ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 16 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 301 - 320 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
301 | การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2563 | รง | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี ๒๕๖๓ ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ ๑๐) ลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งคณะกรรมการค่าจ้างได้มีมติให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอัตรา ๕-๖ บาท โดยพิจารณาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในแต่ละจังหวัด และให้นำประกาศดังกล่าวลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาหาแนวทางเพื่อเพิ่มผลิตภาพของแรงงานอย่างต่อเนื่อง และควรติดตามผลกระทบของการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่อาจจะส่งผ่านไปยังราคาสินค้า และการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งควรติดตามให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการค่าจ้างอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการจ้างงานเนื่องจากเป็นการปรับอัตราค่าจ้างในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวนค่อนข้างสูง และควรมีมาตรการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะแรงงาน เพื่อให้มีทักษะฝีมือเหมาะสมกับค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
302 | คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 15/2562 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2562 | พน | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๕/๒๕๖๒ เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ลงวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการปรับปรุงคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๔๗ เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
303 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 | กค | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติมาตรการ/โครงการ ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๒ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๖๒ และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้ ๑.๑ โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑.๑.๑ เห็นชอบในหลักการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระดับหมู่บ้าน ภายในกรอบวงเงิน ๑๔,๔๙๑.๔ ล้านบาท โดยให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติพิจารณาใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยพิจารณาจากโครงการที่ได้เคยมีมติอนุมัติไว้ ซึ่งได้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และ/หรือโครงการที่มีผลการปฏิบัติงานล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติจัดทำรายละเอียดให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๑.๑.๒ เห็นชอบโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับวงเงินชดเชยดอกเบี้ย ภายในกรอบวงเงิน ๗๐๗.๗ ล้านบาท ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการให้สินเชื่อในแต่ละกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสมชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ รวมทั้งรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรให้ความสำคัญในเรื่องของความพร้อมของโครงการ ความชัดเจนของกลุ่มเป้าหมาย การติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินการที่ผ่านมา การสร้างความรับรู้ ความเข้าใจของทุกภาคส่วนต่อการดำเนินโครงการ เพื่อลดความเสี่ยงของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น และความซ้ำซ้อนของการดำเนินการในแต่ละโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๑.๑.๓ รับทราบโครงการพักชำระหนี้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรพิจารณาแนวทางการประเมินและบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดแรงจูงใจในการผิดนัดชำระหนี้และปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรมุ่งสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนอย่างแท้จริง โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหว่างกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ประชาชนในพื้นที่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีเงินสะสมคงเหลือที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพของคนในชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการคลังถอนมาตรการลดภาระหนี้ผู้ประกอบการ SMEs ไปเพื่อพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรพิจารณาสนับสนุนให้สถาบันการเงินเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตั้งแต่ระยะที่ลูกหนี้ยังอยู่ในวิสัยที่จะสามารถดำเนินธุรกิจได้ โดยพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ที่แท้จริงของลูกหนี้แต่ละราย เพื่อเป็นกันชนรองรับแรงกดดันความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ และสามารถปรับตัวเพื่อฟื้นฟูธุรกิจได้อย่างทันท่วงที ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๑.๓ รับทราบหลักการของมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งประกอบด้วย (๑) การอนุมัติของบประมาณเพิ่มเติมตามโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ และ (๒) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดของโครงการให้ชัดเจน เพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการช่วยเหลือตามมาตรการดังกล่าวควรมีระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรที่เพิ่มขี้นจากประมาณการเดิม นั้น ควรได้มีการตรวจสอบในเรื่องการลงทะเบียน จำนวนเกษตรกร จำนวนครัวเรือน จำนวนผลผลิตต่อไร่ ให้ทันต่อสถานการณ์อย่างถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนมีการประเมินผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน และกำหนดนโยบายที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๑.๔ เห็นชอบมาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว โดยให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นธรรม รวมทั้งจัดทำรายละเอียดให้ถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขโครงการที่กระทรวงการคลังกำหนด และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นธรรม และจัดทำรายละเอียดให้ถูกต้องครบถ้วน ตามเงื่อนไขโครงการที่กระทรวงการคลังกำหนด และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป โดยให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ และโอกาสในการลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) ของประชาชนทั่วไปที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเป็นสำคัญ การกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการในการป้องกันการซื้อเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ตลอดจนการรายงานและประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๒ ในภาพรวม โดยเห็นว่ารัฐบาลควรส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแรงจูงใจ (incentive structure) ในระบบเศรษฐกิจให้เหมาะสม เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจในระยะยาว และเตรียมพร้อมรับมือกับบริบทเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ โดยไม่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
304 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2562 และแนวโน้มปี 2562 - 2563 | นร11 | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๒ และแนวโน้มปี ๒๕๖๒-๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๒ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวร้อยละ ๒.๔ ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๓ ในไตรมาสก่อนหน้า (%YOY) และเมื่อปรับผลของฤดูการออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวจากไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๒ ร้อยละ ๐.๑ (%QoQ_SA) รวม ๙ เดือนแรกของปี ๒๕๖๒ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๒.๕ ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๒ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๖ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าจะลดลงร้อยละ ๒.๐ การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๔.๓ และร้อยละ ๒.๗ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๐.๘ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๖.๒ ของ GDP ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจ ปี ๒๕๖๓ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๗-๓.๗ โดยมีแรงสนับสนุนสำคัญ ประกอบด้วย (๑) แนวโน้มการขยายตัวในเกณฑ์ที่น่าพอใจของอุปสงค์ภายในประเทศทั้งในด้านการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนภาครัฐและเอกชน (๒) การปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ ของการส่งออกภายใต้แนวโน้มการปรับตัวดีขี้นอย่างช้า ๆ ของเศรษฐกิจโลก และการปรับตัวของภาคการส่งออกต่อมาตรการกีดกันทางการค้าที่จะมีความชัดเจนมากขึ้น (๓) การดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ และ (๔) การปรับตัวดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
305 | การพิจารณาความเหมาะสมของอัตราการเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงิน | กค | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการพิจารณาความเหมาะสมของอัตราเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งกระทรวงการคลัง และ ธปท. พิจารณาแล้ว เห็นควรให้คงอัตราเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินให้กับ ธปท. ไว้ที่ร้อยละ ๐.๔๖ ต่อปี เนื่องจากยังคงมีความเหมาะสมภายใต้สมมติฐานอัตราการขยายตัวของฐานเงินฝากที่อาจได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและการเงินทั้งในประเทศและตลาดการเงินโลก และเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๕ (เรื่อง การดำเนินการตามพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
306 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 6/2562 | นร11 | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เรื่องเพื่อพิจารณา : นโยบาย แนวทาง และมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) ที่ประชุมฯ มีมติรับทราบมาตรการ MSME 2020 : Micro SME 2020 รวม ๑๓ มาตรการ ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ โดยให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับประเด็นความเห็นของคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พร้อมทั้งหารือรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอให้คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ๑.๒ เรื่องเพื่อพิจารณา : โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบให้นำผลการเจรจาและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ ตามที่กรุงเทพมหานครและกระทรวงมหาดไทยเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไปได้ โดยให้กรุงเทพมหานครเร่งดำเนินการตามความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมของที่ประชุมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๓ เรื่องเพื่อทราบ : มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ และสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุด (เดือนกันยายน ๒๕๖๒) ที่ประชุมฯ มีมติรับทราบและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจไทย และชี้แจงข้อมูลแก่ประชาชนให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยในประเด็นที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
307 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2562 | กค | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ในประเด็นที่สำคัญต่าง ๆ ได้แก่ เป้าหมายนโยบายการเงิน การประเมินภาวะเศรษฐกิจการเงินและแนวโน้ม การดำเนินนโยบายการเงิน และประเด็นอื่น ๆ ที่ กนง. ให้ความสำคัญในการดำเนินนโยบายการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
308 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการจัดให้มีการตรวจสุขภาพลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง พ.ศ. .... | รง | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการจัดให้มีการตรวจสุขภาพลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการจัดให้มีการตรวจสุขภาพลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมบางประการ เช่น แก้ไขร่าง ข้อ ๓ จาก “...หรือจัดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างก่อนให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงาน เป็น “...หรือจัดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างก่อนให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงานให้ดำเนินการโดยแพทย์อาชีวเวชศาสตร์” และกรณีนายจ้างจัดทำสมุดสุขภาพประจำตัวของลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงตามร่าง ข้อ ๕ ควรเชิญผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมให้ความเห็นในการจัดทำสมุดตรวจสุขภาพของลูกจ้าง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ในขั้นตอนการบังคับใช้กฎหมาย ควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการการจัดบริการสุขภาพของแรงงานระหว่างสถานประกอบการและสถานพยาบาลที่มีความเชื่อมโยงกันตั้งแต่การตรวจสุขภาพ การจัดเก็บข้อมูลสุขภาพ ตลอดจนการส่งต่อผู้ป่วย เพื่อให้สถานประกอบการมีแนวทางในการดูแลสุขภาวะของลูกจ้างได้อย่างแท้จริง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
309 | ร่างกฎหมายลำดับรองซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 รวม 11 ฉบับ | นร | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๗ ฉบับ และเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบและร่างประกาศ จำนวน ๔ ฉบับ รวม ๑๑ ฉบับ ซึ่งเป็นการออกกฎหมายลำดับรองเพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และให้กฎหมายมีผลใช้บังคับโดยสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติหลักการ ๑.๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกกรรมการผู้แทนคณะกรรมการลุ่มน้ำในคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... ๑.๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งกรรมการลุ่มน้ำผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรรมการผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำ และกรรมการลุ่มน้ำผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ศ. .... ๑.๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำ และกรรมการลุ่มน้ำผู้ทรงคุณวุฒิ อันเนื่องมาจากเหตุบกพร่องหรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือหย่อนความสามารถ พ.ศ. .... ๑.๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดวัตถุประสงค์ หน้าที่และอำนาจ และการดำเนินงานขององค์กรผู้ใช้น้ำ รวมทั้งหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการก่อตั้งองค์กรผู้ใช้น้ำ พ.ศ. .... ๑.๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดค่าทดแทนแก่บุคคลซึ่งกักเก็บน้ำไว้ต้องสูญเสียน้ำที่กักเก็บไว้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ พ.ศ. .... ๑.๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการชดเชยความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างจากการดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วม พ.ศ. .... ๑.๑.๗ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดค่าทดแทนการใช้ที่ดินหรือสิ่งก่อสร้าง และชดเชยความเสียหายแก่ทรัพย์สินของเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างจากการใช้ที่ดินหรือสิ่งก่อสร้าง เพื่อการป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำแล้งและภาวะน้ำท่วม พ.ศ. .... ๑.๒ เห็นชอบในหลักการ ๑.๒.๑ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการนำเงินค่าทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหายไปวางต่อศาล หรือสำนักงานวางทรัพย์ หรือฝากไว้กับธนาคารออมสิน และวิธีการรับเงินค่าทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหาย พ.ศ. .... ๑.๒.๒ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสั่งให้บุคคลซึ่งกักเก็บน้ำไว้ต้องเฉลี่ยน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ พ.ศ. .... ๑.๒.๓ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๒.๔ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบ พ.ศ. .... ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑.๕-๑.๑.๗ ควรตัดข้อความที่กำหนดให้การจ่ายค่าทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหายให้ใช้จากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ออก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
310 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 11 พ.ศ. 2561 | สช | 15/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๔ มติ ได้แก่ มติ ๑ การร่วมสร้างสรรค์พื้นที่สาธารณะในเขตเมืองเพื่อสุขภาวะสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน มติ ๒ ความรับผิดชอบร่วมทางสังคมเกี่ยวกับอีสปอร์ตต่อสุขภาวะเด็ก มติ ๓ ความรอบรู้ด้านสุขภาพเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อ และมติ ๔ การคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการทันตกรรม และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามมติดังกล่าวต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น มติ ๑ ควรมีกลไกในการบูรณาการการใช้ทรัพยากร พื้นที่ และการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย ยืดหยุ่น และเหมาะสมกับทุกช่วงวัย มติ ๒ ควรพิจารณาถึงมาตรการหรือแนวทางในการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการเข้าถึงอีสปอร์ตและวีดิโอเกมออนไลน์อย่างเหมาะสม มติ ๓ ควรให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาวะ (Digital Health Literacy) แก่ประชาชน และมติ ๔ ควรมีการกำหนดราคากลางและควบคุมราคาค่าบริการของหน่วยบริการทุกแห่งไม่ให้สูงกว่าราคากลาง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ มาดำเนินการ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
311 | ขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาโอกายามะของรัฐมนตรีสาธารณสุข G20 | สธ | 15/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาโอกายามะของรัฐมนตรีสาธารณสุข G20 (Okayama Declaration of the G20 Health Ministers) มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมให้แต่ละประเทศเพิ่มความเข้มแข็งของระบบสุขภาพ เพื่อบรรลุหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถของแต่ละประเทศในการวิจัยและพัฒนาเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและตอบสนองต่อภัยคุกคามของโรคระบาดและภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพอื่น ๆ รวมทั้งแสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพทั้งในระดับชาติและระดับภูมิภาค ทั้งนี้ จะมีการรับรองร่างปฏิญญาฯ ในที่ประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุข G20 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองโอกายามะ ประเทศญี่ปุ่น ๑.๒ อนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุข G20 หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
312 | รายงานตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ประจำปี 2561 | สสส. | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๑ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๔๔ ประจำปี ๒๕๖๑ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) สถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงหลักต่อสุขภาพและผลงานเด่นในปี ๒๕๖๑ เช่น ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ลดผู้ป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ปลุกพลังคนรุ่นใหม่ สร้างสังคมปลอดบุหรี่ ชุมชนเข้มแข็งสู้เหล้า และส่งเสริมสุขภาพพระสงฆ์ไทย สู่ผู้นำสุขภาวะ (๒) ผลการดำเนินงาน ประกอบด้วยเป้าประสงค์ ๖ ประการ ได้แก่ ลดปัจจัยเสี่ยงหลัก พัฒนากระบวนการลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพอื่น ๆ พัฒนาต้นแบบสุขภาวะ สร้างความตื่นตัวและค่านิยมใหม่ในสังคม ขยายโอกาสในการสร้างนวัตกรรม และส่งเสริมสมรรถนะของระบบสุขภาพและบริการสุขภาพ และ (๓) การตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานในปี ๒๕๖๑ ในส่วนของรายงานผลการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินของกองทุนฯ ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันแล้วเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเสนอ ๒. ในการจัดทำรายงานประจำปีในปีต่อ ๆ ไป ให้กองทุนฯ เร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเสนอคณะรัฐมนตรีภายในกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
313 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสองปี 2562 | นร11 | 17/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสองปี ๒๕๖๒ โดยความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสสองปี ๒๕๖๒ การจ้างงานลดลงเล็กน้อย การว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การเจ็บป่วยยังต้องเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่และโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้น คดีอาญารวมเพิ่มขึ้นจากคดียาเสพติดที่เพิ่มขึ้น การเกิดอุบัติเหตุลดลง แต่จำนวนผู้เสียชีวิตและมูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้น รวมทั้งการรับร้องเรียนผ่านสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเพิ่มขึ้นด้านโฆษณา ขณะที่การรับร้องเรียนผ่านสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติลดลง สำหรับสถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่ คนไทยอ่านและใช้เวลาอ่านเพิ่มขึ้น แต่เด็กวัยเรียนยังมีปัญหาอ่านไม่ออกและขาดทักษะด้านการอ่าน การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นกับโอกาสทางการศึกษา จำนวนหญิงคลอดบุตรอายุ ๑๐-๑๙ ปี คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๙ ของจำนวนหญิงในวัยเดียวกัน แม้จะมีแนวโน้มลดลง แต่ตัวเลขยังสูงและยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และประเทศไทยได้รับการจัดอันดับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์เป็น “Tier 2” เป็นปีที่ ๒ ติดต่อกัน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น พิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทางสังคม เช่น ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นกับโอกาสทางการศึกษา ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและการหย่าร้าง ปัญหาครอบครัวขาดผู้นำและขาดรายได้ เป็นต้น และเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
314 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2562 และแนวโน้มปี 2562 | นร11 | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๒ และแนวโน้มปี ๒๕๖๒ โดยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๒ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวร้อยละ ๒.๓ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวจากไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๒ ร้อยละ ๐.๖ (QoQ_SA) รวมครึ่งแรกของปี ๒๕๖๒ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๒.๖ สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๒ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๗-๓.๒ โดยมีแรงสนับสนุน ประกอบด้วย (๑) แนวโน้มการขยายตัวในเกณฑ์ดีของอุปสงค์ภายในประเทศในช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งด้านการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนภาคเอกชน (๒) แนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ ของการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง ตามการปรับตัวของภาคการผลิตและส่งออกต่อมาตรการกีดกันทางการค้าที่คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น (๓) การดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ และ (๔) ฐานการขยายตัวที่อยู่ในระดับต่ำซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
315 | สรุปสถานการณ์ภัยแล้งในช่วงฤดูฝนและมาตรการแก้ไข | นร | 30/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน และการเปิดศูนย์อำนวยการน้ำเฉพาะกิจ และเห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ เพื่อให้หน่วยงานนำไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและเสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานงานกับกระทรวงพลังงานในการพิจารณานำพลังงานทางเลือก เช่น ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (solar cell) มาใช้ในการสูบน้ำจากบ่อบาดาล เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ใช้ประโยชน์ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมในการสนับสนุนพันธุ์พืชแก่เกษตรกรให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น เช่น พันธุ์พืชที่ใช้น้ำน้อย เป็นต้น ๔. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า มาตรการระยะสั้นและระยะยาว ควรให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองให้เกิดการบูรณาการและความครบถ้วนของมาตรการก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ เพื่อให้การบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศมีความเป็นเอกภาพ เกิดความประหยัดและคุ้มค่าของงบประมาณที่ใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในฤดูน้ำหลากและสภาวะความแห้งแล้งในฤดูแล้งต่อไป รวมทั้งสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้งและมาตรการแก้ไข ตลอดจนรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ผลลัพธ์ และผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
316 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง ในบริเวณจังหวัดตราด พ.ศ. .... | กษ | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง ในบริเวณจังหวัดตราด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๖๐ สำหรับเขตทะเลชายฝั่งในบริเวณจังหวัดตราด โดยปรับปรุงเขตทะเลชายฝั่งเพื่อให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในเขตทะเลชายฝั่งให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสมและสามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืน ลดปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายโดยไม่เจตนา ลดความขัดแย้งของชาวประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ในพื้นที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบรายละเอียดของแผนที่และค่าพิกัดแสดงขอบเขตพื้นที่ดังกล่าวเพื่อความรอบคอบกับกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ รวมทั้งควรยืนยันความถูกต้องของแผนที่ท้ายกฎกระทรวงและการกำหนดเขตทะเลชายฝั่งตามร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลกระทบต่อเขตพื้นที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดและการประกอบอาชีพของประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ตามที่ได้มีการกำหนดไว้ในประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดในเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งควรจะได้เสนอแก้ไขประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดังกล่าวให้สอดคล้องด้วย นอกจากนี้ ควรติดตามและประเมินผลการดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำทางทะเลในแต่ละพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
317 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่งปี 2562 | นร11 | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่งปี ๒๕๖๒ โดยความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสหนึ่งปี ๒๕๖๒ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น อัตราการว่างงานลดลง รายได้และผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้น หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การเจ็บป่วยยังต้องเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่และโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้น คดีอาญารวมเพิ่มจากคดียาเสพติดที่เพิ่มขึ้น และการเกิดอุบัติเหตุและจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงทั้งในช่วงปกติและช่วงเทศกาล สำหรับสถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ เช่น เยาวชนมีความเสี่ยงต่อการเป็นภาวะซึมเศร้าและฆ่าตัวตายมากขึ้น ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือป้องกันแก้ไขอย่างจริงจัง เป็นต้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
318 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลอุทกวิทยา กรณีฤดูน้ำหลากสำหรับแม่น้ำโขง - ล้านช้าง ของคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำ ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง | นร | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๑.๒ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลอุทกวิทยา กรณีฤดูน้ำหลากสำหรับแม่น้ำโขง-ล้านช้าง ของคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำ ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างคณะทำงาน โดยจะมีการแบ่งปันข้อมูลอุทกวิทยาในช่วงฤดูน้ำหลาก เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพสำหรับการบริหารจัดการและบรรเทาสภาวะน้ำท่วมในแม่น้ำโขง-ล้านช้าง และระบุหน้าที่ของคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำของประเทศสมาชิกในการดำเนินงานร่วมกัน ๑.๓ อนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในการประชุมคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำ สมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ ๔-๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ ณ นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
319 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำ จำนวน 14 ฉบับ | นร | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำ จำนวน ๑๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตลุ่มน้ำสาละวิน ลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำวัง ลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำโขงเหนือ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำบางปะกง ลุ่มน้ำโตนเลสาป ลุ่มน้ำแม่กลอง ลุ่มน้ำโขงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลุ่มน้ำชี และลุ่มน้ำมูล เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำให้สามารถดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำสาละวิน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำปิง พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำวัง พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำยม พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำน่าน พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำโขงเหนือ พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำเจ้าพระยา พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำป่าสัก พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำบางปะกง พ.ศ. .... ๑.๑๐ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำโตนเลสาป พ.ศ. .... ๑.๑๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำแม่กลอง พ.ศ. .... ๑.๑๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำโขงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ. .... ๑.๑๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำชี พ.ศ. .... ๑.๑๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำมูล พ.ศ. .... ๒. รับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองได้ภายในกำหนดระยะเวลาตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องดำเนินการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการแบ่งพื้นที่ลุ่มน้ำเพิ่มเติมให้ครอบคลุมมิติต่าง ๆ โดยคำนึงถึงสภาพอุทกวิทยา สภาพภูมิศาสตร์ ระบบนิเวศ การตั้งถิ่นฐาน การผังเมือง ผังน้ำ และเขตการปกครอง ประกอบกับการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นอาจไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการในช่วงที่มีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๒ นอกจากนี้ ในการจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวต้องระบุเขตพื้นที่การปกครองจนถึงระดับตำบล และครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีข้อมูลเป็นจำนวนมาก เพื่อให้การกำหนดขอบเขตลุ่มน้ำเป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม และลดข้อผิดพลาดที่จะมีผลกระทบต่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในแต่ละลุ่มน้ำ เช่น การคัดเลือกคณะกรรมการลุ่มน้ำ การจัดทำแผนแม่บทการใช้น้ำ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำ การจัดทำแผนป้องกันภาวะน้ำแล้งและภาวะน้ำท่วม การประกาศเขตภาวะน้ำแล้ง การขออนุญาตการใช้น้ำประเภทต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดรอบคอบ เพื่อความถูกต้อง เหมาะสม และลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ๓. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) ร่างพระราชกฤษฎีกาบางฉบับมีการแสดงพื้นที่ที่มีเส้นแนวเขตพรมแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน หน่วยงานเจ้าของเรื่องอาจพิจารณาตรวจสอบแผนที่แนบท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวกับกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และหรืออาจพิจารณาใส่ถ้อยคำว่า “แผนที่ฉบับนี้ห้ามนำไปใช้อ้างอิงในการกำหนดเขตหรือแนวพรมแดนระหว่างประเทศ” ท้ายแผนที่แนบท้ายของร่างพระราชกฤษฎีกาเฉพาะฉบับที่แสดงแนวเส้นเขตพรมแดนระหว่างราขอาณาจักรไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นการสงวนสิทธิ์ไว้ด้วย (๒) ควรนำเสนอเหตุผลการทบทวนปรับการจัดแบ่งขอบเขตลุ่มน้ำในภาพรวมของประเทศ วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสนอ ปัญหา อุปสรรค ข้อกฎหมาย และผลกระทบที่เกิดขึ้นตามขอบเขตของพื้นที่ลุ่มน้ำที่กำหนดเป็นระดับตำบล การผันน้ำข้ามลุ่มน้ำ รวมถึงอำนาจและเงื่อนไขในการอนุญาตใช้น้ำตามกฎหมายว่าด้วยทรัพยากรน้ำพร้อมผลการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย และควรเร่งดำเนินการจัดทำผังน้ำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติให้แล้วเสร็จ เพื่อประกอบการตราพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ต่อไป และ (๓) แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาควรตรวจสอบความถูกต้องของเขตการปกครองท้องที่และยืนยัน ไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบเพื่อประกอบการพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการนำร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำชายฝั่งอ่าวไทยตะวันตก ลุ่มน้ำสะแกกรัง ลุ่มน้ำท่าจีน ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง และลุ่มน้ำฝั่งตะวันตก เสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
320 | การสนับสนุนการปรับเปลี่ยนรถสามล้อสาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เป็นรถสามล้อที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า | นร04 | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง กำหนดให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ) เห็นชอบให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ (เรื่อง รายงานผลการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การส่งเสริมสนับสนุนผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการประกอบหรือดัดแปลงรถยนต์) ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านการเงิน การคลัง และแหล่งเงินทุน เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรถสามล้อสาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไปเป็นรถสามล้อที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า นั้น
นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เห็นควรให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม และกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งรัดการดำเนินการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่รถสามล้อสาธารณะ (รถตุ๊กตุ๊ก) ปรับเปลี่ยนรถสามล้อสาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไปเป็นรถสามล้อที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าโดยเร็ว รวมทั้งพิจารณาจัดให้มีสถานที่หรือสถานีชาร์จไฟฟ้าให้เหมาะสมและเพียงพอด้วย
|
.....