ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 288 จากทั้งหมด 568 หน้า แสดงรายการที่ 5741 - 5760 จากข้อมูลทั้งหมด 11341 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5741 | สรุปผลการประชุมหารือสถานการณ์อุทกภัย | นร | 16/08/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปการตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์อุทกภัยของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๓ - ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่จังหวัดสุโขทัย แพร่ น่าน และอุบลราชธานี และการประชุมร่วมกับส่วนราชการและผู้ว่าราชการจังหวัด ๙ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี อุดรธานี มุกดาหาร สกลนคร หนองคาย นครพนม เลย บึงกาฬ และจังหวัดอำนาจเจริญ รวมทั้งได้เดินทางไปรับฟังสถานการณ์อุทกภัยที่จังหวัดพิษณุโลก และลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนในจังหวัดพิจิตร ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ส่วนราชการดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ การแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน ๑.๑.๑ ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ๑.๑.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูพี่น้องประชาชน และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างรวดเร็ว ๑.๑.๓ ให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่ารัฐบาลได้มอบหมายให้ศูนย์ฮอตไลน์ สายด่วน ๑๑๑๑ รับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ หรือแจ้งข่าวสาร เพื่อจะได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว ๑.๑.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย เป็นเจ้าภาพในการพิจารณาแนวทางในการป้องกันและเตือนภัยจังหวัดอื่น ๆ ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นอีก รวมถึงการเตรียมการเพื่อแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นด้วย ๑.๑.๕ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ ในการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อพิจารณาการปรับหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบให้เป็นธรรมยิ่งขึ้น และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป ๑.๒ การแก้ไขปัญหาในระยะยาว ๑.๒.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำข้อมูลและแนวทางในการบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหา รวมถึงปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบการระบายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำยม เสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๑.๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ ในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Work shop) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการเกิดอุทกภัยซ้ำ และการบริหารจัดการลุ่มน้ำให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยให้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๒. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๒.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการการดำเนินงานของทุกภาคส่วนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้การดำเนินการเรื่องนี้เป็นไปอย่างเป็นระบบ ครบวงจร นับตั้งแต่การป้องกัน การเตือนภัย การแก้ไขปัญหา และการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย โดยควรมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการ (war room) เพื่ออำนวยการ กำกับ ติดตามการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ ให้รายงานสถานการณ์อุทกภัยให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก ๆ ๒๔ ชั่วโมงด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ความสำคัญกับการเตือนภัยและเตรียมความพร้อมตลอด ๒๔ ชั่วโมง และการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนในทุกพื้นที่เสี่ยงภัยได้ทราบอย่างรวดเร็วและทั่วถึงด้วย ๒.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นกลไกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ และหากมีปัญหาข้อขัดข้องเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินทดรองจ่ายในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดให้รีบประสานและหารือไปยังกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องโดยเร็วต่อไป ๒.๔ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อระบายน้ำที่ท่วมขังโดยเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้เหมาะสมและทันเหตุการณ์
|
||||||||||||||||||||||||
5742 | ขอความเห็นชอบให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551(แนวทางการเสนอเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง) ต่อไป | นร | 11/08/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ (แนวทางการเสนอเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง) ต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ โดยมีขั้นตอน ดังนี้ ๑.๑ ส่วนราชการควรส่งเรื่องมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีล่วงหน้าก่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรี โดยหนังสือเสนอเรื่องให้ลงนามโดยรัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ยกเว้นกรณีการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบให้เสนอเรื่องแล้ว ให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีหรือรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม โดยระบุในหนังสือเสนอเรื่องด้วยว่านายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว และให้ระบุชื่อบุคคลและตำแหน่งที่จะแต่งตั้งให้ชัดเจน พร้อมทั้งให้กำหนดด้วยว่าให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป ทั้งนี้ ยังไม่ต้องออกเป็นคำสั่งแต่งตั้งจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะมีมติให้ความเห็นชอบแล้ว ๑.๒ การเสนอเรื่องตามข้อ ๑.๑ ให้จัดส่งข้อมูลประกอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (ประวัติ คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้ง) ตามแบบข้อมูลประกอบการเสนอเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ไปพร้อมกับหนังสือนำเรื่อง ๑.๓ เมื่อคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งข้าราชการการเมืองตามข้อ ๑.๑ แล้ว ส่วนราชการเจ้าของเรื่องจึงดำเนินการออกคำสั่งแต่งตั้ง แล้วจัดส่งคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อจะได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๒. ยกเว้นกรณีการลงนามส่งเรื่องของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว ให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามในหนังสือนำส่งเรื่อง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘
|
||||||||||||||||||||||||
5743 | การจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพัณณวดี | นร | 01/08/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๓๐/๒๕๕๔ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เพื่อทำหน้าที่ดำเนินการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามราชประเพณี และสมพระเกียรติ โดยมีประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคล ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานวุฒิสภา และองคมนตรี (นายพลากร สุวรรณรัฐ) เป็นคณะที่ปรึกษา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านเป็นรองประธานกรรมการ และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการและเลขานุการ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. เห็นชอบให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการเพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตดำเนินการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามราชประเพณีและสมพระเกียรติยศทุกประการ ทั้งงานพระราชพิธี งานรัฐพิธี และงานศาสนพิธี รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดี ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดลำดับส่วนราชการของทุกกระทรวงเพื่อให้มีเจ้าหน้าที่ไปร่วมในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นเวลา ๑๐๐ วัน ๔. อนุมัติค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ในเบื้องต้น ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม และให้สำนักงบประมาณนำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามนัยมาตรา ๑๘๑ (๒) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงบประมาณดำเนินการรวบรวมข้อมูล และความเห็นที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้งต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง สรุปผลและแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
5744 | การกำหนดตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะคราวและการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 (เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย) และขออนุมัติแต่งตั้ง นายจาดุร อภิชาตบุตร กลับไปดำรงตำแหน่งเดิม | นร | 01/08/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ [เรื่อง การประชุมคณะรัฐมนตรี (๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔)] เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ของส่วนราชการที่ค้างการดำเนินการและอยู่ในระหว่างขั้นตอนการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องคืนส่วนราชการเจ้าของเรื่องเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป ๒. เห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ดังนี้ ๒.๑ ให้ ก.พ. กำหนดตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพิ่มขึ้น ๑ ตำแหน่ง ในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะคราว ตามนัยมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อเยียวยาและแก้ไขกรณีศาลปกครองมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๑ เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน โดยมีเงื่อนไขให้ยุบเลิกตำแหน่งดังกล่าว เมื่อผู้ครองตำแหน่งนี้พ้นไป หรือเมื่อมีตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีใดว่างลง ให้แต่งตั้งผู้ครองตำแหน่งนี้ในโอกาสแรก ทั้งนี้ โดยยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖) ที่กำหนดไม่ให้เพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่เป็นกรณีพิเศษ รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐด้วย ๒.๒ การได้รับเงินเดือน สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามที่ได้รับจากราชการหรือการใดที่ได้กระทำไปในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ให้เป็นไปตามนั้น โดยไม่มีการเรียกคืน เพื่อมิให้มีผลกระทบ ตามนัยมาตรา ๖๖ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยอนุโลม ๓. อนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๑ (เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย) ที่ได้อนุมัติแต่งตั้งนายจาดุร อภิชาตบุตร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร ๑๐) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ ๑๐) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๑ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๔. เมื่อนายจาดุร อภิชาตบุตร ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ ๑๐) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย กลับไปดำรงตำแหน่ง รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร ๑๐) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๑ แล้ว ให้ปรับเปลี่ยนเป็นตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประเภทบริหารระดับสูง (นักบริหาร) ตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มีผลใช้บังคับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๕. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องตามข้อ ๔ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๘๑ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ความเห็นชอบแล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
5745 | การขอขยายกรอบเวลาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและดินโคลนถล่ม ครัวเรือนละ 5,000 บาท ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2554 | นร | 01/08/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายกรอบระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาทภาคใต้ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่จังหวัดส่งรายชื่อครัวเรือนให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยภายหลังวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔ ออกไปจนถึงวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ โดยรายชื่อครัวเรือนที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและคณะอนุกรรมการตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยตรวจสอบแล้วว่ามีความถูกต้องกับพื้นที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัด รายชื่อไม่ซ้ำซ้อน และเป็นผู้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์คณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) กำหนด โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทยอยส่งรายชื่อครัวเรือนให้ธนาคารออมสินและให้จังหวัดร่วมกับธนาคารออมสินสาขาพื้นที่กำหนดแผนการจ่ายเงินช่วยเหลือให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการ คชอ. เสนอ ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เรื่อง การประชุมคณะรัฐมนตรี (๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔) ในประเด็นเรื่องต่าง ๆ ของส่วนราชการที่ค้างการดำเนินการและอยู่ในระหว่างขั้นตอนการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องคืนส่วนราชการเจ้าของเรื่องเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
5746 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลฝรั่งเศสว่าด้วยการได้มาหรือจำหน่ายที่ดินและอาคารสถานเอกอัครราชทูตและการขายที่ดินอันเป็นที่ตั้งสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสที่ถนนสาทร | กต | 12/07/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลฝรั่งเศสว่าด้วยการได้มาหรือจำหน่ายที่ดินและอาคารสถานเอกอัครราชทูตและการขายที่ดินอันเป็นที่ตั้งสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส เลขที่ ๒๙ ถนนสาทรใต้ โดยกระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำความตกลงในเรื่องการซื้อขายที่ดินและอาคารสถานเอกอัครราชทูตฯ กับสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย โดยได้รับการยกเว้นภาษีอากรและค่าธรรมเนียมการโอน บนพื้นฐานของหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ ในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยนตามที่ได้รับมอบหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๑ (ข้อ ๔.๕) และวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๔๐ (ข้อ ๒) ทั้งนี้ ความตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาสาระและรูปแบบเช่นเดียวกับความตกลงที่ไทยทำกับประเทศอื่น ๆ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
5747 | การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติในวันที่ 1 เมษายน 2554 (สำนักงานผู้แทนการค้าไทย) | นร | 12/07/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ (สำนักงานผู้แทนการค้าไทย) ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ เป็นการดำเนินการสืบเนื่องมาจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ซึ่งอนุมัติในหลักการเรื่องการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ (สำนักงานผู้แทนการค้าไทย) และการเลื่อนเงินเดือนในครั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีจึงเป็นการปฏิบัติราชการตามปกติที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้แล้ว คณะรัฐมนตรีจึงสามารถพิจารณาอนุมัติหรือเห็นชอบในเรื่องดังกล่าวได้ ๒. อนุมัติการเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ให้แก่ข้าราชการผู้ไปช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย จำนวน ๖ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ประกอบด้วย ๒.๑ นางสาวธันยพัต รินทา เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ๒.๒ นายตุลย์ ไตรโสรัจ นักการทูตชำนาญการ กระทรวงการต่างประเทศ ๒.๓ นางผ่องศรี วงษ์อ่ำ นักวิชาการเงินและบัญชีชำนาญการพิเศษ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ๒.๔ นายธีระพงษ์ วัฒนวงษ์ภิญโญ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ๒.๕ นางณัฏฐา สุนทราภา นักการทูตชำนาญการ กระทรวงการต่างประเทศ ๒.๖ นายปรีชาพร สุวัฒโนดม วิศวกรโยธาปฏิบัติการ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม
|
||||||||||||||||||||||||
5748 | ขออนุมัติงบประมาณ 2554 เพื่อสมทบงบบุคลากร เงินเดือน ที่ไม่เพียงพอเบิกจ่าย | ศธ | 12/07/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๓,๐๓๕,๐๒๐,๐๐๐ บาท ให้แก่กระทรวงศึกษาธิการเพื่อสมทบงบบุคลากร เงินเดือน ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ไม่เพียงพอเบิกจ่าย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้สำนักงบประมาณนำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามนัยมาตรา ๑๘๑ (๒) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ดำเนินการรวบรวมข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้งต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง สรุปผลและแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
5749 | ขออนุมัติให้มีการโอนภารกิจและงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ประจำปีงบประมาณ 2554 | ทก | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) ตามข้อเสนอของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จำเป็นแก่การดำเนินงาน โดยให้สำนักงบประมาณนำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามนัยมาตรา ๑๘๑(๒) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการรวบรวมข้อมูลและความเห็นที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้งต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง สรุปผลและแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ด้วย ๒. ส่วนข้อเสนอที่ขออนุมัติให้มีการโอนภารกิจและงบประมาณของโครงการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังภัยคุกคามการกระทำความผิดด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศ เป็นจำนวนเงิน ๙๘,๕๐๐,๐๐๐ บาท ไปเป็นของ สพธอ. แทนการจัดจ้างตามสัญญา นั้น รับทราบตามความเห็นของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๔ อนุมัติเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวไว้แล้ว |
||||||||||||||||||||||||
5750 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ครั้งที่ 2/2554 | กษ | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ โดยผลการจัดจ้างผู้บริหารจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๕๔ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ ๒๑ มีนาคม - ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ผลการประกวดราคา บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด เป็นเงิน ๓๙๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และได้มีการลงนามสัญญาจ้างฯ เรียบร้อยแล้ว ส่วนความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านการปรับปรุงสถานที่ สิ่งก่อสร้าง และการจัดสวน คณะอนุกรรมการด้านการปรับปรุงสถานที่ สิ่งก่อสร้าง และการจัดสวน ได้ประชุมเพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน โดยล่าสุดในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๔ สรุปความก้าวหน้าการดำเนินงาน ณ วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๔ ประกอบด้วย รายการที่กำลังก่อสร้าง จำนวน ๑๓ รายการ ได้รับงบประมาณจากสำนักงบประมาณ รวม ๑๑๘,๒๖๖,๕๕๐ บาท รายการที่อยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง จำนวน ๘ รายการ วงเงินราคากลาง ๕๘,๖๑๘,๔๐๒ บาท และรายการที่อยู่ในขั้นตอนการตรวจแบบและราคากลาง จำนวน ๑๐ รายการ วงเงิน ๓๑,๘๖๗,๐๐๐ บาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ และมีกำหนดระยะเวลาดำเนินงานไม่เกิน ๙๐ วัน สำหรับปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินการ มีการดำเนินงานบางส่วนล่าช้ากว่าแผนการปฏิบัติงานที่กำหนด ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ร่วมกับคณะทำงานด้านต่าง ๆ จัดทำแผนการปฏิบัติงานเพิ่มเติม และติดตามงานอย่างต่อเนื่อง โดยกรมวิชาการเกษตรและคณะทำงานฯ ได้ดำเนินการตามแผนงานที่วางแล้วบางส่วน และได้ส่งมอบงานให้ผู้บริหารจัดการงานฯ ดำเนินการต่อแล้ว เพื่อให้มีความต่อเนื่องและเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
|
||||||||||||||||||||||||
5751 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง รายงานความคืบหน้าคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ | นร | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง รายงานความคืบหน้าคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นการร่วมกันแก้ปัญหาอย่างจริงจังโดยคำนึงผลประโยชน์สูงสุดของชาติเป็นหลัก : ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดนโยบายด้านการเกษตร ๒ นโยบายหลัก ได้แก่ นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการโดยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมด้วยการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร สร้างระบบประกันความเสี่ยงทางการเกษตร ระบบประกันความเสี่ยงราคาพืชผล ระบบประกันภัยพืชผลอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ และการสนับสนุนการจัดตั้งสภาเกษตรกร และนโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภาคเกษตร โดยพัฒนาเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรด้วยการส่งเสริมการทำการเกษตรตามแนวพระราชดำริและสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้เพื่อขับเคลื่อนการผลิตและความมั่นคงด้านอาหาร และพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร เป็นต้น และพัฒนาปัจจัยพื้นฐานและภารกิจสนับสนุนด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำและดิน สำหรับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ดำเนินการส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายสามารถพึ่งตนเองและเข้าถึงสวัสดิการในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ส่วนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้นำข้อเสนอของ คอป. มาเป็นแนวทางในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ในยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมในสังคม ๒. ประเด็นความเป็นกลางและการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องของสื่อมวลชน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้มีประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การประกอบกิจการบริการชุมชนชั่วคราว (วิทยุกระจายเสียงชุมชน) ข้อ ๑๕ เกี่ยวกับการกำหนดลักษณะรายการที่ออกอากาศได้ ๓. ประเด็นการเยียวยาและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และการประกอบอาชีพ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบและความรุนแรงจากการชุมนุมทางการเมืองตามหลักเกณฑ์และวิธีการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ และเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องทั้งในลักษณะการช่วยเหลือเร่งด่วน โดยมอบเงินเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ และเสียชีวิต และการช่วยเหลือต่อเนื่องเป็นเงินยังชีพรายเดือนแก่ผู้ทุพพลภาพ หรือบุตรผู้เสียชีวิต รวมทั้งได้ดำเนินโครงการสำรวจความเดือดร้อนของผู้ร่วมชุมนุมทางการเมือง และผู้ได้รับการเยียวยาเร่งด่วนกรณีผลกระทบจากการชุมนุม ซึ่งผลการสำรวจพบว่า สาเหตุการมาร่วมชุมนุมเนื่องจากเห็นว่าเป็นช่องทางและโอกาสที่จะได้รับความช่วยเหลือ และได้รับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน |
||||||||||||||||||||||||
5752 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มติสมัชชาปฏิรูประดับชาติ ครั้งที่ 1พ.ศ. 2554 เรื่อง ข้อเสนอการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ และเรื่อง รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ | นร | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มติสมัชชาปฏิรูประดับชาติ ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๔ เรื่อง ข้อเสนอการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ และเรื่อง รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีหน่วยงานให้ความเห็นใน ๔ ประเด็น สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นการกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปสู่ท้องถิ่น สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่า ประเด็นการกระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น โดยเฉพาะประเด็นการยกเลิกการบริหารราชการส่วนภูมิภาค เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารราชการแผ่นดินโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ จึงควรมีการศึกษาผลกระทบจากข้อเสนอนี้ รวมทั้งให้มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย ส่วนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เห็นควรให้มีการกำหนดหน่วยงานเจ้าภาพเพื่อการบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ๒. ประเด็นการปฏิรูปโครงสร้างการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอการยกเลิกแผนพัฒนาชายฝั่งทะเลทั่วทุกภาค ๓. ประเด็นศิลปวัฒนธรรมกับการสร้างสรรค์และเยียวยาสังคม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) จะนำเรื่องการกำกับดูแลสื่อให้มีรายการเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมกับการสร้างสรรค์และเยียวยาสังคมอย่างน้อยร้อยละ ๒๕ ของการนำเสนอทั้งหมดไปประกอบการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลต่อไป ๔.ประเด็นการปฏิรูปการจัดสรรทรัพยากรที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน กระทรวงคมนาคมเสนอให้เพิ่มผู้แทนจากกรมเจ้าท่าร่วมเป็นคณะกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติโฉนดชุมชนด้วย |
||||||||||||||||||||||||
5753 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (พลตำรวจเอก นพดล สมบูรณ์ทรัพย์) | ยธ | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ โดยเห็นว่ากรณียังมีประเด็นปัญหาว่าคณะรัฐมนตรีจะสามารถมีมติแต่งตั้งกรรมการดังกล่าวตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ได้หรือไม่ เพียงใด จึงเห็นสมควรดำเนินการให้เป็นแนวทางเดียวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ (เรื่อง ขอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดแรกของคณะกรรมการบริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ) โดยให้ส่งเรื่องนี้ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นก่อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
5754 | การขออัตรากำลังข้าราชการเพิ่มในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด | นร | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดสรรอัตราข้าราชการจากผลการเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ เพิ่มให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) รวม ๕๐ อัตรา เพื่อรองรับภารกิจปราบปรามยาเสพติดที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับชุดควบคุมเครื่องติดตั้งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่จะนำไปติดตั้งในทัณฑสถานและเรือนจำ และชุดควบคุมเครื่องมือพิเศษ เพื่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร จำนวน ๒๓ อัตรา และภารกิจบังคับใช้กฎหมายให้สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค ๑ - ๙ จำนวน ๒๗ อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ซึ่งไม่เกินกรอบอัตรากำลังที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๔ อนุมัติไว้แล้ว ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับจำนวนอัตรากำลังที่ คปร. ได้มีมติอนุมัติตามข้อ ๑ เป็นการอนุมัติตามกรอบปกติที่ คปร. สามารถจัดสรรได้จากผลการเกษียณอายุราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณ ซึ่งจำนวนอัตราดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจ ประกอบกับปัจจุบันปัญหายาเสพติดได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นและได้มีการพัฒนารูปแบบและวิธีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงเป็นการยากลำบากในการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ ดังนั้น กระทรวงยุติธรรมยังมีความจำเป็นในการที่จะขออนุมัติเพิ่มอัตรากำลังเพื่อปฏิบัติภารกิจดังกล่าวในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ โดยที่มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเฉพาะข้อ ๑ มีการพิมพ์ข้อความคลาดเคลื่อน สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงขอแก้ไขให้ถูกต้อง ดังนี้ “๑. เห็นชอบการจัดสรรอัตราข้าราชการจากผลการเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ เพิ่มให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) รวม ๕๐ อัตรา เพื่อรองรับภารกิจปราบปรามยาเสพติดที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับชุดควบคุมเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่จะนำไปติดตั้งในทัณฑสถานและเรือนจำ และชุดควบคุมเครื่องมือพิเศษ เพื่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร จำนวน ๒๓ อัตรา และภารกิจบังคับใช้กฎหมายให้สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค ๑ - ๙ จำนวน ๒๗ อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ซึ่งไม่เกินกรอบอัตรากำลังที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๔ อนุมัติไว้แล้ว” |
||||||||||||||||||||||||
5755 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเจรจาผลประโยชน์ตอบแทนจากการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาร่วมการงานกรณีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับบริษัทเอกชนคู่สัญญา กรณีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ | ทก | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเจรจาผลประโยชน์ตอบแทนจากการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาร่วมการงานกรณีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับบริษัทเอกชนคู่สัญญา กรณีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินงานในระยะต่อไป ควรพิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินการภายใต้กรอบแนวทางตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ [เรื่อง การแก้ไขสัญญาสัมปทานของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ตามแนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕] โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้บริการ ภาครัฐ การพัฒนาและการแข่งขันเสรีอย่างเป็นธรรมของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในภาพรวม ไปประกอบการดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
5756 | การรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย ปี 2553 | กษ | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยปี ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. สำนักงบประมาณอนุมัติให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ใช้เงินงบประมาณของหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว จำนวน ๒๐๘,๐๘๔,๒๗๘ บาท เพื่อจ่ายชำระหนี้แทนสมาชิกที่เสียชีวิตจำนวน ๒ ราย เป็นเงินจำนวน ๑๔๙,๓๖๕ บาท จ่ายชดเชยดอกเบี้ยให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่มีปีบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ แทนสมาชิกที่ประสบอุทกภัยปี ๒๕๕๓ ในปีบัญชีแรก (ปีที่๑) ไปก่อน จำนวน ๔๑,๕๕๙ ราย เป็นเงินจำนวน ๒๐๗,๙๓๔,๙๑๓ บาท หากเงินงบประมาณไม่เพียงพอให้นำไปเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะเสนอของบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยแทนสมาชิกในปีบัญชีถัดไป (ปีที่ ๒) ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับเงินกู้สัญญาใหม่เพื่อฟื้นฟูอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิต รายละไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้ร้อยละ ๓ ต่อปี เป็นเวลาไม่เกิน ๓ ปี กรมส่งเสริมสหกรณ์จะขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในภายหลัง เมื่อมีความชัดเจนของจำนวนเงินกู้ที่สหกรณ์/กลุ่มสหกรณ์ได้จ่ายให้แก่สมาชิกเรียบร้อยแล้ว |
||||||||||||||||||||||||
5757 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม | นร | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพรายงานการรับคำร้องทุกข์ของผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม จำนวน ๔๓ ราย มูลค่าความเสียหายตามคำร้องทุกข์รวมทั้งสิ้น ๖๒๗,๗๒๕,๐๕๙ บาท และได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ทรัพย์สินเสียหายในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ซึ่งมีผลการดำเนินการ สรุปได้ ดังนี้
๑. ออกประกาศกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เรื่อง การให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ทรัพย์สินเสียหายในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ ซึ่งกำหนดขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ให้ผู้เอาประกันภัยติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อขอรับค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ หากบริษัทประกันภัยปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว ให้ผู้เอาประกันภัยแจ้งกับบริษัทฯ ขอรับเงินช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเสียหายตามประกาศฯ หรือติดต่อมายังกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อประสานงานกับบริษัทฯ ๑.๒ กรณีผู้เอาประกันภัยไม่พอใจกับเงินช่วยเหลือที่ได้รับจากบริษัทฯ และต้องการเรียกร้องให้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ ให้ผู้เอาประกันภัยยื่นคำร้องต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเพื่อดำเนินการตามกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ๑.๓ กรณีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทไม่สามารถหาข้อยุติได้ ผู้เอาประกันภัยจะต้องสามารถเลือกได้ว่าจะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ หรือจะฟ้องคดีต่อศาล หากผู้เอาประกันภัยต้องการสนับสนุนค่าใช้จ่าย อาจขอเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ตามระเบียบกองทุนยุติธรรม ๒. แจ้งสิทธิตามขั้นตอนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัยที่ยื่นคำร้องทุกข์ จำนวน ๔๓ ราย มีผู้เอาประกันภัยติดต่อเจรจากับบริษัทฯ และได้รับเงินช่วยเหลือจากบริษัทฯ เพื่อขอยุติเรื่อง จำนวน ๔ ราย ๓. แต่งตั้งคณะทำงานไกล่เกลี่ยกรณีผู้เอาประกันภัยที่ทรัพย์สินหายช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ซึ่งคณะทำงานฯ ได้จัดกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท มีผู้เอาประกันภัยประสงค์เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท จำนวน ๙ ราย สามารถตกลงยุติข้อพิพาทได้ จำนวน ๒ ราย และไม่สามารถตกลงยุติข้อพิพาทได้ จำนวน ๗ ราย ๔. จัดทำหนังสือถึงผู้เอาประกันภัยที่ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จำนวน ๒๔ ราย เพื่อสอบถามความประสงค์และความคืบหน้าผู้เอาประกันภัยไม่ยืนยันความประสงค์ในการขอรับความช่วยเหลือให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพทราบ ๕. จัดประชุมให้คำปรึกษาแก่สมาคมนายหน้าประกันภัย ซึ่งที่ประชุมได้สรุปขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือ โดยนำข้อพิพาทระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีของศาลในรูปคดีผู้บริโภค และให้สมาคมนายหน้าประกันภัยไทยรวบรวมข้อมูลของสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง เพื่อยื่นต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มีผู้ขอรับความช่วยเหลือ จำนวน ๑๕ ราย ๖. การดำเนินการเกี่ยวกับผู้เอาประกันภัยที่ผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๑ มีผู้เอาประกันภัยประสงค์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทอีกครั้ง จำนวน ๑๒ ราย และไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแล้ว จำนวน ๓๕ ราย ๗. ประสานสภาทนายความเพื่อพิจารณาดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย การฟ้องร้องดำเนินคดี และเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการในคดีอาญา ในการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำความผิด จำนวน ๙๗ ราย
|
||||||||||||||||||||||||
5758 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การสัมมนาวิชาการนานาชาติด้านการกัดเซาะชายฝั่งทะเล | ทส | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การสัมมนาวิชาการนานาชาติด้านการกัดเซาะชายฝั่งทะเล โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้จัดประชุมสัมมนาวิชาการนานาชาติ เรื่อง การกัดเซาะชายฝั่งทะเลและการเพิ่มขึ้นของน้ำทะเล เมื่อวันที่ ๒๗ - ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้โครงสร้างแข็ง มีรูปแบบโครงสร้างหลายชนิด เช่น รอดักทราย (Groin) กองหินกันคลื่น (Off Shore Break Water) เขื่อนกันคลื่น (Sea Wall) โครงสร้างเหล่านี้ก่อนจะทำการก่อสร้างต้องศึกษาถึงสภาพภูมิประเทศ สภาพทางอุทกศาสตร์ และการเคลื่อนตัวของตะกอนของพื้นที่ รวมทั้งทำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ (Mathemtical Madel) และแบบจำลองในห้องปฏิบัติการ (Physical Model) เพื่อวิเคราะห์ถึงผลกระทบของโครงสร้างต่อพื้นที่ข้างเคียงและป้องกันการกัดเซาะต่อเนื่องไปยังพื้นที่ข้างเคียงอื่น ๆ ๒. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้โครงสร้างอ่อน เช่น การปลูกป่าชายเลน โดยชนิดของต้นไม้ที่จะนำมาปลูก ควรมีความหลากหลายของชนิดพันธุ์ตามแบบธรรมชาติ และพบว่าแสมจะเป็นไม้เบิกนำที่ดี ๓. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยไม่ใช้โครงสร้าง เช่น การถมทรายชายหาด (Beach Nourishment) เป็นการแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ข้างเคียงน้อย โดยแหล่งทรายที่จะนำมาถมชายหาดต้องมีการศึกษาเพื่อไม่ให้มีผลกระทบในเรื่องอื่น รวมทั้งขนาดตะกอนทรายต้องมีขนาดใกล้เคียงกับทรายชายหาดเดิม เพราะถ้าขนาดไม่เท่ากันจะทำให้ตะกอนทรายขนาดเล็กกว่าจะถูกคลื่นและกระแสน้ำพาออกไปได้อย่างรวดเร็ว ๔. แนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยนำปัจจัยทั้งหมดมาประมวลในการพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหา ซึ่งอาจจะใช้โครงสร้างแข็ง โครงสร้างอ่อน หรือไม่ใช้โครงสร้าง เช่น การกำหนดระยะถอยร่น การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
5759 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2553 เกี่ยวกับโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช | นร | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) รายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ เกี่ยวกับโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยการประกวดแบบลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้มีการประกาศผลการตัดสินรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รอบแรก จำนวน ๑๐ ราย พร้อมทั้งคัดเลือกเหลือ ๕ ราย เพื่อให้จัดทำแบบร่างขั้นสมบูรณ์และหุ่นจำลองของแบบที่ส่งเข้าประกวดในขั้นที่ ๒ และเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ได้มีการประกาศผลการตัดสินผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ๒ ทีมสุดท้าย ได้แก่ นายปิตุพงศ์ เชาวกุล และบริษัท ซุปเปอร์มาชีน สตูดิโอ จำกัด และนายพัชระ วงศ์บุญสิน และบริษัท ภูมิสถาปนิกกรุงเทพ จำกัด ทั้งนี้ จะตัดสินผู้ชนะเลิศในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ จากนั้นจะรายงานผลการประกวดแบบโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ พร้อมทั้งประมาณการวงเงินค่าก่อสร้างเสนอต่อ กบพร. เพื่อพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
5760 | จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และชัยนาท ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ด้านค่าวัสดุซ่อมแซม ที่อยู่อาศัยประจำ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | นร | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ ที่มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานงานกับจังหวัดที่ประสบอุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ยังมีความจำเป็นต้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามที่ระเบียบ/กฎหมาย กำหนด แต่วงเงินทดรองราชการไม่เพียงพอ ต้องขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และให้ ปภ. รวบรวมนำเสนอ คชอ. พิจารณาในคราวเดียว และมติที่ประชุม คชอ. ครั้งที่ ๑๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ที่เห็นชอบการสนับสนุนงบประมาณเฉพาะค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ด้านค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการฯ สำหรับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดชัยนาท รวม ๕๓,๐๘๗ ครัวเรือน เป็นเงิน ๓๑๕,๘๗๒,๓๙๕.๘๓ บาท เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์แนวทางอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร ที่คณะรัฐมนตรีสามารถขออนุมัติใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นได้ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธาน คชอ. เสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ประสานงานกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบรายละเอียดการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ด้านค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดชัยนาท ตามที่ประธาน คชอ. เสนอ หากจำเป็นต้องใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงส่งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งให้ความเห็นชอบก่อน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๑๘๑ (๒) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง สรุปผลและแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร)
|
.....