ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 46 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 901 - 920 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 901 | กรอบยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศไทย | กษ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการอาหารแห่งชาติ เสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรอบยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศไทย เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้กรอบ ยุทธศาสตร์การจัดการอาหารของประเทศไทยนี้ เป็นแนวทางในการจัดทำคำของบประมาณประจำปีได้ทันตั้งแต่ปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๑.๒ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำกรอบยุทธศาสตร์ การจัดการด้านอาหารของประเทศไทยผนวกเข้ากับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ และให้หน่วย งานต่าง ๆ ใช้เป็นกรอบในการดำเนินงาน รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการอาหารแห่ง ชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนัก งบประมาณ เกี่ยวกับการสนับสนุนการรวมกลุ่มสร้างความเข้มแข็งในการผลิต และการนำผลผลิตทางการเกษตร ไปแปรรูปและต่อยอดการสร้างรายได้ให้ชุมชน การเพิ่มแนวทางดำเนินงาน โดยยกระดับความสามารถของหน่วย งานที่ทำการจัดเก็บรวบรวมและอนุรักษ์ทรัพยากรเชื้อพันธุกรรมพืชและสัตว์ ทั้งที่ได้จากธรรมชาติและจากผลการ วิจัยใหม่ ๆ การเพิ่มกลยุทธ์เกี่ยวกับความปลอดภัยของภาชนะและวัสดุสัมผัสอาหาร การให้ความสำคัญกับการ วางแผนและบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชา สังคมเพื่อให้มีอาหารที่ปลอดภัยเพียงพอต่อประชาชนทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ การจัดทำระบบฐานข้อมูล และบัญชีทรัพยากรด้านอาหารที่มีความทันสมัย สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และองค์กรที่เกี่ยว ข้องรวมทั้งเร่งรัดให้มีคลังข้อมูลด้านสาธารณภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การจัดทำแผนปฏิบัติการ ที่สามารถเชื่อมโยงการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและจัดทำตัวชี้วัดความสำเร็จทั้งในเชิง ภาพรวมของกรอบยุทธศาสตร์และผลการดำเนินงานของหน่วยงานหลักและหน่วยงานตามเป้าหมายและแนวทาง การดำเนินงานที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 902 | โครงการโรงเรียนดีประจำตำบล | ศธ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินโครงการโรงเรียนดีประจำ
ตำบล ดังนี้ ๑. วัตถุประสงค์ของโครงการฯ เพื่อพัฒนาโรงเรียนในชนบทระดับตำบลให้เป็น “โรงเรียนคุณภาพ” มี ความพร้อมและความเข้มแข็งทั้งทางด้านวิชาการ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การพัฒนาสุขภาพอนามัย การเรียนรู้ อาชีพ และกิจกรรมบริการชุมชนอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งเพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับนัก เรียนในท้องถิ่นชนบท และเพื่อส่งเสริมความร่วมมือ หรือการมีส่วนร่วมจากชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานนำไปสู่ความเข้มแข็งของโรงเรียนและรองรับการกระจายอำนาจ ๒. เป้าหมายการดำเนินโครงการฯ ประกอบด้วยปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ละ ๑ โรงเรียน (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร) รวม ๑๘๒ โรงเรียน และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ประชาคมร่วมคัดเลือก โรงเรียน ๑ โรงเรียน ๑ ตำบล รวมประมาณ ๗,๐๐๐ ตำบล (โดยจะคัดเลือก ๑,๐๐๐ ตำบล เป้าหมายของการพัฒนา ปี พ.ศ. ๒๕๕๔) และพัฒนาโรงเรียนที่เหลือในปีต่อ ๆ ไป ๓. ภารกิจสำคัญของการพัฒนาโรงเรียนดีประจำตำบล อาทิ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา และจัด การเรียนการสอนที่มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพของนักเรียนด้านวิชาการ พื้นฐานอาชีพ ดนตรี กีฬา ศิลปะ และเทคโนโลยี การปลูกฝังคุณลักษณะอันพึงประสงค์และพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับภูมิทัศน์และสิ่งแวด ล้อมให้สะอาด ร่มรื่น และปลอดภัย การจัดระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาอย่างเข้มแข็ง การบริหารจัด การศึกษาแบบมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในชุมชนและในท้องถิ่น รวมทั้งพัฒนาครูและบุคลากรตามแผนพัฒนาราย บุคคล (D-Plan) เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
| 903 | ผลการดำเนินการของคณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | นร | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนการระบายน้ำท่วมขังบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา การแก้ไขปัญหาขยะและปัญหาน้ำเน่าเสีย และข้อเสนอวาระแห่งชาติ การฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยและการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเสนอ โดยการแก้ไขปัญหาขยะและปัญหาน้ำเน่าเสีย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมควบคุมมลพิษ) ประสานกระทรวงกลาโหมเพื่อจัดส่งกำลังพลเข้าไปช่วยเร่งดำเนินการจัดเก็บขยะในพื้นที่ประสบภัยหลังน้ำลดให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย ๒. เห็นชอบในหลักการตามมติคณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) ที่ให้มีกลไกการบูรณะฟื้นฟูความเสียหายจากเหตุอุทกภัยทั้งในส่วนกลางและในจังหวัดต่าง ๆ ประกอบด้วยภาคประชาสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคราชการ และภาคเอกชน เพื่อบูรณาการการดำเนินการบูรณะฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นให้เกิดผลในทางปฏิบัติได้อย่างมีเอกภาพและมีความยั่งยืน ทั้งนี้ การดำเนินการบูรณะฟื้นฟูความเสียหายในแต่ละจังหวัดของส่วนราชการต่าง ๆ มอบหมายให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแต่ละเขตพื้นที่ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานกับศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยในแต่ละจังหวัดซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ เพื่อดำเนินการต่อไป ๓. การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและวาตภัย ๓.๑ เห็นชอบในหลักการที่จะให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและวาตภัยทั้งในส่วนที่เป็นพื้นที่เพาะปลูกที่ได้รับการสงเคราะห์และที่ไม่ได้รับการสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางเหมือนกัน ตามอัตราที่เหมาะสมแก่ต้นทุนการเพาะปลูกต่อไร่ ทั้งนี้ ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรชาวสวนยางดังกล่าวเพิ่มเติม มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือและรวบรวมข้อมูลของเกษตรกรชาวสวนยางที่ประสบภัย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมครั้งต่อไป สำหรับเกษตรกรชาวสวนยางที่เพาะปลูกในพื้นที่ลาดเชิงเขาซึ่งอาจมีปัญหาเกี่ยวกับเอกสารสิทธิในที่ดินทำกิน มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณ เป็นต้น เพื่อกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งการบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสม ถูกต้อง ตามระเบียบหลักเกณฑ์และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓.๒ ให้ คชอ. ประสานกับสภาอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางให้ความช่วยเหลือชาวสวนยางที่ต้นยางได้รับผลกระทบเสียหายจากอุทกภัยและวาตภัยที่เกิดขึ้น เช่น การขอความร่วมมือให้ภาคเอกชนเข้ามารับซื้อต้นยางที่โค่นล้มเพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ อื่น ๆ ต่อไป เป็นต้น ๔. อนุมัติในหลักการให้จ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยในภาคใต้เพิ่มเติมครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเร่งสำรวจและรวบรวมข้อมูลความเสียหายของผู้ประสบอุทกภัยและวาตภัยในภาคใต้โดยด่วน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวประชุมครั้งต่อไป ๕. ให้กระทรวงการคลัง (กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา) และกระทรวงศึกษาธิการรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความ ช่วยเหลือด้านการศึกษาแก่บุตรหลานของผู้ประสบอุทกภัยและวาตภัยให้สามารถศึกษาต่อไปได้โดยไม่ต้องยุติการศึกษากลางคัน ๖. อนุมัติขยายกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (กรอบวงเงิน ๒๓๘.๘๓๒ ล้านบาท) ที่เหลืออยู่จำนวน ๑๓๒.๖๓๘ ล้านบาท ในการจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาคใต้ โดยให้กระทรวงมหาดไทยซื้อเรือท้องแบนอลูมิเนียม ๓๐ ลำ เรือท้องแบนไฟเบอร์กลาส ๑๘๓ ลำ เรือพาย ๔,๑๖๐ ลำ เครื่องยนต์เรือหางสั้น ๑๓๐ เครื่อง เครื่องยนต์เรือหางยาว ๒๐ เครื่อง เครื่องสูบน้ำ ๕๗ เครื่อง สุขาเคลื่อนที่ ๔๐๐ หลัง โดยขอตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และดำเนินการต่อไปได้ โดยหากมีกรอบวงเงินเหลืออยู่อีกให้พิจารณาตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ การจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ดังกล่าวให้นำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ภาคใต้เป็นลำดับแรก ๗. การให้ความช่วยเหลือด้านประมงและปศุสัตว์ ๗.๑ เห็นชอบในหลักการให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการตามโครงการเพิ่มความมั่นคงด้านเสบียงสัตว์ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยผลิตหญ้าแห้งเพิ่มเติมจากเป้าหมายในการผลิตเดิม(จำนวน ๔,๔๐๐ ตัน) อีกจำนวน ๑,๐๐๐ ตัน โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากหมวดค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ รวมทั้งสิ้น ๕,๐๑๑,๔๐๐ บาท ตามมติของ คชอ. ๗.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือชดเชยแก่ผู้ได้รับความเดือดร้อนกรณีเรือและเครื่องมืออุปกรณ์การจับปลาที่ได้รับความเสียหาย และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๗.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการช่วยเหลือชดเชยแก่ผู้เป็นเจ้าของเครื่องมือจับปลาแบบโพงพางและไซนั่งในพื้นที่โดยรอบทะเลสาบสงขลา เพื่อจูงใจให้สามารถแก้ไขปัญหาการทำประมงและจัดระเบียบการใช้พื้นที่โดยรอบทะเลสาบสงขลาได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากเครื่องมือจับปลาดังกล่าวมีส่วนทำให้สัตว์น้ำสูญพันธุ์และทำลายระบบนิเวศของทะเลสาบเป็นจำนวนมาก
|
|||||||||||||||||||||
| 904 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมและลำดับความเร่งด่วนทั้งในส่วนของงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วที่ยังไม่มีการก่อหนี้ผูกพัน เพื่อนำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไปใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งเพื่อการก่อสร้างซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ๒. รับทราบ อนุมัติ และเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยสรุปดังนี้ ๒.๑ รับทราบวงเงินเหลือจ่ายภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ รวมทั้งรับทราบความก้าวหน้าและแนวทางการดำเนินการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) ภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง พ.ศ. ๒๕๕๕ พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒.๒ อนุมัติการขยายระยะเวลาลงนามในสัญญา การจัดสรรเงิน และการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ หากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทัน ให้ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายต่อไป และอนุมัติเป็นหลักการสำหรับโครงการเงินอุดหนุนสำหรับการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (วงเงิน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท) ให้ขยายเวลาลงนามในสัญญาเป็นภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ๒.๓ อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ในส่วนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (จังหวัดน่าน แพร่ เชียงราย เชียงใหม่ ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี สกลนคร มุกดาหาร พังงา ตาก ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ) กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) โดยหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ ๒.๔ ในส่วนของการดำเนินโครงการใหม่ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ จำนวน ๑๙ โครงการ วงเงินรวม ๔,๒๓๕.๕๙ ล้านบาท และโครงการเดิมที่กระทรวงการคลังกำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องจัดส่งคำขอการจัดสรรเงินพร้อมเอกสารรายละเอียดประกอบที่ครบถ้วนให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ นั้น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งพิจารณาทบทวนความจำเป็นเร่งด่วนและความเหมาะสมของโครงการเพื่อนำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไปใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งเพื่อการก่อสร้างซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานและสถานที่ราชการต่าง ๆ ตามนัยหลักการที่นายกรัฐมนตรีเสนอ และให้แจ้งยืนยันผลการพิจารณาทบทวนพร้อมส่งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้สำนักงบประมาณภายใน ๓ วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้สำนักงบประมาณเร่งพิจารณาก่อนนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ โครงการใดที่หน่วยงานเจ้าของโครงการยังคงยืนยันขอจัดสรรเงินตามโครงการเดิมให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนด |
|||||||||||||||||||||
| 905 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บีเอ็ม และพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ เพื่อทำเหมืองแร่ ของนายรังสรรค์ ตันตระกูล ที่จังหวัดชัยนาท | อก | 19/10/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บีเอ็ม และพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ เพื่อทำเหมืองแร่หินอ่อนและหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของนายรังสรรค์ ตันตระกูล ตามคำขอที่ ๒/๒๕๔๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๕ และวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เห็นควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งวางแนวทางการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อประกอบการให้สัมปทานบัตรในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไปดำเนินการ รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ที่ว่า ถ้าไม่มีเหตุผลความจำเป็นพิเศษก็ไม่ควรให้มีการดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 906 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำปี 2552 | นร | 19/10/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอรายงานผลการปฏิบัติงานของ
คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ประจำ ปี ๒๕๕๒ สรุปได้ดังนี้ ๑. ให้คำแนะนำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปก ครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ๒. เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองโดยจัดฝึกอบรม ข้าราชการของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อเป็นวิทยากรออกเผยแพร่ความรู้ตามที่หน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ร้องขอทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องตลอดมา สำหรับในปี ๒๕๕๒ ได้จัดวิทยากรไป บรรยายให้แก่กรมการพัฒนาชุมชน กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมการปกครอง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช สำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา และสำนักเสริมศึกษาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งได้จัด เจ้าหน้าที่ไว้ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐและประชาชนที่ต้องการปรึกษาปัญหา เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง นอกจากนี้ ได้จัดพิมพ์เอกสารเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎ หมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐและประชาชนที่สนใจ
|
|||||||||||||||||||||
| 907 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนบดีศิลา ที่จังหวัดยะลา | อก | 12/10/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนบดีศิลา ตามคำขอที่ ๓/๒๕๔๗ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ และวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เห็นว่า พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี จัดเป็นป่าต้นน้ำในการดำเนินการจึงต้องระมัดระวังในเรื่องผลกระทบคุณภาพน้ำ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ส่วนขั้นตอนในการอนุมัติประทานบัตร เห็นควรให้นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างของห้างหุ้นส่วนจำกัด พีรพลศิลา คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๑/๒๕๔๗ (ประทานบัตรที่ ๑๒๓๓๗/๑๕๒๗๒) ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับคำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๓/๒๕๔๗ (ประทานบัตรที่ ๓๑๕๓๐/๑๕๒๓๖) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนบดีศิลา ตั้งอยู่ที่ตำบลลิดล อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขแนบท้ายประทานบัตรเหมืองแร่ด้วย และเห็นควรวางแนวทางการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อประกอบในการให้สัมปทานบัตรในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่อไป ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 908 | แนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นที่ประสบเหตุดินทรุดตัวและรอยแยก บ้านสันติคีรี หมู่ที่ 1 ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย | ทส | 12/10/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาพื้นที่ประสบเหตุดินทรุดตัวและรอยแยก บ้านสันติคีรี หมู่ที่ ๑ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. พื้นที่ประสบเหตุ ๑.๑ มอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณีประสานสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดเชียงรายและองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก เพื่อดำเนินการสำรวจและออกแบบโครงสร้างป้องกันดินทรุดตัวและรอยแยก โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน (ระยะเวลา ๒ เดือน) ๑.๒ มอบหมายให้องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก และจังหวัดเชียงราย จัดทำระบบป้องกันดินทรุดตัวและรอยแยก โดยการเพิ่มเสถียรภาพของลาดดิน และป้องกันมิให้น้ำผิวดินและน้ำใต้ดินไหลเข้าสู่พื้นที่ประสบเหตุ (ระยะเวลา ๖ เดือน) ๒. พื้นที่เฝ้าระวัง ๒.๑ มอบหมายให้จังหวัดเชียงราย และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก สนับสนุนให้เจ้าของที่ดิน กำหนดระดับความเสี่ยงของพื้นที่ พร้อมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันเหตุดินทรุดตัวและรอยแยกผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน และติดตามตรวจสอบพฤติกรรมการคืบตัวของลาดดินและพัฒนาการของรอยแยก ๒.๒ มอบหมายให้จังหวัดเชียงราย และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก สนับสนุนให้เจ้าของที่ดิน ผู้ครอบครองและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำระบบป้องกันเหตุดินทรุดตัวและรอยแยก ๓. พื้นที่ชุมชนดอยแม่สลอง ๓.๑ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดและประกาศเขตเสี่ยงภัยดินถล่ม เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ชุมชนดอยแม่สลองทั้งหมด ๓.๒ มอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณีกำหนดลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เหมาะสม และมาตรการป้องกันเหตุดินทรุดตัวและรอยแยก พร้อมทั้งติดตามตรวจสอบพฤติกรรมการคืบตัวของลาดดินด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร์ ๓.๓ มอบหมายหน่วยงานที่กำกับดูแลพื้นที่สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควบคุมและดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||
| 909 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง สำหรับค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 12/10/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ งบกลาง รายการเงิน
สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๕๔,๐๗๐,๐๐๐ บาท ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อจ่าย เป็นค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๑๔,๑๑๕ คน ในส่วนที่เพิ่มขึ้น ๑,๕๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ระยะเวลา ๑๒ เดือน (๑ ตุลาคม ๒๕๕๒-๓๐ กันยายน ๒๕๕๓) โดยให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ สำหรับค่า ตอบแทนพิเศษรายเดือนที่เบิกจ่ายตามอัตราเดิม ๑,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ให้เบิกจ่ายจากเงินรายได้ขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 910 | การพัฒนาระบบติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐ | กค | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้มีการดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาระบบติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐ 1.2 ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดย รัฐเพื่อกำกับดูแลการพัฒนาระบบการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐ กำหนดกลุ่มเป้าหมายของการประเมิน มาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐ รวมทั้งติดตามและรวบรวมผลการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐเพื่อนำเสนอต่อคณะ รัฐมนตรี 1.3 ให้การประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐเป็นเครื่องมือในการติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดย รัฐ เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงของการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งเป็นตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการ องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจที่ได้รับเงินงบประมาณ โดยกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ประสานงาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 1.4 ให้หน่วยงานภาครัฐที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐของคณะกรรม การติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐ (ค.ต.ป.) ดำเนินการตามแนวทางที่ ค.ต.ป. กำหนด 1.5 ให้หน่วยตรวจสอบภายในของหน่วยงานรับผิดชอบติดตามและตรวจสอบการประเมินมาตรฐานการ จัดซื้อโดยรัฐของแต่ละหน่วยงาน โดยมี ค.ต.ป. มีหน้าที่สอบทานการปฏิบัติงานของหน่วยตรวจสอบภายใน สำหรับ กรณีของกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) มีหน้าที่กำกับ ติดตาม และตรวจสอบการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและรัฐวิสาหกิจ ตาม ลำดับ โดยมี ค.ต.ป. พิจารณารวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรี 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การ ประเมินมาตรฐานระดับหน่วยงานเรื่องแนวปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างและผู้ประกอบการเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและ อุปสรรคในการจัดซื้อจัดจ้างในเชิงลึก และควรมีการสร้างความพร้อมให้กับส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการ ติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐทั้งระบบ รวมทั้งสนับสนุนให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมิน ผลการจัดซื้อโดยรัฐได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ และเมื่อส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการติดตามและ ประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐมีความพร้อมแล้ว ให้กำหนดเป็นประเด็นการสอบทานของ ค.ต.ป. และกำหนดเป็นตัวชี้ วัดตามคำรับรองการปฏิบัติราชการโดยมีกรมบัญชีกลางเป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้ต่อไป นอกจากนี้ การกำหนดกลุ่มเป้า หมายของการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐ ค.ต.ป. ควรพิจารณาให้ความสำคัญกับโครงการที่มีความเสี่ยงเรื่อง การเงินสูงหรือมีมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างสูง โครงการที่มีผลกระทบต่อสาธารณชนเป็นจำนวนมาก โครงการที่มีความ ถี่ในการจัดซื้อจัดจ้างที่สูงเกินความจำเป็นจนเป็นที่ผิดสังเกต เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 911 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 8/2553 | นร | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผล
การประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 8/2553 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2553 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรเงินกู้ ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 และการประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สาขาการศึกษา และมีมติดังนี้ 1. กระทรวงการคลังควรพิจารณาความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินกู้ในส่วนวงเงินเหลือจ่ายอย่างรอบคอบ เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวสู่สภาวะปกติแล้ว จึงควรใช้เงินเหลือจ่ายในการลงทุนโครงการที่มี ความจำเป็นเร่งด่วนต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริงเท่านั้น และอาจพิจารณาใช้งบประมาณแผ่นดินสำหรับ โครงการทั่วไปที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนมากนัก รวมทั้งควรกำหนดขอบเขตเวลาที่ส่วนราชการจะสามารถขอขยาย เวลาในการลงนามสัญญา หรือเสนอโครงการเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผน ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ด้วย เพื่อให้การใช้จ่ายเงินจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังฯ มีกรอบ ระยะเวลาที่ชัดเจน 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาในประเด็น ดังนี้ 2.1 พิจารณากำหนดแนวทางดำเนินโครงการและเตรียมจัดหาแหล่งเงินรองรับการดำเนินการภาย หลังจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สิ้นสุดลง เพื่อให้การดำเนินโครงการในการยกระดับมาตรฐานการ ศึกษามีความต่อเนื่องและยั่งยืน 2.2 พิจารณากำหนดแนวทางการสร้างความร่วมมือในการยกระดับมาตรฐานการศึกษาร่วมกับชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพมีส่วนร่วมในการพัฒนา คุณภาพการศึกษาของโรงเรียนในชุมชน ซึ่งจะทำให้การยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษามีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
| 912 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | กค | 21/09/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ตามมติคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2553 ตามที่รอง นายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ 2. ให้คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรนำเป้าหมายเชิงคุณภาพมาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณา ร่วมด้วย เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และเกิดประสิทธิผล อย่างแท้จริง รวมทั้งควรมีแนวทางเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการ ใช้จ่ายเงินงบประมาณ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในท้องถิ่น ตามเป้าหมายที่กำหนด ไปพิจารณา ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 913 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารสำหรับโครงการที่รัฐจัดให้มีหรือพัฒนาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย พ.ศ. .... | มท | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติ
ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารสำหรับโครงการที่รัฐจัดให้มีหรือพัฒนาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีราย ได้น้อย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบ คุมอาคารสำหรับอาคารที่กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมาย หรือหน่วยงานอื่นของรัฐจัดให้มีหรือพัฒนาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ตามที่กระทรวง มหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 914 | การลักลอบตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จังหวัดพิษณุโลก | ทส | 07/09/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความก้าวหน้าของผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการลักลอบตัดไม้ในเขตป่า สงวนแห่งชาติ จังหวัดพิษณุโลก และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนร่วมหรือรู้เห็น หรือเป็น ตัวการในการกระทำผิดอย่างเคร่งครัด โดยให้โยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีออกนอกพื้นที่ และกำชับ เจ้าหน้าที่ในสังกัดมิให้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือสนับสนุนการกระทำผิดเกี่ยวกับการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าอย่างเด็ดขาด 1.2 กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำชับเจ้าหน้าที่ในสังกัด กำนัน ผู้ ใหญ่บ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมิให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในพื้น ที่ที่รับผิดชอบ เข้มงวดกวดขัน และเร่งรัดการดำเนินคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว 1.3 หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรกำชับเจ้าหน้าที่ ให้สนับสนุน ส่งเสริมเฉพาะพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ สิทธิครอบครอง และพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย เท่านั้น 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ เห็นว่า ด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจและของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ตั้งอยู่ตามเส้นทางเข้า-ออกพื้นที่ป่า รวมทั้งจุดผ่าน ต่าง ๆ ควรมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา และควรให้ฝ่ายทหารเข้าร่วมดำเนินการ ด้วยเพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 915 | ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 4 ฉบับ | นร | 07/09/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างกฎหมาย จำนวน 4 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ รวบรวมกฎหมายว่าด้วยการกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กฎ หมายรายได้ท้องถิ่น กฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กฎหมายเกี่ยวกับข้าราชการส่วนท้องถิ่น และกฎ หมายอื่นตามหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำเป็นประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อ ประโยชน์ในการอ้างอิงและใช้กฎหมายที่จะรวมอยู่ในฉบับเดียวกัน และปรับปรุงบทบัญญัติในกฎหมายดังกล่าวให้ เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน 1.2 ร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีสาระสำคัญคือ รวมบทบัญญัติเกี่ยวกับการ จัดตั้ง การบริหาร อำนาจหน้าที่ รายได้ และการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อันได้แก่ องค์การบริหาร ส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล เข้าไว้ด้วยกัน (ยกเว้นกรุงเทพมหานครและการปกครองท้อง ถิ่นรูปแบบอื่น) รวมทั้งประมวลบทบัญญัติเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด เข้าไว้ด้วยกัน 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นให้เหมาะสมกับการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นในปัจจุบันและสอด คล้องกับหลักการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 1.4 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไข เพิ่มเติมพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 โดยจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการส่วนท้องถิ่นในสังกัดสำนัก นายกรัฐมนตรี 2. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแก้ไขในส่วนของร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่นวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี และดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน สองวาระไม่ได้ ไม่สอดคล้องกับกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้จำกัด วาระการดำรงตำแหน่งของผู้บริหาร จึงสมควรแก้ไขให้สอดคล้องกัน ตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี และให้ส่ง คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 916 | รายงานความคืบหน้าการทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียนตามมติคณะรัฐมนตรี | กษ | 07/09/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความคืบหน้าการทบทวนระบบ
บริหารจัดการนมโรงเรียน ตามมติคณะรัฐมนตรี ดังนี้ 1. คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2553 มี มติเห็นชอบหลักเกณฑ์ และแนวทางปฏิบัติโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ภาคเรียนที่ 1/2553 และให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติ ซึ่งมีสาระสำคัญได้แก่ 1.1 หลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 1.2 หลักเกณฑ์การจัดสรรสิทธิและพื้นที่จำหน่ายนมโรงเรียนให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 1.3 แนวปฏิบัติในการจัดซื้อนมโรงเรียนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และโรงเรียนเอกชน 1.4 แนวปฏิบัติการในการขนส่งและเก็บรักษานมโรงเรียน 1.5 มาตรการควบคุม กำกับ ดูแลการจำหน่ายนมในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน 1.6 ราคาจัดซื้อนมโรงเรียน กำหนดให้ลดจากราคากลางเดิมที่กำหนดไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 13 พฤษภาคม 2552 โดยนมพาสเจอร์ไรส์ลดลงถุงล ะ 0.20 บาท และ นม ยู.เอช.ที. ลดลงกล่อง/ซองละ 0.25 บาท ยกเว้นพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา เฉพาะ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสะบ้าย้อย นาทวี เทพา และจะนะ เฉพาะนม ยู.เอช.ที. ให้จัดซื้อในราคากลางเดิม 2. ผลการดำเนินงาน ได้คัดเลือกผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ สำหรับภาคเรียนที่ 1/2553 รวม ทั้งสิ้น 68 ราย และสามารถจัดสรรสิทธิและพื้นที่การจำหน่ายนมโรงเรียนในระดับพื้นที่จังหวัดทั้ง 76 จังหวัด โดย แยกประเภทผู้ซื้อเป็น อปท. จำนวน 7,851 แห่ง จำนวนนักเรียน 6,712,737 คน และเป็นโรงเรียนเอกชนสังกัด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จำนวนนักเรียน 1,411,450 คน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการนม โรงเรียนทั้ง 68 ราย รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรตามบันทึกข้อตกลง (MOU) รวม 1,211 ตันต่อวัน
|
|||||||||||||||||||||
| 917 | ของบประมาณเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 โครงการจัดสวัสดิการเบี้ยความพิการ | มท | 24/08/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ใช้จ่ายงบประมาณเป็นค่าใช้จ่าย สำหรับสนับสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่ผู้พิการหรือทุพพลภาพ จำนวน 25,082 คน เป็นเงิน 75,246,000 บาท โดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณที่ได้มีการกันไว้ตามระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการเบิกจ่าย เงินจากคลังเป็นลำดับแรกก่อน หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่เห็นควรตรวจสอบข้อมูลคนพิการที่มีสิทธิได้รับเบี้ยความพิการให้ถูกต้องตรงกับข้อมูลของกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำหรับการจ่ายเบี้ยความพิการให้แก่คนพิการที่มีสิทธิจะต้องเป็นคน พิการที่ลงทะเบียนและยื่นคำขอรับเงินเบี้ยความพิการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยกำหนด และควรจ่ายตาม ระยะเวลาที่ได้ลงทะเบียนไว้ ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 918 | ผลการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด ครั้งที่ 3/2553 | นร | 24/08/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผล
การประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด ครั้งที่ 3/2553 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับ ไปดำเนินการตามมติที่ประชุม ดังนี้ 1. รับทราบความก้าวหน้าโครงการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง จังหวัดระยอง โดยมอบหมายหน่วยงานดำเนินการ ดังนี้ 1.1 ให้เทศบาลเมืองมาบตาพุดเร่งรัดหารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายโครง การขนถ่ายขยะมูลฝอยออกจากบ่อฝังกลบขยะเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณดำเนินงานต่อไป 1.2 ให้เทศบาลเมืองมาบตาพุดจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการโครงการขนถ่ายขยะมูลฝอยภายหลัง จากลงนามในสัญญาจ้างแล้ว และพิจารณาการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมซึ่งมีภาคประชาชนเข้าร่วมเป็นกรรมการ 1.3 ให้การประปาส่วนภูมิภาคจัดทำรายชื่อชุมชนที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการพัฒนาระบบประปา ประกอบด้วยโครงการก่อสร้างขยายเขตจำหน่ายน้ำประปา พื้นที่อำเภอเมืองระยอง และโครงการสร้างปรับปรุงท่อ และขยายเขตจำหน่ายน้ำพื้นที่เทศบาลเมืองมาบตาพุด และเทศบาลเมืองบ้านฉาง เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนทราบ และติดตาม/ตรวจสอบความก้าวหน้าโครงการได้ 2. เห็นชอบในรายละเอียดการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนมาบตาพุด ระยะต่อเนื่อง ประกอบ ด้วยโครงการติดตั้งชุดตรวจวัดสารอินทรีย์ระเหยง่ายแบบต่อเนื่องและป้ายแสดงผลคุณภาพสิ่งแวดล้อม ของกรมควบ คุมมลพิษ โครงการก่อสร้างสถานีตรวจวัดคุณภาพน้ำและติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพน้ำแบบอัตโนมัติ และโครงการ จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในชุมชน ของเทศบาลเมืองมาบตาพุด และให้นำเสนอคณะกรรมการพัฒนา พื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกเพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ในการบริหารจัดการศูนย์เฝ้าระวังฯ ให้มีภาคประชาชน ร่วมเป็นคณะกรรมการไตรภาคี ประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และ โรงงานอุตสาหกรรม 3. มอบหมายให้เทศบาลเมืองมาบตาพุดเป็นหน่วยงานหลักประสานการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและ ที่ดินงอกในพื้นที่มาบตาพุดให้กับชุมชนร่วมกับจังหวัดระยอง และหากมีปัญหาในการดำเนินงาน ให้นำเสนอในการ ประชุมครั้งต่อไป 4. รับทราบผลการประชุมหารือเรื่อง การจัดตั้งกองทุนในพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง และแผนการยก ระดับศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมระยอง เป็นสถาบันภายใต้กระทรวงสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||
| 919 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ที่มีข้อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นการเฉพาะ | สช | 16/08/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2552 มติที่ 6 โรคติดต่ออุบัติใหม่ ซึ่งคณะกรรมการ สุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ในการประชุมครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2553 พิจารณาเห็นชอบให้คณะ กรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกันควบคุม และแก้ไขสถานการณ์โรคไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ระบาดใหญ่ และโรคระบาดร้ายแรงในมนุษย์ เป็นกลไกดำเนินการตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2552 โดยให้ คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมฯ นำมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินการทั้ง เรื่ององค์ประกอบของคณะกรรมการ บทบาทการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ เพื่อการบริหารจัดการโรคติดต่ออุบัติใหม่ แบบบูรณาการภายในระยะเวลา 1 ปี และการจัดทำข้อเสนอจัดตั้งกลไกระดับชาติเพื่อจัดการปัญหาโรคติดต่ออุบัติ ใหม่ที่มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีส่วนร่วมต่อไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติที่เกี่ยวข้อง ต่อไป ตามที่สำนักงาน คสช. เสนอ 2. ให้คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมฯ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เห็นควรเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมฯ ในส่วนของผู้แทนองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ผู้แทนภาคประชาสังคม และผู้แทนสื่อมวลชน ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาไปสู่ การปฏิบัติได้รวดเร็ว สามารถหยุดยั้งปัญหาไม่ให้ลุกลามบานปลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 920 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | นร | 03/08/2553 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่
28 กรกฎาคม 2553 และวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม 2553 ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
.....
