ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 44 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 861 - 880 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 861 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเด็กเล็ก | กค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเด็กเล็ก โดยกำหนดมาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนจัดตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กในสถานประกอบกิจการเพื่อเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานให้แก่ลูกจ้างโดยไม่ถือเป็นประโยชน์เพิ่ม และจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนช่วยสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและกิจกรรมของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในท้องถิ่น ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา และร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเท่ากับรายจ่ายตามจำนวนและหลักเกณฑ์ที่กำหนดในการสนับสนุนในการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กในสถานประกอบกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แล้วแต่กรณี ๑.๒.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้ที่คำนวณได้จากมูลค่าที่ลูกจ้างได้รับจากการนำบุตรของลูกจ้างไปอยู่ในความดูแลของสถานรับเลี้ยงเด็กตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก ที่นายจ้างจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสวัสดิการในการดูแลบุตรของลูกจ้าง ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรพิจารณามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเด็กเล็กให้ครอบคลุมแก่ผู้ดำเนินกิจการสถานรับเลี้ยงเด็กที่ไม่ได้จัดตั้งในสถานประกอบกิจการ รวมทั้งเห็นควรให้ภาคเอกชนที่สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและกิจกรรมของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในศาสนสถานได้รับการลดหย่อนภาษีเช่นเดียวกันกับที่ภาคเอกชนสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีแนวทางการพิจารณากระบวนการตรวจสอบรายจ่าย หรือยอดการบริจาคเงินที่ชัดเจน และควรดำเนินการปฏิรูประบบภาษีทั้งระบบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 862 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการน้ำชุมชน และการบริหารจัดการพื้นที่ที่มีการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งมีผลความคืบหน้าในการดำเนินการ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องตามพระราชดำริ ได้แก่ โครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการฐานข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาออกแบบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับรองรับการพัฒนาฐานข้อมูลและการบริหารจัดการฐานข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพและทันสมัย โดยจัดทำโปรแกรมระบบฐานข้อมูลและสารสนเทศด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสามารถนำเข้า สืบค้น เชื่อมโยงข้อมูลเพื่อการบริหารตัดสินใจและบริการอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้ดำเนินการจัดทำแผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๒ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความพร้อมของประเทศในการรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นแนวทางการพัฒนารองรับสถานการณ์อย่างเป็นระบบในระยะยาว นอกจากนี้ ได้มีการประสานและเสนอผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ร่วมทำงานและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change - IPCC) ๒. การจัดการน้ำชุมชน ได้จัดทำโครงการการจัดการน้ำชุมชน เพื่อให้มีการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาโดยกระบวนการของชุมชน โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่และเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้เข้ามามีส่วนร่วมและใช้สิทธิในการจัดการทรัพยากรในท้องถิ่นของตนเอง ๓. การบริหารจัดการพื้นที่ที่มีการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ได้ดำเนินการสร้างองค์ความรู้ให้แก่ประชาชน องค์กรชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ชายฝั่งของประเทศ และฟื้นฟูแนวชายฝั่งด้วยระบบธรรมชาติทั้งป่าชายเลน และป่าชายหาด รวมทั้งศึกษาวิจัยรูปแบบและวิธีป้องกัน รักษา และฟื้นฟูป่าชายเลนและป่าชายหาดที่เสื่อมโทรมจากการกัดเซาะชายฝั่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 863 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินเดือน เงินเพิ่ม เงินค่าเบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่นของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ข้าราชการการเมืองอื่น ของกรุงเทพมหานคร และกรรมการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาดำเนินการปรับอัตราเงินเดือนหรือค่าตอบแทนให้แก่ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและพนักงานส่วนท้องถิ่นให้เหมาะสมทั้งระบบให้สอดคล้องกับการปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญและข้าราชการประเภทอื่น แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาพร้อมกับร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินเดือน เงินเพิ่ม เงินค่าเบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่นของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ข้าราชการการเมืองอื่นของกรุงเทพมหานคร และกรรมการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 864 | ผลการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาคใต้ของคณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | นร | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่มในภาคใต้ ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท รวม ๑๐ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา กระบี่ พังงา สตูล และนราธิวาส ตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือที่คณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตาม การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) กำหนด ในกรอบไม่เกินจำนวน ๕๗๙,๐๖๒ ครัวเรือน รวมงบประมาณทั้งสิ้นไม่เกิน ๒,๘๙๕,๓๑๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ประเมินเบื้องต้น ต้องมีการตรวจสอบให้มีความถูกต้องชัดเจนก่อนจ่ายเงินช่วยเหลือ ทั้งนี้ ให้เป็นการช่วยเหลือกรณีพิเศษเฉพาะภัยพิบัติครั้งนี้เท่านั้น และให้ถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้ โดยจ่ายผ่านธนาคารออมสิน ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธาน คชอ. เสนอ ๒. เห็นชอบหลักเกณฑ์และแนวทางการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท สำหรับอุทกภัยตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๔ ให้สิ้นสุดในเวลา ๓ เดือน ภายในวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธาน คชอ. เสนอ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่มในภาคใต้ดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 865 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า ในการตรวจสอบการดำเนินงานควรระบุให้ชัดเจนว่า เรื่องใดเป็นเรื่องไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบ เรื่องใดเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโครงการซึ่งดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือประชาชนหรือเกษตรกร ซึ่งรัฐบาลอาจต้องรับภาระในการขาดทุนอยู่แล้ว และควรระบุให้ชัดเจนว่า เป็นการตรวจสอบทางบัญชีด้วย รวมทั้งให้ส่งความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาการทุจริตของหน่วยรับตรวจ การให้ความรู้เพิ่มเติมและประชาสัมพันธ์ในเรื่องกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของทางราชการ วิธีการจัดทำงบประมาณ การบัญชี การเงิน การพัสดุ และอื่น ๆ แก่หน่วยงานราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) การวางแผนและการบริหารจัดการที่ดีเพื่อให้จำนวนหน่วยรับตรวจที่ตรวจเสร็จและออกรายงานมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นและเร็วขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ รวมทั้งการกำหนดมาตรการให้ทุก อปท. ต้องบันทึกข้อมูลเข้าระบบการบริหารการคลังของ อปท. ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Electronic Local Administration Accounting System : e - LAAS) ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำผลการตรวจสอบไปปฏิบัติหรือดำเนินการปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยในส่วนที่เกี่ยวกับราชการส่วนท้องถิ่นให้กระทรวงมหาดไทยกำกับและติดตามตรวจสอบการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามข้อ ๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 866 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | นร | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๒,๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยเป็นนโยบายงบประมาณขาดดุลจำนวน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท รายได้สุทธิจำนวน ๑,๙๐๐,๐๐๐ ล้านบาท และรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของกระทรวง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ๑.๒ แนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ดังนี้ ๑.๒.๑ ปรับปรุงรายละเอียดให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ภายในกรอบวงเงินของแต่ละกระทรวงหรือวงเงินของหน่วยงานที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ๑.๒.๒ งบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้สำหรับรายจ่ายผูกพันตามสัญญา ตามมติคณะรัฐมนตรี ตามกฎหมาย รายจ่ายชำระหนี้ เงินอุดหนุนที่จัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนรายจ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายบุคลากรและค่าสาธารณูปโภค ไม่ควรเปลี่ยนแปลงรายการไปจัดสรรให้รายการอื่น ๆ ๑.๒.๓ เพื่อรักษาสัดส่วนรายจ่ายลงทุนของแต่ละกระทรวงให้อยู่ในระดับที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้ในภาพรวม จึงไม่ควรเปลี่ยนแปลงรายจ่ายลงทุนไปเพิ่มในรายจ่ายประจำ ๑.๒.๔ การปรับปรุงงบประมาณไม่ควรเพิ่มรายการใหม่ที่มีภาระผูกพันงบประมาณในปีต่อ ๆ ไป ๑.๓ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น นำเสนอการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามแนวทางข้อ ๑.๒ เสนอนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อให้ความเห็นชอบและส่งผลการพิจารณาข้อเสนอการปรับปรุงให้สำนักงบประมาณภายในวันอังคารที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๔ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันอังคารที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ ๒. เห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอขอแก้ไขข้อความในหนังสือสำนักงบประมาณ ลับ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๖/๑๑๐๗๖ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๔ ดังนี้ ๒.๑ หน้า ๑ จากเดิม “ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ และวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๔ ...” เป็น “ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ และวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๔ ...” ๒.๒ หน้า ๑๐ จากเดิม “(๑) ปรับปรุงรายละเอียดให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ...” เป็น “(๑) ปรับปรุงรายละเอียดให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ...”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 867 | การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2554 | มท | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เสนอแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๔ ซึ่งคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๔ เห็นชอบแผนดังกล่าวแล้ว โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ช่วงเวลาการดำเนินการรณรงค์ ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๗ เมษายน ๒๕๕๔ รวม ๗ วัน โดยมีเป้าหมายการดำเนินการเพื่อลดจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ (admit) ให้ลดลงร้อยละ ๕ และให้หน่วยงานส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการเน้นหนัก ๕ มาตรการ ได้แก่ มาตรการด้านการบริหารจัดการ มาตรการด้านการบังคับใช้กฎหมาย มาตรการด้านวิศวกรรมจราจร มาตรการด้านการประชาสัมพันธ์ มาตรการด้านการบริการการแพทย์ฉุกเฉิน การกู้ชีพ กู้ภัย ๒. ช่วงเวลาในการดำเนินงาน กำหนดเป็น ๒ ช่วง ดังนี้ ๒.๑ ช่วงเตรียมความพร้อม ระหว่างวันที่ ๒๔ มีนาคม - ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดเตรียมความพร้อมและดำเนินงานในภารกิจต่าง ๆ การจัดทำแผนงานดำเนินงาน เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งด้านการปฏิบัติและงบประมาณ ตลอดจนการประสานความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการณรงค์ประชาสัมพันธ์และตั้งจุดตรวจตักเตือนประจำชุมชน หมู่บ้าน และให้มีการจัดตั้งจุดตรวจเพื่อดำเนินการบังคับใช้กฎหมายจราจร ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ๒.๒ ช่วงปฏิบัติการเข้มข้น ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๗ เมษายน ๒๕๕๔ ให้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ในระดับจังหวัด อำเภอ และการดำเนินการตามมาตรการเน้นหนัก ๓. แผนการดำเนินงาน แบ่งเป็น ๔ แผนงาน ดังนี้ ๓.๑ แผนงานที่ ๑ การจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๔ ๓.๒ แผนงานที่ ๒ การจัดตั้งจุดตรวจร่วม/ด่านตรวจร่วม บนเส้นทางสายหลัก (เส้นทางหลวงแผ่นดิน) และสายรอง (เส้นทางหลวงชนบท และเส้นทางขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ๓.๓ แผนงานที่ ๓ การตั้งจุดสกัดประจำชุมชน หมู่บ้าน ๓.๔ แผนงานที่ ๔ การตั้งหน่วยสนับสนุน และบริการประชาชนระดับพื้นที่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 868 | รายงานความก้าวหน้าโครงการจัดการน้ำชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ในพื้นที่นอกเขตชลประทานโดยชุมชนอย่างยั่งยืน 84 แห่ง | วท | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) (สสนก.) รายงานความก้าวหน้าโครงการจัดการน้ำชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ในพื้นที่นอกเขตชลประทานโดยชุมชนอย่างยั่งยืน ๘๔ แห่ง สรุปผลการดำเนินงานได้ ดังนี้
๑. โครงสร้างของการบริหารจัดการน้ำชุมชน บริหารจัดการน้ำโดยชุมชนเป็นเจ้าของในการพัฒนาโครงสร้างน้ำ รวมทั้งวางแผนบนพื้นฐานของการพึ่งตนเองและประสานการทำงานร่วมกับ สสนก. และเครือข่ายความร่วมมือและวิชาการ ๒. โครงสร้างและหน้าที่ แบ่งการรับผิดชอบเป็น ๓ องค์ประกอบ ได้แก่ ๒.๑ สสนก. ทำหน้าที่บริหารโครงการและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการจัดการน้ำ ๒.๒ เครือข่ายความร่วมมือและเครือข่ายความรู้และวิชาการ ทำหน้าที่ประสานงานและปฏิบัติงานร่วมกับชุมชน ๒.๓ ชุมชน ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และคณะกรรมการน้ำชุมชน/หมู่บ้าน ทำหน้าที่ดำเนินงานโครงการ ๓. การดำเนินงานมี ๔ ระยะ ได้แก่ ๓.๑ ระยะที่ ๑ รวบรวมข้อเท็จจริงและสรุปสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไข ๓.๒ ระยะที่ ๒ เขียนแผนงานและจัดทำโครงการ ๓.๓ ระยะที่ ๓ ติดตาม ประเมิน ทบทวน ขยายผล ๔. ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ ๘๔ แห่ง ประกอบด้วย ภาคเหนือ ๓๗ แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒๕ แห่ง ภาคกลาง ๑๑ แห่ง และภาคใต้ ๑๑ แห่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 869 | ยุทธศาสตร์การปฏิรูประบบการเงินเพื่อการศึกษา | ศธ | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการ/แนวคิด ยุทธศาสตร์และกลไกการปฏิรูประบบการเงินเพื่อการศึกษา ซึ่งเป็นการปฏิรูประบบการเงินเพื่อการศึกษาในระดับขั้นพื้นฐานและการปฏิรูประบบการเงินเพื่อการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ตามกรอบแนวทางการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๖๑) ที่ให้นำเครื่องมือทางการเงินมาเป็นกลไกในการปรับประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรทางการศึกษา และให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ตามกรอบหลักการแนวคิดยุทธศาสตร์การปฏิรูประบบการเงินเพื่อการศึกษา รวมทั้งให้แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูประบบการเงินเพื่อการศึกษา เพื่อดำเนินงานตามกรอบหลักการ/แนวคิด และยุทธศาสตร์การปฏิรูประบบการเงินเพื่อการศึกษา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงาน ก.พ. สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการ คปร. เกี่ยวกับการสนับสนุนงบประมาณให้กับกองทุนเงินให้เปล่าสำหรับผู้เรียนด้อยโอกาส/ยากจน และค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาอื่น ๆ ตามยุทธศาสตร์การเงินการคลังเพื่อการศึกษาขั้นพื้นฐานและเพื่อการอุดมศึกษา อาจส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณ กระทรวงศึกษาธิการควรประเมินผลกระทบจากการปฏิรูปการจัดการศึกษาต่องบประมาณรายจ่ายด้านการศึกษา และดำเนินการปฏิรูปโดยใช้ทรัพยากรในการจัดการศึกษาที่มีอยู่เดิมก่อน ส่วนการถ่ายโอนกิจการด้านการจัดการศึกษาควรพิจารณาถึงความพร้อมในการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลต่อคุณภาพการให้บริการซึ่งมีผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว นอกจากนี้ การปฏิรูประบบการเงินเพื่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและความเป็นไปได้ และกำหนดแนวทางดำเนินงานอย่างเป็นขั้นตอนและสอดคล้องกับทุกฝ่าย เนื่องจากผู้เรียนยังไม่มีความรู้เพียงพอที่จะเลือกสถานศึกษาได้ด้วยตนเอง รวมทั้งควรดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรด้านการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล โดยมีการระดมทรัพยากรและทุน มีการจัดสรร การติดตาม ประเมินผลและการตรวจสอบอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะกลไกเชิงระบบการติดตามและประเมินประสิทธิภาพประสิทธิผลและความคุ้มค่าในด้านการดำเนินงาน (Performance Audit) ด้านการบริหารจัดการ (Management Audit) และด้านการเงิน (Financial Audit) เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรทางการศึกษาของสถานศึกษาส่งผลถึงผู้เรียนให้ได้รับบริการการศึกษาที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่ายุทธศาสตร์แต่ละด้านที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ เป็นเพียงกรอบในการดำเนินการ ซึ่งยังไม่มีรายละเอียด ดังนั้น ในขั้นการแปลงยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำรายละเอียด แนวทางการดำเนินการที่ชัดเจน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งก่อนดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 870 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินงานตามแผนปฏิรูปประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย | นร | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กระดับตำบลแห่งละ ๒ ล้านบาท จำนวน ๙๙ แห่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๙๘ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ รายการงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน ๑.๒ อนุมัติหลักการในการใช้สถานที่โรงเรียนขนาดเล็กมาดำเนินการเป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในระดับตำบล โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงมหาดไทยภายใต้การกำกับดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กระดับตำบล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเสนอขอตั้งค่าใช้จ่ายไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามขั้นตอนต่อไป ส่วนการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กระดับตำบลที่ยังไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนในครั้งนี้ จำนวน ๓๐๘ แห่ง ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งสำรวจความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละแห่ง โดยอาจขอความร่วมมือการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจากภาคเอกชนในพื้นที่หรือประสานกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อใช้สถานที่โรงเรียนขนาดเล็กที่ไปหลอมรวมเป็นโรงเรียนดีประจำตำบลมาดำเนินการเป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในระดับตำบลในสังกัดของ อปท. ต่อไป และหากไม่ได้รับการสนับสนุนในการดำเนินการดังกล่าว ก็ให้เสนอขอตั้งค่าใช้จ่ายไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ กรณีโรงเรียนดีประจำตำบลแห่งใดที่มีความพร้อมและได้รับการสนับสนุนจาก อปท. ก็ให้พิจารณาจัดตั้งเป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กระดับตำบลด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 871 | การปรับปรุงซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสียและระบบกำจัดขยะมูลฝอยที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย | ทส | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติยให้กระทรวงมหาดไทยรับเรื่อง การปรับปรุงซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสียและระบบกำจัดขยะมูลฝอยที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ไปประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบข้อมูลและเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสียและระบบกำจัดขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ยังไม่ได้ดำเนินการหรืออยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเองเป็นลำดับแรก และหากมีความจำเป็นต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม ก็ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณตามโครงการช่วยเหลือฟื้นฟูความเสียหายจากภัยพิบัติด้านอุทกภัยของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยให้เสนอขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 872 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของนายนิคม สังฆรักษ์ (นายนิธิรักษ์ สังฆรักษ์ ผู้สืบสันดานของนายนิคม สังฆรักษ์) ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช | อก | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคใต้ และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ) และวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ (เรื่อง การอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้) เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของนายนิคม สังฆรักษ์ (นายนิธิรักษ์ สังฆรักษ์ ผู้สืบสันดานของนายนิคม สังฆรักษ์) ตามคำขอที่ ๖/๒๕๔๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาคุณภาพน้ำอย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพน้ำท่าในบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ที่ทำเหมืองแร่ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ เป็นเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตประทานบัตรและกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวโดยเคร่งครัด และข้อสังเกตของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เจ้าของพื้นที่หรือนอกเขตพื้นที่ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมหรือสุขอนามัยของประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนหรือกระบวนการตรวจสอบ กำกับดูแลเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมจากการที่ผู้ขอประทานบัตรรายงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และในการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมในพื้นที่ดังกล่าวจะต้องแจ้งให้ อปท. เจ้าของพื้นที่หรือนอกเขตพื้นที่ซึ่งอาจมีผลกระทบได้ทราบว่ามีกองทุนสุขภาพอนามัยในช่วงการทำเหมืองหินอุตสาหกรรมเพื่อประกันความเสี่ยงสุขภาพของประชาชนในพื้นที่หรือบริเวณใกล้เคียงและแสดงผลการดำเนินงานกองทุนให้ อปท. ทราบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 873 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังศิลา ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช | อก | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคใต้ และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ) และวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ (เรื่อง การอนุญาตให้เข้าทำประโยขน์ในพื้นที่ป่าไม้) เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังศิลา ตามคำขอที่ ๗/๒๕๔๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตาสหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาคุณภาพน้ำอย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพน้ำท่าในบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ที่ทำเหมืองแร่ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ เป็นเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตประทานบัตรและกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวโดยเคร่งครัด และข้อสังเกตของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เจ้าของพื้นที่หรือนอกเขตพื้นที่ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมหรือสุขอนามัยของประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนหรือกระบวนการตรวจสอบ กำกับดูแลเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมจากการที่ผู้ขอประทานบัตรรายงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และในการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมในพื้นที่ดังกล่าวจะต้องแจ้งให้ อปท. เจ้าของพื้นที่หรือนอกเขตพื้นที่ซึ่งอาจมีผลกระทบได้ทราบว่ามีกองทุนสุขภาพอนามัยในช่วงการทำเหมืองหินอุตสาหกรรมเพื่อประกันความเสี่ยงสุขภาพของประชาชนในพื้นที่หรือบริเวณใกล้เคียงและแสดงผลการดำเนินงานกองทุนให้ อปท. ทราบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 874 | (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2555 - 2559 | กก | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
๑. เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ และให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนงานด้านการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเสนอ โดย (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวในระดับโลก รวมทั้งสามารถสร้างรายได้และกระจายรายได้ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่
๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการท่องเที่ยว ๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน ๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนาสินค้า บริการ และปัจจัยสนับสนุนการท่องเที่ยว ๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมการท่องเที่ยว ๑.๕ ยุทธศาสตร์ที่ ๕ การส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคประชาชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยว ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการสร้างจุดขายใหม่ด้านการท่องเที่ยวโดยตั้งเป้าให้เป็น Hospitality and Wellness Center of the World เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวระดับบน การกำหนดเป้าหมายด้านรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งการเพิ่มระยะการพำนักและค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยวแทนการเพิ่มยอดนักท่องเที่ยว การให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนในสาขาท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนามัคคุเทศก์ให้ได้มาตรฐานทั้งทักษะด้านภาษาต่างประเทศ ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย การให้ความสำคัญต่อมาตรการกำกับดูแล ไม่พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างไร้ทิศทาง และไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และเอกลักษณ์ของท้องถิ่น รวมทั้งการให้ความสำคัญต่อการสอดส่องดูแลและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับโฆษณาชวนเชื่อที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านลบของการท่องเที่ยวไทย การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร การพัฒนาสินค้าและกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างความโดดเด่นในระดับภูมิภาค และการให้ความสำคัญกับการสร้างทางเลือกใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สำหรับการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนพัฒนาด้านการท่องเที่ยวฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับการใช้จ่ายงบประมาณ (Redeploy) ของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรในแต่ละปีงบประมาณให้สอดคล้องตามแผนพัฒนาด้านการท่องเที่ยวฯ เป็นลำดับแรก และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานเจ้าภาพในการบูรณาการการจัดทำความต้องการงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการจัดทำงบประมาณที่ซ้ำซ้อนหรือการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่คุ้มค่า รวมทั้งกำหนดวงรอบในการติดตามและประเมินผลที่ชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 875 | รายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เรื่อง การสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ (การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ) | นร | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) รายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เรื่อง การสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ (การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ) สรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณตามโครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ งวดที่ ๑ เป็นเงิน ๑๕,๕๓๔,๑๕๖,๐๐๐ บาท ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้มีหนังสือถึงจังหวัดเพื่อจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในงวดที่ ๑ จำนวน ๖ เดือน (ตุลาคม ๒๕๕๓ - มีนาคม ๒๕๕๔) จำนวน ๕,๑๗๘,๐๕๒ คน เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๕,๕๓๔,๑๕๖,๐๐๐ บาท พร้อมแนวทางปฏิบัติ ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไปแล้ว ๔ เดือน (ตุลาคม ๒๕๕๓ - มกราคม ๒๕๕๔) ๒. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ในการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ วงเงิน ๖,๗๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้ผู้สูงอายุทั้ง ๗๕ จังหวัดแสดงความประสงค์เพื่อขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจนถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๓. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ว่าจ้างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังดำเนินโครงการศึกษาการปรับปรุงรูปแบบการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดยประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและพัฒนาระบบต้นแบบ และได้นำเสนอผลการศึกษาต่อที่ประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบภารกิจเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเป็นส่วนราชการเจ้าของงบประมาณจัดทำงบประมาณในรูปแบบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพื่อใช้จ่ายในโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นการเฉพาะ รวมทั้งพัฒนารูปแบบการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในรูปแบบการจ่ายเบี้ยยังชีพผ่านระบบธนาคารไปยังผู้สูงอายุโดยตรง โดยให้ดำเนินการลักษณะเป็นโครงการนำร่องในเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ที่มีสถาบันทางการเงินให้บริการในพื้นที่ ตลอดจนพัฒนากระบวนการการลงทะเบียนและการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดยการเชื่อมโยงข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก โดยใช้ระบบ Off Line ข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์จากระบบทะเบียนราษฎร์ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 876 | ขออนุมัติแผนการก่อสร้างสนามกีฬาอำเภอและตำบล | กก | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการแผนการก่อสร้างสนามกีฬาอำเภอและตำบล (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ประกอบด้วย แผนการก่อสร้างสนามกีฬาระดับอำเภอ ๖๙๐ อำเภอ วงเงิน ๑๖,๕๖๐ ล้านบาท และแผนการก่อสร้างสนามกีฬาระดับตำบล ๑,๑๑๔ ตำบล วงเงิน ๑๓,๓๖๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการก่อสร้างสนามกีฬาและแผนการใช้จ่ายเงินตามลำดับความสำคัญและจำเป็น รวมทั้งประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมให้ความเห็นในการเลือกใช้สถานที่ก่อสร้างที่เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจัดทำแผนการถ่ายโอนสนามกีฬาที่ก่อสร้างแล้วเสร็จให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบริหารจัดการและใช้ประโยชน์ต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงมหาดไทย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการจัดทำแผนการถ่ายโอนสนามกีฬาอำเภอและตำบลที่ก่อสร้างแล้วเสร็จให้แก่ อปท. เพื่อให้ อปท. มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้านกีฬา จัดทำแผนสนับสนุนงบประมาณให้แก่ อปท. ที่รับถ่ายโอนภารกิจสนามกีฬาสำหรับการบำรุงรักษา การจัดหาอุปกรณ์กีฬา และออกกำลังกาย และครูผู้ฝึกสอนกีฬา รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือแนะนำทางเทคนิควิชาการเพื่อให้ อปท. ที่รับโอนภารกิจสนามกีฬาสามารถดำเนินการได้อย่างมีมาตรฐานและมีคุณภาพเท่าเทียมระดับสากล นอกจากนี้ ให้ อปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่หาแนวทางในการปลูกฝังและรณรงค์ให้ประชาชนรักการออกกำลังกายและเห็นถึงความสำคัญของการเล่นกีฬามากกว่ามุ่งเน้นพัฒนาแต่โครงสร้างพื้นฐาน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 877 | โครงการเมืองต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืน พื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตกของอ่าวไทย ชะอำ-หัวหิน เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 | มท | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการพัฒนาเมืองต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืน พื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตกของอ่าวไทย ชะอำ - หัวหิน โดยมีนายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง เป็นที่ปรึกษา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และปลัดกระทรวงมหาดไทยและปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและแนวทางการดำเนินงานโครงการเมืองต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืนฯ จัดทำแผนแม่บทการดำเนินโครงการและเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ รวมทั้งเสนอโครงการหรือกิจกรรมที่จะดำเนินการในพื้นที่โครงการที่เกินอำนาจหน้าที่และขีดความสามารถที่ท้องถิ่นจะสนับสนุนดำเนินการได้ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้เพิ่มผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ ด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการนำตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติไปใช้ในกิจกรรมของโครงการ ให้นำไปใช้ด้วยความระมัดระวัง เหมาะสมและสมพระเกียรติ และในการจัดทำรายละเอียดโครงการ ควรให้ความสำคัญกับแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงวิถีชีวิต วัฒนธรรม สู่ความเป็นเอกลักษณ์ของเมือง และให้น้ำหนักกับการบริหารจัดการมากกว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวพระราชดำริที่ได้พระราชทานไว้ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มาใช้ โดยเฉพาะโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นต้นแบบของการพัฒนาในรูปแบบการบูรณาการอย่างสมดุลและยั่งยืน นอกจากนี้ เพื่อให้การดูแลบำรุงรักษาสิ่งสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดิมเข้าสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ควรมีการจัดทำแผนถ่ายโอนภารกิจและทรัพย์สินที่ชัดเจนและมีการนำแผนไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 878 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ (การจัดการน้ำและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) | มท | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามพระราชดำริในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ (การจัดการน้ำและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงมหาดไทยได้ศึกษาค้นคว้า รวบรวมแนวคิด ทฤษฎี หลักการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริ และประชุมสัมมนาร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญจากส่วนราชการ/หน่วยงานในการบริหารจัดการน้ำ และนำมาเรียบเรียงจัดทำหนังสือการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นคู่มือให้จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศใช้ศึกษาและเป็นแนวทางปฏิบัติงาน รวมทั้งประกอบการจัดทำแผนงาน/โครงการการบริหารจัดการน้ำอย่างมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่ นอกจากนี้ ได้นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง เช่น ระบบการเตือนภัยและติดตามสถานการณ์น้ำ โครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีเพื่อการจัดการน้ำ และการปรับปรุงจัดการน้ำในระดับเมือง และระดับชุมชน ๒. การดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ศึกษา ค้นคว้า วิจัยและพัฒนา และตั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กที่ใช้เงินลงทุนต่ำเพื่อสกัดน้ำมันปาล์มดิบจำหน่าย และนำผลพลอยได้ไปใช้ประโยชน์พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันของสมาชิกสหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด ได้รับประโยชน์จำนวน ๓,๙๘๐ ครัวเรือน ส่วนสหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด ได้จัดทำโครงการปรับปรุงโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้งนี้ โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของสหกรณ์ใช้น้ำมันปาล์มดิบในการทอดผลปาล์มตามกระบวนการผลิตเฉลี่ย ๔๐๐ ลิตร/รอบการผลิต สหกรณ์จึงมีโครงการผลิตไบโอดีเซลเป็นพลังงานทดแทนโดยใช้น้ำมันปาล์มดิบที่ใช้แล้วมาเป็นวัตถุดิบ ๓. การดำเนินงานตามโครงการจัดพัฒนาที่ดินฯ ตามพระราชประสงค์หุบกะพง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพงได้ดำเนินการการปฏิรูปที่ดินโดยการพัฒนาที่ดินว่างเปล่า จัดสรรให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินในการเพาะปลูกเป็นของตนเองประกอบอาชีพตามวิธีการเกษตรแผนใหม่ แต่ไม่ให้กรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน และได้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดินจัดตั้งเป็นสหกรณ์การเกษตรโดยใช้หลักและวิธีการสหกรณ์แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับสมาชิกตั้งแต่เริ่มการผลิตจนถึงการจำหน่ายออกสู่ตลาด ส่วนสหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำกัด ได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการเลี้ยงไก่ไข่ระบบปิด โครงการปลูกป่านศรนารายณ์ โครงการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง โครงการสวนทับทิมไทย-อิสราเอล เป็นต้น สำหรับปัญหาเรื่องน้ำ การประกอบอาชีพ สังคมและสิ่งแวดล้อม กรมชลประทานได้ดำเนินการขุดลอกเพื่อขยายความจุของอ่างเก็บน้ำ การขอรับการสนับสนุนการทำฝนหลวงในพื้นที่ รวมทั้งการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 879 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2554 - 2556) ภายใต้แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. 2552 - 2556 | มท | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖) ภายใต้แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖ ดังนี้
๑. กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ได้แจ้งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และจัดส่งแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ให้หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงบประมาณเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณแก่หน่วยงานที่ร่วมบูรณาการตามแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ต่อไป ๑.๒ ให้หน่วยงานที่ร่วมบูรณาการทั้ง ๘๑ หน่วยงาน พิจารณาดำเนินการตามแนวทางการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ไปสู่การปฏิบัติ โดยให้นำแผนงาน/โครงการตามแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ไปบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการ ๔ ปี และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณดำเนินการต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ส่งให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๒. กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ได้รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปดำเนินการครบถ้วนทุกประการแล้ว ดังนี้ ๒.๑ ขั้นตอนการจัดทำแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ได้บูรณาการร่วมกับกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศแล้ว ซึ่งได้แจ้งว่าไม่มีแผนงาน/โครงการที่รองรับกิจกรรมตามแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ (ระยะ ๕ ปี) แต่ยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มขีดความสามารถหากเกิดภัยพิบัติขึ้น ๒.๒ จัดทำคู่มือเตรียมความพร้อมรับภัยจากคลื่นสึนามิของชุมชน และคู่มือชาวบ้านการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากคลื่นสึนามิ โดยแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เสี่ยงภัยคลื่นสึนามิ ได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ ๒.๓ กำหนดบรรจุโครงการสร้างระบบประเมินการเกิดคลื่นสึนามิและบูรณาการระบบการเตือนภัยคลื่นสึนามิของประเทศไทย วงเงิน ๖๗ ล้านบาท ไว้ในแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ โดยจะขอตั้งงบประมาณดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 880 | รายงานประจำปี 2552 (คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | นร | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการปฏิบัติงานการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ประกอบด้วย ๑.๑ การกระจายอำนาจด้านภารกิจ อำนาจหน้าที่ ได้แก่ ๑.๑.๑ การบริหารแผนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. (ฉบับที่ ๒) ด้านการถ่ายโอนภารกิจ ๑.๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาของ อปท. ในระดับอาชีวศึกษา ๑.๑.๓ ผลการดำเนินงานของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาของ อปท. ให้แก่สถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ๑.๑.๔ การจัดการศึกษาเด็กที่มีลักษณะพิเศษในโรงงานสังกัด อปท. ๑.๒ การกระจายอำนาจด้านการเงิน การคลัง และงบประมาณ ได้แก่ ๑.๒.๑ การปรับปรุงรายได้ของ อปท. ๑.๒.๒ การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรรายได้ของ อปท. ๑.๒.๓ การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่ อปท. ๑.๒.๔ เรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณ ๑.๓ การถ่ายโอนบุคลากรให้แก่ อปท. ๑.๔ การดำเนินการแก้ไขกฎหมาย ได้แก่ ๑.๔.๑ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ๑.๔.๒ การจัดทำหรือปรับปรุงกฎหมาย ๑.๕ การจัดตั้ง อปท. รูปแบบพิเศษ ๒. ผลการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ประกอบด้วย ๒.๑ การติดตามประเมินผล ๒.๑.๑ การตรวจติดตามสถานศึกษาที่ถ่ายโอนให้แก่ อปท. ๒.๑.๒ การตรวจติดตามการถ่ายโอนสนามกีฬาให้แก่ อปท. ๒.๒ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ๒.๓ การดำเนินงานตามมติ กกถ. ได้แก่ ๒.๓.๑ การฝึกอบรมหลักสูตรการเตรียมความพร้อมในการรับโอนภารกิจของ อปท. สำหรับผู้บริหาร อปท. ๒.๓.๒ การให้ความรู้การกระจายอำนาจแก่เครือข่ายภาคประชาชนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๒.๓.๓ การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนการสอนการเมืองการปกครองส่วนท้องถิ่นสำหรับครูผู้สอนวิชาสังคมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ๒.๓.๔ การเสริมสร้างความรู้การกระจายอำนาจแก่วิทยุชุมชน ๒.๓.๕ การเสริมสร้างความรู้ด้านกฎหมายท้องถิ่นและเทคนิคการจัดทำข้อบัญญัติท้องถิ่น ๒.๓.๖ การสัมมนาประเด็นการกระจายอำนาจ เรื่อง ทิศทางขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) กับการจัดบริการสาธารณะที่มีมาตรฐานสู่การสร้างนวัตกรรมการให้บริการ ๒.๓.๗ การประชุมชี้แจงแนวทางปฏิบัติในการบริหารจัดการศูนย์อบรมเด็กก่อนระดับประถมศึกษาในศาสนสถาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
