ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 11 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 201 - 220 จากข้อมูลทั้งหมด 1095 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
201 | สรุปผลการประชุมร่วมระดับรัฐมนตรีของบันทึกความเข้าใจโตเกียวและปารีสว่าด้วยการตรวจและควบคุมเรือในฐานะรัฐเจ้าของท่า ครั้งที่ 3 | คค | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมร่วมระดับรัฐมนตรีของบันทึกความเข้าใจโตเกียวและปารีสว่าด้วยการตรวจและควบคุมเรือในฐานะรัฐเจ้าของท่า ครั้งที่ ๓ (Third Joint Ministerial Conference of the Paris and Tokyo Memoranda of Understanding on Port State Control) ระหว่างวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๐-๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ ประเทศแคนาดา โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นตัวแทนเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้กล่าวถ้อยแถลงสรุปว่า ประเทศไทยได้พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อบังคับขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization : IMO) และได้เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือของ IMO ซึ่งเป็นมาตรการหลักด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล และเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล (Maritime Labour Convention : MLC) ขององค์กรแรงงานระหว่างประเทศ และประเทศไทยจะสนับสนุนการดำเนินงานภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ต่อไป ๒. ที่ประชุมได้รับรองปฏิญญาร่วมระดับรัฐมนตรีของการประชุมร่วมระดับรัฐมนตรีของบันทึกความเข้าใจโตเกียวและปารีสว่าด้วยการตรวจและควบคุมเรือในฐานะรัฐเจ้าของท่า ครั้งที่ ๓ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้ร่วมลงนามด้วย ๓. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้หารือกับรัฐมนตรีขนส่งจากประเทศต่าง ๆ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ญี่ปุ่น โดยได้เน้นย้ำที่จะสานต่อความร่วมมือกันต่อไปในอนาคต และได้ขอรับการสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ ในการสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรี IMO ของประเทศไทย สำหรับวาระ ค.ศ. ๒๐๑๘-๒๐๑๙ ทั้งนี้ รัฐมนตรีขนส่งเปรูยินดีสนับสนุนประเทศไทยในการเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรี IMO
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
202 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร08 | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๕๙๙,๙๑๑,๐๗๑ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามภารกิจตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ประกอบด้วย (๑) โครงการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี รวม ๒ โครงการ จำนวน ๒๐,๘๖๑,๗๐๐ บาท (๒) โครงการตาม Road Map การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของผู้แทนพิเศษของรัฐบาล รวมทั้งงานขับเคลื่อนภารกิจของสำนักงาน คปต. ส่วนหน้า และสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สล.คปต.) รวม ๖ โครงการ จำนวน ๕๕๓,๕๐๘,๐๐๘ บาท และ (๓) งานขับเคลื่อนภารกิจของสำนักงาน คปต. ส่วนหน้า และ สล.คปต. (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน) จำนวน ๒๕,๕๔๐,๓๖๓ บาท ๒. ให้ คปต. ติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และหากโครงการ/กิจกรรมใดสามารถลดภาระและกำลังคนภาครัฐโดยให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการแทนได้ ก็ให้ดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
203 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 13/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมการทำเกษตรแปลงใหญ่ ดังต่อไปนี้ ๑.๑ จัดหาแหล่งน้ำสำหรับการทำการเกษตร รวมทั้งสนับสนุนการจัดหาพื้นที่ทำกินให้เพียงพอต่อการทำการเกษตรของเกษตรกร ๑.๒ ให้ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าการเกษตร (ศพก.) และศูนย์เรียนรู้เครือข่ายเร่งดำเนินการให้ความรู้และคำแนะนำแก่เกษตรกรในการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพหรือเพิ่มมูลค่าสินค้าของเกษตรกรตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง เช่น ความรู้ด้านการผลิตและการตลาด ความรู้พื้นฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับการทำบัญชี ความรู้เรื่องอุปสงค์และอุปทานของตลาด เพื่อให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการผลิตผลทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer ต่อไป ๑.๓ กำหนดแนวทางหรือมาตรการในการช่วยเหลือ/สนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยที่ยังมีรายได้ในเกณฑ์ต่ำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีความเข้มแข็งและมีความพร้อมที่จะรวมตัวกันทำการเกษตรแปลงใหญ่ได้ต่อไป โดยอาจพิจารณาจัดให้มีตลาดกลางสินค้าต่าง ๆ หรือตลาดชุมชน เพื่อให้เกษตรกรมีช่องทางในการจำหน่ายผลิตผลและสามารถกำหนดราคาจำหน่ายที่เหมาะสมได้มากยิ่งขึ้น ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางจัดหาพื้นที่กักเก็บน้ำ ทำทางระบายน้ำ หรือพัฒนาแหล่งน้ำสำหรับใช้ประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยให้ประสานความร่วมมือในการดำเนินการดังกล่าวกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคประชาชน เช่น การขอรับการสนับสนุนเครื่องมือเครื่องจักรจากภาคเอกชนเพื่อใช้ในการจัดสร้างหรือฟื้นฟูแหล่งน้ำ การรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันเก็บขยะและสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ บริเวณแหล่งน้ำในพื้นที่ของตน ทั้งนี้ ให้เตรียมการเพื่อให้เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ นี้เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
204 | การแต่งตั้งผู้มีอำนาจ (Designated Authority) สำหรับกองทุน Green Climate Fund ของประเทศไทย | ทส | 13/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ทำหน้าที่เป็นผู้มีอำนาจ (Designated Authority) สำหรับกองทุน Green Climate Fund ของประเทศไทย ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนามในหนังสือแจ้งการแต่งตั้งผู้มีอำนาจ (Designated Authority) สำหรับกองทุน Green Climate Fund ของประเทศไทย ๓. เห็นชอบต่อกระบวนการพิจารณาโครงการฯ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้จัดทำกฎหมาย กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ ตลอดจนรูปแบบวิธีการอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องกำหนดหรือบัญญัติขึ้นภายในประเทศเพื่อรองรับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเป็นผู้พิจารณาโครงการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ของประเทศไทยที่ต้องการขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุน Green Climate Fund ให้ถูกต้องตามระเบียบราชการต่อไป ๔. กำหนดชื่อกองทุน Green Climate Fund เป็นภาษาไทย โดยใช้ชื่อว่า “กองทุนภูมิอากาศสีเขียว”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
205 | ร่างยุทธศาสตร์ส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์ พ.ศ. 2560 - 2564 | พม | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ มีเป้าหมายเพื่อให้สังคมไทยมีระบบและกลไกที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนการส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนให้รู้เท่าทัน และใช้สื่อออนไลน์อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ และมีกฎหมาย มีองค์ความรู้ และการจัดการความรู้ที่มีประสิทธิภาพที่ทำให้เด็กและเยาวชนมีความรู้ พฤติกรรม และทักษะการใช้สื่อออนไลน์อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้น ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การพัฒนากลไกและเครือข่ายที่เป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพ (๒) การจัดระบบปกป้องคุ้มครองและเยียวยาเด็กและเยาวชน (๓) การสร้างองค์ความรู้และการวิจัย (๔) การเสริมสร้างศักยภาพเด็ก เยาวชน และบุคคลแวดล้อม และ (๕) การสร้างความตระหนักสาธารณะ รวมทั้งให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานขับเคลื่อนการส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์ เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการปฏิบัติการกรณีเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์ ร่วมกับหน่วยงาน องค์กร และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยงบประมาณที่อาจจะเกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ให้ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้วแต่กรณี สำหรับในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ก.พ. ฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ประสานงานขับเคลื่อนการส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์ อาจจัดตั้งเป็นหน่วยงานภายในส่วนราชการ โดยพิจารณาใช้อัตรากำลังที่มีอยู่เดิม ทั้งข้าราชการและพนักงานราชการของส่วนราชการที่รับผิดชอบภารกิจเกี่ยวกับการปกป้องคุ้มครอง ดำเนินการเฝ้าระวังและให้การช่วยเหลือแก้ไขปัญหากลุ่มเด็กและเยาวชน โดยไม่เป็นการเพิ่มอัตรากำลังในภาพรวม และเพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีศูนย์ประสานงานในระดับจังหวัดเป็นกลไกในการปฏิบัติงานด้วย โดยใช้กลไกที่มีอยู่เดิมในระดับจังหวัดดำเนินการ นอกจากนี้ ให้เพิ่มข้อความในบางยุทธศาสตร์ เช่น เพิ่มข้อความ “การส่งเสริมและป้องกันการเกิดผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กและเยาวชนจากการใช้สื่ออุปกรณ์ต่าง ๆ” ในมาตราที่ ๔ ข้อ ๔.๖ จัดให้มีระบบเฝ้าระวังในชุมชนเพื่อเป็นการช่วยเหลือคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่ถูกกระทำความรุนแรงบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างทันท่วงที เป็นต้น รวมทั้งให้เพิ่มกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานสนับสนุนในยุทธศาสตร์ที่ ๔ การเสริมสร้างศักยภาพเด็ก เยาวชน และบุคคลแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. เมื่อแผนยุทธศาสตร์ชาติประกาศใช้แล้ว ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาทบทวนและปรับปรุงยุทธศาสตร์ส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
206 | ขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2558 [โครงการศูนย์ข้อมูลที่ดินและแผนที่แห่งชาติ (ระยะที่ 2)] | กห | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กองบัญชาการกองทัพไทยขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในโครงการศูนย์ข้อมูลที่ดินและแผนที่แห่งชาติ (ระยะที่ ๒) งบรายจ่ายอื่น จำนวน ๔๙,๕๓๒,๖๓๐.๘๐ บาท ได้เป็นกรณีเฉพาะราย โดยให้กองบัญชาการกองทัพไทยดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หรือหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายใน ๑๘๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการกองทัพไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการบินถ่ายภาพภายใต้โครงการศูนย์ข้อมูลที่ดินและแผนที่แห่งชาติ (ระยะที่ ๒) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ภายในกรอบระยะเวลาที่ได้รับการขยาย ทั้งนี้ ให้พิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการขอรับการสนับสนุนเครื่องบินของกองทัพอากาศเพื่อช่วยในการดำเนินการถ่ายภาพด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
207 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงหอประชุมกองทัพเรือ) | กห | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๔๐,๒๖๓,๐๐๐ บาท ให้กองทัพเรือ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงหอประชุมกองทัพเรือตามนโยบายรัฐบาล ตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
208 | มาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ และสังคมในท้องถิ่น | มท | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่าย จากเดิมกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว ให้สามารถก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว ให้สามารถก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และเบิกจ่ายตามงวดงาน รวมทั้งเห็นชอบการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลตามมาตรการสนับสนุนการลงทุนร่วมระหว่างรัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (Matching Fund) จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามรายละเอียดโครงการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขอรับการสนับสนุน ภายในกรอบวงเงิน ๙,๘๙๗.๕๐ ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจและสังคมภายในท้องถิ่น) สำหรับการขอยกเว้นการใช้จ่ายเงินสะสมเป็นลำดับแรกก่อนนั้น เนื่องจากรัฐบาลมีเจตนารมณ์ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพด้านการเงินการคลังนำเงินสะสมมาใช้จ่าย เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งการดำเนินการตามหลักการดังกล่าวจะช่วยรัฐบาลลดภาระงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น อันมีอยู่อย่างจำกัดและต้องสำรองไว้สำหรับภารกิจยุทธศาสตร์ที่จำเป็นเร่งด่วน รวมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ของตนเอง จึงเห็นสมควรให้ดำเนินการตามหลักการเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
209 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 | กษ | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อดำเนินโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบรายชื่อสมาชิกกลุ่มเกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้เป็นผู้ที่กู้เงินโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการผลิตข้าวอย่างแท้จริงและไม่มีความซ้ำซ้อนเป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รวมทั้งควรพิจารณาการอบรมให้ความรู้แก่สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้มีความรู้ด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจัดทำบัญชี และแผนการจัดการหนี้ในครัวเรือน เพื่อลดปัญหาหนี้สินได้อย่างยั่งยืนในอนาคต นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการปรับปรุงระบบข้อมูลของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรให้มีความทันสมัย และมีการบูรณาการข้อมูล กระบวนการทำงาน และเป้าหมายการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนทุกกลุ่มของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันก่อนการดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในส่วนของการชดเชยดอกเบี้ยเพื่อดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปหารือในรายละเอียดร่วมกับสำนักงบประมาณให้ได้ข้อยุติก่อน โดยหากเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณก็ให้ดำเนินการต่อไปได้ แต่หากยังมีความเห็นแตกต่างกัน ให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
210 | ผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2560 | นร11 | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจส่วนกลาง และคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๒ (นครพนม สกลนคร มุกดาหาร) เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และเห็นชอบในหลักการการส่งเสริมป่าเศรษฐกิจครอบครัวเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ โครงการ Sanuk Colors Food Valley : Diversity of Functional Organic โครงการ Sanuk Farmer Market โดยขอรับการสนับสนุนการจัดตั้ง “ตลาดเกษตรกรของกลุ่มจังหวัด” ขึ้นใน “เขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนครพนม” โครงการนำร่อง “การบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืนจังหวัดมุกดาหาร” การพัฒนาและยกระดับแหล่งท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขง โครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเส้นทางไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม และจีน และโครงการพัฒนาและบินสำรวจแหล่งน้ำบาดาลด้วยวิธีทางธรณีฟิสิกส์เพื่อสนับสนุนแผนบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดพิจารณาความเหมาะสมของโครงการต่าง ๆ ในรายละเอียด โดยคำนึงถึงมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสำคัญ ก่อนดำเนินโครงการตามขั้นตอนต่อไป ๒. เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
211 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชดเชยการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | สธ | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๔,๙๗๙,๔๐๕,๕๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในส่วนของค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข เห็นควรอนุมัติในหลักการเป็นเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า การปรับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณ ประกอบกับเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการกำหนดค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขทั้งระบบ จึงเห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขส่งร่างหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าตอบแทนดังกล่าวให้คณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐพิจารณาให้ได้ข้อยุติก่อน หากคณะกรรมการฯ พิจารณาเห็นชอบแล้ว ก็ให้กระทรวงสาธารณสุขขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขออนุมัติงบกลางอีกครั้งหนึ่ง ๑.๒ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เห็นควรอนุมัติค่าใช้จ่ายบริการสำหรับผู้ป่วยใน รวมบริการสำหรับเด็กเกิดใหม่ (ค่าบริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า) เงิน ๓,๓๗๖,๓๖๔,๕๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง และบริการกรณีเฉพาะที่มีผลงานบริการเกินเป้าหมาย เงิน ๖๐๓,๐๔๑,๐๐๐ บาท ตามอัตราค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้หารือร่วมกันแล้ว ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
212 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เงินช่วยเหลือผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย) | นร51 | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนทั้งสิ้น ๑,๓๙๑,๑๗๕,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นเงินช่วยเหลือค่าประกอบอาชีพสำหรับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จำนวน ๖,๑๘๓ คน ตามที่ กอ.รมน. เสนอ ๒. ให้ กอ.รมน. ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและครบถ้วนด้วย รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามและประเมินผลการให้ความช่วยเหลือบุคคลดังกล่าว เพื่อปรับปรุงแก้ไขแนวทางการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับการใช้ทรัพย์สินของรัฐ รวมทั้งพิจารณาให้ความช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มที่ยังคงเหลือและอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเท่านั้น โดยเห็นควรยุติการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเป็นรายบุคคลแก่ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ซึ่งหาก กอ.รมน. เห็นว่ามีความจำเป็นก็สมควรปรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือผ่านโครงการต่าง ๆ ของรัฐแทน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
213 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ | นร07 | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ วงเงิน ๖,๒๘๑,๕๒๐,๑๐๐ บาท เพื่อจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฯ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดังกล่าวต่อไป สำหรับวงเงินที่เหลืออยู่ จำนวน ๑๓,๖๖๑,๒๗๒,๑๐๐ บาท และรายการที่ยังไม่ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายหรือมีความประสงค์จะขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งรัดดำเนินการและนำส่งสำนักงบประมาณ ภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๐ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการในการขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑.๒ รายการงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศดำเนินการตามแนวทางการขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ แจ้งตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๕/ว ๑๐๘ ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ กรณีวงเงินเกิน ๑๐๐ ล้านบาท ให้ส่วนราชการเสนอเรื่องผ่านรัฐมนตรีเจ้าสังกัด แล้วให้สำนักงบประมาณดำเนินการเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอเรื่องต่อรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อสั่งการให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
214 | การเสนอชื่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเข้ารับการคัดเลือกเป็นคณะกรรมการผู้ตรวจสอบภายนอกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Board of Auditors) และผู้ตรวจสอบภายนอก (External Auditor) ของหน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาติหรือหน่วยงานระหว่างประเทศอื่น | ตผ | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินสมัครเข้ารับการคัดเลือกและปฏิบัติหน้าที่เป็นคณะกรรมการผู้ตรวจสอบภายนอกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Board of Auditors : UNBOA) และผู้ตรวจสอบภายนอก (External Auditor) ของหน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาติหรือหน่วยงานระหว่างประเทศอื่น โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศประสานการสนับสนุน ติดตาม ผลักดัน เกี่ยวกับการหาเสียง ขอเสียง แลกเปลี่ยนเสียงสนับสนุน ทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีในโอกาสและรูปแบบที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการจัดกิจกรรมที่เป็นการสร้างความโดดเด่นหรือ raise visibility/raise profile ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินในการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นคณะกรรมการผู้ตรวจสอบภายนอกแห่งสหประชาชาติ (UNBOA) และผู้ตรวจสอบภายนอก (External Auditor) ของหน่วยงานภายใต้สหประชาชาติหรือหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นทุกหน่วยงาน ๒. ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมของตำแหน่งที่ลงสมัครเป็นรายกรณี และประเมินภาวะแข่งขันอย่างรอบคอบ เพื่อช่วยให้การสมัครรับเลือกตั้งเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสามารถกำหนดแนวทางและขั้นตอนการรณรงค์ขอรับการสนับสนุนเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งตามเป้าหมายที่วางไว้ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
215 | ยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ 20 ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. 2560 - 2564 | ทส | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน ลด และควบคุมมลพิษที่มีประสิทธิผล สร้างระบบและกลไกการบริหารจัดการมลพิษที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม และบุคลากรให้มีศักยภาพในการจัดการมลพิษ รวมทั้งสร้างหุ้นส่วนการมีส่วนร่วมในการจัดการมลพิษ ประกอบด้วย ๓ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (๒) เพิ่มประสิทธิภาพในการบำบัด กำจัดของเสียและควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด และ (๓) การพัฒนาระบบการบริหารจัดการมลพิษ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี โดยเฉพาะในระยะ ๕ ปีแรก และดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ และแผนการจัดการดังกล่าวต่อไป ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการปรับปรุงเป้าหมายของยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี ให้สะท้อนภาพอนาคตในระยะ ๒๐ ปี ซึ่งกำหนดว่า “การพัฒนาประเทศเป็นไปตามหลักสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Cabon Society) และไร้ของเสีย (Zero Waste)” รวมทั้งควรเพิ่มตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายเพื่อวัดการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ ๓ เนื่องจากไม่สามารถสะท้อนความก้าวหน้าในการดำเนินงานเพื่อใช้ในการติดตามประเมินผล และในส่วนของแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ หน่วยงานที่รับผิดชอบและทิศทางการดำเนินงานในระยะยาวควรมีความสอดคล้องกับโครงการ/กิจกรรมสำคัญในระยะ ๕ ปี ควรมีการกำหนดหน่วยงานสนับสนุนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมนอกจากหน่วยงานหลักเพื่อความชัดเจนในการดำเนินงานร่วมกัน และควรมีการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนปฏิบัติการและการดำเนินงานตามแผนจัดการดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง สำหรับงบประมาณในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อดำเนินการในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอและมีความจำเป็นเร่งด่วนก็ให้เสนอขอรับการสนับสนุนจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำข้อเสนองบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์เชื่อมโยงผ่านการจัดทำแผนพัฒนาภาค แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้ครอบคลุมครบถ้วน รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ทุกภาคส่วนให้ตระหนักถึงโทษและอันตรายที่เกิดขึ้นจากมลพิษต่าง ๆ หากไม่ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือและเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ๔. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเรื่อง ยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ให้คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการเตรียมการยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
216 | ผลการประชุม World Economic Forum 2017 และการประชุมรัฐมนตรีการค้า WTO | พณ | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม World Economic Forum 2017 และการประชุมรัฐมนตรีการค้า WTO ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ มกราคม ๒๕๖๐ ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมการประชุมแทนนายกรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุม World Economic Forum (WEF) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมประชุมเรื่อง The Future of Production และได้แบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการผลักดันนโยบาย Thailand 4.0 พร้อมกับนำเสนอแนวทางยกระดับอุตสาหกรรมด้วย New S-curve Eastern Economic Corridor และการขับเคลื่อนนโยบายด้วยกลไกประชารัฐ และได้ร่วมประชุมเรื่อง อนาคตเกษตรโลก โดยได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไปร่วมหารือกับผู้นำโลก นอกจากนี้ ได้รับทราบการปรับปรุงวิธีการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันใหม่ของ WEF รวมทั้งได้หารือเกี่ยวกับทิศทางของอาเซียนหลังครบรอบ ๕๐ ปี ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้พบกับนักลงทุนจากประเทศต่าง ๆ ได้แก่ จีน (รองผู้ว่ามณฑลเทียนจิน) เนเธอร์แลนด์ (บริษัท Vopak) ฝรั่งเศส (เครือโรงแรม Intercontinental) รวมถึงประเทศอื่น ๆ ระหว่างการประชุม WEF ซึ่งทุกประเทศแสดงความมั่นใจในไทยและจะลงทุนในไทยต่อไป รวมทั้งขยายการลงทุนในอนาคต ๓. การประชุมรัฐมนตรีการค้าองค์การการค้าโลกอย่างไม่เป็นทางการ (WTO Informal Ministerial Meeting) ที่ประชุมพิจารณาประเด็นสำคัญที่ต้องนำเสนอในการประชุมรัฐมนตรี WTO ครั้งที่ ๑๑ ในช่วงปลายปี ๒๕๖๐ โดยมีประเด็นที่ประเทศต่าง ๆ สนใจมากที่สุด คือ E-Commerce ที่มีการเสนอให้ทบทวนกฎเกณฑ์การค้าพหุภาคีที่เกี่ยวข้อง และประเด็นอื่น ๆ ที่มีหลายประเทศสนับสนุน เช่น การทบทวนการอุดหนุนสินค้าเกษตรโดยเฉพาะฝ้าย การปรับปรุงกฎระเบียบในประเทศด้านบริการ (Domestic Regulations on Services) การสนับสนุน SMEs มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non-tariff Measures : NTMs) และการอำนวยความสะดวกทางการค้า ๔. กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ได้แก่ (๑) การเข้าร่วมโครงการศึกษาความพร้อมของประเทศเพื่อรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่บนฐานนวัตกรรม และโครงการศึกษาแนวทางการปรับตัวของภาคการผลิตของอาเซียน (๒) การร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน Partnership for Agricultural Trade and Inclusive Growth in Thailand ร่วมกับ Grow Asia (๓) การเชิญ WEF มาจัดงานสัมมนาเพื่ออธิบายข้อมูลและวิธีการใหม่ที่จะปรับใช้ในการวัดประเมินอันดับความสามารถทางการแข่งขัน (๔) การเผยแพร่สิทธิประโยชน์และขั้นตอนการขอรับการสนับสนุนทางการลงทุนในการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ให้ชัดเจน โปร่งใส และ (๕) การจัดหารือเพื่อเตรียมการประชุมรัฐมนตรีการค้า WTO ในประเด็นที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
217 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เพื่อชำระค่าจัดซื้ออากาศยานช่วยเหลือทางการแพทย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยนักท่องเที่ยว) | ตช | 14/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ แล้ว จำนวน ๖๗๒,๐๓๙,๓๗๕ บาท เพื่อชำระค่าจัดซื้ออากาศยานช่วยเหลือทางการแพทย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยนักท่องเที่ยว จำนวน ๒ ลำ ในงวดที่ ๒ และงวดที่ ๓ และเห็นควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
218 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม (เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหายุทโธปกรณ์ใช้ในภารกิจบรรเทาสาธารณภัย) | กห | 14/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๒๕,๖๘๖,๐๐๐ บาท ให้กองทัพบกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหายุทโธปกรณ์ใช้ในภารกิจบรรเทาสาธารณภัย (สายช่างและสายขนส่ง) จำนวน ๕ รายการ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ประกอบด้วย ๑.๑ เรือกำจัดวัชพืช ขนาดเล็ก จำนวน ๖ ชุด วงเงิน ๓๘,๙๑๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ รถกู้ภัยอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ จำนวน ๓ คัน วงเงิน ๖๗,๓๕๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ รถบรรทุกชุดเครื่องสูบส่งน้ำท่วมขัง/ระยะไกล อัตราสูบไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ ลิตร/นาที จำนวน ๒ คัน วงเงิน ๓๕,๘๙๖,๐๐๐ บาท ๑.๔ รถดับเพลิงในอาคารด้วยระบบควบคุมระยะไกล จำนวน ๔ คัน วงเงิน ๑๐๐,๔๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๕ รถดับเพลิงและเคมีขนาดใหญ่ จำนวน ๒ คัน วงเงิน ๘๓,๑๓๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
219 | ขอความเห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทโครงการ "รักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน" ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) | กษ | 24/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทโครงการ “รักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน” ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) โดยมีกรอบแนวคิดหลักการพัฒนา ประกอบด้วย การดำเนินงานสนองพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มุ่งพัฒนาคนและพื้นที่ไปพร้อมกันโดยยึดพื้นที่ลุ่มน้ำเป็นหลักดำเนินการพัฒนาภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนในพื้นที่ลุ่มน้ำ โดยมีพื้นที่เป้าหมายดำเนินงานใน ๗ จังหวัด ๑๑ ลุ่มน้ำ ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ๔ ลุ่มน้ำ จังหวัดเชียงใหม่ ๒ ลุ่มน้ำ จังหวัดเชียงราย จังหวัดน่าน จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดเลย จังหวัดละ ๑ ลุ่มน้ำ พื้นที่รวม ๒,๘๗๔.๓๗ ตารางกิโลเมตร หมู่บ้านเป้าหมายจำนวน ๑๒๙ หมู่บ้าน ๒๔,๕๓๔ ครัวเรือน งบประมาณดำเนินการ ๑,๑๙๙.๗๓๖ ล้านบาท ๑.๒ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโครงการฯ จัดทำแผนงาน/โครงการภายใต้กรอบแผนแม่บทโครงการฯ เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่เห็นควรเพิ่มบทบาทภาคเอกชนที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการตลาด เทคโนโลยีการผลิตและบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลผลิตของชุมชน และการดำเนินโครงการด้านการเกษตรในพื้นที่สูงโดยเฉพาะพื้นที่ต้นน้ำลำธารควรส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์เป็นหลัก เพื่อลดการใช้สารเคมี รวมทั้งการดำเนินงานควรพิจารณาเรื่องความสอดคล้องกับพระราชดำริเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการตามแผนแม่บทโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๑๐๙,๒๖๖,๗๑๐ บาท ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อดำเนินการเพิ่มเติม ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อดำเนินการในโอกาสแรกก่อน และหากไม่เพียงพอและมีความจำเป็นเร่งด่วน ก็ให้เสนอขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
220 | ผลการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 17 (CITES CoP17) การประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ 67 และครั้งที่ 68 (SC67 - SC68) และการประชุมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Lekgotla) | ทส | 04/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๗ (CITES CoP17) การประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ครั้งที่ ๖๗ และครั้งที่ ๖๘ (SC67-SC68) และการประชุมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Lekgotla) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๓ กันยายน-๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ นครโจฮันเนสเบิร์ก สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซึ่งจากผลการประชุมดังกล่าวได้มีการลงมติรับรองมติที่ประชุม (Resolutions) และข้อตัดสินใจ (Decisions) เพื่อให้ภาคีแห่งอนุสัญญา CITES นำไปปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งอนุสัญญา รวมถึงมีการลงมติรับรองการเปลี่ยนแปลงบัญชีชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าแนบท้ายอนุสัญญา CITES ๑.๒ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมประมง กรมการปกครอง กรมปศุสัตว์ เป็นต้น ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ เช่น การออกระเบียบและกฎหมายกำหนดชนิดสัตว์ป่าและซากของสัตว์ป่าที่ห้ามนำเข้าหรือส่งออก รวมถึงปรับปรุงพืชอนุรักษ์เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงบัญชีของชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าในการประชุม CITES CoP17 การพัฒนา/ปรับปรุงระบบฐานข้อมูล การกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่องการค้างาช้างภายในประเทศ เพื่อป้องกันมิให้มีการนำงาช้างที่ผิดกฎหมายมาสวมในตลาดค้างาช้าง เป็นต้น ๑.๓ เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ออกไปอีกหนึ่งปี จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (๓๐ กันยายน ๒๕๖๐) ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นภายหลังที่มีการปรับปรุงและแก้ไขกฎระเบียบกำหนดชนิดสัตว์ป่าและซากของสัตว์ป่าที่ห้ามนำเข้าหรือส่งออกดังกล่าว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามความจำเป็นและเหมาะสมไปดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอและมีความจำเป็นเร่งด่วนก็ให้เสนอขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ส่วนค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ควรมีแนวทางในการเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการกำหนดกฎหมาย/มาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องเสือ และเรื่องช้าง สำหรับเรื่องไม้พะยูง ควรพิจารณาแนวทางเพื่อส่งเสริมการปลูกไม้พะยูงเพื่อสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
.....