ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 15 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 281 - 300 จากข้อมูลทั้งหมด 1095 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
281 | ผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย - ลาว | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการติดตามผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Foreign Ministers’ Retreat) ไทย-ลาว ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามผลการหารือดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ความร่วมมือด้านแรงงาน ฝ่ายลาวจะระบุสัญชาติในหนังสือยืนยันสถานภาพบุคคล (Corporate Identity : CI) ที่จะออกให้แก่แรงงานสัญชาติลาวที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำงานชั่วคราวในไทยแล้ว และจะส่งเจ้าหน้าที่กลับมาตรวจสัญชาติแรงงานลาว ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ และจะแก้ไข CI ของแรงงานลาวที่มิได้ระบุสัญชาติ รวมทั้งยินดีจะรับคณะฝ่ายไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขความตกลงว่าด้วยการเดินทางข้ามพรมแดนไทย-ลาว ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๒. ความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงในภูมิภาค ฝ่ายลาวไม่ขัดข้องที่จะเพิ่มเส้นทาง R12 เข้าไปอยู่ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Agreement : GMS CBTA) โดยขอให้ฝ่ายไทยช่วยปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวให้ได้มาตรฐาน และยินดีเข้าร่วมประชุม ๓ ฝ่ายเกี่ยวกับการเปิดบริการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ที่เวียดนามจะเป็นเจ้าภาพ ๓. ความร่วมมือด้านการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ฝ่ายลาวเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันเพื่อจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อเป็นกลไกหารือการเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของสองประเทศ ๔. บุคคลที่มีพฤติการณ์หมิ่น/จาบจ้วงสถาบันฯ ที่มีคดีติดตัวและหลบหนีอยู่ในลาว ฝ่ายลาวพร้อมสอดส่องและตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบุคคลสัญชาติไทยที่มีพฤติการณ์หมิ่นและจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีคดีติดตัวและหลบหนีไปอาศัยอนู่ในลาว ๕. การประชุมคณะอนุกรรมการเทคนิคภายใต้คณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง ฝ่ายไทยได้ผลักดันให้ฝ่ายลาวจัดการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งฝ่ายลาวรับที่จะเร่งรัดการพิจารณาจัดประชุม ๖. ความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า ฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนความร่วมมือด้านการซื้อ-ขายไฟฟ้าในลักษณะระบบต่อระบบ (Grid to Grid) ระหว่างไทยกับลาว โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือในรายละเอียดต่อไป ๗ ประเด็นเขตแดน ทั้งสองฝ่ายพร้อมแก้ไขปัญหาเขตแดนภายใต้กลไกที่มีอยู่ และการพบหารืออย่างสม่ำเสมอและบ่อยครั้ง รวมทั้งการพัฒนาการเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวข้ามแดนร่วมกันบริเวณภูชี้ฟ้า โดยมีแผนจะจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ร่วมกัน ๘. การสนับสนุนลาวเป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๙ ฝ่ายลาวขอรับการสนับสนุนต่าง ๆ จากไทยในช่วงที่ลาวจะเป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๙ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการ และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในนครหลวงเวียงจันทน์ ๙. กรณีไม้พะยูง จำนวน ๑๑ ตู้คอนเทนเนอร์ ฝ่ายไทยขอรับเอกสารและหลักฐานจากฝ่ายลาวที่เป็นประโยชน์ต่อการแสดงความเป็นเจ้าของไม้พะยูงของกลางของรัฐบาลลาว และการสืบสวนสอบสวนคดีปลอมเอกสารและการใช้เอกสารปลอม |
||||||||||||||||||
282 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีคมนาคมไทย - ลาว | คค | 19/05/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีคมนาคมไทย-ลาว เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๘ ณ เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางถนนระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ทั้งสองฝ่ายตกลงเห็นชอบให้ประชุมหารือสามฝ่าย โดยฝ่ายไทยเสนอให้จัดทำร่างความตกลงการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม เพื่อเสนอต่อที่ประชุมร่วมสามฝ่าย บนพื้นฐานผลประโยชน์ร่วมกัน สำหรับการขนส่งสินค้าภายใต้กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ไทย-ลาว-เวียดนาม ฝ่ายลาวได้เสนอให้ผู้ประกอบการไทยมาลงทุนจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการลาว รวมทั้งฝ่ายลาวเสนอให้รถขนส่งสินค้าของลาวสามารถขนส่งสินค้าผ่านแดนที่ท่าเรือของไทยได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นระเบียบของกรมศุลกากร ฝ่ายไทยจึงรับที่จะไปประสานงานกับกรมศุลกากรต่อไป ๑.๒ การเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟ ไทย-ลาว ฝ่ายลาวได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของโครงการเสร็จแล้ว ส่วนฝ่ายไทยอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาและออกแบบรายละเอียดและจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างประมาณเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ประเด็นการเชื่อมเส้นทางรถไฟระหว่างไทย-ลาว-จีน ขนาดทาง ๑.๔๓๕ เมตร ทั้งสองฝ่ายเสนอให้มีการหารือร่วมกัน สำหรับการกำหนดจุดที่เหมาะสมสำหรับก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าควรอยู่ในแนวขนานกับสะพานเดิมค่อนลงมาทางทิศใต้ห่างจากจุดเดิม ๑๐-๓๐ เมตร และกำหนดผู้รับผิดชอบในการดำเนินการศึกษาและออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างต่อไป ในส่วนของการก่อสร้างทางรถไฟช่วงท่านาแล้ง-เวียงจันทน์ สปป.ลาว ประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์จากเดิมที่ก่อสร้างทางรถไฟขนาด ๑.๐ เมตร ต่อจากท่านาแล้งไปเวียงจันทน์ เป็น การศึกษาความเป็นไปได้ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างทางรถไฟขนาดทาง ๑.๔๓๕ เมตร ระหว่างเวียงจันทน์-หนองคาย สำหรับการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟในเส้นทางอุบลราชธานี-ช่องเม็ก ฝ่ายลาวแจ้งว่ามีผลการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นแล้ว และยินดีที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อความสมบูรณ์ของจุดเชื่อมต่อบริเวณช่องเม็กต่อไป ๑.๓ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ฝ่ายลาวขอให้สนับสนุนการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดโครงการ (Feasibility Study and Detailed Design) สำหรับเส้นทางหมายเลข ๑๒ (ท่าแขก-ยมมะราด-ลังคัง-น้ำพาว) ซึ่งมีระยะทางรวมประมาณ ๑๕๗ กิโลเมตร โดยขอรับการสนับสนุนจากไทยในช่วงยมมะราด-ลังคัง ระยะทางประมาณ ๗๔ กิโลเมตร และขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงบริเวณบ้านเชียงแมนข้ามมายังตัวเมืองหลวงพระบาง รวมทั้งขอให้ฝ่ายไทยประสานกับสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (NEAD) ผลักดันโครงการที่ฝ่ายลาวขอรับความช่วยเหลือสำหรับการปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานปากเซและสะหวันนะเขต และโครงการศึกษาสำรวจและออกแบบการปรับปรุงระบบน้ำประปา ซึ่งฝ่ายไทยรับที่จะไปหารือกับ NEDA ต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ข้อตกลงในการสร้างความร่วมมือในหลายประเด็นยังไม่ได้ข้อยุติที่ชัดเจน และ/หรืออยู่ระหว่างการประสานและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มเติมระหว่างหน่วยงานของไทยและลาวเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำรายละเอียดข้อตกลงต่าง ๆ ในอนาคต จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามผลการประชุมเพื่อให้ความร่วมมือระหว่างสองประเทศสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
283 | ขอความเห็นชอบดำเนินงานตามพันธกรณีเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานทศวรรษคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก สมัยที่ 3 (Third Session of the Working Group on the Asian and Pacific Decade of Persons with Disabilities, 2013 - 2022) | พม | 19/05/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการดำเนินงานตามพันธกรณีในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานทศวรรษคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก สมัยที่ ๓ (Third Session of the Working Group on the Asian and Pacific Decade of Persons with Disabilities, 2013-2022) เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานของประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกภายใต้ยุทธศาสตร์อินชอน รับรองรายงานการประชุมและการดำเนินงานของคณะทำงานว่าด้วยทศวรรษคนพิการแห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๕) สมัยที่ ๒ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ทบทวนครึ่งทศวรรษแรกของทศวรรษคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก ค.ศ. ๒๐๑๗ (พ.ศ. ๒๕๖๐) และทบทวนการขับเคลื่อนด้านทรัพยากรสำหรับความก้าวหน้าของทศวรรษคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก ติดตามการผลักดันประเด็นด้านคนพิการในวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืน และแสดงบทบาทและศักยภาพการดำเนินงานด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการของประเทศไทย ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการประชุม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๕,๕๓๖,๔๐๐ บาท ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการพิจารณาดำเนินการเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในขั้นของการแปรญัตติตามปฏิทินงบประมาณก่อน หากไม่เพียงพอให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
284 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อทำสัญญาเช่าพื้นที่อาคาร และขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณค่าสิ่งก่อสร้างที่ได้รับอนุมัติ ให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ [สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน)] | นร | 19/05/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ทำสัญญาเช่าพื้นที่บริเวณอาคารไปรษณีย์กลาง กับบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด และก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๑ รายการค่าเช่าพื้นที่เพื่อจัดตั้งอาคารศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ ในวงเงิน ๕๖๖,๘๔๑,๔๔๒.๒๒ บาท ระยะเวลาการเช่า ๑๒ ปี ๑๐ เดือน โดยทำการต่อสัญญาเช่าทุก ๆ ๓ ปี สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ นั้น ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกาศใช้บังคับแล้ว ๒. อนุมัติในหลักการให้เปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ จากรายการค่าก่อสร้างศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบของประเทศ เป็นรายการค่าปรับปรุงตกแต่งและก่อสร้างศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบของประเทศ ภายในวงเงิน ๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว จำนวน ๖๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไปอีก จำนวน ๓๓๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาก่อหนี้ผูกพัน ตามนัยของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๓. ให้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ดำเนินการติดตามผลการปฏิบัติงานและประเมินผลความคุ้มค่าของการลงทุนในการปรับปรุงศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบของประเทศ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญาเช่าในแต่ละครั้งเพื่อประกอบการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีด้วย |
||||||||||||||||||
285 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าเบี้ยเลี้ยงสนามของ อาสาสมัครทหารพราน) | นร51 | 19/05/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๘๑,๙๔๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับเพิ่มอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสนามของอาสาสมัครทหารพรานของกองทัพบกที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๑๓,๘๗๕ คน ทั้งนี้ ให้ กอ.รมน. ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง สำหรับภาระค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ กอ.รมน. ได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
286 | ขอรับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ 2 ขั้น (นอกเหนือโควตาปกติ) จากงบกลางเพิ่มเติมให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 07/05/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอขอรับการสนับสนุนโควตาการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี (๒ ขั้น) กรณีพิเศษ เพิ่มเติมอีกร้อยละ ๓ ของจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๑,๐๓๓ นาย โดยให้มีผลในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘) สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
287 | ผลการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๖-๗ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อผลักดันประเด็นต่าง ๆ ตามตารางติดตามผลการเยือนฯ ให้นำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลและเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมความสัมพันธ์ ได้แก่ การเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี การเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์เยือนไทยอย่างเป็นทางการและเพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-ฟิลิปปินส์ (JCBC) ครั้งที่ ๖ ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๘ รวมทั้งประสานกับฝ่ายฟิลิปปินส์เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการค้า ครั้งแรก (JTC) ในช่วงไตรมาสที่ ๓ ของปี ๒๕๕๘ และการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยความร่วมมือทางทหารครั้งแรก (JCMC) ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ที่ฟิลิปปินส์ ๒. การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ฟิลิปปินส์จากผลกระทบของพายุไต้ฝุ่น Hagupit ได้แก่ การส่งข้าว ๕๐๐ ตันให้แก่ฟิลิปปินส์ภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ๓. ความร่วมมือด้านการศึกษา ได้แก่ การลงนามร่างบันทึกความตกลงว่าด้วยการแลกเปลี่ยนครู และการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสอนตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษา ๔. ความร่วมมือด้านวิชาการ ได้แก่ การเตรียมการจัดการประชุมว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการครั้งแรกระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ในปี ๒๕๕๘ ๕. การท่องเที่ยว ได้แก่ การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ในลักษณะ package ๖. การผลักดันความตกลง/บันทึกความเข้าใจที่คั่งค้าง ได้แก่ การเร่งรัดการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจด้านการปราบปรามยาเสพติดและการควบคุมสารตั้งต้นสำหรับการผลิตสารเสพติด การให้สัตยาบันต่อร่างบันทึกความเข้าใจด้านบริการเดินอากาศ และการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนาอาหารสัตว์ ๗. กรณีพิพาทกับบริษัทฟิลิปมอริส ได้แก่ การหารือกับฝ่ายฟิลิปปินส์เพื่อหาแนวทางการแก้ไขกรณีพิพาทกับบริษัทฟิลิปมอริส (ประเทศไทย) อย่างฉันมิตร ๘. ความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือพลเมืองอพยพออกจากเยเมน ได้แก่ การประสานกับฝ่ายฟิลิปปินส์เพื่อร่วมมือกันอพยพชาวไทยและชาวฟิลิปปินส์ออกจากเยเมน ๙. ความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ ได้แก่ การขอรับการสนับสนุนจากฟิลิปปินส์ต่อไปในการสมัครรับเลือกตั้งของไทยในตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ และสนับสนุนการสมัครของฟิลิปปินส์ในสมาชิกคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๘-๒๐๒๐ การสมัครในคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี (CEDAW) และตำแหน่งเลขาธิการองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) และคณะมนตรีของ IMO กลุ่ม C วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๖ |
||||||||||||||||||
288 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 (ของกรมโยธาธิการและผังเมือง) | มท | 20/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จังหวัดชุมพร เป็นโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา ในวงเงิน ๕๙,๐๓๘,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๒,๐๗๖,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๔๖,๙๖๒,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในโอกาสต่อไป เห็นควรสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เป้าหมายก่อนเพื่อมิให้การดำเนินการและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณล่าช้า และควรกำหนดให้มีมาตรการทางผังเมืองที่ช่วยควบคุมและป้องกันปัญหาจราจรเพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองให้มีคุณภาพและมีความปลอดภัย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
289 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น | ตช | 07/04/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๒๔๐,๙๕๕,๙๖๙ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาอาคารที่พักครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน ๑๔๑ หลัง วงเงิน ๑๖๒,๘๖๕,๑๘๔ บาท และโครงการพัฒนาห้องส้วมนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน ๑๖๐ หลัง วงเงิน ๗๘,๐๙๐,๗๘๕ บาท โดยให้จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
290 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 งบกลาง เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ | สธ | 31/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน ๑๘๑,๔๕๓,๑๐๐ บาท ให้มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
291 | รายงานผลการเข้าร่วมการประชุม UNWTO/UNESCO World Conference on Tourism and Culture : "Building a New Partnership" | กก | 31/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมการประชุม (United Nations World Tourism Organization : UNWTO)/องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) เรื่อง “การสร้างความเป็นหุ้นส่วนใหม่” (UNWTO/UNESCO World Conference on Tourism and Culture : “Building a New Partnership”) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ ๔-๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมระดับโลกขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติและองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติเรื่อง “การสร้างความเป็นหุ้นส่วนใหม่” (UNWTO/UNESCO World Conference on Tourism and Culture : “Building a New Partnership”) ได้มีการหารือระดับรัฐมนตรีภายใต้หัวข้อ “การสร้างรูปแบบของความเป็นหุ้นส่วนใหม่” โดยเปิดโอกาสให้หัวหน้าคณะผู้แทนระดับรัฐมนตรีแสดงแนวคิดเกี่ยวกับนโยบายและแนวทางการดำเนินงานที่จำเป็นต่อการสนับสนุนรูปแบบความร่วมมือใหม่ระหว่างการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม เพื่อสนับสนุนให้เกิดความรับผิดชอบและการตระหนักรู้ทางวัฒนธรรม รวมถึงการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อหาข้อสรุปและจัดทำปฏิญญาเสียมราฐว่าด้วยการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม-การสร้างความเป็นหุ้นส่วนใหม่ โดยร่างปฏิญญาเสียมราฐฯ ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ๕ ด้าน คือ (๑) การสร้างรูปแบบของความเป็นหุ้นส่วนใหม่ระหว่างการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม (๒) การส่งเสริมและคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรม (๓) การเชื่อมโยงประชาชนและการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านเส้นทางวัฒนธรรม (๔) การส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดระหว่างการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และ (๕) การส่งเสริมในการนำแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อใช้ในการพัฒนาเมือง ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้ดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ให้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วม “สองอาณาจักร หนึ่งจุดหมายปลายทาง” และให้มีการอำนวยความสะดวกในการเดินทางด้านการตรวจลงตรา การผ่านแดน การคมนาคม โดยเฉพาะจากนักเดินทางจากประเทศที่สาม รวมทั้งฝ่ายกัมพูชาขอรับการสนับสนุนการฝึกอบรมบุคลากร ทั้งการส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้การอบรมในกัมพูชาและให้เจ้าหน้าที่มาอบรมในประเทศไทย
|
||||||||||||||||||
292 | การจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม | กห | 27/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรายงานว่า เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสักการะเทิดทูนและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระมหากษัตริย์ไทยให้เป็นที่ประจักษ์ต่ออนุชนรุ่นหลังสืบไป รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบก จึงมีแนวความคิดจะจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามขึ้นในพื้นที่ของกองทัพบก บริเวณฝั่งตรงข้ามสวนสนประดิพัทธ์ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การดำเนินงานจัดสร้างในภาพรวม จะมีโครงสร้างหลักที่สำคัญ ๓ ส่วน ได้แก่ ส่วนที่หนึ่ง พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม จำนวน ๗ พระองค์ ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนที่สอง ลานอเนกประสงค์ เป็นพื้นที่สำหรับใช้กระทำพิธีสำคัญของกองทัพบก และรับรองบุคคลสำคัญจากต่างประเทศในโอกาสที่มาเยือนอย่างเป็นทางการ และส่วนที่สาม อาคารพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม จัดสร้างอยู่บริเวณใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ทั้งนี้ ได้ประสานขอความร่วมมือจากกรมศิลปากรในการออกแบบและปั้นพระบรมรูปต้นแบบ การออกแบบแท่นฐาน รวมถึงองค์ประกอบภูมิสถาปัตยกรรมเพื่อให้การจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์เป็นไปอย่างถูกต้อง งดงาม และสมพระเกียรติ สำหรับงบประมาณในการก่อสร้างจะเป็นลักษณะของการประสานขอความร่วมมือและเชิญชวนหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมบริจาคเงินสมทบทุนการจัดสร้าง ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมกำหนดจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ๒. หากกระทรวงกลาโหมมีความจำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนการจัดสร้างจากเงินงบประมาณด้วย ก็ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||
293 | ผลการเยือนบรูไนดารุสซาลามอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | กต | 27/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนบรูไนดารุสซาลามอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยกำหนดการสำคัญของนายกรัฐมนตรีในการเยือนบรูไนฯ ครั้งนี้ ได้แก่ การเข้าเฝ้าฯ และการหารือข้อราชการกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ และการร่วมเป็นสักขีพยานกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ ในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนบรูไนฯ เพื่อผลักดันให้นำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลและเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ภาพรวมความสัมพันธ์ ได้แก่ การเตรียมการเสด็จพระราชดำเนินเยือนไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ ๒. ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารและประมง ได้แก่ การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร บรูไนฯ รับพิจารณาเพิ่มการนำเข้าข้าวจากไทย การค้นคว้าวิจัยและแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกันผ่านศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การเชิญบรูไนฯ ร่วมลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมฮาลาลที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนบรูไนฯ เสนอให้ไทยเป็นศูนย์กระจายสินค้าฮาลาลไปยังตลาดในประเทศตะวันออกกลาง รวมทั้งเชิญให้ภาคเอกชนไทยเข้าร่วมการประชุม “Brunei Bio-Tech and Food Conference 2015” ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน ๓. เศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ได้แก่ การต่ออายุกองทุนไทยทวีทุน ๓ ๔. พลังงาน ได้แก่ การร่วมมือกันด้านพลังงานทดแทน โดยเฉพาะการค้นคว้าวิจัยผ่าน Brunei National Energy Research Institute และการซื้อก๊าซธรรมชาติเหลวและถ่านหินลิกไนต์ของบรูไนฯ ๕. ความร่วมมือด้านการทหาร/ความมั่นคง ได้แก่ การสนับสนุนความร่วมมือด้านการฝึกหลักสูตรต่าง ๆ ของกองทัพไทยและบรูไนฯ การเตรียมการจัดการแสดงสาธิตทางทหารในโอกาสที่สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ เสด็จพระราชดำเนินเยือนไทย และการสนับสนุนการเปิดสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบรูไนฯ ประจำประเทศไทยในปี ๒๕๕๘ ๖. การผลักดันความตกลง/บันทึกความเข้าใจที่คั่งค้าง ได้แก่ การเร่งรัดการจัดทำ (๑) ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดส่งแรงงานไทยไปบรูไนฯ (๒) ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ และ (๓) ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ๗. ความร่วมมือในอาเซียน ได้แก่ ข้อเสนอให้บรูไนฯ จัดการหารือเวทีอาเซียนเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำ การรักษาป่าไม้ การแก้ไขปัญหาไฟป่า การบริหารจัดการน้ำ และการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรน้ำ ๘. ความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้แก่ การขอรับการสนับสนุนจากบรูไนฯ ต่อไปในกรอบขององค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ในประเด็นจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการสมัครรับเลือกตั้งของไทยในตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ ๙. ความร่วมมือด้านการศึกษา ได้แก่ การสานต่อความร่วมมือด้านการศึกษา และการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างกัน ๑๐. การก่อการร้าย ได้แก่ ความร่วมมือด้านการข่าวเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายสากล |
||||||||||||||||||
294 | ผลการเยือนสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยเฉพาะเร่งรัดผลักดันประเด็นสำคัญต่าง ๆ ตามตารางติดตามผลการเยือนฯ ในประเด็นความร่วมมือทวิภาคีและความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีอินเดีย ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดียตอบรับคำเชิญเป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-อินเดีย ครั้งที่ ๗ ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ปลายเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๓. สองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเร่งรัดโครงการก่อสร้างถนนสามฝ่ายไทย-เมียนมา-อินเดีย ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และอินเดียสนใจลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและเขตเศรษฐกิจพิเศษ ๖ เขต ๔. สองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเร่งรัดการเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีไทย-อินเดียให้บรรลุผลโดยเร็ว และอินเดียประสงค์จะขอรับการสนับสนุนจากไทยในการจัดงานแสดงสินค้า Make In India ในประเทศไทย ๕. สองฝ่ายตกลงที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และตกลงที่จะให้มีการลงนามความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งมหาวิทยาลัยนาลันทา ๖. สองฝ่ายตกลงที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และเห็นพ้องให้มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารสำหรับสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้งการเดินทางเยือนอินเดียของปลัดกระทรวงกลาโหมเพื่อศึกษาดูงานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของอินเดีย ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ๗. อินเดียขอให้ไทยสนับสนุนข้อเสนอของอินเดียในการปฏิรูปองค์การสหประชาชาติ และการเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมทั้งการสมัครตำแหน่งเลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก |
||||||||||||||||||
295 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเบิกจ่ายค่าปรับปรุงและซ่อมแซมบ้านพักข้าราชการ อาคารที่ทำการ และสิ่งก่อสร้างประกอบของกรมราชทัณฑ์และกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก และเยาวชน | ยธ | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กรมบัญชีกางอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ แล้ว จำนวน ๑๒๖,๒๐๗,๘๗๒ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ กรมราชทัณฑ์ จำนวน ๘๘,๓๓๕,๒๗๒ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมผู้ต้องขังในเรือนจำและสิ่งเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติงาน ๑.๒ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จำนวน ๓๗,๘๗๒,๖๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการปรับปรุงอาคารที่ทำการและสิ่งก่อสร้างประกอบ ทั้งนี้ ให้กรมราชทัณฑ์และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยตรงต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการด้วยความโปร่งใส ถูกต้อง และพร้อมรับการตรวจสอบจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
296 | ผลการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐโตโก | กต | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการหารือระหว่างการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐโตโก ระหว่างวัน ๑๑-๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าการเยือนไทยครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับโตโกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และฝ่ายไทยได้เสนอให้รัฐบาลโตโกมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตโตโกแห่งใดแห่งหนึ่งมีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ๒. ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมให้การค้าระหว่างกันขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และจะสนับสนุนให้ภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายศึกษาลู่ทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยฝ่ายโตโกเชิญชวนให้ไทยไปลงทุนในโตโก โดยเฉพาะในสาขาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งเสนอให้ภาคเอกชนไทยไปจดทะเบียนประกอบธุรกิจในเขตปลอดอากรของโตโก โดยจะได้รับการยกเว้นภาษีอากรเป็นเวลา ๘ ปี นับจากวันที่เริ่มประกอบการ ๓. ความร่วมมือทวิภาคี โดยฝ่ายไทยเสนอที่จะให้ความร่วมมือทางวิชาการแก่โตโกในสาขาที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ และขอให้ฝ่ายโตโกแจ้งความประสงค์ให้ฝ่ายไทยพิจารณาต่อไป ๔. ความร่วมมือในเวทีพหุภาคี โดยฝ่ายไทยขอบคุณโตโกที่ให้การสนับสนุนไทยในเวทีระหว่างประเทศด้วยดีเสมอมา โดยเฉพาะการที่ฝ่ายโตโกให้คำมั่นที่จะสนับสนุนไทยในการสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ และขอรับการสนับสนุนจากโตโกในการสมัครรับเลือกตั้งซ้ำในตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมาธิการยาเสพติด วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๑๙ ของไทย ๕. ความมั่นคงทางทะเล โดยฝ่ายโตโกขอเชิญไทยเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำของสหภาพแอฟริกาว่าด้วยความมั่นคงทางทะเลและการพัฒนาในแอฟริกา ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ กรุงโลเม สาธารณรัฐโตโก ๖. การลงนามบันทึกความเข้าใจ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐโตโก ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐโตโก และ (๒) บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐโตโกว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ และได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศโตโก |
||||||||||||||||||
297 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 เพิ่มเติม งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร51 | 10/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการสนับสนุนงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๖ รายการ วงเงิน ๖๙๒,๙๗๖,๖๐๐ บาท ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เสนอ และให้ กอ.รมน. ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||
298 | (ร่าง) แผนแม่บทบูรณาการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. 2558 - 2564 | ทส | 10/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทบูรณาการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔ พร้อมทั้ง (ร่าง) เป้าหมายระดับชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ๑.๒ มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ภายใต้ (ร่าง) แผนแม่บทฯ ดำเนินการขับเคลื่อนและติดตามประเมินผลการดำเนินงานตาม (ร่าง) แผนแม่บทฯ และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ๑.๓ มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบตาม (ร่าง) แผนแม่บทฯ ดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และตั้งงบประมาณรองรับสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายระดับชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่กำหนดไว้ใน (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการฯ ในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน ๙ เดือน และ ๑ ปี ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และให้มีการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานให้สาธารณชนได้รับทราบโดยทั่วกันด้วย ทั้งนี้ งบประมาณที่ต้องใช้ตามแผนปฏิบัติการฯ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนและจัดลำดับความสำคัญอีกครั้งหนึ่ง โดยบูรณาการร่วมกับภารกิจพื้นฐานของหน่วยงานการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนของความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งแหล่งทุนอื่นในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ องค์กรพัฒนาเอกชน แหล่งทุนจากต่างประเทศ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มเติม ให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
299 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 1/2558 | นร11 | 24/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และเห็นชอบผลการพิจารณาและมติของ กนพ. และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือในรายละเอียดของกิจการเป้าหมายสำหรับการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และนำเสนอประธาน กนพ. พิจารณา ก่อนนำเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนต่อไป ๑.๒ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านการลงทุน (OSS) และศูนย์ดำรงธรรม เป็นหน่วยงานหลักในการประสานการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและให้ข้อมูลนักลงทุน ๑.๓ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยกร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการจัดหาที่ดินและบริหารจัดการ รวมทั้งปรับปรุงคณะอนุกรรมการเดิม ๓ ชุด ได้แก่ (๑) คณะอนุกรรมการด้านสิทธิประโยชน์ ขอบเขตพื้นที่ และศูนย์บริการ (๒) คณะอนุกรรมการศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงาน สาธารณสุข และความมั่นคง และ (๓) คณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากร ให้มีรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน ๑.๔ กระทรวงการคลัง เร่งรัดดำเนินมาตรการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีและมาตรการทางการเงินให้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อผู้ประกอบการสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมได้ทันที ๑.๕ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามโครงการเร่งด่วนของแผนด้านโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากร ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ๑.๖ กระทรวงแรงงาน ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม และประสานภาคเอกชนกำหนดจำนวนและประเภทแรงงานต่างด้าวที่ต้องการ และดำเนินการขึ้นทะเบียนแรงงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย ๑.๗ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เร่งพิจารณาเพื่อกำหนดปริมาณและขยายระยะเวลานำเข้าสินค้าเกษตร รวมทั้งกำหนดพื้นที่และช่องทางการนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถดำเนินการตามนโยบายการจัดตั้งศูนย์รวบรวมและรับซื้อสินค้าเกษตรได้ภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ในส่วนที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เร่งพิจารณาเพื่อกำหนดปริมาณและขยายระยะเวลาการนำเข้าสินค้าเกษตร เห็นควรเพิ่มกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกำหนดพื้นที่และช่องทางการนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
300 | การรายงานผลการบริจาคข้าวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในประเทศมาเลเซียและในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้ | พณ | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการส่งมอบข้าวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในประเทศมาเลเซียและในพื้นที่ ๘ จังหวัดภาคใต้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ [เรื่อง การบริจาคข้าวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์และมาเลเซีย และเรื่อง ขอรับการสนับสนุนข้าวสารเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ภาคใต้] โดยประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวได้ให้ความเห็นชอบให้กรมการค้าต่างประเทศประสานความร่วมมือกับสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยในการจัดหาข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ที่มีคุณภาพดีจากตลาดเพื่อนำมาบรรจุถุงประทับข้อความ “with the compliments of the Royal Thai Government” จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ถุง ปริมาณรวม ๕๐๐ ตัน เพื่อบริจาคให้ประเทศมาเลเซีย และขนส่งให้ถึงจุดส่งมอบไปยัง Pengkalan Chepa depot ประเทศมาเลเซีย และจัดทำข้าวสารบรรจุถุงประทับข้อความ “รัฐบาลช่วยเหลือผู้ประสบภัย” จำนวน ๒๗๒,๐๐๐ ถุง ปริมาณรวม ๑,๓๖๐ ตัน เพื่อส่งมอบให้ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ๘ จังหวัดภาคใต้ ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศชำระค่าดำเนินการให้สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยเป็นข้าวสารตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล โดยใช้ข้าวในคลังของกระทรวงพาณิชย์ตามมูลค่าข้าวที่ส่งมอบรวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
|
.....