ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 290 จากทั้งหมด 568 หน้า แสดงรายการที่ 5781 - 5800 จากข้อมูลทั้งหมด 11341 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5781 | การแก้ไขปัญหาในการดำเนินงานโฉนดชุมชน | นร | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้มีการแก้ไขกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้มีภารกิจ อำนาจหน้าที่ในการดำเนินงานโฉนดชุมชน โดยให้สำนักงานโฉนดชุมชนเป็นหน่วยงานรองรับภารกิจอำนาจหน้าที่ดังกล่าว ตามที่คณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) เสนอ ๒. สำหรับขั้นตอนในการแก้ไขร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ) และเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓) ๓. เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานครพิจารณาดำเนินการปรับปรุงกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการดำเนินงานโฉนดชุมชนดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
5782 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน | กค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติ เห็นชอบ และรับทราบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ของกรมชลประทาน จำนวน ๓๗๐ โครงการ วงเงิน ๘๕๕.๒๙๒๗ ล้านบาท และอนุมัติการจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายจากการดำเนินงานของกรมชลประทาน ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ภายในกรอบวงเงิน ๘๕๕.๒๙๒๗ ล้านบาท ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายใดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย ๑.๒ อนุมัติให้ดำเนินโครงการและอนุมัติการจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายสำหรับโครงการพัฒนาการเรียนรู้แบบบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิชาชีพด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพิ่มเติม วงเงิน ๕๑๒.๕๓๘๓ ล้านบาท โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ จัดทำรายละเอียดแผนการบูรณาการโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแผนการกำหนดพื้นที่เป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณาก่อนนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ พิจารณาก่อนขอรับจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณ และเห็นชอบการยกเว้นดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เพื่อให้สามารถอนุมัติจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายสำหรับโครงการของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้ ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย ๑.๓ อนุมัติในหลักการให้โครงการที่มีระยะเวลาดำเนินงาน ๑ ปี ทั้งในส่วนที่เป็นงบลงทุนที่มีการลงนามในสัญญาแล้วและงบดำเนินงานสามารถดำเนินการและเบิกจ่ายได้ต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของโครงการ ทั้งนี้ หน่วยงานจะต้องดำเนินการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สำหรับส่วนที่เกินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้จัดหาแล่งเงินอื่นมาสนับสนุนการดำเนินโครงการต่อไป สำหรับโครงการที่ขอขยายระยะเวลาลงนามในสัญญาหรือโครงการที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่ายแต่ยังไม่ลงนามในสัญญาหรือยังไม่เริ่มดำเนินงาน ให้หน่วยงานเสนอระยะเวลาเบิกจ่ายเงิน รวมทั้งระยะเวลาดำเนินโครงการต่อคณะกรรมการฯ พิจารณาประกอบด้วย เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ หากไม่สามารถดำเนินการได้ทันเห็นควรยกเลิกโครงการ และรวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายภายใต้สาขาเศรษฐกิจนั้นต่อไป ๑.๔ เห็นชอบการระงับโครงการศึกษาฟื้นฟู อนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว ๑.๕ อนุมัติในหลักการให้กระทรวงสาธารณสุขปรับปรุงวงเงินโครงการสนับสนุนการปฏิบัติงานของเครือข่ายบริการทุกระดับ จำนวน ๒ รายการ ได้แก่ บ้านพักข้าราชการ ระดับ ๗ - ๘ โรงพยาบาลเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ และบ้านพักข้าราชการ ระดับ ๗ - ๘ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ โดยใช้เงินบำรุงสมทบวงเงิน ๑๒๐,๖๐๐ บาท สำหรับรายการจัดซื้อจัดจ้างที่สูงกว่าวงเงินที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับอนุมัติ ๑.๖ อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดฯ วงเงินไม่เกิน ๗๐,๑๖๙.๗๑ ล้านบาท เพื่อลดความเสี่ยงในการบริหารหนี้และกระจายภาระการชำระหนี้ของรัฐบาล ๑.๗ อนุมัติให้ดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) วงเงิน ๑๘,๐๕๓.๗๐๙๐ ล้านบาท ประกอบด้วย สาขาขนส่ง สาขาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สาขาการศึกษา สาขาสาธารณสุขโครงสร้างพื้นฐาน และสาขาสาธารณสุขพัฒนาบุคลากร ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายใดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย ๑.๘ อนุมัติให้ดำเนินโครงการและอนุมัติจัดสรรเงินกู้ DPL ภายใต้กรอบวงเงิน ๑๒,๔๗๕.๔๓๓๔ ล้านบาท สำหรับโครงการลงทุนภาครัฐที่จะสามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศและโครงการที่จะสนับสนุนการเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของประเทศ ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายใดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย ๑.๙ รับทราบแนวทางการจัดสรรเงินกู้ DPL ให้แก่หน่วยงาน ๒. ให้ส่วนราชการที่ขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการ และส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรเงินกู้ DPL เร่งรัดการดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายเงินภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยเคร่งครัด ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
5783 | การให้ความช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2553 ระยะที่ 2 | กษ | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการตรวจสอบข้อมูลเกษตรกรที่เข้าข่ายได้รับความช่วยหลือตามหลักเกณฑ์และแนวทางการช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๓ ระยะที่ ๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเกษตรกรที่เข้าข่ายได้รับความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์และแนวทางการช่วยเหลือฯ มีเกษตรกรเข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ แบ่งตามความต้องการ คือ ระยะที่ ๑ ปลูกได้ทันทีหลังน้ำลด ได้ดำเนินการจัดจ่ายเมล็ดพันธุ์ให้กับเกษตรกร จำนวน ๑๕๐,๐๘๘ ราย จำนวนเมล็ดพันธุ์ที่ใช้ ๑๑,๔๙๒,๔๙๔ กิโลกรัม วงเงิน ๒๒๙,๘๔๙,๘๘๐ บาท และระยะที่ ๒ ปลูกในฤดูปกติ เกษตรกร จำนวน ๑๖๒,๘๐๔ ราย จำนวนเมล็ดพันธุ์ที่ใช้ ๑๒,๗๖๘,๑๓๖.๕๐ กิโลกรัม วงเงิน ๒๕๕,๓๖๒,๗๓๐ บาท ๒. อนุมัติในหลักการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๒๕๕,๓๖๒,๗๓๐ บาท โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางการให้ความช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๓ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เพื่อเป็นค่าเมล็ดพันธุ์ข้าว ระยะที่ ๒ ปลูกในฤดูปกติ รวมทั้งตรวจสอบรายละเอียดให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและจัดทำรายละเอียดและแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณโดยตรงจากสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการตรวจสอบรับรองคุณภาพ มาตรฐานพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี และดำเนินการให้รวดเร็วทันกับฤดูกาลเพาะปลูก จัดสรรให้ตรงกับความต้องการของเกษตรกรและศักยภาพของแต่ละพื้นที่ อย่างแท้จริง รวมถึงมีการตรวจสอบหลักฐานเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยทุกรายอย่างชัดเจนเพื่อให้การช่วยเหลือตกกับผู้ที่ประสบภัยจริง ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
5784 | การปฏิบัติการคุ้มครองประกันสังคมแรงงานนอกระบบ | นร | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดสรรอัตรากำลังเพิ่มเติมเพื่อรองรับการดำเนินงานให้บริการผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ เพื่อปฏิบัติงานในสำนักงานประกันสังคมสาขาอีกจำนวน ๑๘๔ อัตรา เพื่อให้ครบจำนวน ๒๐๐ อัตรา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔ ที่มอบให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ดำเนินการจัดสรรอัตรากำลัง จำนวน ๒๐๐ อัตรา เพื่อปฏิบัติงานในสำนักงานประกันสังคมสาขา ประกอบด้วย อัตราข้าราชการจำนวน ๖๘ อัตรา ให้สำนักงานประกันสังคมสาขาในแต่ละจังหวัดที่มีผู้ประกันตนฯ เกินกว่า ๕,๐๐๐ คน สาขาละ ๑ อัตรา และอัตราพนักงานราชการ จำนวน ๑๑๖ อัตรา ให้สำนักงานประกันสังคมสาขาที่มีผู้ประกันตนฯ เกินกว่า ๑๐,๐๐๐ คน สาขาละ ๒ อัตรา และสำนักงานประกันสังคมสาขาที่มีผู้ประกันตนฯ ต่ำกว่า ๑๐,๐๐๐ คน สาขาละ ๑ อัตรา ตามที่ คปร.เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
5785 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง โครงการจัดหาเครื่องบินปี 2553 - 2557 | คค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๓ ในการจัดหาเครื่องบินปี ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗ โดยปรับเปลี่ยนการจัดหาเครื่องบินภูมิภาค จำนวน ๗ ลำ โดยวิธีเช่าซื้อ (Financial Lease) ซึ่งเป็นวิธีการซื้อและใช้เครื่องบินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการจัดหาเงินกู้ เป็น การยังคงจัดหาเครื่องบินด้วยวิธีการซื้อแต่เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดหาเงินทุนตามวิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์และภาวะตลาดเงิน ตลาดทุน ตามข้อเสนอของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย บกท. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาทบทวนรายละเอียดโดยเปรียบเทียบต้นทุนทางการเงินของการจัดหาเงินทุนที่ได้ปรับเปลี่ยนกับการจัดหาเงินทุน โดยการให้สินเชื่อเพื่อการส่งออกของประเทศผู้ผลิตเครื่องบินค้ำประกัน และในการพิจารณาทางเลือกแหล่งเงินในการจัดหาเครื่องบินดังกล่าว ควรคำนึงถึงแนวโน้มผลประกอบการ และสภาพคล่องทางการเงิน รวมถึงกรอบงบประมาณการลงทุน และภาระหนี้ โดยเฉพาะความสามารถในการชำระหนี้ และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนทุน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
5786 | การรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศและการกำหนดระดับราคาปุ๋ยเคมีของโครงการ | กษ | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศและการกำหนดระดับราคาปุ๋ยเคมีของโครงการ สรุปได้ ดังนี้
๑. การนำเข้าปุ๋ยยูเรียตามโครงการฯ ได้มีการนำเข้าจำนวน ๒ ครั้ง คือ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ตัน ราคาตันละ ๑๔,๐๐๐ บาท ครั้งที่ ๒ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ตัน ราคาตันละ ๑๒,๖๐๐ บาท ๒. การจำหน่ายปุ๋ยรอบแรก จำหน่ายปุ๋ยรวม ๘,๘๑๔.๒๕ ตัน ราคาตันละ ๑๕,๘๐๐ บาท มีรายได้จากการจำหน่ายรวม ๑๓๙,๒๖๕,๑๕๐ บาท หักต้นทุนการจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการแล้ว ไม่มีผลกำไร/ขาดทุน ส่วนการจำหน่ายรอบที่สอง จำหน่ายปุ๋ยรวม ๑๑,๑๘๕.๗๕ ตัน ราคาตันละ ๑๐,๐๐๐ บาท มีรายได้จากการจำหน่ายรวม ๑๑๑,๘๕๗,๕๐๐ บาท หักต้นทุนการจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการแล้วประสบผลขาดทุน ๕๔,๗๑๓,๗๗๖.๐๙ บาท ๓. การดำเนินการตามข้อ ๑ และ ๒ ใช้งบประมาณจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน ๓๐๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
5787 | การจัดตั้งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร | กษ | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้จัดตั้งกรมฝนหลวงและการบินเกษตรขึ้นในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการปฏิบัติภารกิจฝนหลวงและการบินเกษตร ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและภัยธรรมชาติที่เกี่ยวข้อง และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะทรงเป็นพระบิดาแห่งฝนหลวง และทรงเป็นผู้ทรงสิทธิในสิทธิบัตรเทคโนโลยีฝนหลวง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเรื่อง การจัดตั้งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ต่อคณะกรรมการพัฒนาโครงสร้างระบบราชการของกระทรวง และ ก.พ.ร. พิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างและการเพิ่มอัตรากำลังของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร เห็นควรให้นำเรื่องดังกล่าวเสนอ ก.พ.ร. ของกระทรวง และสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยคำนึงถึงบทบาทและภารกิจในการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำและแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้อย่างเป็นระบบด้วย รวมทั้งให้นำเรื่องการขอจัดตั้งกรมฝนหลวงและการบินเกษตรเป็นส่วนราชการโดยยกฐานะส่วนราชการจากสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวง เป็นส่วนราชการระดับกรมในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปพิจารณารวมในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
5788 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชนด้านสุขภาพอนามัยและพัฒนาการของเด็ก | สธ | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชนด้านสุขภาพอนามัยและพัฒนาการของเด็ก ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยมีความคืบหน้าการดำเนินโครงการฯ ระหว่างเดือนมิถุนายน ๒๕๕๓ - กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. แผนงานที่ ๑ หนังสือเล่มแรก ๑.๑ การมอบหนังสือเล่มแรก ๑.๑.๑ เด็กแรกเกิด จำนวน ๗๙๐,๐๐๐ คน ได้รับหนังสือเล่มแรก ชื่อ ตั้งไข่ล้ม ๑.๑.๒ เด็กอายุ ๖ เดือน จำนวน ๒๖๔,๐๐๐ คน ได้รับหนังสือเล่มที่ ๒ ชื่อ ติ๊กต่อก ๑.๑.๓ เด็กอายุ ๑๒ เดือน จำนวน ๑๓๒,๐๐๐ คน ได้รับหนังสือเล่มที่ ๓ นิทานอิสป ๑.๒ อบรมพยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกจังหวัดให้มีทักษะสอนพ่อแม่ใช้หนังสือกับลูกได้ถูกต้อง จำนวน ๑๒,๕๕๖ คน สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๑๒,๐๐๐ คน ๒. แผนงานที่ ๒ การพัฒนาคุณภาพศูนย์เด็กเล็ก ๒.๑ ครูพี่เลี้ยง จำนวน ๖,๔๑๙ คน ได้รับการอบรมการให้บริการเด็กในศูนย์เด็กเล็ก เน้นการส่งเสริมสุขภาพอนามัยพัฒนาการ ส่งเสริมโภชนาการ และการเจริญเติบโต ๓. แผนงานที่ ๓ การพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขและชุมชน ๓.๑ อบรมอาสาสมัครสาธารณสุข จำนวน ๙,๔๑๒ คน เป้าหมาย ๖,๔๑๙ คน ให้มีความรู้และสามารถแนะนำพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูเด็กให้ใช้หนังสือเล่มแรกกับลูกได้ถูกต้อง ๓.๒ อาสาสมัครสาธารณสุข จำนวน ๕๐๐,๐๐๐ คน ได้รับคู่มือปฏิบัติงานสำหรับอาสาสมัคร เพื่อการปฏิบัติงาน และเยี่ยมบ้าน ส่งเสริมพัฒนาการเด็กแรกเกิด ๔. แผนงานที่ ๔ การบริหารจัดการ ๔.๑ จังหวัดมีคณะกรรมการกำกับติดตามงานระดับจังหวัด ๔.๒ เผยแพร่ความรู้ ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนทั่วไปทราบ ๔.๓ ผลิตสื่อการสอนให้ความรู้กับพ่อแม่ทุกโรงพยาบาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
|
||||||||||||||||||||||||
5789 | เร่งรัดการจัดตั้งสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงโครงสร้างของสำนักงานฯ โดยตั้งสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยให้ใช้อัตรากำลังจากอัตราคืนเกษียณและหรือการหมุนเวียนอัตรากำลังภายในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๘ อัตรา ๑.๒ เห็นชอบในหลักการสำหรับการปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อเพิ่มสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับรองรับการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ๒. ให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓) และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับอัตรากำลังของสำนักงานฯ ที่จะเพิ่มในปีงบประมาณต่อไป ควรมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญครอบคลุมถึงสหสาขา เช่น ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านพลังงาน และสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำหนดอัตรากำลังทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) สำหรับการดำเนินงานด้วย และควรมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับศูนย์จัดการความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (ศรภอ.) เนื่องจากศูนย์ดังกล่าวมีพันธกิจที่จะรวบรวม สังเคราะห์และให้ความรู้ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อสนับสนุนการวางแผนกลยุทธ์ของหน่วยงานรัฐบาล เอกชนและชุมชน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาความสามารถในการปรับตัวต่อความเสี่ยงที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ การทำงานของสำนักงานฯ จึงควรจะเน้นการทำงานแบบประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละประเด็นเป็นหลัก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
5790 | การเตรียมการด้านงบประมาณเพื่อการบริหารราชการจังหวัดบึงกาฬ | มท | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการเตรียมการด้านงบประมาณเพื่อการบริหารราชการจังหวัดบึงกาฬ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ....) จากเดิมที่กำหนดให้ “หลีกเลี่ยงการเพิ่มภาระด้านงบประมาณและอัตรากำลัง โดยให้เกลี่ยอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่ไปปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดตั้งใหม่ไปดำเนินการด้วย” เป็น สำหรับด้านงบประมาณให้ยกเว้นในกรณีที่จำเป็น ๒. อนุมัติค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬเป็นอาคารศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ (ชั่วคราว) และปรับปรุงอาคารหอประชุมอำเภอเมืองบึงกาฬเป็นที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬ โดยในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จำนวนเงิน ๒,๙๗๐,๐๐๐ บาท และค่าครุภัณฑ์ ๑๔ รายการ จำนวนเงิน ๖,๐๑๑,๕๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งสำนักงบประมาณตรวจสอบแล้วถึงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๔ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยมีงบดำเนินงานคงเหลือประมาณ ๔๐๕ ล้านบาท เพียงพอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและจัดหาครุภัณฑ์ได้ สำหรับค่าสิ่งก่อสร้าง ๕ รายการ จำนวนเงิน ๕๒๑,๕๖๑,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายและเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็นตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
5791 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของกรมราชทัณฑ์ (รายการก่อสร้างที่มีภาระผูกพัน) | ยธ | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมโดยกรมราชทัณฑ์ก่อสร้างเรือนจำกลางพัทลุง และทัณฑสถานวัยหนุ่ม (เรือนจำโรงเรียน) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณฯ ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||||||||
5792 | การแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ยากจนไม่มีที่ทำกินเป็นของตนเอง | กษ | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการจัดซื้อที่ดินของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) จำนวน ๑๕,๘๒๗ - ๓ - ๐๔.๒ ไร่ และเสนอของบประมาณเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐาน และค่าดำเนินการเกี่ยวกับแหล่งน้ำ โดยให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นหน่วยงานในการจัดซื้อที่ดินเพื่อนำที่ดินมาจัดให้เกษตรกรตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ตามมติคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ยากจนและไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๔ รวมทั้งกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินการ จำนวน ๑,๖๔๑,๑๖๕,๓๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้
๑. การจัดซื้อที่ดินของ บสท. รวมทั้งการบริหารจัดการที่ดิน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งน้ำ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มอบหมายให้ธนาคารที่ดิน เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ โดยให้ประสานงานและหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. รูปแบบและการจัดให้เกษตรกรเข้าทำกินในที่ดิน มอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรประสานงานและร่วมพิจารณากับสำนักงานโฉนดชุมชน ส.ป.ก. และธนาคารที่ดิน เพื่อดำเนินการคัดเลือกเกษตรกรให้ถูกต้อง เหมาะสมและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยที่ข้อความในมติคณะรัฐมนตรีตามข้อ ๑ และ ๒ มีความคลาดเคลื่อน จึงขอแก้ไขให้ถูกต้องตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๖/๑๔๗๑๐ ลงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ เป็น ดังนี้ ๑. การจัดซื้อที่ดินของ บสท. รวมทั้งการบริหารจัดการที่ดิน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งน้ำ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มอบหมายให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ โดยให้ประสานงานและหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. รูปแบบและการจัดให้เกษตรกรเข้าทำกินในที่ดิน มอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรประสานงานและร่วมพิจารณากับสำนักงานโฉนดชุมชน ส.ป.ก. และสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เพื่อดำเนินการคัดเลือกเกษตรกรให้ถูกต้อง เหมาะสมและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน |
||||||||||||||||||||||||
5793 | ขออนุมัติโครงการถนนสายเลี่ยงเมืองบ้านทุ่งเสี้ยว - บ้านสันป่าตอง - บ้านหางดง (ตอนที่ 2) อำเภอหางดง และอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ของกรมทางหลวงชนบท | คค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติวงเงินงบประมาณโครงการถนนสายเลี่ยงเมืองบ้านทุ่งเสี้ยว - บ้านสันป่าตอง - บ้านหางดง (ตอนที่ ๒) อำเภอหางดง และอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิม ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงการถนนสายเลี่ยงเมืองบ้านทุ่งเสี้ยว - บ้านสันป่าตอง - บ้านหางดง (ตอนที่ ๒) อำเภอหางดง และอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ตามผลการประกวดราคาจ้างโครงการฯ ที่บริษัท เชียงใหม่คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ในวงเงิน ๙๘๙.๖๙๖ ล้านบาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๔๘.๕๐๐ ล้านบาท ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๘๔๑.๑๙๖ ล้านบาท ให้ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับเพื่อให้ครบค่างานต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเป็นค่างานในหมวดงานทั่วไปและค่าใช้จ่ายที่เบิกจ่ายในลักษณะเงินจร (Provisional Sum) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานของทางราชการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
5794 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรเกี่ยวกับการขึ้นราคาค่าเช่านาของผู้ให้เช่าอย่างไม่เป็นธรรม | กษ | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การดำเนินการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๓/๕๔ รอบที่ ๑) และเห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยดำเนินการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ ตามผลการหารือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีประเด็นสาระสำคัญของกฎหมายที่ควรปรับปรุง ได้แก่ เรื่องระยะเวลาการเช่าที่นา การบอกเลิกการเช่านา ข้อจำกัดเกี่ยวกับการขายที่นาของผู้ให้เช่า โครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล (คชก.) ตำบล และจังหวัด หลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าเช่า และปัญหาอื่น ๆ เช่น การเช่าชั่วคราว การเช่าช่วงนา สิทธิหน้าที่ของผู้รับโอน เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งเป็นผู้รับขึ้นทะเบียนและออกหนังสือรับรองเกษตรกรจะต้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ให้เหมาะสมต่อไป ส่วนการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาจัดทำรายละเอียดและยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ ควรให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมเป็นคณะทำงานด้วย และควรมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นในวงกว้างจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อให้เกิดการยอมรับและการบังคับใช้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
5795 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีโครงการบำบัดน้ำเสียปริมณฑลส่วนเหนือ ขั้นที่ 1 (คูคต-ประชาธิปัตย์) และโครงการบำบัดน้ำเสียอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ | ทส | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๔๓ เรื่อง ขออนุมัติแผนงานโครงการบำบัดน้ำเสียปริมณฑลส่วนเหนือ ขั้นที่ ๑ (คูคต - ประชาธิปัตย์) และโครงการบำบัดน้ำเสียอ้อมน้อย - อ้อมใหญ่ ตามข้อเสนอของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (องค์การจัดการน้ำเสีย) รับเรื่องนี้ไปพิจารณาทบทวนและจัดทำรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ตลอดจนผลการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) ของโครงการให้เป็นปัจจุบัน ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องการบำบัดน้ำเสียกับชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งทั้งในระหว่างการก่อสร้างและระยะดำเนินการ การวางแผนการจัดเก็บค่าบริการให้ชัดเจนโดยอาจพิจารณาร่วมกับการประปาผู้จ่ายน้ำ เพื่อให้การดำเนินการในระยะยาวไม่เป็นภาระกับรัฐ การพิจารณานำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับไปใช้ประโยชน์โดยอาจขายเป็นน้ำสำหรับหล่อเย็นให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมบริเวณใกล้เคียง การวางแผนศึกษาการใช้ประโยชน์จากกากตะกอน (sludge) ที่เกิดจากการบำบัดน้ำเสียเพื่อให้เกิดการยอมรับจากชุมชนใกล้เคียงและลดปัญหาเรื่องกลิ่นจากการตกค้างของตะกอนไปพร้อมกัน การทบทวนผลการวิเคราะห์ผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจและด้านการเงินของโครงการให้เป็นปัจจุบัน นอกจากนี้ เห็นควรให้องค์การจัดการน้ำเสียจัดทำรายละเอียดภาพรวมการลงทุนและวงเงินลงทุนของทั้งสองโครงการ ปริมาณน้ำเสีย ปริมาณกากตะกอน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและผลตอบแทนโครงการด้านเศรษฐศาสตร์และการเงินให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์เพื่อประกอบการพิจารณาความเหมาะสมของโครงการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา และเร่งสร้างขีดความสามารถและความพร้อมของท้องถิ่นในการรับโอนระบบบำบัดน้ำเสียทั้งด้านเทคนิค การเดินระบบ การบำรุงรักษาระบบ รวมทั้งการจัดเก็บค่าบำบัดน้ำเสีย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของหน่วยงานส่วนท้องถิ่นในการให้บริการสาธารณะของตนเองได้มากขึ้นและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
5796 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การศึกษาแนวทางและกำหนดมาตรการในการนำเทคโนโลยีระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (Global positioning System: GPS) มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะ ครั้งที่ 1 | คค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การศึกษาแนวทางและกำหนดมาตรการในการนำเทคโนโลยีระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (Global Positioning System : GPS) มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะ ครั้งที่ ๑ และเห็นชอบในหลักการแนวทางและมาตรการในการดำเนินงาน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยแนวทางและมาตรการในการดำเนินงาน มีดังนี้ ๑.๑ แนวทางในการดำเนินงาน ประกอบด้วย ๑.๑.๑ ระยะที่ ๑ รวบรวม ศึกษา วิเคราะห์สภาพการใช้รถสาธารณะ กำหนดกลุ่มและจัดลำดับความสำคัญ รวมทั้งแนวทางการปรับแก้กฎหมาย ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินโครงการนำร่องตามกลุ่มรถที่จัดลำดับแล้วภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๑.๒ ระยะที่ ๒ปรับแก้ไขกฎหมาย ข้อบังคับ และประกาศหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการนำระบบ GPS มาติดตั้งกับรถสาธารณะ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ๑.๑.๓ ระยะที่ ๓ จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการการเดินรถสาธารณะด้วยระบบ GPS และศูนย์ฝึกอบรมผู้เกี่ยวข้องกับการใช้ระบบ GPS ทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐและผู้ประกอบการขนส่งภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ๑.๑.๔ ใช้ระบบ GPS ในการกำกับดูแลการเดินรถสาธารณะเต็มรูปแบบภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๒ มาตรการในการดำเนินงานในระยะแรกภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๒.๑ ให้บริษัท วิทยุการบิน แห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เร่งรัดการศึกษาออกแบบสถาปัตยกรรมศูนย์บูรณาการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบแห่งชาติ (NMTIC) ซึ่งจะเป็นภาพรวมการบริหารจัดการคมนาคมขนส่งของประเทศ ๑.๒.๒ ให้กรมการขนส่งทางบกขยายผลการศึกษาโครงการศึกษาเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลรถโดยสารประจำทางโดยใช้เทคโนโลยีให้ครอบคลุมการกำหนดแนวทางและมาตรการในการนำระบบ GPS มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะทั้งระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม ตรวจสอบ และยกระดับความปลอดภัยทางถนน ๒. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินงานในระยะที่ ๑ ควรศึกษารูปแบบการลงทุนและการดำเนินงานที่เหมาะสม คุ้มค่า ตลอดจนรูปแบบและโครงสร้างองค์กรที่จะเป็นกลไกในการดำเนินงานและความสัมพันธ์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบข้อบังคับเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการติดตามควบคุมการเดินรถ การวางแผน และการให้บริการต่อสาธารณะได้อย่างแท้จริง ส่วนการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการการเดินรถสาธารณะด้วยระบบ GPS ตามที่กำหนดในระยะที่ ๓ ควรพิจารณาดำเนินการภายหลังจากการศึกษารูปแบบ โครงสร้างองค์กร การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบข้อบังคับแล้วเสร็จ และควรพิจารณาการใช้ประโยชน์ข้อมูลสารสนเทศจากการดำเนินโครงการทั้งในเชิงสาธารณะและเชิงพาณิชย์เพื่อลดภาระงบประมาณในการสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรต่อไป นอกจากนี้ การลงทุนในการนำระบบ GPS มาใช้กับรถสาธารณะที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เห็นควรให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของระบบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
5797 | ขอสนับสนุนอัตราข้าราชการตำรวจตั้งใหม่ งบบุคลากรและงบดำเนินงาน | ตช | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการสนับสนุนอัตราข้าราชการตำรวจตั้งใหม่ เพื่อปฏิบัติงานที่สถานีตำรวจท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน ๒๙๑ อัตรา ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ โดยให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ [เรื่อง มาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖)] ส่วนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๔) ของบุคลากรและงบดำเนินงาน เนื่องจากในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ตั้งไว้ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำงบประมาณในส่วนนี้มาสนับสนุน เว้นแต่งบประมาณในส่วนนี้ไม่มีหรือมีแต่ยังไม่เพียงพอ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติหารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
5798 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ | ทส | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เรื่อง การเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการศึกษาสำรวจเพื่อประเมินสภาพเชิงวิศวกรรม ความเสียหาย และมูลค่าของความเสียหายของสิ่งก่อสร้างภายใต้โครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ โดยขอความเห็นชอบให้หยุดการศึกษาสำรวจกรณีดังกล่าวไว้ก่อนและให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาความเหมาะสมที่จะให้มีการศึกษาสำรวจดังกล่าวต่อไป ๒. อนุมัติการนำงบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในการดำเนินการศึกษาสำรวจเพื่อประเมินสภาพทางวิศวกรรม ความเสียหาย และมูลค่าความเสียหายของสิ่งก่อสร้าง ภายใต้โครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ งบประมาณจำนวน ๑๒,๘๘๑,๔๐๐ บาท ไปจ่ายเป็นเงินค่าธรรมเนียมศาลจำนวน ๑๑,๘๔๘,๙๑๕ บาท และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีเพื่อคัดค้านคำชี้ขาดคณะอนุญาโตตุลาการในส่วนอื่น ๆ หากมีงบประมาณเหลือหลังจากเสร็จสิ้นคดีจะส่งคืนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
5799 | ขออนุมัติดำเนินโครงการ " ซื้อที่ดินจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยไว้ใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการและอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง" | ตช | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดซื้อที่ดินจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยไว้ใช้เป็นสถานที่ดำเนินการก่อสร้างอาคารที่ทำการและอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ภายในวงเงิน ๗๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
|
||||||||||||||||||||||||
5800 | ขออนุมัติเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการและก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 - 2557 | มท | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน เช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ จำนวน ๒๓๐ คัน ภายในวงเงิน ๑๔๖,๓๑๔,๘๐๐ บาท และก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๗ (๓๖ เดือน) ประกอบด้วย รถบรรทุก (ดีเซล) ขนาด ๑ ตัน ขับเคลื่อน ๒ ล้อ แบบดับเบิ้ลแคบ จำนวน ๒๑๖ คัน คันละ ๑๗,๔๐๐ บาท/คัน/เดือน ระยะเวลา ๓ ปี (๓๖ เดือน) เป็นเงิน ๑๓๕,๓๐๒,๔๐๐ บาท เพื่อทดแทนรถบรรทุก ขนาด ๑ ตัน ที่มีอายุ ๑๕ ปีขึ้นไป และรถบรรทุก (ดีเซล) ขนาด ๑ ตัน ขับเคลื่อน ๔ ล้อ แบบดับเบิ้ลแคบ จำนวน ๑๔ คัน คันละ ๒๑,๘๕๐ บาท/คัน/เดือน ระยะเวลา ๓ ปี (๓๖ เดือน) เป็นเงิน ๑๑,๐๑๒,๔๐๐ บาท เพื่อทดแทนรถบรรทุก ขนาด ๑ ตัน ที่มีอายุ ๑๕ ปีขึ้นไป และใช้บนพื้นที่สูง สำหรับงบประมาณที่จะใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบลงทุน รายการจัดซื้อรถบรรทุก (ดีเซล) ขนาด ๑ ตัน เป็นเงิน ๑๔๖,๓๑๔,๘๐๐ บาท โดยกรมการพัฒนาชุมชนควรต่อรองอัตราค่าเช่ารถยนต์ดังกล่าวให้มีเกณฑ์ราคาลดลง เนื่องจากเป็นกรณีการเช่ารถยนต์เป็นจำนวนมากและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณที่จะใช้จ่าย และดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ ทั้งนี้ กรณีรถประจำตำแหน่งอธิบดีและรองอธิบดี จำนวน ๔ คัน เนื่องจากมีระยะเวลาการใช้งานไม่น้อยกว่า ๖ ปี จึงเห็นสมควรให้จัดซื้อจะเหมาะสมกว่า ซึ่งได้เสนอขอตั้งไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ แล้ว ส่วนรถยนต์ตรวจการณ์ จำนวน ๑ คัน เนื่องจากขณะนี้มีรถยนต์ดังกล่าวอยู่แล้ว จำนวน ๔ คัน อายุการใช้งาน ๒ - ๕ ปี ซึ่งน่าจะเพียงพอในการปฏิบัติราชการแล้ว จึงเห็นสมควรชะลอการเช่าไว้ก่อน ๒. ส่วนรถเดิมที่หมดอายุการใช้งานหรือหมดประโยชน์ที่จะได้รับไม่คุ้มกับค่าซ่อมหรือซ่อมแล้วไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้โดยปลอดภัย นั้น ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน เร่งดำเนินการจำหน่ายตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีวาด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และนำรายได้ส่งคลังต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
.....