ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 289 จากทั้งหมด 568 หน้า แสดงรายการที่ 5761 - 5780 จากข้อมูลทั้งหมด 11341 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5761 | นายกรัฐมนตรีลากิจ (21 - 23 มิถุนายน 2554) | นร | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง นายกรัฐมนตรีลากิจ ระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ ส่วนการมอบหมายผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีในระหว่างวันดังกล่าว จะเป็นไปตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๑๓/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
ทั้งนี้ เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีข้างต้นมีความคลาดเคลื่อน สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ให้ถูกต้อง แจ้งตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร ๐๕๐๖/ว ๙๙ ลงวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๔ เป็นว่า “...นายกรัฐมนตรีได้ลากิจระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ ดังนี้ ๑. วันจันทร์ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ลาครึ่งวันบ่าย ๒. วันอังคารที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ ลาเต็มวัน ๓. วันพุธที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ ลาครึ่งวันบ่าย ๔. วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ ลาครึ่งวันเช้า ๕. วันศุกร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ ลาครึ่งวันบ่าย
|
||||||||||||||||||||||||
5762 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย | วท | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยมีผลการดำเนินการในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๓ - มีนาคม ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. สนับสนุนนักเรียนห้องเรียนวิทยาศาสตร์ของโครงการ วมว. ไปแล้ว ๓ รุ่น (ปีการศึกษา ๒๕๕๑, ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓) รวม ๑๓ ห้องเรียน ใน ๕ โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ๓ ห้อง โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ๓ ห้อง โรงเรียนดรุณสิกขาลัย ๓ ห้อง โรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ ๓ ห้อง และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ๑ ห้อง ๒. ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการ วมว. ครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ ได้มีมติเห็นชอบให้คู่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน - โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และคู่มหาวิทยาลัยขอนแก่น - โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ดำเนินการห้องเรียนวิทยาศาสตร์โครงการ วมว. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๓. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้รับการจัดสรรงบประมาณดำเนินการห้องเรียนวิทยาศาสตร์โครงการ วมว. ทั้งสิ้น ๑๖ ห้อง โดยดำเนินการรับสมัครและคัดเลือกนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาเป็นนักเรียนเฉพาะชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ จำนวน ๗ ห้องเรียน ห้องละ ๓๐ คน รวม ๒๑๐ คน ๔. การจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนของทุกมหาวิทยาลัย - โรงเรียนในโครงการ วมว. ให้เป็นไปตามกรอบหลักสูตรกลาง โดยคู่มหาวิทยาลัย - โรงเรียนแต่ละแห่งสามารถเพิ่มเติมรายวิชา และจำนวนหน่วยกิตรายวิชาได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ๕. การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายใต้โครงการ วมว. กับศูนย์วิศวกรรมศาสตร์ศึกษาซูนเนอร์ มหาวิทยาลัยโฮคลาโอมา ประเทศสหรัฐอเมริกา ๖. การวางเส้นทางการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาแก่นักเรียนโครงการ วมว. เพื่อรักษานักเรียนโครงการ วมว. ให้อยู่ในระบบการวิจัย โดยขอความร่วมมือมหาวิทยาลัยของรัฐให้มีการรับนักเรียนโครงการ วมว. เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาโดยวิธีรับตรง
|
||||||||||||||||||||||||
5763 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 | กค | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ดำเนินการจ่ายเงินชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ ให้แก่เกษตรกรแล้ว จำนวน ๗๖,๗๙๘ ราย เป็นเงิน ๓๘๖,๒๙๘,๒๓๔.๕๒ บาท แบ่งเป็นโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ (รอบที่ ๑) จำนวน ๘,๗๙๔ ราย เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๒,๖๓๗,๖๐๖.๑๒ บาท และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ (รอบที่ ๒) จำนวน ๖๘,๐๐๔ ราย เป็นเงินทั้งสิ้น ๓๗๓,๖๖๐,๖๒๘.๔๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
5764 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดซื้อจัดจ้างและราคากลาง | กค | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดซื้อจัดจ้างและราคากลาง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. แจ้งเวียนประเด็นการอนุมัติให้มีการทบทวนราคากลางงานก่อสร้างให้เป็นปัจจุบันตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๔ มกราคม ๒๕๕๔) ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐทราบและถือปฏิบัติ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๒. กำหนดและประกาศเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยสำหรับใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง จากเดิมร้อยละ ๖ ต่อปี เป็นร้อยละ ๗ ต่อปี พร้อมทั้งจัดทำตาราง Factor F ที่สอดคล้องตามอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงใหม่ ๓. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณค่างานต้นทุน (Direct Cost) ของทั้ง ๓ หลักเกณฑ์ ประกอบด้วย หลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง หลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างทาง สะพาน และท่อเหลี่ยม และหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างชลประทาน ๔. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการงานก่อสร้าง (Indirect Cost) หรือตาราง Factor F และหลักเกณฑ์การใช้ตาราง Factor F ของทั้ง ๓ ประเภทงานก่อสร้างให้มีความชัดเจน ครบถ้วน และง่ายต่อการนำไปใช้ปฏิบัติ ๕. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการรวมทั้งแบบฟอร์มการคำนวณค่าใช้จ่ายพิเศษตามข้อกำหนดของทั้ง ๓ ประเภทงานก่อสร้าง ๖. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์รวมทั้งแบบฟอร์มในการนำค่างานต้นทุน (Direct Cost) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก่อสร้าง (Indirect Cost) และค่าใช้จ่ายพิเศษตามข้อกำหนดมาสรุปรวมกันเป็นราคากลาง และการจัดทำรายงานของทั้ง ๓ ประเภทงานก่อสร้าง ๗. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงในส่วนของแนวทางและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างให้มีความชัดเจน และสอดคล้องตามกฎหมาย ระเบียบ แนวทาง และวิธีปฏิบัติของทางราชการ |
||||||||||||||||||||||||
5765 | การดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังกรณีเรือน้ำตาลล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ จังหวัดปทุมธานี | นร | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีเรือน้ำตาลล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดปทุมธานี ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีบ้านเสียหายทั้งหลังและบางส่วน รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือกรณีประชาชนที่ประกอบอาชีพจับสัตว์น้ำซึ่งได้รับผลกระทบจากกรณีเรือน้ำตาลล่มทำให้ขาดรายได้ ๑.๒ เห็นชอบให้เพิ่มเติมข้อความตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ เรื่อง การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหากรณีเรือบรรทุกน้ำตาลล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ข้อ ๔ โดยระบุข้อความเพิ่มเติมว่า “โดยเป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้พิจารณาช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง ๒ แนวทาง คือ ๑.๒.๑ ช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๒.๒ ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังที่ได้รับความเสียหาย ร้อยละ ๖๐ ของมูลค่าความเสียหาย จากเงินกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ๒. ให้กระทรวงคมนาคมประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) และเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำสัญญาณเตือนภัยการจราจรทางน้ำในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การก่อสร้างป้ายแจ้งเตือนทางน้ำ การติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบและไฟส่องสว่าง และการติดตั้งยางกันกระแทก เป็นต้น ให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
5766 | โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร | นร | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายงานว่า ข้อความที่แจ้งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เกี่ยวกับโครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร และเรื่องโครงการเงินกู้ให้เกษตรกรจัดหาปุ๋ยของ ธ.ก.ส. โดยระบุค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของโครงการวงเงิน ๒๘๘ ล้านบาท เป็นค่าอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่เจ้าหน้าที่และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น ซึ่งที่ถูกต้องประกอบด้วยค่าประชาสัมพันธ์โครงการ ค่าเผยแพร่ข้อมูลชุดดินพร้อมขอบเขตของตำบลเผยแพร่สู่สาธารณะผ่านเว็บไซต์และให้หมอดินอาสาเก็บตัวอย่างดินและวิเคราะห์ดิน ค่าอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับเจ้าหน้าที่ และเกษตรกร ติดตาม กำกับ ตรวจสอบควบคุมงาน และประเมินผลโครงการ ทั้งนี้ โครงการได้เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔ โดยมีการรายงานความก้าวหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ แต่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของโครงการในการช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกรในการผลิตได้ทันฤดูกาลเพาะปลูก ๒๕๕๔/๕๕ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพิ่มเติมรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมตามแนวทางการดำเนินงานโครงการ รวมทั้งแจ้งให้สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
5767 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (นายวิทิต อรรถเวชกุล) | สธ | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายวิทิต อรรถเวชกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ต่อเนื่องไปจากวาระการดำรงตำแหน่งเดิม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ส่วนการกำหนดอัตราค่าตอบแทนให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาต่อไป ตามนัยมาตรา ๑๘๑ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง สรุปผลและแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ซึ่งต่อมาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งแจ้งว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมากว่า การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมไม่เข้าข่ายต้องเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นชอบก่อน ตามมาตรา ๑๘๑ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นด้วยว่า ตามมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติองค์การเภสัชกรรม พ.ศ. ๒๕๐๙ บัญญัติให้คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมเป็นผู้แต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมจึงเป็นอำนาจของคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย กรณีนี้จึงมิใช่การดำเนินการอันเป็นการต้องห้ามตามบทบัญญัติมาตรา ๑๘๑ (๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแต่อย่างใด
|
||||||||||||||||||||||||
5768 | ขอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดแรกของคณะกรรมการบริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (จำนวน 3 ราย 1. นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ฯลฯ) | ศธ | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่อง ขอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดแรกของคณะกรรมการบริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ของกระทรวงศึกษาธิการ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นก่อน ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ได้เห็นชอบการกำหนดแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรในส่วนที่เกี่ยวกับแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายนั้น มีผลทำให้บุคคลนั้นสามารถดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการได้ต่อเนื่องตามวาระที่กฎหมายบัญญัติ จึงอาจถือว่าเป็นการดำเนินการที่มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ดังนั้น ในระหว่างการยุบสภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรีจึงจะไม่พิจารณาการแต่งตั้งคณะกรรมการ อย่างไรก็ตาม การมีมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวนั้นสืบเนื่องมาจากกรณีปกติที่คณะกรรมการที่พ้นวาระตามกฎหมายจะอยู่ดำรงตำแหน่งได้ต่อไปจึงไม่เกิดความเสียหายในการปฏิบัติราชการ แต่สำหรับพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นกฎหมายใหม่ ที่มิได้มีบทบัญญัติให้มีคณะกรรมการทำหน้าที่บริหารเป็นการชั่วคราวในระหว่างวันที่ยังมิได้แต่งตั้งคณะกรรมการ หากแต่บัญญัติให้มีการสรรหาคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่บริหารภายใน ๔๕ วันนับแต่วันที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา กรณีจึงอาจแตกต่างจากการแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายอื่นเพราะสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพไม่มีคณะกรรมการบริหาร ซึ่งทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ จึงมีกรณีที่ต้องพิจารณาว่าหากไม่แต่งตั้งคณะกรรมการแล้วจะมีผลทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ซึ่งอาจเป็นเหตุจำเป็นที่คณะรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งโดยเร็ว นอกจากนี้ การได้มาซึ่งคณะกรรมการบริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพตามกฎหมายได้มีกระบวนการสรรหาไว้โดยเฉพาะ และคณะรัฐมนตรีมีอำนาจพิจารณาแต่งตั้งตามรายชื่อที่มีการสรรหา โดยมิใช่เป็นผู้ใช้ดุลยพินิจคัดเลือกบุคคลนั้นเอง การพิจารณาแต่งตั้งจึงอาจถือได้ว่าเป็นการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
5769 | รายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ในช่วง 6 เดือนหลัง (1 เมษายน 2553 - 30 กันยายน 2553) | นร | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ในช่วง ๖ เดือนหลัง (๑ เมษายน ๒๕๕๓ - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบตามมาตรา ๑๖๙ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ดังนี้
๑. ในช่วง ๖ เดือนหลัง (๑ เมษายน ๒๕๕๓ - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓) มีการโอนงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นจำนวน ๖,๑๐๘.๙๙๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๓๖ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวนทั้งสิ้น ๑,๗๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยเป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายโดยใช้อำนาจของหัวหน้าส่วนราชการ (ระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๒๔ - ๒๖) จำนวน ๒,๗๕๗.๒๐๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๑๖ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และเป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการที่ต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ (ระเบียบฯ ข้อ ๒๗) จำนวน ๓,๓๕๑.๗๙๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๒๐ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ลักษณะในการโอนงบประมาณรายจ่ายมี ดังนี้ ๒.๑ เป็นการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลหรือตามมติคณะรัฐมนตรี และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน หรือเป้าหมายการดำเนินงานของส่วนราชการ จำนวน ๔,๓๘๒,๕๑๐,๒๙๙ บาท ๒.๒ เป็นการโอนงบประมาณเพื่อชดใช้คืนรายการผูกพันที่ยืมจากปีที่ผ่านมา จำนวน ๘๗๘,๙๐๐,๓๗๘ บาท ๒.๓ เป็นการโอนงบประมาณระหว่างหน่วยงานตามที่กฎหมายกำหนด จำนวน ๔๐๖,๘๐๒,๗๙๗ บาท ๒.๔ เป็นการโอนไปจ่ายเป็นเงินชดเชยค่างานตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) หรือเป็นค่าสาธารณูปโภค และค่าใช้จ่ายของข้าราชการที่เดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว จำนวน ๓๔๔,๔๖๘,๓๕๖ บาท ๒.๕ อื่น ๆ เช่น การบันทึกข้อมูลคลาดเคลื่อนระหว่างผลผลิต การโอนงบประมาณส่งคืนกรมบัญชีกลาง การโอนงบบุคลากรตามแนวทางกรมบัญชีกลาง เป็นต้น จำนวน ๙๖,๓๑๑,๖๔๑ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
5770 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 เรื่อง การขออนุมัติเปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิประจำประเทศไทย | กต | 31/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เรื่อง การขออนุมัติเปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิประจำประเทศไทย โดยแก้ไขชื่อ จาก สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิประจำประเทศไทย เป็น สถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิประจำประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
5771 | ความคืบหน้าการดำเนินการตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ : ยุทธศาสตร์ยุติการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรม : เพื่อลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสุขภาพของผู้ป่วย | สธ | 31/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ : ยุทธศาสตร์ยุติการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรม : เพื่อลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสุขภาพของผู้ป่วย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๓ ได้มีมติเห็นชอบร่างนโยบายแห่งชาติด้านยาและยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ โดยผนวกกาดำเนินการตามมติในข้อ ๒ ไว้ในยุทธศาสตร์ด้านที่ ๒ การใช้ยาอย่างสมเหตุผล ยุทธศาสตร์ย่อยที่ ๗ การส่งเสริมจริยธรรมผู้สั่งใช้ยาและยุติการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรม ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔ เห็นชอบนโยบายดังกล่าวแล้ว ๒. ที่ประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมจริยธรรมผู้สั่งใช้ยาและยุติการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรม เพื่อทำหน้าที่ตามมติคณะรัฐมนตรีและกลยุทธ์ในยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ และให้คณะทำงานฯ เสนอความคืบหน้าการดำเนินงานต่อคณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งต่อไป ๓. คณะทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมจริยธรรมผู้สั่งใช้ยาและยุติการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรมได้จัดทำแผนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมจริธรรมผู้สั่งใช้ยาและยุติการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๕๔ และพัฒนาร่างเกณฑ์จริยธรรมว่าด้วยการส่งเสริมการขายยา เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์กลางของประเทศไทย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการให้ความเห็นต่อร่างเกณฑ์จริยธรรมฯ ดังกล่าว ซึ่งกำหนดระยะเวลาดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๔ |
||||||||||||||||||||||||
5772 | ความคืบหน้าการดำเนินการโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทย | พณ | 31/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทย ตั้งแต่วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๓ - ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. การช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ มีผู้ยื่นขอกู้จำนวน ๑,๔๕๗ ราย วงเงิน ๔,๔๓๒.๐๘ ล้านบาท ธนาคารอนุมัติสินเชื่อจำนวน ๑,๐๓๔ ราย วงเงิน ๒,๙๘๘.๘๗ ล้านบาท และมีการเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน ๙๓๕ ราย วงเงิน ๒,๗๓๐.๐๘ ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากวงเงินสินเชื่อโครงการช่วยเหลือด้านการเงินฯ จำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท มีไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ที่ยื่นขอกู้ ส่งผลให้ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มเติมในกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์และธุรกิจขายตรง ๒. ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการ เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ ได้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์และธุรกิจขายตรง พร้อมทั้งจัดสรรวงเงินที่เหลือ และได้มีมติให้กันวงเงินไว้สำหรับกลุ่มธุรกิจดังกล่าว จำนวน ๒๑๕ ล้านบาท และให้ฝ่ายเลขานุการ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติวงเงินสินเชื่อสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจแฟรนไชส์ และธุรกิจขายตรง เพิ่มเติมอีกจำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๔ อนุมัติวงเงินสินเชื่อ (เพิ่มเติม) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
5773 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ไตรมาสที่ 2 (ตุลาคม 2553 - มีนาคม 2554) | กค | 31/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ไตรมาสที่ ๒ (ตุลาคม ๒๕๕๓ - มีนาคม ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ไตรมาสที่ ๒ (ตุลาคม ๒๕๕๓ - มีนาคม ๒๕๕๔) มีการเบิกจ่ายแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๑,๔๓๐,๕๖๓.๕๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๕.๑๓ ของวงเงินจำนวน ๒,๕๙๔,๗๐๑.๘๒ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๑ เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๑,๐๗๐,๔๕๓.๙๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๑.๗๑ สูงกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ ๔๔.๐๐) อยู่ร้อยละ ๗.๓๑ ประกอบด้วย รายจ่ายประจำจำนวน ๙๓๐,๕๒๖.๓๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๓.๙๔ และรายจ่ายลงทุนจำนวน ๑๓๙,๙๒๗.๕๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๐.๕๖ สูงกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ ๓๕.๐๐) อยู่ร้อยละ ๕.๕๖ โดยจังหวัดและกลุ่มจังหวัด กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพลังงาน มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำสุด ๑.๒ เงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ประกอบด้วย เงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๖ - ๒๕๕๓ สามารถเบิกจ่ายได้จำนวน ๘๘,๗๑๐.๔๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๘.๔๒ ของวงเงินงบประมาณเหลื่อมปีจำนวน ๑๘๓,๒๐๘.๔๐ ล้านบาท ๑.๓ เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท มีการจัดสรรแล้ว (ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔) จำนวนทั้งสิ้น ๓๔๑,๔๙๓.๔๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๗๑,๓๙๙.๑๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๗๙.๔๗ ๒. สาเหตุสำคัญที่ทำให้การเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ล่าช้า เนื่องจากงบประมาณในส่วนของรายจ่ายลงทุนส่วนใหญ่เป็นโครงการใหม่ โดยในไตรมาสที่ ๑ - ๒ อยู่ระหว่างขบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ส่งผลให้การเบิกจ่ายไม่มากนัก ประกอบกับได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทำให้การดำเนินงานของหน่วยงานต้องล่าช้าออกไป นอกจากนี้ โครงการผูกพันข้ามปีงบประมาณ หน่วยงานจะเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี หลังจากนั้นจึงจะเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณปีปัจจุบันผู้รับจ้างประสงค์จะเบิกจ่ายเพียงครั้งเดียวเมื่องานแล้วเสร็จ
|
||||||||||||||||||||||||
5774 | ขอให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีโครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่มเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | สธ | 31/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแก้ไขสรุปผลการรายงานการประชุมและข้อความในหนังสือยืนยันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง โครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้) ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไปแล้วเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ดังนี้ ๑.๑ ข้อ ๑ ให้แก้ไขเป็น ดังนี้ “อนุมัติอัตราข้าราชการเพิ่มใหม่ จำนวน ๑,๙๗๗ อัตรา เพื่อรองรับการบรรจุนักศึกษาตามโครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนด ๑.๒ ข้อ ๒ ให้แก้ไขเป็น ดังนี้ “อนุมัติอัตราข้าราชการเพิ่มใหม่สำหรับบรรจุนักเรียนทุนรัฐบาล (แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร) ที่สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๒,๒๐๐ อัตรา” ๑.๓ ข้อ ๕ ให้แก้ไขเป็น ดังนี้ “อนุมัติอัตราข้าราชการเพิ่มใหม่สำหรับบรรจุพยาบาลวิชาชีพที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขจ้างไว้เป็นลูกจ้างชั่วคราวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๖๖๙ อัตรา” ๒. เห็นชอบให้แก้ไขชื่อเรื่องตามหนังสือกระทรวงสาธารณสุข ด่วนที่สุด ที่ สธ ๐๒๐๑.๐๓๒/๑๗๒๕ ลงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ จากเดิม “ขอให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรี ...” เป็น “ขอให้แก้ไขข้อความที่คลาดเคลื่อนในหนังสือยืนยันมติคณะรัฐมนตรี ...” และตัดข้อความตามหนังสือกระทรวงสาธารณสุข หน้า ๒ ที่มีข้อความว่า “ดังนั้น จึงเห็นควรเสนอคณะรัฐมนตรีแก้ไขมติดังกล่าว” ออก ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||
5775 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2554 - 2556) ภายใต้แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. 2552 - 2556 | มท | 10/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖) ภายใต้แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการทั้ง ๘๑ หน่วยงาน มีหน่วยงานแจ้งผลการดำเนินงาน ๓๔ หน่วยงาน พบว่ามีโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ได้รับงบประมาณเพื่อดำเนินการ ๑๘ โครงการ จากจำนวนทั้งสิ้น ๒๑๑ โครงการ และได้รับงบประมาณเป็นเงิน ๑๔๔.๗๒๗๖ ล้านบาท จากงบประมาณที่ตั้งไว้ทั้งสิ้น ๒,๐๑๙.๔๐๓๓ ล้านบาท ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและลดผลกระทบ จำนวน ๑๖ โครงการ เป็นเงิน ๑๒๘.๒๖๖๐ ล้านบาท ยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมพร้อมรับภัย จำนวน ๑ โครงการ เป็นเงิน ๕.๐๐๐๐ ล้านบาท และยุทธศาสตร์ด้านการจัดการหลังเกิดภัย จำนวน ๑ โครงการ เป็นเงิน ๑๑.๔๖๑๖ ล้านบาท สำหรับกรณีแผนงาน/โครงการที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ หน่วยงานต่าง ๆ มีการดำเนินการ ปรับเป็นงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๙ โครงการ งบประมาณ ๓๓๒.๕๖๙๔ ล้านบาท ขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณอื่น ๑๓ โครงการ งบประมาณ ๒๔๙.๑๗๐๐ ล้านบาท และดำเนินการตามงบปกติ ๑ โครงการ งบประมาณ ๕.๐๐๐๐ ล้านบาท ๒. ในช่วงการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ ณ ประเทศญี่ปุ่น กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย รวม ๑๕ จังหวัด และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๓ ปราจีนบุรี เขต ๔ ประจวบคีรีขันธ์ เขต ๑๑ สุราษฎร์ธานี เขต ๑๒ สงขลา และเขต ๑๗ จันทบุรี ให้จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเฝ้าระวังคลื่นสึนามิ” พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ติดตามสถานการณ์ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การจัดการในภาวะฉุกเฉินของแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖ และแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ภายใต้แผนแม่บทดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗ |
||||||||||||||||||||||||
5776 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ระยะที่ 2 | กษ | 10/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง โครงการการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ระยะที่ ๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมการเกษตร) ได้ดำเนินโครงการการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ระยะที่ ๒ เสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ โดยการควบคุมการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังไม่ให้ทำความเสียหายต่อผลผลิตและท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง โดยการแช่ท่อนพันธุ์ในพื้นที่ ๑๖ จังหวัด หรือคิดเป็นพื้นที่ ๘๗,๙๐๐ ไร่ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่และเกษตรกรให้มีความรู้ ความสามารถด้านการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง รวมทั้งได้กำหนดมาตรการสำหรับควบคุมเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังไว้ ๕ ประการ คือ มาตรการเฝ้าระวัง มาตรการแจ้งเตือนภัย มาตรการควบคุม มาตรการช่วยเหลือและเยียวยา และมาตรการติดตามประเมินผล โดยให้ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนเป็นกลไกสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ใช้งบประมาณจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๓,๕๗๙,๐๐๐ บาท ๒. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการฯ เนื่องจากการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังเกิดจากหลายปัจจัยและแต่ละปัจจัยมีวิธีควบคุมที่แตกต่างกันออกไป ประกอบกับเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังชนิดสีชมพูเป็นศัตรูพืชชนิดใหม่ที่ทำความเสียหายให้กับเกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ เทคโนโลยีและวิธีการควบคุมยังต้องมีการศึกษา วิจัย ทดสอบ เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมและได้ผลในการกำจัดเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังควบคู่กับการแก้ไขปัญหาการระบาด |
||||||||||||||||||||||||
5777 | พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 | นร | 10/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ เรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้อาศัยอำนาจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๒ อนุมัติแทนคณะรัฐมนตรีในเรื่อง การตราร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการอันจำกัดตามมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งบัดนี้ ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และประกาศใช้บังคับในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๓๓ ก วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ด้วยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
5778 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง โครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (Closed Circuit Television System: CCTV System) และระบบเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมกับการควบคุมทางศุลกากร | กค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (Closed Circuit Television System : CCTV System) และระบบเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมกับการควบคุมทางศุลกากร ซึ่งประกอบด้วยผลการดำเนินโครงการระยะที่ ๑ และการดำเนินโครงการในระยะที่ ๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการโครงการระยะที่ ๑ ในครั้งต่อไปเมื่อการดำเนินโครงการระยะที่ ๒ แล้วเสร็จหรือภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
5779 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 - 2556 ค่าเช่ารถยนต์ตรวจการณ์ | มท | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เช่ารถยนต์ตรวจการณ์มาใช้ในราชการ จำนวน ๑๘ คัน อัตราค่าเช่าคันละ ๓๓,๒๐๐ บาทต่อเดือน (ไม่รวมพนักงานขับรถยนต์และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง) ระยะเวลาการเช่า ๓ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๖) ตั้งแต่กรกฎาคม ๒๕๕๔ - กันยายน ๒๕๕๖ รวมงบประมาณทั้งสิ้น ๑๖,๑๓๕,๒๐๐ บาท แบ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑,๗๙๒,๘๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๑๔,๓๔๒,๔๐๐ บาท สำหรับงบประมาณที่จะใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบลงทุน รายการจัดซื้อรถยนต์ตรวจการณ์ ขับเคลื่อน ๔ ล้อ จำนวน ๑๖,๑๓๕,๒๐๐ บาท โดยให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ และดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
5780 | โครงการระบบส่งเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนมายกก | พน | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการระบบส่งเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนมายกก ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในวงเงินลงทุนรวม ๒,๗๔๐ ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้ กฟผ. สามารถก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้าเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนมายกกในสหภาพพม่าได้ทันตามกำหนด และเพื่อเพิ่มความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคเหนือ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้ กฟผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการระบบส่งเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนมายกก ให้คำนึงถึงข้อผูกพันที่รัฐบาลไทยมีต่อรัฐบาลสหภาพพม่าในอันที่จะต้องส่งเสริมและให้ความร่วมมือในการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าในสหภาพพม่า ตามบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยและสหภาพพม่าได้ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๔๐ และการลงนามบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. กับผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๓ การจัดเวทีให้ภาคประชาชนและประชาสังคมของทั้งสองฝ่ายมีส่วนร่วมรับรู้และแสดงความคิดเห็นต่อโครงการฯ การจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๒ หากโครงการฯ มีส่วนที่อยู่ในหรือพาดผ่านพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้เป็นพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ และการเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นหรือจัดทำรายการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๓๗) หากสายส่งไฟฟ้าของโครงการฯ มีส่วนที่อยู่ในหรือพาดผ่านพื้นที่ป่าอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (กก.สศช.) เกี่ยวกับการเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เยาวชน ประชาชน และชุมชนในด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งต่าง ๆ เช่น ถ่านหินนำเข้าโดยใช้เทคโนโลยีสะอาด (Clean Coal Technology) และเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ เป็นต้น ตลอดจนข้อดีข้อเสียของแต่ละแหล่งผลิตพลังงานเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนและชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
.....