ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 17 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 321 - 340 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
321 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2562 และแนวโน้มปี 2562 | นร11 | 21/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๒ และแนวโน้มปี ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๒ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขยายตัวร้อยละ ๒.๘ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๓.๖ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวจากไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๑ ร้อยละ ๑.๐ (QoQ_SA) ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๒ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๓-๓.๘ (ค่ากลางการประมาณการ ร้อยละ ๓.๖) โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๒ การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๔.๒ และร้อยละ ๔.๕ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ ๐.๗-๑.๒ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๕.๙ ของ GDP ๓. การบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในปี ๒๕๖๒ ควรให้ความสำคัญกับ (๑) การขับเคลื่อนการส่งออกทั้งปีให้สามารถขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓.๐ (๒) การขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวให้มีรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า ๒.๒๑ ล้านล้านบาท (๓) การขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ (๔) การสนับสนุนการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน (๕) การดูแลเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยและการสร้างความเข้มแข็งให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และเศรษฐกิจฐานราก และ (๖) การรักษาความสงบเรียบร้อยและบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
322 | รายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม - ธันวาคม 2561) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 17/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ภาวะเศรษฐกิจ โดยเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๑ ขยายตัวร้อยละ ๓.๔ จากระยะเดียวกันของปีก่อน และชะลอลงจากช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๑ เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในประเทศโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น่ากังวล เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องและสามารถรองรับความผันผวนของตลาดการเงินโลกได้ ๒. การดำเนินงานของ ธปท. ประกอบด้วย (๑) แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายการเงิน (๒) แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายสถาบันการเงิน และ (๓) แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายระบบการชำระเงิน ธปท. ได้ดำเนินงานด้านนโยบายระบบการชำระเงินต่าง ๆ ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๑ เช่น การดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment Master Plan) และมาตรฐาน Thai Standard QR Code สำหรับการชำระเงิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
323 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2561 | กค | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ ในประเด็นที่สำคัญต่าง ๆ ได้แก่ เป้าหมายนโยบายการเงิน การประเมินภาวะเศรษฐกิจการเงินและแนวโน้ม และการดำเนินนโยบายการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
324 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของเครื่องพันธนาการที่ใช้แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. .... | ยธ | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของเครื่องพันธนาการที่ใช้แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของเครื่องพันธนาการที่ใช้แก่เด็กและเยาวชนที่อยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงานพินิจ สำหรับใช้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเพื่อป้องกันการหลบหนี เมื่อนำตัวเยาวชนออกมานอกสถานที่ควบคุม หรือเพื่อความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนเองหรือบุคคลอื่นในกรณีที่เกิดความไม่สงบในสถานที่ควบคุม อันเป็นการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และนำข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับเงื่อนไขการใช้เครื่องพันธนาการแก่เด็กและเยาวชนตามที่กำหนดในร่างข้อ ๓ อาจยังไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องโทษหญิงในเรือนจำและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำความผิดหญิง ข้อ ๒๔ ที่กำหนดหลักการห้ามใช้เครื่องพันธนาการไม่ว่ากรณีใด ๆ กับผู้ต้องโทษหญิงในระหว่างที่หญิงนั้นเจ็บครรภ์ใกล้คลอดบุตรหรือในระหว่างคลอดบุตร รวมถึงภายหลังจากคลอดบุตรโดยพลันด้วย เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้ต้องโทษหญิงและบุตรของผู้ต้องโทษหญิงนั้น จากภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เครื่องพันธนาการ ซึ่งหลักการดังกล่าวย่อมนำมาใช้กับเด็กและเยาวชนหญิงที่กระทำความผิด ซึ่งอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
325 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวมปี 2561 | นร11 | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวมปี ๒๕๖๑ โดยความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสสี่และภาพรวมปี ๒๕๖๑ การจ้างงานขยายตัวดีขึ้นทั้งภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานลดลง รายได้และผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้น หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การเจ็บป่วยยังต้องเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ที่คาดว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี ๒๕๖๒ ค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ในไตรมาสสี่เพิ่มขึ้น แต่ในภาพรวมตลอดปี ๒๕๖๑ ลดลง คดียาเสพติดเพิ่มขึ้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันปัญหาอาชญากรรมที่ตามมา การเกิดอุบัติเหตุลดลง แต่ในภาพรวมตลอดปี ๒๕๖๑ การเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น สำหรับสถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อเพิ่มศักยภาพแรงงานในอนาคต และการแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่นอย่างต่อเนื่อง ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
326 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับการออกประกาศกำหนดเงินตราสกุลอื่นนอกจากเงินตราไทย เพื่อให้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถเลือกใช้เป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน (Functional Currency) สำหรับการคำนวณและชำระภาษีของบริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรฐานการบัญชี ซึ่งเมื่อร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับแล้ว กรมสรรพากรจะออกประกาศดังกล่าว โดยพิจารณาถึงภาวะเศรษฐกิจการเงินของโลกและภูมิภาค สกุลเงินของประเทศที่มีมูลค่าของการค้า การลงทุน และการบริการกับประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความเสี่ยงจากสกุลเงินของประเทศที่มีค่าเงินผันผวนหรือมีภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและรุนแรง สำหรับการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวกับภาษีอากร กรมสรรพากรจะได้พิจารณาถึงความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ รวมทั้งการเพิ่มรายได้ของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การปรับปรุงระบบภาษีอากรบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนปฏิรูปประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
327 | โครงการขยายระยะเวลาการเพิ่มการผลิตและพัฒนาการจัดการศึกษา สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ (ปีการศึกษา 2561 - 2565) เพื่อพัฒนาสุขภาวะของประชาชนและตอบสนองยุทธศาสตร์ประเทศ ระยะที่ 1 (ปีการศึกษา 2561 - 2562) | ศธ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการขยายระยะเวลาการเพิ่มการผลิตและพัฒนาการจัดการศึกษา สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ (ปีการศึกษา ๒๕๖๑-๒๕๖๕) เพื่อพัฒนาสุขภาวะของประชาชนและตอบสนองยุทธศาสตร์ประเทศ ระยะที่ ๑ (ปีการศึกษา ๒๕๖๑-๒๕๖๒) โดยมีเป้าหมายผลิตพยาบาลเพิ่มจากการรับนักศึกษาพยาบาลปกติ จำนวน ๒ รุ่น (ปีการศึกษา ๒๕๖๑-๒๕๖๒) จำนวนรวมทั้งสิ้น ๕,๒๖๘ คน และอนุมัติให้ดำเนินการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับวงเงินงบประมาณจนสิ้นสุดโครงการ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖) จำนวน ๑,๗๕๙,๔๘๔,๙๘๔ บาท เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนการดำเนินโครงการที่เหมาะสมกับสภาพการณ์ของข้อเท็จจริง พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา และสำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ เช่น ควรกำหนดเป้าหมายเกี่ยวกับการกระจายอัตรากำลังของพยาบาลวิชาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วให้มีการกระจายอัตรากำลังครอบคลุมประชากรทุกพื้นที่และสอดคล้องกับความต้องการของแต่ละท้องถิ่น ควรมีกระบวนการในการจัดการเรียนการสอนวิชาพยาบาลศาสตร์ที่สามารถรองรับการดำเนินงานภายใต้ระบบสุขภาพปฐมภูมิโดยทีมหมอครอบครัว และมีความสามารถในการทำงานร่วมระหว่างวิชาชีพ (Interprofessional Practice) รวมทั้งควรเพิ่มสัดส่วนการรับนักศึกษาจากพื้นที่ (Local Recruitment) ตามระดับความขาดแคลน เพื่อให้พยาบาลมีสมรรถนะที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการรับบริการสุขภาพของประชาชนในแต่ละพื้นที่ และควรพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการในการกำหนดอัตรากำลัง รูปแบบการจ้างงาน ตลอดจนภาระหน้าที่ของพยาบาลที่ช่วยดึงดูดให้พยาบาลคงอยู่ในระบบมากยิ่งขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. หากกระทรวงศึกษาธิการมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการขยายระยะเวลาการเพิ่มการผลิตและพัฒนาการจัดการศึกษา สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ (ปีการศึกษา ๒๕๖๑-๒๕๖๕) เพื่อพัฒนาสุขภาวะของประชาชนและตอบสนองยุทธศาสตร์ประเทศ ระยะที่ ๒ (ปีการศึกษา ๒๕๖๓-๒๕๖๕) ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
328 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. .... | สว | 05/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำร่างพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๒๕ ก วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๒ แล้ว ๒. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. .... เกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การดำเนินมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมอาชีพและการฝึกทักษะใหม่ ๆ กำหนดกระบวนการตรวจสอบและการคัดกรองผู้ที่ผ่านการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยโดยการนำข้อมูลไปเชื่อมโยงกับข้อมูลการเงินต่าง ๆ เช่น การมีบัตรเครดิต จำนวนสินเชื่อ จำนวนเงินฝาก ฯลฯ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน การจัดทำเหมืองข้อมูล (Data Mining) ผู้มีรายได้น้อยภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐฯ รวมทั้งเห็นควรให้กรมบัญชีกลาง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกันพิจารณายกร่างระเบียบคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมว่าด้วยการพิจารณาสนับสนุนโครงการที่ให้บริการทางสังคมเพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาวะลำบากทุกประเภท พ.ศ. .... เพื่อป้องกันปัญหาการให้ความช่วยเหลือที่ซ้ำซ้อนกับการให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานอื่น ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
329 | การจัดทำบทเรียนการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ | นร | 05/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอว่า ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งรัดขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศจนสามารถบรรลุเป้าหมายในหลายเรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหามาตรฐานการบินพลเรือน การทำประมงผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การลักลอบค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืช การบุกรุกป่าไม้ การลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ และปัญหามลภาวะฝุ่นละออง ดังนั้น เพื่อให้สามารถนำแนวทางการแก้ไขปัญหาในเรื่องต่าง ๆ ดังกล่าวมาเป็นบทเรียนในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้และทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาความผิดพลาดในลักษณะนี้ขึ้นอีก จึงเห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม รับไปพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงของการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในความรับผิดชอบ รวมทั้งปัญหาการดำเนินการของหน่วยงาน ข้อบกพร่อง/ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งในทางนโยบายและการปฏิบัติ ตลอดจนปัญหาการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ (ถ้ามี) แล้วให้จัดทำเป็นบทเรียนในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหานั้น ๆ ให้แล้วเสร็จโดยด่วน เพื่อนำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
330 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี 2561 ทั้งปี 2561 และแนวโน้มปี 2562 | นร11 | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๑ ทั้งปี ๒๕๖๑ และแนวโน้มปี ๒๕๖๒ โดยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๑ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๑ ขยายตัวร้อยละ ๓.๗ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๒ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูการออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๑ ขยายตัวจากไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๑ ร้อยละ ๐.๘ (QoQ_SA) รวมทั้งปี ๒๕๖๑ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๔.๑ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๔.๐ ในปี ๒๕๖๐ และเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ ๖ ปี สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๒ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๕-๔.๕ โดยมีแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การปรับตัวดีขี้นอย่างต่อเนื่องของการลงทุนภาคเอกชน การเร่งตัวขึ้นของการลงทุนภาครัฐ การเพิ่มขึ้นของแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยว และการเปลี่ยนแปลงทิศทางการค้า การผลิต และการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งช่วยลกผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของไทยให้ถูกต้อง ชัดเจน และต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเกี่ยวกับโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจและกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
331 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "มาตรฐานสถานรับดูแลผู้สูงอายุ" ของคณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 12/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “มาตรฐานสถานรับดูแลผู้สูงอายุ” โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รวบรวมผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ โดยมีผลการดำเนินการรวม ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านนโยบาย เช่น กรมกิจการผู้สูงอายุได้กำหนดมาตรฐานการดูแลผู้สูงอายุเพื่อเป็นมาตรฐานกลางของประเทศ โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักขับเคลื่อนมาตรฐานสถานดูแลผู้สูงอายุ ส่วนกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักขับเคลื่อนมาตรฐานผู้ดูแลผู้สูงอายุ และกรมอนามัยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักขับเคลื่อนมาตรฐานหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น (๒) ด้านกฎหมาย เช่น กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำร่างกฎกระทรวงกำหนดให้กิจการดูแลผู้สูงอายุและผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพตามกฎหมายว่าด้วยสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ขณะนี้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอยู่ระหว่างนำเสนอคณะรัฐมนตรี สำหรับการจัดเก็บภาษีจากค่าบริการดูแลผู้สูงอายุจากชาวต่างชาติในอัตราสูงกว่าคนไทย กระทรวงการคลังเห็นว่าไม่สามารถปฏิบัติได้ในระดับรัฐบาลกลาง เนื่องจากขัดกับหลักการจัดเก็บภาษีอากร และ (๓) ด้านการปฏิบัติการ เช่น กรมกิจการผู้สูงอายุได้อาศัยกลไกคณะอนุกรรมการบูรณาการจัดทำมาตรฐานการดูแลผู้สูงอายุ ภายใต้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ โดยทบทวนกิจการการดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทยเพื่อหามาตรการกำกับดูแลก่อนที่กฎกระทรวงฯ มีผลใช้บังคับ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
332 | ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และกรอบงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | สปสช. | 12/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวนรวม ๒๐๑,๘๙๖,๕๐๗,๘๐๐ บาท และให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป โดยให้นำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ เช่น การเตรียมจัดทำคำของบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อรองรับ Rotavirus vaccine และการประเมินประสิทธิภาพระบบการบริหารจัดการยาและวัคซีน การทบทวนขอบเขต นิยามกลุ่มเป้าหมายบริการผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่มีภาวะพึ่งพิงทุกสิทธิ และการทบทวนกลุ่มเป้าหมายนำร่องบริการป้องกันการติดเชื้อ HIV (PrEP) เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๒. ในส่วนของกรอบงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติวางแผนขอรับการจัดสรรงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติประจำปีให้สอดคล้องกับปฏิทินงบประมาณ ตลอดจนแนวทางต่าง ๆ ตามที่สำนักงบประมาณกำหนดต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรบริหารจัดการและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณค่ารักษาพยาบาล โดยเฉพาะการบริการผู้ป่วยในให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพตามมาตรฐาน และควรมีการศึกษาถึงรูปแบบการเงินการคลังที่มีแหล่งเงินที่หลากหลาย อาทิ การจ่ายเงินสมทบจากค่าจ้าง การร่วมจ่ายตามระดับรายได้ที่มีการจำกัดเพดานค่าใช้จ่ายสูงสุด และการใช้เงินภาษีท้องถิ่น เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในระยะยาว รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับงบประมาณสำหรับค่าชดเชยป้องกัน หัด คางทูม และหัดเยอรมัน (MMR) เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดในภาคใต้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ จำนวน ๔๕,๐๑๕,๐๐๐ บาท เนื่องจากเป็นกรณีที่กรมควบคุมโรคได้ยืมวัคซีนดังกล่าวจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หากจะขอตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้การยืมดังกล่าวแทนการคืนพัสดุ จะต้องขอผ่อนผันการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๒๑๐ ด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายบุคลากรตามบริหารจัดการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เห็นควรให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
333 | กำหนดให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ | นร | 12/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นกลไกหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
334 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "การพัฒนาวิทยาการและเทคโนโลยีข้อมูล (Data Science and Technology) เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม" ของคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารมวลชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสารมวลชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “การพัฒนาวิทยาการและเทคโนโลยีข้อมูล (Data Science and Technology) เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม” โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สรุปผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ โดยมีความเห็นต่อข้อเสนอแนะว่า มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในด้านการบริหารจัดการงานวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมในสาขาเป้าหมาย และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ และมีผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพในการรวบรวมข้อมูลจากส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของทุกหน่วยงานเพื่อจัดทำเป็นภาพรวม ได้พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ www.codingthailand.org เพื่อสนับสนุนการพัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในการเรียนรู้ตรรกะการเขียนโปรแกรมและการใช้ข้อมูลขั้นพื้นฐานได้ด้วยตนเอง เป็นต้น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ร่วมกับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด จัดทำรายงานเชิงลึก เรื่อง การพัฒนาเข้าสู่เศรษฐกิจฐานดิจิทัลของประเทศไทย (Insights on Digitalization of Thailand Industry White Paper) ได้เสนอแนะแนวทางการพัฒนา ๓๙ แนวทาง ครอบคลุมถึงการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม และทุนมนุษย์ นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้วิทยาการข้อมูลเพื่อการบริหารและพัฒนาประเทศ เช่น คลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ โดยรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศ จำนวน ๓๕ หน่วยงาน ปัจจุบันมีข้อมูลทั้งหมด ๓๘๘ รายการ ทั้งข้อมูลติดตามสภาพอากาศและข้อมูลติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการน้ำทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤตอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
335 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงคมนาคม เร่งรัดดำเนินการแสวงหาความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการส่งออกยางพาราและการนำยางพาราไปใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์หรือการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ และวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหามลภาวะ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน (PM 2.5) เกินมาตรฐานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม นั้น มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับติดตามการดำเนินการดังกล่าว โดยให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหามลภาวะดังกล่าวให้ชัดเจนทั้งในระยะสั้น (มาตรการเร่งด่วน) ระยะกลาง ระยะยาว และให้ขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้พิจารณาถึงความจำเป็นและเหมาะสมในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม เพื่อให้สามารถป้องกัน ควบคุม และแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างเป็นระบบและมีความยั่งยืนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
336 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | กค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ [เรื่อง การบริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ต่างประเทศของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)] โดยเห็นชอบให้กระทรวงการคลังเป็นผู้กู้เงินบาทภายในประเทศเพื่อชำระคืนหนี้สกุลเงินเยนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ก่อนถึงกำหนดชำระ (Prepayment) แทน รฟม. วงเงินเทียบเท่าไม่เกิน ๖๑,๒๘๘.๔๒ ล้านเยน ภายใต้สัญญาเงินกู้เลขที่ TXXX-1 และ TXXXII-3 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ (ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒) รวมทั้งให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้แก่ รฟม. เพื่อชำระคืนหนี้แก่แหล่งเงินกู้โดยตรงทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาชำระเงินคืนระหว่างกระทรวงการคลัง และ รฟม. ซึ่งจะได้ตกลงกันในรายละเอียดต่อไป ๑.๒ ให้ รฟม. นำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรเพื่อการชำระคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ (ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒) สัญญาเงินกู้เลขที่ TXXX-1 และ TXXXII-3 มาสมทบกับวงเงินกู้ที่กระทรวงการคลังจัดหาให้ เพื่อใช้ชำระคืนหนี้ก่อนถึงกำหนดชำระให้แก่ JICA และในกรณีที่ รฟม. มีแหล่งเงินอื่น ให้สามารถนำมาสมทบเพื่อชำระคืนหนี้ก่อนถึงกำหนดชำระให้แก่ JICA ได้ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรคำนึงถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และพิจารณาป้องกันความเสี่ยงด้วยการทำธุรกรรม Forward ในช่วงเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งคำนึงถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ในขณะนั้นประกอบด้วย เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การบริหารจัดการต้นทุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
337 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านสังคม โดยให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ กรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนใช้น้ำมันไบโอดีเซลเกรดพิเศษ B20 แทนน้ำมันดีเซลให้มากยิ่งขึ้นเพื่อลดภาวะการเกิดมลพิษและฝุ่นละอองขนาดจิ๋วในอากาศ รวมทั้งให้เร่งรัดจัดให้มีจุดบริการประชาชนในการปรับแต่งเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลให้สามารถรองรับน้ำมันไบโอดีเซลเกรดพิเศษ B20 ได้ โดยให้นักเรียนอาชีวศึกษาที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในด้านเครื่องยนต์ดีเซลมาทำหน้าที่ให้บริการดังกล่าว ทั้งนี้ ให้ขอความร่วมมือสถานีบริการน้ำมันต่าง ๆ ทั่วประเทศในการจัดตั้งจุดบริการดังกล่าวให้ทั่วถึงด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
338 | สรุปผลการถอดบทเรียนภายหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR) การดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย | มท | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินการตามผลการถอดบทเรียนภายหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR) การดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย รวม ๖ ประเด็น ได้แก่ (๑) การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการในภาวะฉุกเฉิน (๒) การยกระดับความร่วมมือกับต่างประเทศด้านการกู้ภัยและการแพทย์ฉุกเฉิน (๓) การพัฒนาระบบสื่อสารและเทคโนโลยีในการจัดการสาธารณภัย (๔) การสนับสนุนงบประมาณในการจัดการภาวะฉุกเฉิน (๕) การเสริมสร้างองค์ความรู้ในระบบบัญชาการเหตุการณ์ และ (๖) การกำหนดแนวทางรับมือสาธารณภัยในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยของประเทศไทยเป็นไปตามมาตรฐานสากล สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การพิจารณาปรับปรุงเพิ่มศักยภาพการจัดการภาวะฉุกเฉิน ยกระดับความร่วมมือกับต่างประเทศ ตลอดจนสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน การให้ความสำคัญในการพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมทั้งการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์พิเศษในการกู้ภัยที่ได้มาตรฐานสากล เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้จัดทำฐานข้อมูล (Big Data) เกี่ยวกับการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในมิติต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เช่น ข้อมูลผู้เชี่ยวชาญเฉพาะในด้านต่าง ๆ ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เครื่องมืออุปกรณ์การกู้ภัยของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และภาคเอกชน การเตรียมความพร้อม แนวทาง ขั้นตอนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติขึ้น เป็นต้น ๒.๒ ให้กำหนดแนวทางการบูรณาการระบบการสื่อสารในภาวะฉุกเฉินของส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้สามารถสื่อสารร่วมกันเป็นระบบกลุ่ม เช่น กลุ่มให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ (รถกู้ภัย รถพยาบาล) กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการจราจร เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารการปฏิบัติงานร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ๒.๓ ให้นำผลการถอดบทเรียนกรณีการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เผยแพร่ให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน ประชาชนทราบ รวมทั้งให้ดำเนินการถอดบทเรียนการดำเนินการบริหารจัดการกรณีภัยพิบัติพายุปาบึก เพื่อนำผลการถอดบทเรียนดังกล่าวไปเป็นต้นแบบในการเตรียมความพร้อมหรือดำเนินการเพื่อรับมือเหตุภัยพิบัติอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการสำรวจเครื่องมือหรืออุปกรณ์สำหรับการกู้ภัยที่มีอยู่ให้ครบถ้วนและให้มีความพร้อมในการใช้งานได้ เมื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้น ทั้งนี้ หากไม่ครบถ้วน เพียงพอ ให้พิจารณาดำเนินการจัดหาเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการกู้ภัยเพิ่มเติมให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
339 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ประสบปัญหาทางการเงิน นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้พิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ได้รับผลกระทบทางการเงินจากปัญหาดังกล่าวด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลภาวะ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืนต่อไป นั้น มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) กำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหามลภาวะดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและในจังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน (PM 2.5) เกินมาตรฐาน ทั้งนี้ ในการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักปฏิบัติสากล โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน รวมทั้งผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
340 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสามปี 2561 | นร11 | 02/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสามปี ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสปี ๒๕๖๑ เทียบกับไตรมาสสามปี ๒๕๖๐ (๑) การจ้างงานเพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑.๗ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งภาคเกษตรและนอกภาคเกษตรเป็นครั้งแรกในรอบ ๒๒ ไตรมาส สถานการณ์การจ้างงานและตลาดแรงงานมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขั้น แต่ยังคงต้องติดตามและเฝ้าระวังความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนและผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน รวมทั้งความล่าช้าในการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว (๒) หนี้สินครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่มีสัญญาณปัญหาการชำระหนี้ ซึ่งสะท้อนจากยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ที่ขยายตัว ร้อยละ ๘.๔ การผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อบัตรเครดิตยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน (๓) จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังโดยรวมเพิ่มขึ้น ร้อยละ ๕.๒ โดยเฉพาะโรคหัดที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเท่าตัว (๔) ค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ ๗.๕ และ ๑๓.๗ ตามลำดับ (๕) คดีอาญารวมเพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑๓.๓ โดยคดีชีวิตร่างกายและเพศ คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ลดลง ร้อยละ ๑๑.๗ และ ๙.๘ ตามลำดับ ขณะที่คดียาเสพติดเพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑๙.๕ และ (๖) การเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๖๐ ร้อยละ ๑๓.๑ จำนวนผู้เสียชีวิตและมูลค่าความเสียหายลดลงร้อยละ ๑๗.๔ และร้อยละ ๒๘ ตามลำดับ สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดเป็นการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ๒. สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ (๑) การฆ่าตัวตายในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง แต่พบว่ามีคนที่พยายามฆ่าตัวตายมากกว่าผู้ที่ฆ่าตัวตายสำเร็จถึงกว่า ๑๐ เท่าตัว โดยมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ ๓,๙๓๔ คน ในปี ๒๕๖๐ สาเหตุของการฆ่าตัวตายส่วนหนึ่งมาจากโรคซึมเศร้า โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นอายุ ๑๕-๑๙ ปี ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายมากที่สุด และ (๒) มิติทางด้านแรงงานมีคะแนนและอันดับลดลงอย่างชัดเจน โดยลดลงมาอยู่อันดับที่ ๔๔ จากอันดับที่ ๓๘ ในปี ๒๕๖๐ และอยู่ในอันดับที่ ๕ ของกลุ่มประเทศอาเซียน
|
.....