ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 21 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 401 - 420 จากข้อมูลทั้งหมด 1463 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
401 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานของรัฐบาลกลางและหน่วยงานภาครัฐ (ส่วนราชการ มหาวิทยาลัยของรัฐ จังหวัด กลุ่มจังหวัด หน่วยงานอิสระ องค์การมหาชน และมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ) กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอแนะ ๑.๒.๑ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความสำคัญ ควบคุม กำกับ ดูแล หน่วยงานภายใต้สังกัดส่งรายงานการเงินของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากรายงานการเงินเป็นรายงานที่แสดงข้อมูลฐานะทางการเงินและการใช้จ่ายเงินของหน่วยงานภาครัฐที่หัวหน้าส่วนราชการจะต้องรับผิดชอบในการจัดทำและส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ให้ทันภายในเวลาที่กำหนด เพื่อให้การจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความครบถ้วนและรวดเร็ว ในอันที่จะช่วยให้รัฐบาลได้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายและการบริหารด้านการคลังให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ยังคงมีหน่วยงานภาครัฐ และ อปท. ที่ไม่ได้ส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ภายใน ๖๐ วัน นับจากวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีหรือภายใน ๙๐ วัน (สำหรับ อปท.) จำนวน ๒๒๙ หน่วยงาน ๑.๒.๒ กองทุนและเงินทุนหมุนเวียนที่มีเงินที่ปลอดภาระผูกพันจำนวนมาก ควรพิจารณาให้มีการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เต็มศักยภาพเป็นลำดับแรกก่อนที่จะขอใช้งบประมาณแผ่นดินเพิ่มเติม ๑.๒.๓ ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นซึ่งเป็นหน่วยงานกลางในการกำกับดูแลการปกครองท้องถิ่น ผลักดันให้ อปท. กู้ยืมเงินจากเงินฝากกองทุนในกลุ่ม อปท. เช่น เงินฝากเงินทุนส่งเสริมกิจการองค์การบริหารส่วนจังหวัด เงินฝากเงินทุนส่งเสริมกิจการเทศบาล ซึ่งเป็นกองทุนเงินสะสมของกลุ่ม อปท. มากกว่ากู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้กลุ่ม อปท. ได้รับผลประโยชน์รายได้ดอกเบี้ยการกู้ยืมดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง โดยในส่วนของหน่วยงานที่ไม่สามารถส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลังได้ตามกำหนด ต้องรายงานเหตุผลหรือปัญหาอุปสรรคต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบเพื่อประกอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี สำหรับการบริหารการเงินของ อปท. เห็นควรให้ อปท. ที่มีเงินสะสมจำนวนมากและไม่มีภาระผูกพัน พิจารณานำเงินดังกล่าวมาดำเนินการตามภารกิจและขั้นตอนของกฎหมายของ อปท. ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ส่วน อปท. ที่จำเป็นต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาดำเนินภารกิจตามกฎหมายจะต้องดำเนินการเท่าที่จำเป็นและประหยัดต้นทุนทางการเงินให้มากที่สุด โดยเห็นควรให้กู้ยืมเงินจากเงินฝากจากกองทุนในกลุ่ม อปท. เพื่อให้กลุ่ม อปท. ได้รับผลประโยชน์รายได้ดอกเบี้ยการกู้ยืมดังกล่าว รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการบริหารจัดการการเงินของท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ กระทรวงการคลังควรพิจารณาปรับปรุงลักษณะการวิเคราะห์ให้สามารถสะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และความเสี่ยงทางการคลังของภาครัฐในภาพรวม เพื่อใช้ประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการการเงินการคลังภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
402 | รายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | สว | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การจัดเก็บรายได้ของแผ่นดิน การบริหารกิจการที่รัฐมีรายได้ และการบริหารจัดการทรัพย์สินของแผ่นดินในส่วนที่เกี่ยวกับบทบาทอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของรายงานและข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
403 | ของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนของกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนของกระทรวงยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. การให้บริการงานยุติธรรมผ่านเทคโนโลยี (๖ โครงการ) ได้แก่ ๑.๑ Application ติดตามคนสูญหาย ช่วยตามหาพาคนกลับบ้าน ๑.๒ Application ติดตามเรื่องร้องทุกข์ และผลความคืบหน้าของคดีพิเศษ ๑.๓ Application ตรวจสอบแนวเขตที่ดินเพื่อป้องกันตนเองมิให้บุกรุกที่ดินของรัฐ ๑.๔ Application ค้นหาทรัพย์สินขายทอดตลาดที่เป็นห้องชุดใกล้แนวเขตรถไฟฟ้า ๑.๕ ส่งคำสั่งซื้อทรัพย์สินในการขายทอดตลาดผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ๑.๖ บริการญาติเยี่ยมเด็กหรือเยาวชนในศูนย์ฝึกและอบรม และสถานพินิจทั่วประเทศผ่านระบบทางไกลอิเล็กทรอนิกส์ ๒. การให้บริการช่วยเหลือประชาชนเข้าถึงความยุติธรรม (๑ โครงการ) ได้แก่ เรือนจำแจ้ง-รับคำขอรับค่าทดแทนสำหรับผู้ที่ถูกคุมขังแล้วศาลยกฟ้อง ๓. การแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดไม่ให้กระทำผิดซ้ำ (๓ โครงการ) ได้แก่ ๓.๑ เปิดบ้านกึ่งวิถี เพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ให้อาชีพ แก่ผู้กระทำผิดและผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติดครบทุกจังหวัด ๓.๒ เปิดทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรม (เขาพริก) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้ต้องขังและประชาชน ๓.๓ มอบทุนการประกอบอาชีพและจัดหางานแก่ผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด ๔. การป้องกันและปราบปรามการทุจริต (๑ โครงการ) ได้แก่ การป้องกันการทุจริตงานโยธาก่อสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
404 | รายงานผลการพิจารณาตามรายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามรายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีผลการพิจารณาเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๘ การแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การปรับขนาดและจำนวนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการก่อสร้างอาคารที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การปรับปรุงฐานภาษีเดิมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการจัดเก็บรายได้และขยายฐานรายได้ให้มากขึ้น และการกำหนดให้มีระบบการตรวจสอบการจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นมาตรฐาน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
405 | ขอลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) | คค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการขออนุมัติลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ตามนัยมาตรา ๓๑ วรรคสาม ของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป โดยให้เป็นไปตามกรอบบันทึกข้อตกลงเรื่อง การเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยขอให้องค์การบริหารส่วนตำบลหนองปรือคืนภาษีตั้งแต่ปีภาษี พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๘ จำนวน ๓๔๗,๘๘๒,๓๔๑.๙๐ แก่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำผลการหารือที่ได้ข้อยุติแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
|
|||||||||||||||||||||
406 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง แนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจไทยเพื่อเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี 2575) | นร11 | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจไทยเพื่อเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี ๒๕๗๕) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยผลการพิจารณาสรุปได้ ดังนี้
๑. แนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจไทยเพื่อเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควรพิจารณาให้ครอบคลุมมิติอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การส่งเสริมการลงทุน การวิเคราะห์เชิงลึกในยุทธศาสตร์เศรษฐกิจรายสาขา การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การร่วมมือทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศ และมีการกำหนดตัวชี้วัดที่เหมาะสม เป็นมาตรฐานสากลและสามารถเปรียบเทียบระดับการพัฒนากับต่างประเทศได้ ๒. สถาบันยุทธศาสตร์ชาติควรมีพันธกิจครอบคลุมการเสนอแนะแนวทางแก่หน่วยงานรับผิดชอบในการนำแผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจลงสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพและลดความซ้ำซ้อน รวมทั้งสถาบันยุทธศาสตร์ชาติควรเป็นอิสระจากฝ่ายการเมืองและระบบราชการ ๓. การจัดตั้งสถาบันวิเคราะห์งบประมาณประจำสภาควรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสถาบันพระปกเกล้า และควรสนับสนุนให้มีสถาบันในลักษณะเดียวกันกับสถาบันวิเคราะห์งบประมาณประจำสภาเพื่อเสริมสร้างศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถวิเคราะห์ ประเมิน และติดตามระบบการคลังของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับของประเทศได้ ๔. การปฏิรูปภาคการเกษตรควรให้ความสำคัญกับเรื่องการส่งเสริมให้เกษตรกรประกอบอาชีพและดำรงชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนากลไกในการขับเคลื่อนให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสม รวมถึงควรมีการจัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตรให้มีหลายระดับเพื่อรองรับการเข้าสู่มาตรฐานการผลิตเกษตรกรรายย่อยหรือแบบยังชีพ และเกษตรกรที่มีศักยภาพการผลิตเชิงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||
407 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาระบบการบริหารงาน ระบบบริหารงบประมาณ ระบบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น และระบบการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาระบบการบริหารงาน ระบบบริหารงบประมาณ ระบบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น และระบบการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยเรื่องที่ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ การใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การกำกับดูแลและการตรวจสอบการตั้งงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการกำหนดกระบวนการเตรียมบุคคลที่จะเข้ามาสู่การเมืองท้องถิ่นหลังจากได้รับการเลือกตั้งแล้ว เรื่องที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ได้แก่ การมีระบบการทำงานร่วมกันระหว่างกรุงเทพมหานครกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดปริมณฑล การส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดบริการสาธารณะในหลายรูปแบบ และการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานร่วมกันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเรื่องที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากต้องรอความชัดเจนของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เช่น ระบบโครงสร้างการบริหารและการกำกับดูแล ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ยกร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การส่งเสริมการถ่ายโอนภารกิจตามกฎหมาย ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ยกร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... เพื่อให้ระบบการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปอย่างเหมาะสม เป็นต้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
408 | การสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | ทส | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๖ แห่ง ปรับลดเงินสมทบงบประมาณจากร้อยละ ๑๐ เหลือร้อยละ ๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในโอกาสต่อไปหากมีการแก้ไขกฎหมายหรือมีการกำหนดมาตรการจัดเก็บรายได้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก็เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการใช้จ่ายรายได้สมทบงบประมาณค่าก่อสร้างระบบการจัดการน้ำเสียและมูลฝอยชุมชนภายใต้หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย และเห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ของโครงการอย่างใกล้ชิด โดยผ่านกลไกคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี ๒๕๕๙ เพื่อให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
409 | การขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2558 และขออนุมัติงบบริหารจัดการโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล | มท | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินงานตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลให้แล้วเสร็จ จาก “ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘” เป็น “ภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๙” และเห็นชอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภออาศัยอำนาจการบริหารตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ บูรณาการการบริหารจัดการการดำเนินงานตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานของรัฐในพื้นที่จังหวัดหรืออำเภอ โดยให้กระทรวง กรม ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานของรัฐในพื้นที่จังหวัดหรืออำเภอเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล ทั้งด้านวัสดุ อุปกรณ์ บุคลากร หรือด้านอื่น ๆ ตามที่ได้รับการร้องขอจากผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาโครงการ ควรพิจารณากลั่นกรองโครงการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมาตรการอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๑๘๗,๑๘๗,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานตามโครงการฯ การประชาสัมพันธ์ และอื่น ๆ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
410 | การยกเว้นเงินสมทบงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อดำเนินงานโครงการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel: RDF) และปุ๋ยอินทรีย์ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ในระดับจังหวัด | ทส | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเว้นเงินสมทบงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อดำเนินงานโครงการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel : RDF) และปุ๋ยอินทรีย์ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ เนื่องจากการตรวจสอบพื้นที่พบว่า อปท. หลายแห่งมีความสามารถในการสมทบเงินงบประมาณได้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการยกเว้นเงินสมทบควรมีเงื่อนไขกรณีการปรับลดการสมทบงบประมาณในแต่ละโครงการว่า การปรับแก้ไขแบบรายละเอียดโครงการ RDF และปุ๋ยอินทรีย์ จะต้องไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของระบบการจัดการขยะมูลฝอย และให้มีระบบการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการบริหารจัดการและการใช้ประโยชน์จากระบบดังกล่าว รวมทั้งการยกเว้นเงินสมทบควรเป็นมาตรการระยะสั้นตามความจำเป็นเร่งด่วน สำหรับระยะยาวให้ อปท. เข้ามามีส่วนร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจ่ายค่าบริการในอัตราที่เหมาะสมสะท้อนต้นทุนที่เป็นจริง และควรมีการจัดทำข้อตกลงร่วม (MOU) ระหว่าง อปท. ที่เข้าร่วมโครงการและมีกลไกการกำกับดูแลเพื่อให้มีปริมาณขยะเข้าสู่ระบบจัดการขยะอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีกลไกการกำกับดูแลติดตามเร่งรัดการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณ และในโอกาสต่อไปหากมีการแก้ไขกฎหมายหรือมีการกำหนดมาตรการจัดเก็บรายได้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น และ อปท. สามารถจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นควรให้ อปท. มีส่วนร่วมในการใช้เงินรายได้สมทบงบประมาณค่าก่อสร้างระบบการจัดการน้ำเสียและมูลฝอยชุมชน ภายใต้หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับงบประมาณในการดำเนินงานโครงการ RDF และปุ๋ยอินทรีย์ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ซึ่งในครั้งนี้ อปท. ไม่ต้องสมทบงบประมาณในการดำเนินงานตามโครงการ รวมทั้งปัญหาการจัดเก็บขยะมูลฝอยของประเทศ เพื่อให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับ อปท. ในการจัดการขยะมูลฝอยต่อไป ๔. โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการขยะของประเทศในภาพรวมทั้งระบบ ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้มีกลไกเพื่อบูรณาการการแก้ไขปัญหาขยะในภาพรวมให้เป็นเอกภาพ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ดังนั้น เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติในเรื่องดังกล่าวแล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอเรื่องนี้ต่อสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องเร่งด่วนต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
411 | แผนงาน/โครงการตามมติคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2558 (โครงการแก้มลิงเพื่อเก็บกักน้ำในลุ่มน้ำชายแดนระหว่างประเทศ ระยะเร่งด่วน และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำในลำน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง) | นร07 | 30/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอขออนุมัติให้ดำเนินโครงการสร้างที่เก็บน้ำที่สามารถดำเนินการได้ทันทีในการเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๗๒๑,๖๙๓,๘๐๐ บาท เพื่อดำเนินโครงการ จำนวน ๒ โครงการ ดังนี้ ๑.๑ โครงการแก้มลิงเพื่อเก็บกักน้ำในลุ่มน้ำชายแดนระหว่างประเทศ ระยะเร่งด่วน งบประมาณ ๖๐๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อก่อสร้างแก้มลิงที่มีความพร้อม จำนวน ๓๐ แห่ง โดยมอบหมายให้กรมชลประทานเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการ ๑.๒ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำในลำน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง งบประมาณ ๑๑๗,๑๙๓,๘๐๐ บาท เพื่อก่อสร้างฝายกระสอบทรายชั่วคราวในพื้นที่ลำน้ำขนาดเล็กที่มีศักยภาพ จำนวน ๕๒๖ แห่ง โดยมอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) และกระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) เร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นฤดูฝน รวมทั้งรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบหมายให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้งระดับจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ ดำเนินการติดตามตรวจสอบการดำเนินงาน การใช้งบประมาณให้โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
412 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง แนวทางการปฏิรูปการกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่น) | สผ | 30/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง แนวทางการปฏิรูปการกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่น ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การปฏิรูปการกระจายอำนาจ ๒. การปฏิรูปโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของการปกครองท้องถิ่น ๓. การปฏิรูปการกำกับ ตรวจสอบ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการปกครองท้องถิ่น ๔. การปฏิรูปการเงินการคลังท้องถิ่น ๕. การปฏิรูปการบริหารงานบุคคลท้องถิ่น
|
|||||||||||||||||||||
413 | รายงานผลการดำเนินการตามรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น รวม 3 เรื่อง (การยกฐานะเทศบาลนครแม่สอดเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ ปัญหาและอุปสรรคในการบริหารงานของเมืองพัทยาและแนวทางการแก้ไข พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ และกรณีให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับ ตำบลโดยตำแหน่ง พร้อมทั้งข้อสังเกต) | มท | 30/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น รวม ๓ เรื่อง (การยกฐานะเทศบาลนครแม่สอดเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ ปัญหาและอุปสรรคในการบริหารงานของเมืองพัทยาและแนวทางการแก้ไข พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ และกรณีให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับตำบลโดยตำแหน่ง พร้อมทั้งข้อสังเกต ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ดังนี้
๑. ความเห็นของกระทรวงมหาดไทย ๑.๑ การยกฐานะเทศบาลนครแม่สอดเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑๓ มกราคม ๒๕๕๘) ซึ่งเห็นว่าหลักการของร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการนครแม่สอด พ.ศ. .... ยังไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล จึงได้ลงมติให้ชะลอการดำเนินการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ๑.๒ ปัญหาและอุปสรรคในการบริหารงานของเมืองพัทยา และแนวทางการแก้ไข เห็นควรรอให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และแนวทางการปฏิรูปแล้วเสร็จ ๑.๓ กรณีการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับตำบลโดยตำแหน่ง เห็นควรให้เสนอแนวทางในการส่งเสริมบทบาทของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และกำหนดมาตรการในการตรวจสอบการทำงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปพร้อมกัน สำหรับข้อเสนอให้มีการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านปีละครั้ง เห็นว่าจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับอำเภอมากขึ้น ดังนั้น การประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน อย่างน้อยทุกห้าปีจึงมีความเหมาะสมแล้ว ๒. ความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๒.๑ การยกฐานะเทศบาลแม่สอดเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ เห็นควรทบทวนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เนื่องจากมีลักษณะเช่นเดียวกับเมืองพัทยา จึงควรศึกษาปัญหาที่เกิดจากเมืองพัทยามาปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม ๒.๒ ปัญหาและอุปสรรคในการบริหารงานของเมืองพัทยา และแนวทางการแก้ไข เห็นควรแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันเหตุการณ์ ๒.๓ กรณีศึกษาให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับตำบลโดยตำแหน่ง ควรมุ่งเน้นส่งเสริมความร่วมมือ ประสานงานและทำงานระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับตำบลมากกว่าที่จะกำหนดให้เป็นสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยตำแหน่ง
|
|||||||||||||||||||||
414 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ....) | สผ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอ เรื่อง การปฏิรูปกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วยผลการพิจารณาศึกษารายงาน และข้อเสนอประเด็นการปฏิรูปและแนวทางดำเนินการพร้อมทั้งร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญเพื่อให้มีกฎหมายแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการในการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการเข้าถึงน้ำ การบริหารจัดการน้ำ การคุ้มครอง การอนุรักษ์แหล่งต้นน้ำ การฟื้นฟูทรัพยากรน้ำ การป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำ การจัดตั้งกองทุนทรัพยากรน้ำ การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการส่งเสริมสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในแต่ละลุ่มน้ำ ตลอดจนการจัดตั้งองค์กรที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำทั่วไประดับชาติและระดับลุ่มน้ำ และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
415 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยเร่งแก้ไขปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำ รวมทั้งพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร เช่น การช่วยเหลือด้านการขนส่งสินค้าทางการเกษตรไปยังตลาดในราคาย่อมเยา การจัดจำหน่ายสินค้าผ่านสหกรณ์และตลาดชุมชน ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ประชาสัมพันธ์ราคากลางของสินค้าอุปโภคและบริโภคให้ประชาชนรับทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างทั่วถึงด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มผิดกฎหมาย โดยประสานความร่วมมือกับต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน แล้วรายงานให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ) พิจารณาดำเนินการต่อไป ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงการต่างประเทศเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๗ เมษายน ๒๕๕๘) ที่ให้พิจารณาเสนอแนวทางการทำประมงในเขตแดนของภูมิภาคอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศ ว่าควรแบ่งเขตแดนอย่างไร สามารถทำประมงข้ามเขตได้หรือไม่ อย่างไร และให้การสนับสนุนด้านเครื่องมือในการทำประมง รวมทั้งให้เร่งดำเนินการเพิ่มแหล่งการทำประมงในเขตประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ทะเล เช่น บรูไนดารุสซาลาม กินี ต่อไปด้วย ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางการรณรงค์สร้างจิตสำนึกความเป็นไทยให้เกิดขึ้นในสังคม และให้นำเอกลักษณ์ไทยไปเผยแพร่ในโอกาสต่าง ๆ รวมทั้งกำหนดรูปแบบเครื่องแต่งกายสำหรับรัฐมนตรีและคู่สมรสเพื่อใช้ในโอกาสงานพิธีการรับรองแขกต่างประเทศและการเยือนต่างประเทศ เพื่อแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของประเทศ ๒.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการเกี่ยวกับการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กเพื่อให้ไม่กระทบต่อนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ เช่น ให้นักเรียนที่ศึกษาอยู่จบการศึกษาก่อน ไม่รับนักเรียนเพิ่มเติม ๓. ด้านการต่างประเทศ ให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจและด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทำข้อมูลสำหรับนายกรัฐมนตรีใช้ประกอบในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในช่วงปลายเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ณ สหรัฐอเมริกา โดยส่งให้กระทรวงการต่างประเทศบูรณาการข้อมูลเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๔. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๔.๑ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และที่แก้ไขเพิ่มเติม อย่างเคร่งครัด โดยให้กำชับผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด ไม่ปล่อยปละละเลย เพื่อมิให้เกิดการค้ามนุษย์ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ หากพบมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในพื้นที่ใด ให้ย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดให้นำคดีที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย ๔.๒ ให้กระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง และกระทรวงพาณิชย์เร่งรัดกระบวนการพิจารณากรณีทุจริตโครงการจำนำข้าวให้สามารถนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมภายในสิ้นปี ๒๕๕๘ นี้ โดยให้รายงานรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาก่อนดำเนินการ นอกจากนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และกระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลให้ออกสู่ตลาดโดยเร็ว โดยยึดหลักสุจริตและโปร่งใส และไม่กระทบต่อราคาตลาดข้าวในปัจจุบัน ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘) เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ แล้ว นั้น ให้ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๕.๑.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประสานงานกับประเทศในอาเซียนเพื่อให้มีความร่วมมือกันเกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้าย ๕.๑.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มวงเงินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาในส่วนของรัฐบาล ๕.๑.๓ ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ๕.๑.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ๕.๑.๕ ให้กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำสื่อเกี่ยวกับมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว ๕.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดหาพื้นที่กักเก็บน้ำและพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำระหว่างประเทศเพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงในการส่งน้ำจากแหล่งน้ำระหว่างประเทศมาใช้ภายในประเทศ ๕.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยพิจารณาผ่อนผันให้ชาวสวนยางสามารถประกอบอาชีพในพื้นที่ที่ชาวสวนยางได้บุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำการเพาะปลูกยางสามารถประกอบอาชีพในพื้นที่ดังกล่าวต่อไปได้อีกระยะหนึ่งจนกว่าจะหาพื้นที่ทำกินใหม่ทดแทนได้ และให้สร้างความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าควบคู่กับการแก้ไขปัญหาการไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ๕.๖ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์ไฟไหม้บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ส่งผลให้เกิดปัญหาหมอกควันในหลายจังหวัดของภาคใต้อย่างต่อเนื่องและเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งประสานสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหมอกควันร่วมกันด้วย ๕.๗ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐปล่อยปละละเลยให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้น ให้ย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ๕.๘ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) เร่งตรวจสอบความมั่นคงของสิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ รวมทั้งระบบสัญญาณเตือนภัยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์วาตภัยที่อาจจะเกิดขึ้น ๕.๙ ให้ทุกส่วนราชการติดตามตรวจสอบและเร่งรัดการแก้ไขปัญหาที่มีการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมหรือผ่านช่องทางตามสื่อต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละส่วนราชการ ๕.๑๐ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงแบบฟอร์มและเอกสารต่าง ๆ ที่ใช้ในการติดต่อราชการให้ง่ายต่อความเข้าใจของประชาชน ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน
|
|||||||||||||||||||||
416 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร | มท | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการการดำเนินการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน ๒๑ จังหวัด งบประมาณ ๔๙๐,๖๐๑,๕๕๐ บาท โดยขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๒ กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการเครื่องจักรกลการเกษตรของจังหวัด ดังนี้ ๑.๒.๑ ให้จังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการและดำเนินการสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เป็นกรรมการ มีปลัดจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ สหกรณ์จังหวัด เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ในการจัดหา ตรวจสอบความเหมาะสม และงบประมาณของเครื่องจักรกลทางการเกษตร ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยต้องไม่ซ้ำซ้อนกับแผนงาน/โครงการ/กิจกรรมของส่วนราชการอื่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งติดตามการบริหารจัดการ การดูแลรักษาเครื่องจักรกลทางการเกษตร ๑.๒.๒ มอบหมายให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ร่วมกับฝ่ายทหารในพื้นที่ ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการ การจัดเก็บ การดูแลรักษา ซ่อมบำรุง ๑.๓ กระบวนการตรวจสอบความถูกต้องและติดตามการปฏิบัติงานให้ใช้กระบวนการตรวจราชการแบบบูรณาการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการตรวจราชการ พ.ศ. ๒๕๔๘ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอื่น รวมทั้งดำเนินการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรให้เป็นไปอย่างทั่วถึงและโปร่งใส ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตทุกขั้นตอนและเห็นผลเป็นรูปธรรม
|
|||||||||||||||||||||
417 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปรับโครงสร้างอำนาจส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น) | สผ | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปรับโครงสร้างอำนาจส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น) ตามที่สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติตามรายงานเรื่อง การปรับโครงสร้างอำนาจส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร [สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)] กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้สำนักงาน ก.พ.ร. จัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง โดยมีประเด็นการปฏิรูป ๙ ประเด็น ดังนี้
๑. กำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้ชัดเจน และการจัดความสัมพันธ์ระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ๒. ทบทวนและจำแนกบทบาทภารกิจภาครัฐ ๓. ออกแบบโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสมกับภารกิจต่าง ๆ ของภาครัฐในลักษณะที่มีความคล่องตัวต่อการเปลี่ยนแปลงและยุบเลิกทั้งระบบงบประมาณ และการบริหารกำลังคน การจัดส่วนราชการประจำจังหวัดที่เป็นตัวแทนของกระทรวงที่แท้จริงในราชการบริหารส่วนภูมิภาค ๔. พัฒนากลไกหรือเครื่องมือในการสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือระหว่างราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ๕. เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการบริหารราชการส่วนภูมิภาค ๖. เสริมสร้างความเข้มแข็งและเร่งรัดการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๗. การจัดสรรงบประมาณตามยุทธศาสตร์และเป้าหมายร่วมกัน ๘. ส่งเสริมให้มีรัฐบาลระบบเปิด (Open Government) ซึ่งเป็นรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินภารกิจของรัฐเพื่อเป็นเครือข่ายหรือพันธมิตรในการทำงานร่วมกัน ๙. รัฐต้องปฏิรูประบบบริหารงานบุคคลภาครัฐให้มีมาตรฐานสามารถขจัดความเหลื่อมล้ำ มีเอกภาพในด้านค่าตอบแทนและมีความเป็นกลางทางการเมือง และสนับสนุนให้บุคลากรภาครัฐได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
418 | การจัดประชุมวิชาการนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พืชวงศ์ขิง - ข่า ครั้งที่ 7 "ขิง - ข่า เพื่อชีวิต" (The 7th International Symposium on the Family ZINGIBERACEAE : Gingers for Life) | ทส | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดการประชุมวิชาการนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พืชวงศ์ขิง-ข่า ครั้งที่ ๗ “ขิง-ข่า เพื่อชีวิต” (The 7th International Symposium on the Family ZINGIBERACEAE : Gingers for Life) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑. ประเทศไทย โดยองค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับเลือกจากนานาชาติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมฯ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในฐานะที่ทรงเป็น “พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ” และเพื่อเฉลิมพระเกียติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสปีพระราชสมภพครบ ๖๐ พรรษา ซึ่งทรงเป็นองค์อุปถัมภ์สำคัญด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรพืชของประเทศไทย รวมทั้งเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ วิชาชีพ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพืชวงศ์ขิง-ข่าและวงศ์ใกล้เคียงสู่การอนุรักษ์อย่างยั่งยืน และนานาประเทศจะได้รับทราบบทบาทความเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรพันธุ์พืชพื้นเมืองของไทยให้เป็นที่ประจักษ์ระดับประชาคมอาเซียนและระดับโลก ๒. องค์การสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตอบรับเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการประชุมฯ ในวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ โดยจะทรงมีพระราชดำรัสเปิดการประชุมและจะทรงแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ขิง-ข่า ในวัฒนธรรมไทย” รวมทั้งทรงประทับฟังการบรรยายพิเศษเรื่อง “The World of Gingers : What We Know, What We Do Not Know, and What We Must Know.” โดย Professor Dr.W. J.Kress, Smithsonian Institution, USA. (Chairman of International Scientific Committee) และทอดพระเนตรผลงานวิจัยและนิทรรศการด้วย ๓. คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมการประชุมฯ จำนวน ๒๕๐ คน ประกอบด้วย นักวิชาการ นักวิจัย ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ รวมทั้งผู้ประกอบการ เกษตรกร นักศึกษา ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
|
|||||||||||||||||||||
419 | รายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | สว | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาศึกษาและติดตามการบริหารงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว พบว่าการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีในส่วนเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีปัญหาในการเบิกจ่ายล่าช้า มีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เกิดประสิทธิผล จึงได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขเพื่อ่ให้การบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละปีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้หรือไม่ ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
420 | แนวทางการพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญ (Yacht) และท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Cruise) | คค | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบทั้ง ๓ ข้อ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบความก้าวหน้าในการพิจารณาแนวทางการพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญ (Yacht) โดย (๑) ศึกษาเพื่อกำหนดพื้นที่ที่มีความเหมาะสมจะพัฒนาเป็นท่าเทียบเรือ Yacht เพิ่มเติม พร้อมทั้งรับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่และทดสอบตลาด (๒) ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย/ระเบียบที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๘ และ (๓) จัดมหกรรมเรือ Yacht ณ จังหวัดภูเก็ต ระหว่างเดือนธันวาคม ๒๕๕๘-มกราคม ๒๕๕๙ และแนวทางการพัฒนาท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Cruise) โดยระยะแรก (ปี ๒๕๕๘) พัฒนาท่าเรือเดิมให้มีศักยภาพ (ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต) และระยะที่ ๒ (ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๕) พัฒนาท่าเทียบเรือ Cruise แห่งใหม่ ที่จังหวัดกระบี่ และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Home Port ของเรือ Cruise ในภูมิภาค ๑.๒ เห็นชอบแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ในการพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญ (Yacht) และท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Cruise) โดยแผนเริ่มจากปี ๒๕๕๘ สิ้นสุดในปี ๒๕๖๑ มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมเจ้าท่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย กรมธนารักษ์ ผู้บริหารท่าเรือ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัด ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๓ มอบหมายกระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์เร่งพิจารณาหาผู้ประกอบการท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตเพื่อให้สามารถปรับปรุงท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตให้มีความพร้อมในการรองรับเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Cruise) ได้โดยเร็ว ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการทบทวนความเหมาะสมในการเลือกพื้นที่พัฒนาท่าเรือดังกล่าว กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่าควรให้ความสำคัญกับผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งจัดทำแผนการการบริหารจัดการเกี่ยวกับการจำกัดและบำบัดของเสียจากเรือ และเตรียมความพร้อมให้กับเจ้าท่าในการกำกับดูแลเพื่อรองรับจำนวนท่าเรือและเรือสำราญที่จะเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ ควรศึกษาทางเลือกและรูปแบบการลงทุนให้ชัดเจน โดยอาจพิจารณามาตรการส่งเสริมให้เอกชน และ/หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพเป็นผู้พัฒนาและดำเนินงานท่าเทียบเรือสำราญ (Yacht) ตลอดจนการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนและดำเนินการท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Cruise) และเห็นควรมอบหมายกระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ พิจารณาความเหมาะสมบทบาทของท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตในการรองรับเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Cruise) รวมทั้งเร่งพิจารณาหาผู้ประกอบการท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต โดยปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการการพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญ (Yacht) และเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Cruise) ให้กระทรวงคมนาคมสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ที่จะพัฒนาเป็นท่าเทียบเรือ รวมทั้งให้พิจารณาจัดทำแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเรือสำราญ (Yacht) และเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Cruise) ให้เชื่อมโยงกับแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย |
.....