ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 13 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 241 - 260 จากข้อมูลทั้งหมด 1095 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
241 | หลักเกณฑ์การออกสลากการกุศล | กค | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล เพื่อกำหนดแนวทางการพิจารณาและกลั่นกรองโครงการสลากการกุศลของหน่วยงานต่าง ๆ ก่อนเสนอกระทรวงการคลังเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีให้แก้ไของค์ประกอบ จากเดิม “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ” เป็น “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นประธานกรรมการ” ๑.๒ กำหนดให้มีกรอบหลักเกณฑ์และแนวทางในการพิจารณาการออกสลากการกุศล ประกอบด้วย หน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุน โครงการที่ขอรับการสนับสนุน การพิมพ์สลากการกุศล วงเงินสนับสนุนโครงการ การพิจารณาการออกสลากการกุศล รายละเอียดของโครงการที่ขอรับการสนับสนุน รวมทั้งการติดตามและรายงานผลการดำเนินโครงการ ๑.๓ หน่วยงานสามารถยื่นขอรับการสนับสนุนได้ที่กระทรวงการคลัง โดยกระทรวงการคลังจะประกาศระยะเวลาการยื่นขอรับการสนับสนุนบนเว็บไซต์ และจะดำเนินการประกาศเผยแพร่รายชื่อหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุน รายละเอียดโครงการ วงเงินที่ได้รับในการสนับสนุนการออกสลากการกุศล พร้อมทั้งผลการดำเนินงานของโครงการนั้น ๆ บนเว็บไซต์ ๑.๔ สัดส่วนการจัดสรรรายได้จากการจำหน่ายสลากการกุศล ๑.๔.๑ ร้อยละ ๖๐ เป็นเงินรางวัล ๑.๔.๒ ไม่เกินกว่าร้อยละ ๒๒.๕ เป็นเงินรายได้ที่ให้กับหน่วยงานเจ้าของโครงการ ๑.๔.๓ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๐.๕ เป็นค่าภาษีการพนัน ๑.๔.๔ ไม่เกินกว่าร้อยละ ๑๗ เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสภากาชาดไทยเกี่ยวกับการพิจารณากำหนดประเภทของกิจกรรมที่จะสามารถขอรับการสนับสนุนให้มีการออกสลากการกุศล และพิจารณาให้มีการกำหนดนิยามคำว่า “ลดความเหลื่อมล้ำด้านสังคม” ไว้ในหลักเกณฑ์การออกสลากการกุศล การกำหนดหลักเกณฑ์ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องไม่เคยได้รับการจัดสรรรายได้จากการจำหน่ายสลากการกุศลมาก่อน และการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินรายเดือนให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาจัดสรรเงินให้กับหน่วยงาน รวมทั้งการติดตามและรายงานผลการดำเนินโครงการให้คณะกรรมการฯ ควรจะดำเนินการเป็นรายไตรมาส ตลอดจนการพิจารณาเพิ่มเติมวงเงินสำหรับโครงการที่ขอรับการสนับสนุน รวมถึงวงเงินรวมในการออกสลากการกุศลแต่ละครั้ง ให้พิจารณาโดยดูจากขนาดของโครงการฯ เหตุผลและความจำเป็นของโครงการที่หน่วยงานต่าง ๆ นำเสนอสามารถนำมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเงินที่จะออกสลากการกุศลสนับสนุนโครงการตามความเหมาะสม ซึ่งอาจจะต่ำกว่า หรือสูงกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท และวงเงินรวมอาจอยู่ระหว่าง ๑๐,๐๐๐-๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้มีกรอบวงเงินเพิ่มเติมที่จะพิจารณาให้การสนับสนุนแก่องค์กรการกุศลได้มากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
242 | การของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 รายการเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อสนับสนุนโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก (เพิ่มเติม) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๑๕,๓๓๙,๘๐๖,๗๐๐ บาท ประกอบด้วย งบเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อสนับสนุนโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก จำนวน ๒,๕๓๔,๔๐๐,๐๐๐ บาท และงบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ จำนวน ๔ รายการ เป็นงบประมาณทั้งสิ้น ๑๒,๘๐๕,๔๐๖,๗๐๐ บาท ได้แก่ การถ่ายโอนภารกิจการก่อสร้างและบำรุงรักษาถนน จำนวน ๑๐,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ค่าก่อสร้างลานกีฬา จำนวน ๓๑๓,๑๙๙,๗๐๐ บาท ก่อสร้างอาคารเรียนและอาคารประกอบ จำนวน ๑,๐๕๒,๒๐๗,๐๐๐ บาท และก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน ๙๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดทำรายละเอียดโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก ได้แก่ จำนวนอาสาสมัครที่ลงทะเบียนและปฏิบัติงานจริง ผลการเบิกจ่ายจริง สำหรับรายการค่าก่อสร้างทั้ง ๔ รายการ ต้องมีความพร้อมของแบบรูปรายการ ประมาณราคาค่าใช้จ่าย สถานที่ดำเนินการและมีการกระจายลงพื้นที่อย่างทั่วถึงเป็นธรรม โดยในส่วนของรายการก่อสร้างลานกีฬา ขอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดทำแบบรูปรายการประมาณราคาให้เหมาะสมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สำรวจจำนวนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านที่ขึ้นทะเบียนไว้ให้ถูกต้องและจัดทำฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบันเพื่อใช้ในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณได้อย่างถูกต้องและครบถ้วนก่อนนำเสนอขออนุมัติงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
243 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการจัดกิจกรรมโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ | กห | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑,๓๗๐,๗๘๗,๑๐๐ บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ ตามนโยบายของรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมตรวจสอบการดำเนินการตามโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และการดำเนินงานของหน่วยงานอื่นที่มีลักษณะเดียวกัน รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
244 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และสิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีกล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวและทำร้ายร่างกาย) | ยธ | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และสิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีกล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวและทำร้ายร่างกาย) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมพิจารณาแล้วเห็นควรให้มีการศึกษาและกำหนดระเบียบปฏิบัติให้ทุกหน่วยงานมีการตรวจร่างกายและบันทึกสภาพร่างกายโดยแพทย์ก่อนการควบคุมตัว จัดทำหลักสูตรฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับเทคนิคการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อหาร่องรอยของการทรมาน สำหรับกรณีงบประมาณในการส่งตัวให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หากมีความจำเป็นอาจขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากกองทุนยุติธรรมได้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
245 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกระบวนการบาหลี ครั้งที่ 6 และปฏิญญาบาหลี เรื่อง การลักลอบขนคน การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้อง | กต | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีของกระบวนการบาหลี ครั้งที่ ๖ เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยร่วมการประชุมฯ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบต่อไปด้วย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้รับรองปฏิญญาบาหลี เรื่อง การลักลอบขนคน การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยืนยันเจตนารมณ์ร่วมของประเทศสมาชิกกระบวนการบาหลีในการร่วมมือกันในระดับภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติอย่างครอบคลุม มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนบนพื้นฐานของหลักการการแบ่งเบาภาระระหว่างประเทศ โดยคณะผู้แทนไทยสามารถเจรจากับที่ประชุมให้รวมประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญเข้าในปฏิญญาฯ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ การเพิ่มขีดความสามารถให้แก่บุคลากรในด้านต่าง ๆ เช่น การบังคับใช้กฎหมาย และการค้นหาและกู้ภัย การให้องค์กรด้านมนุษยธรรมสามารถเข้าถึงผู้โยกย้ายถิ่นฐานเพื่อร่วมกับรัฐในการให้ความช่วยเหลือ การส่งเสริมการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัยและเป็นระบบ การส่งเสริมความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งจากภาคเอกชนและและประชาสังคม ตลอดจนความสำคัญของการทำโครงการประชาสัมพันธ์ (Information Campaign) เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติเพิ่มขึ้น และส่งสัญญาณไปยังขบวนการลักลอบขนคนและค้ามนุษย์ถึงความจริงจังของภาครัฐในการปราบปราม ๒. ในระหว่างการประชุมฯ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือทวิภาคีกับนาย Volker Turk ผู้ช่วยข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees : UNHCR) และนาย William Lacy Swing ผู้อำนวยการใหญ่องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration : IOM) โดยได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์การโยกย้ายถิ่นฐานในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะการเตรียมการส่งกลับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาในพื้นที่พักพิงชั่วคราวตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา นอกจากนี้ ได้พบกับนาย Ratu Inoke Kubuabola รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิจิ นาย Mohamed Saeed รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจมัลดีฟส์ และนาย David Adeang รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและการควบคุมพรมแดนนาอูรู เพื่อขอรับการสนับสนุนการสมัครเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติของไทยสำหรับวาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ |
|||||||||||||||||||||
246 | การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเซียนสกูลเกมส์ ครั้งที่ 8 | กก | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาอาเซียนสกูลเกมส์ ครั้งที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ภายในกรอบวงเงิน ๘๖,๓๘๖,๐๐๐ บาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาใช้จ่ายจากเงินรายรับจากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเข้าร่วมการแข่งขัน (Participation Fee) ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประมาณการเบื้องต้นไว้ จำนวน ๒,๓๗๖,๘๖๔ บาท และจัดหารายรับจากสิทธิประโยชน์อื่น หรือขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชน เพื่อลดภาระงบประมาณของภาครัฐ ส่วนที่ขาดให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งกระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ทั้งนี้ กรณีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีความจำเป็นต้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. เห็นชอบองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาอาเซียนสกูลเกมส์ ครั้งที่ ๘ จำนวน ๒ คณะ ได้แก่ (๑) คณะกรรมการอำนวยการแข่งขัน ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีก ๑๔ คน และ (๒) คณะกรรมการจัดการแข่งขัน ประกอบด้วย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีก ๑๘ คน ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการวางแผนการบริหารจัดการและแผนงบประมาณสำหรับรองรับการดำเนินการในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการแข่งขันกีฬาที่มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะทราบระยะเวลาที่แน่นอน เพื่อไม่ให้ต้องเสนอขอสนับสนุนงบกลางเป็นรายครั้งในคราวต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
247 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานเกี่ยวกับการเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และการหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ๑.๑ การเข้าร่วมกิจกรรมในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ในฐานะประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติพร้อมคณะได้เป็นเจ้าภาพถวายพระกระยาหารค่ำแด่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ในโอกาสเสด็จทรงร่วมงานเทศกาลฯ และทรงเป็นประธานงาน Thai Night เพื่อประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของไทย รวมทั้งได้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่าง ๆ ซึ่งการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้แสดงถึงศักยภาพและความพร้อมของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในการร่วมลงทุนกับต่างชาติ รวมทั้งความเหมาะสมของสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ๑.๒ การหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้พบหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิ ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมประจำปีสมัยที่ ๗๒ ของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) ที่ประเทศไทย โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมบทบาทในฐานะหุ้นส่วนการพัฒนาที่สำคัญ เช่น การส่งเสริมความสัมพันธ์ในทุกด้านโดยเฉพาะการค้าการลงทุน ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาหมู่เกาะแปซิฟิก การให้ความช่วยเหลือของไทยแก่ฟิจิกรณีเหตุภัยพิบัติ การจัดทำบันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการทหาร การให้สิทธิขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองไทย (Visa on Arrival) กับผู้ถือหนังสือเดินทางฟิจิ ในการนี้ ฝ่ายไทยได้ขอรับการสนับสนุนการสมัครเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ ด้วย ๒. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า ๒.๑ คณะกรรมการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ โดยสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานต่าง ๆ เช่น องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ หอสมุดแห่งชาติได้ดำเนินโครงการ “ปิดเทอมนี้... สนุกคิด... สนุกเรียนรู้... สู่อนาคต” เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้โดยตรงจากพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ และใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้เป็นประโยชน์ ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน ๒๕๕๙ และในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ มีแผนในการดำเนินโครงการติดปีกความรู้ ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน และโครงการรวบรวมข้อมูลพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลองค์ความรู้ การให้บริการ และกิจกรรมที่จัดในแหล่งเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศไทย รวมทั้งได้กำหนดให้มีแผนยุทธศาสตร์ในการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ระยะเวลา ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๙) โดยมีเป้าหมายให้พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาเป็นกลไกหนึ่งในการพัฒนาให้ประเทศไทยเติบโตได้อย่างมั่นคงและพัฒนาไปสู่ประเทศที่มั่นคงและมีความยั่งยืนต่อไปในอนาคต ๒.๒ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ได้เป็นประธานเปิดการแข่งขันการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ระดับโลก ครั้งที่ ๔๐ (ACM-ICPC World Finals 2016) ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน มีผู้เข้าแข่งขันเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยจาก ๔๐ ประเทศ ๖ ทวีปทั่วโลก จำนวน ๑๒๘ ทีม โดยมีทีมจากประเทศไทยเข้าร่วม จำนวน ๒ ทีม คือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับรางวัล First to Solution เนื่องจากสามารถแก้โจทย์ข้อแรกสำเร็จได้รวดเร็วที่สุด ๓. รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๙ มีความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทย ดังนั้น เพื่อให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมีแรงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงควรเร่งรัดโครงการลงทุนภาครัฐให้สามารถขับเคลื่อนได้ตามแผนงานและสนับสนุนให้มีการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปี ๒๕๕๙ ๔. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รายงานว่า ๔.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ โดย (๑) จะมีการบูรณาการแผนงานในการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำร่วมกัน ทั้งลำน้ำสายหลัก สายรอง และแหล่งน้ำ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเก็บกักน้ำสามารถกระจายน้ำเข้าสู่ชุมชนและพื้นที่การเกษตรได้อย่างทั่วถึง (๒) ใช้เครื่องจักรและเครื่องมือของทุกส่วนราชการที่มีอยู่แล้วในการดำเนินการ โดยคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๒ เดือน (๓) กำชับทุกส่วนราชการในการประสานความร่วมมือและดำเนินการร่วมกับประชาชนในทุกพื้นที่ให้เป็นไปตามความต้องการและเกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง และ (๔) จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด และจะได้รายงานผลการบูรณาการแผนงานฯ ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๔.๒ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีผลการดำเนินการที่สำคัญ ได้แก่ เรื่องเชิงนโยบายและการบริหาร เช่น การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ของพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด เรื่องการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เช่น โครงการระบบรถไฟทางคู่ รถไฟชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกล โครงการโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก และการก่อสร้างโรงพยาบาล รวมทั้งการประกาศพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการกำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อควบคุมการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม การแต่งตั้งกรรมการ เช่น คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงาน EIA ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และการเร่งรัดการควบคุม ติดตาม กำกับ ดูแลเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ๕. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานความคืบหน้าการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ๒๕๕๙ ได้แก่ การจัดโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติฯ พิธีตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลและพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งนี้ ตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติของทั้ง ๒ กิจกรรม ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
248 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 | กห | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๕๓๙,๗๙๖,๖๐๐ บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า โครงการควรสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น เพื่อการสร้างงานและกระจายรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนในพื้นที่ดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
249 | การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพ โครงการจัด Air Race 1 ในงานมหกรรมทางเรือนานาชาติ | กก | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพโครงการจัด Air Race 1 ในงานมหกรรมทางเรือนานาชาติ ประกอบด้วยการแข่งขัน Air Race 1 แบบ Pre-Event ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ และการแข่งขันสะสมคะแนนชิงแชมป์โลก Air Race 1 Race of Thailand (World Series 2017) ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพโครงการดังกล่าว จำนวน ๓๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งการที่ประเทศไทยขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าวจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและนักลงทุนนานาชาติให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมของประเทศในทุก ๆ ด้าน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ส่วนรายละเอียดงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดการแข่งขัน ส่วนค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากที่ภาคเอกชนให้การสนับสนุน ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประสานและบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเป็นสำคัญ รวมถึงปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ และควรพิจารณาให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยร่วมเป็นคณะกรรมการจัดงานดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย รวมทั้งให้หารือในรายละเอียดร่วมกับกองทัพเรือ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในส่วนกลางและพื้นที่ เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางและรูปแบบการดำเนินโครงการการขอรับเป็นเจ้าภาพจัดโครงการ Air Race 1 ตลอดจนแนวทางการอำนวยความสะดวกและการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป โดยให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสวัสดิภาพของนักบินและลูกเรือเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ก่อนการลงนามในสัญญาเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระหว่างการกีฬาแห่งประเทศไทยกับ Air Race CC Limited (Air Race 1 World Cup) ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
250 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 14 | กต | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ ๑๔ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานการประชุมและได้ร่วมรับรองถ้อยแถลงประธาน (Chairman’s Statement) พร้อมกับรัฐมนตรีและผู้แทนระดับสูงของประเทศสมาชิก ACD และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ในประเด็นเกี่ยวกับการจัดทำวิสัยทัศน์ความร่วมมือเอเชีย ค.ศ. ๒๐๓๐ การส่งเสริมการพัฒนาความเชื่อมโยง การปรับปรุงสาขาความร่วมมือใน ACD การจัดตั้งสำนักงาน ACD การส่งเสริมความร่วมมือกับภาคเอกชน และการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD Summit) ครั้งที่ ๒ ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หลายหน่วยงานไม่ได้มีส่วนร่วมในการประชุม ACD ครั้งที่ ๑๔ ประกอบกับประเด็นที่ต้องดำเนินการ อาทิ การส่งเสริมการพัฒนาความเชื่อมโยง และการส่งเสริมความร่วมมือกับภาคเอกชน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก จึงเห็นควรมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศประสานหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จัดทำแผนงานโครงการหรือกิจกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติและสามารถติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และโดยที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS ครั้งที่ ๒๑ (the 21st GMS Ministerial Conference) ในระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ จึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเพื่อเน้นย้ำและผลักดันประเด็นต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป นอกจากนี้ ผลการประชุม ACD ครั้งที่ ๑๔ มีความสอดคล้องกับนโยบายของประเทศไทยในการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์พหุภาคีในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะนำไปสู่การผลักดันเพื่อเป็นผลลัพธ์ของการประชุม ACD Summit ครั้งที่ ๒ ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการประชุมดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
251 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรองรับงานปรับปรุงและจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าอากาศยานอู่ตะเภา | กห | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๕๙๗,๙๖๖,๓๐๐ บาท ให้กองทัพเรือเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าอากาศยานอู่ตะเภา จำนวน ๑๙ รายการ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะในส่วนอาคารที่พักผู้โดยสารและพื้นที่ให้บริการเชิงพาณิชย์ เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการแก่ผู้โดยสาร สายการบิน และพร้อมสำหรับการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยสากลจากองค์การการบินระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
252 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง เพิ่มเติม (โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ) | กห | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๖๒๕,๙๕๗,๒๐๐ บาท ให้กองทัพบก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๘๔ โครงการ ต่อไป ตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
253 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การฟื้นฟูกิจการ) | สว | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การฟื้นฟูกิจการ) เกี่ยวกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ โดยดำเนินการประชาสัมพันธ์และจัดการอบรมเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน และควรเร่งรัดในการออกกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องมารองรับเพื่อให้พระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้ได้ทันสถานการณ์ เป็นรูปธรรม และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดให้มีรูปแบบแผนฟื้นฟูกิจการสำเร็จรูปเพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ผู้ที่จะยื่นคำร้องขอ และขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อให้พระราชบัญญัติฉบับนี้ได้มีการบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการดำเนินการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
254 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ที่นครหลวงเวียงจันทน์ | กต | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Foreign Ministers’ Retreat-AMM Retreat) ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุม สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอให้ประเด็นการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นประเด็นสำคัญของการสร้างประชาคมอาเซียน ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ของสหประชาชาติ ซึ่งที่ประชุมได้ให้ความไว้วางใจและมอบหมายให้ไทยเป็นประเทศผู้ประสานงานอาเซียน-สหประชาชาติว่าด้วยวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ โดยคำนึงถึงจุดแข็งของไทยที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานสหประชาชาติหลายแห่ง โดยเฉพาะ UN Economic and Social Commission for Asia and the Pacific (ESCAP) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา และ สปป.ลาว โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญ คือ กัมพูชาขอรับการสนับสนุนจากไทยในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (Economic and Social Council-ECOSOC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๙ ของกัมพูชา และขอให้ช่วยหาเสียงในกลุ่ม ๗๗ ที่ไทยเป็นประธาน ในโอกาสนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญกัมพูชาเข้าร่วมการประชุม G-77 Bangkok Roundtable on Sufficiency Economy : An Approach to Implementing Sustainable Development Goals ระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกที่ไทยจัดเพื่อเผยแพร่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ส่วน สปป.ลาว ได้กล่าวขอบคุณไทยที่สนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของ สปป.ลาว อย่างแข็งขันเสมอมาตั้งแต่การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษที่รัฐแคลิฟอร์เนีย
|
|||||||||||||||||||||
255 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ | นร07 | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ภายในวงเงิน ๒,๙๙๑,๕๒๙,๖๕๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินการให้มีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดภายในกรอบวงเงิน ๒,๙๙๑,๕๒๙,๖๕๐ บาท ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||
256 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลางเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในวาระที่ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นประธานกลุ่ม 77 และจีน ประจำปี พ.ศ. 2559 | ทส | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการของการใช้งบประมาณจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในวาระที่ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นประธานกลุ่ม ๗๗ และจีน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการดำเนินงานในกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change : UNFCCC) ในวงเงิน ๒๑,๑๕๖,๒๐๐ บาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายของกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน ๑๓,๒๐๖,๒๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๗,๙๕๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพื่อการปฏิบัติภารกิจดังกล่าวให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
257 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เพิ่มเติม | กห | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบกใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๙๓๑,๙๒๖,๗๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างและปรับปรุงถนนที่ชำรุดเสียหายในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา จำนวน ๓๗ เส้นทาง (ระยะที่ ๒) ระยะทางรวม ๑๔๘.๑๔๒ กิโลเมตร โดยให้ประชาสัมพันธ์/ในพื้นที่สังคมโซเชียล เพื่อเห็นความสำคัญที่รัฐให้กับ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา และเห็นควรให้กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบกจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
258 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 | นร | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง ปี ๒๕๕๙ ๑.๒ การวางแผนเพิ่มน้ำต้นทุนโครงการขนาดใหญ่หรือโครงการผันน้ำ ๑.๓ การจัดทำระบบการเก็บกักน้ำและการส่งน้ำควบคู่กับการดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง จำนวน ๓ โครงการ ๑.๔ การจัดการทรัพยากรน้ำที่เกี่ยวกับต่างประเทศ ๑.๕ ความตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารพัฒนาเอเชีย Community Based-Flood Risk Management and Response in the Chao Phraya Basin ๑.๖ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการดำเนินโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ (โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปี ๒๕๕๙ ให้กับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์) ๑.๗ ร่างข้อตกลงโครงการ Technical Assistance of Sewage Technology in Collaboration with Public and Private Sectors in Thailand ระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียกับหน่วยงานระบายน้ำประเทศญี่ปุ่น ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และรับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งรัดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยบริหารโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งเร่งดำเนินการเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งในปี ๒๕๕๙ การจัดเตรียมแผนงาน/โครงการในระยะยาวรวมทั้งการจัดการน้ำที่เกี่ยวกับต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ สำหรับแผนงาน/โครงการใดที่จะต้องขออนุมัติเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้หน่วยงานดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี) ด้วย ๓. ให้คณะทำงานในระดับพื้นที่เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจัดหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้เพียงพอ รวมทั้งดำเนินการให้การช่วยเหลือตามมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน ๔. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาการก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการอุปโภค เนื่องจากมีความเป็นไปได้ในการดำเนินการได้มากกว่าการก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ |
|||||||||||||||||||||
259 | รายงานสถานะการใช้จ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร07 | 09/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการกำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้หน่วยงานที่จะขอรับการจัดสรรงบกลางฯ ต้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงาน หรือใช้จากแหล่งเงินอื่นของหน่วยงานมาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอจึงเสนอขอรับการสนับสนุนงบกลางฯ เพิ่มเติมตามความจำเป็นและเหมาะสมของการใช้จ่ายอย่างแท้จริง ๑.๒ การเสนอขอรับการจัดสรรงบกลางฯ หน่วยงานต้องมีการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ/รายการ มีแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางที่ชัดเจน และมีความพร้อมในเรื่อง ที่ดิน คุณลักษณะเฉพาะ แบบรูปรายการ ประมาณราคาค่าใช้จ่าย และการดำเนินงานตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่จะดำเนินการได้ทันที พร้อมที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้ตามขั้นตอนเมื่อได้รับการอนุมัติจัดสรร รวมทั้งสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายใน ๒-๓ เดือนหลังจากได้รับอนุมัติจัดสรร หากเป็นการดำเนินการเองให้เร่งรัดดำเนินงานตามแผนการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ ๑.๓ กรณีหน่วยงานได้รับการจัดสรรงบกลางฯ และดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายผลผลิต โครงการหรือรายการ และ/หรือจากการจัดซื้อ/จัดจ้างแล้วและมีเงินเหลือจ่าย ให้รีบนำส่งคืนสำนักงบประมาณทั้งจำนวนในโอกาสแรก หากมีความจำเป็นต้องนำไปใช้จ่ายในรายการอื่น ก็ให้หน่วยงานเสนอขอรับการจัดสรรงบกลางฯ ตามขั้นตอนปกติต่อไป ๒. นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเพิ่มเติมว่า หากหน่วยงานใดมีความจำเป็นต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จะต้องเป็นการดำเนินแผนงาน/โครงการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลเท่านั้น
|
|||||||||||||||||||||
260 | ความคืบหน้าการสมัครขอรับเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU Telecom World 2016 | ทก | 02/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าการสมัครขอรับเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU Telecom World 2016 กำหนดการและสถานที่ในการจัดงานในวันที่ ๑๔-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแจ้งว่า สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศได้ตอบรับให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานแล้ว กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาร่างความตกลงในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU Telecom World 2016 ขึ้น เพื่อพิจารณาร่างความตกลงดังกล่าว ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการ ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติได้มีมติอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ประจำปี ๒๕๕๘ จำนวน ๓๐๐ ล้านบาท ไปดำเนินการ โดยมีเงื่อนไขว่าเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขอรับการสนับสนุนงบประมาณแล้ว ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาตินำเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณางบประมาณของสำนักงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนนำเสนอที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง ๒. เห็นชอบการขอรับสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพร่วมจัดงาน ITU Telecom World 2016 โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณ เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐติดตามการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้เกิดความโปร่งใสและเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ๓. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อเตรียมการจัดงาน ITU Telecom World 2016 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นรองประธานกรรมการ และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นกรรมการและเลขานุการ และเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม ๔. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรนำนโยบายสำคัญของรัฐบาลในเรื่องการพัฒนางานด้านดิจิทัลของไทยเผยแพร่และชักจูงต่อนักลงทุนต่างประเทศอีกทางหนึ่งด้วย โดยให้คำนึงถึงความประหยัด และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประโยชน์ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
.....