรัฐ 1.3 ยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต 1.4 ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพ 1.5 ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1.6 ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม 1.7 ยุทธศาสตร์การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 1.8 ยุทธศาสตร์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี 1.9 รายการค่าดำเนินการภาครัฐ 2. นโยบายงบประมาณ วงเงินงบประมาณ และโครงสร้างงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 3. แนวทางในการจัดทำและเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 4. การจัดสรรงบประมาณให้กับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กำหนดให้จังหวัด /กลุ่มจังหวัดมีงบประมาณเพื่อการพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ในจำนวนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ ด้านการคลังของประเทศ 5. การจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้มีการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 171,820.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ที่ได้รับการจัดสรร เงินอุดหนุนไว้ 163,057.0 ล้านบาท เป็นเงิน 8,763.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.4
|
|||||||||||||||||||||||||||
878 | นโยบายการพัฒนาระบบราชการ | นร | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการในการประชุม ครั้งที่ 1/2552 วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่อง นโยบายการพัฒนาระบบราชการ โดยกำหนดให้มีมาตรการระงับ การดำเนินการใด ๆ ที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงจำนวนหน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยให้ส่วนราชการ ต่าง ๆ ระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงาน รวมทั้งการขอจัดตั้งองค์การมหาชน หรือหน่วย งานอื่นของรัฐในสังกัดฝ่ายบริหาร และหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ เพิ่มใหม่ชั่วคราวตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึง สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้ 1.1 กรณีการจัดตั้งหน่วยงานตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติ 1.2 กรณีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงาน เพื่อรับผิดชอบงานตามนโยบายสำคัญ เร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดำเนินการ 1.3 กรณีการยกฐานะจากกองเป็นสำนักซึ่งมีการปรับปรุงงานให้มีคุณภาพสูงขึ้น โดยไม่มีผลทำ ให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1.4 กรณีการยุบ รวม โอน หน่วยงานภายในส่วนราชการ/จังหวัดเดียวกัน หรือระหว่างส่วนราช การในกระทรวงเดียวกันหรือต่างกระทรวง หรือระหว่างจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยไม่มีผลทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่ม ขึ้น 1.5 กรณีการถ่ายโอนภารกิจตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ซึ่งส่งผลให้ต้องมีการปรับปรุงหน่วยงานใหม่ 2. การจัดตั้งหน่วยงานใหม่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ในกรณีร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการที่คณะ รัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งการจัดตั้งองค์การมหาชน 2 แห่ง ได้แก่ สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิม พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ (องค์การมหาชน) และหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ให้ดำเนินการ ต่อไปได้ 3. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับไปดำเนินการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานขององค์การมหาชน แต่ละแห่ง หากพบว่า องค์การมหาชนใดไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ ไม่คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่ใช้ ในการดำเนินงาน หรือหมดความจำเป็น ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายุบเลิก
|
|||||||||||||||||||||||||||
879 | ขออนุมัติกู้ยืมเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร วงเงิน 185 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหานมดิบล้นตลาด | กษ | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค) กู้ยืมเงินจากกองทุนสง เคราะห์เกษตรกร วงเงิน 185 ล้านบาท ระยะเวลาคืนเงินกู้ยืมภายใน 1 ปี เพื่อแก้ปัญหานมดิบล้นตลาดตามมติ คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 โดยให้ อ.ส.ค. ประสาน งานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดซื้อนมโรงเรียนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 (เรื่อง แนวทางแก้ปัญหานมดิบล้นตลาด และเรื่อง การ ให้ อ.ส.ค. เป็นกลไกของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาด) และให้จัดสรรเงินจากกองทุน ฯ ให้ อ.ส.ค. ยืม จำนวน 185 ล้านบาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายใน 1 ปี เพื่อแก้ปัญหานมดิบล้นตลาด ตามมติคณะ กรรมการ ฯ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 ทั้งนี้ หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดซื้อนมพร้อมดื่มได้ทั้งหมดตามวงเงินกู้ยืม ให้สำนักงบประมาณจัดงบประมาณเพื่อชดเชยแก่ อ.ส.ค. เพื่อนำ ไปชำระหนี้เงินยืมต่อไป ตามนัยมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่ให้ อ.ส.ค. ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดในการจัดซื้อนม โรงเรียนเพื่อให้สามารถจัดซื้อนมพร้อมดื่มได้ทั้งหมดตามวงเงินกู้ยืม และ อ.ส.ค. มีรายได้สำหรับชำระคืนกองทุนสง เคราะห์เกษตรกรได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งเร่งรัดจัดทำแผนการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาดทั้งระบบโดยสร้างการมี ส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาราคาน้ำนมดิบตกต่ำได้ในระยะยาว ไปประกอบการ ดำเนินการด้วย 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนิน การแก้ปัญหานมทั้งระบบในระยะยาวอย่างยั่งยืนตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 (เรื่อง แนว ทางแก้ปัญหานมล้นตลาด และเรื่อง การให้ อ.ค.ส. เป็นกลไกของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาด) ให้ แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
880 | ขออนุมัติให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยยืมเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร เพื่อแก้ปัญหานมดิบล้นตลาด | กษ | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค) กู้ยืมเงินจากกองทุนสง เคราะห์เกษตรกร วงเงิน 185 ล้านบาท ระยะเวลาคืนเงินกู้ยืมภายใน 1 ปี เพื่อแก้ปัญหานมดิบล้นตลาดตามมติ คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 โดยให้ อ.ส.ค. ประสาน งานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดซื้อนมโรงเรียนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 (เรื่อง แนวทางแก้ปัญหานมดิบล้นตลาด และเรื่อง การ ให้ อ.ส.ค. เป็นกลไกของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาด) และให้จัดสรรเงินจากกองทุน ฯ ให้ อ.ส.ค. ยืม จำนวน 185 ล้านบาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายใน 1 ปี เพื่อแก้ปัญหานมดิบล้นตลาด ตามมติคณะ กรรมการ ฯ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 ทั้งนี้ หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดซื้อนมพร้อมดื่มได้ทั้งหมดตามวงเงินกู้ยืม ให้สำนักงบประมาณจัดงบประมาณเพื่อชดเชยแก่ อ.ส.ค. เพื่อนำ ไปชำระหนี้เงินยืมต่อไป ตามนัยมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่ให้ อ.ส.ค. ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดในการจัดซื้อนม โรงเรียนเพื่อให้สามารถจัดซื้อนมพร้อมดื่มได้ทั้งหมดตามวงเงินกู้ยืม และ อ.ส.ค. มีรายได้สำหรับชำระคืนกองทุนสง เคราะห์เกษตรกรได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งเร่งรัดจัดทำแผนการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาดทั้งระบบโดยสร้างการมี ส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาราคาน้ำนมดิบตกต่ำได้ในระยะยาว ไปประกอบการ ดำเนินการด้วย 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนิน การแก้ปัญหานมทั้งระบบในระยะยาวอย่างยั่งยืนตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 (เรื่อง แนว ทางแก้ปัญหานมล้นตลาด และเรื่อง การให้ อ.ค.ส. เป็นกลไกของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานมดิบล้นตลาด) ให้ แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
.....