ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 17 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 321 - 340 จากข้อมูลทั้งหมด 1095 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
321 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นแก่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) | ศธ | 05/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ดำเนินการแก้ไขปัญหาทุนการศึกษาของผู้รับทุนที่กำลังศึกษาในต่างประเทศเพิ่มเติม อันเนื่องมาจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในส่วนของค่าเงินบาทตกต่ำและการปรับขึ้นค่าเล่าเรียนของมหาวิทยาลัย ภายในกรอบวงเงิน ๑๔๐,๖๐๑,๒๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายการเงินอุดหนุนสำหรับทุนการศึกษาซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพื่อเป็นทุนการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน ๑,๐๒๗,๒๑๗,๘๐๐ บาท เป็นลำดับแรกก่อน และหากไม่เพียงพอ ให้ใช้จ่ายจากเงินทุนการศึกษาที่มีเงินเหลือเพียงพอและสะสมในกองทุนส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามข้อบังคับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่าด้วยการเงินและการบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๓ มาสมทบในส่วนที่ขาดต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาทั้งหมด ทั้งในส่วนของกองทุนและของหน่วยงานต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เช่น กองทุนกาญจนาภิเษกของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) และทุนโอลิมปิกวิชาการของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ ทุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทุนการศึกษาของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และทุนรัฐบาลของสำนักงาน ก.พ. เป็นต้น และนำเสนอฝ่ายสังคมจิตวิทยาเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการในการจัดสรรทุนการศึกษาทั้งหมดในภาพรวมให้เป็นระบบ เหมาะสมสอดคล้องกับมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ และความต้องการในการพัฒนาประเทศและไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการจัดสรรทุนและเป็นภาระงบประมาณเกินควร รวมทั้งให้มีการกระจายตัวของการจัดสรรทุนอย่างเหมาะสมและเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้รับรู้และเข้าถึงการรับทุนอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม และให้นำเรื่องนี้เสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติด้านการศึกษาที่จะจัดตั้งขึ้นตามแนวทางปฏิรูปประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในระยะที่ ๒ เพื่อพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
322 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แก่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย | ศธ | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่อนุมัติในหลักการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๑๑๙,๑๕๓,๐๐๐ บาท ในลักษณะงบเงินอุดหนุน ให้แก่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology : AIT) เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระดับบัณฑิตศึกษาให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินการและการบริหารจัดการของ AIT ตามแผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗) โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายของนักศึกษาทุนรุ่นปีการศึกษา ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๗ ตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสำนักงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. สำหรับการสนับสนุนงบประมาณให้แก่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้กระทรวงศึกษาธิการเสนอขอแปรญัตติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามขั้นตอน ตามความจำเป็นและเหมาะสม และหากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ก็ให้กระทรวงศึกษาธิการเสนอขอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
323 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 งบกลาง ค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 | ตช | 02/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๕๖๗,๓๔๕,๖๐๓ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุม ในช่วงระหว่างวันที่ ๑-๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (รวม ๑๙ วัน เนื่องจากวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ได้ยุติการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ตามประกาศกองทัพบก ฉบับที่ ๒/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗) ของ ๙ หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมการปกครอง และกรมประชาสัมพันธ์ กำลังพลรวมทั้งสิ้น ๓๙,๒๖๒ นาย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริง เพื่อประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรวบรวม และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายข้างต้นให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้เกิดปัญหาและข้อร้องเรียนใด ๆ ในภายหลังด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
324 | รายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ภาพรวมความต้องการอัตรากำลังภาครัฐต่อคณะรัฐมนตรีกรณีกระทรวงกลาโหมขออนุมัติการเปิดบรรจุกองร้อยทหารพรานและกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอรับการสนับสนุนอัตรากำลัง | นร10 | 02/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการเปิดบรรจุกองร้อยทหารพราน จำนวน ๑ กองร้อยทหารพราน ให้แก่กรมทหารพรานที่ ๑๒ จังหวัดสระแก้ว ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้ดำเนินการในกรอบวงเงิน ๒๖,๘๔๕,๓๐๐ บาท โดยให้กองทัพบกพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าวก่อน หากยังไม่เพียงพอให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำรงสภาพปีถัดไป ให้กองทัพบกเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. อนุมัติอัตราข้าราชการตำรวจชั้นประทวนเพิ่มใหม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน ๕,๐๐๐ อัตรา ในปีแรกก่อน สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเนื่องจากต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมในการสอบคัดเลือกและการฝึกอบรมก่อนบรรจุ ดังนั้น หากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพ การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มาดำเนินการก่อน และหรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำหรับกรอบอัตรากำลังที่เหลือ จำนวน ๙,๐๐๐ อัตรา ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทบทวนบทบาทภารกิจและปรับปรุงการดำเนินงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานตามภารกิจและการใช้กำลังคนอย่างเหมาะสมและคุ้มค่า พร้อมทั้งจัดทำแผนการกระจายอัตรากำลังตำรวจชั้นประทวนตามพื้นที่รับผิดชอบให้สอดคล้องกับปริมาณงานและความจำเป็นของภารกิจเสนอให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. และให้รับความเห็นของฝ่ายเลขานุการร่วม คปร. เกี่ยวกับการปรับบทบาทภารกิจ การบริหารจัดการงาน และการใช้อัตรากำลัง ในส่วนที่เป็นงานอำนวยการ งานสนับสนุน หรืองานที่สามารถถ่ายโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปดำเนินการ แยกออกจากงานภารกิจหลักด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมประเภทต่าง ๆ ให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ การดำเนินการข้างต้นอยู่ภายใต้กรอบอัตรากำลังของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ คปร. ยุบเลิก จำนวน ๑๔,๐๐๐ อัตรา ๓. คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ปัญหาการขาดแคลนอัตรากำลังชั้นประทวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีสาเหตุประการหนึ่งเกิดจากการเลื่อนและแต่งตั้งข้าราชการตำรวจชั้นประทวนไปเป็นข้าราชการชั้นสัญญาบัตรจำนวนมาก ดังนั้น การดำเนินการดังกล่าวควรจะต้องพิจารณาถึงความจำเป็นเหมาะสม ภารกิจและหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งที่เลื่อนขึ้น โดยจะต้องพิจารณาถึงการปรับปรุงโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
325 | ขออนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 งบกลาง [โครงการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเพื่อควบคุมและลดความสูญเสียของสินค้ากุ้งทะเลจากกลุ่มอาการตายด่วน (Early Mortality Syndrome : EMS)] | กษ | 27/06/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) ดำเนินการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเพื่อควบคุมและลดความสูญเสียของสินค้ากุ้งทะเลจากกลุ่มอาการตายด่วน (Early Mortality Syndrome : EMS) ภายในกรอบวงเงิน ๙๖,๐๙๕,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มาดำเนินการก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป และให้กรมประมงดำเนินการตามประกาศ หรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่เห็นควรพัฒนาระบบคัดกรองพ่อแม่พันธุ์กุ้งที่ปลอดโรคเพื่อการผลิตลูกกุ้งปลอดโรคที่มีประสิทธิภาพ การจัดตั้งเครือข่ายวิจัย เฝ้าระวัง และกักกันโรคกุ้งในประเทศไทยดำเนินการในลักษณะบูรณาการระหว่างหน่วยงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในประเทศและมีความร่วมมือกับหน่วยงานวิจัยในต่างประเทศ การพัฒนาระบบควบคุมและตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพ รวมถึงการพัฒนาเกษตรกรผู้ตรวจสอบคุณภาพ การกำหนดเขตเหมาะสมสำหรับการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การวางแนวทางในการบริหารจัดการโครงการฯ ให้มีความชัดเจน โดยเฉพาะในการกระจายพันธุ์กุ้งที่ผลิตได้ให้กับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยง โดยให้เกษตรกรเข้ามามีส่วนร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสมกับสถานภาพของเกษตรกร การให้ความสำคัญในการร่วมมือและกำกับดูแลและตรวจสอบพันธุ์กุ้งที่ผลิตจากภาคเอกชนให้มีคุณภาพ ปลอดจากกลุ่มอาการตายด่วน (EMS) นอกจากนี้ การอบรมสัมมนาให้กับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งและผู้ประกอบการโรงเพาะฟักในทุกพื้นที่ ควรคำนึงถึงความพร้อมของกลุ่มเป้าหมายและเจ้าหน้าที่โครงการ รวมทั้งการจัดหาครุภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์และการซ่อมแซมโรงเพาะฟัก ควรมีการตรวจสอบความพร้อมทุกด้านเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ อย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) เร่งรัดการเพาะพันธุ์ลูกกุ้งทะเลในประเทศเพื่อรองรับการผลิตในปีต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
326 | แนวทางบรรเทาความเดือดร้อนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค | 24/06/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบการดำเนินการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ที่เกี่ยวข้องตามมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบทางการเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจ มาตรการสินเชื่อเพื่อภาคการเกษตร และมาตรการสินเชื่อเพื่อ SMEs ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบทางการเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจ ได้แก่ ๑.๑.๑ มาตรการบรรเทาผลกระทบจากการเมือง เศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติ โดยธนาคารออมสิน มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนสำหรับลูกค้าของธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติ โดยการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้เป็นเวลา ๖ เดือน โดยสามารถชำระเงินต้นบางส่วนพร้อมดอกเบี้ยปกติ หรือพักชำระเงินต้นแต่ให้ชำระเฉพาะดอกเบี้ยปกติเต็มจำนวน และการให้กู้เพิ่มเติมกรณีฉุกเฉิน หรือเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเฉพาะในกรณีภัยพิบัติ วงเงินรวม ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเห็นชอบจนถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๑.๑.๒ มาตรการพักชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนสำหรับลูกค้าของ บสย. โดยกำหนดให้สามารถพักชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันได้เป็นระยะเวลา ๖ เดือน สำหรับลูกค้าของ บสย. ที่ถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุการค้ำประกัน ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ มาตรการสินเชื่อเพื่อภาคการเกษตร ประกอบด้วย ๔ โครงการ ดำเนินการโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงินสินเชื่อรวม ๖๕,๙๐๐ ล้านบาท ได้แก่ โครงการสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ โครงการสินเชื่อสำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โครงการเพิ่มสินเชื่อตลอดห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตร และโครงการสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก (บัตรสินเชื่อเกษตรกร) ๑.๓ มาตรการสินเชื่อเพื่อ SMEs วงเงินสินเชื่อรวม ๔๕,๖๐๐ ล้านบาท ได้แก่ โครงการสินเชื่อ SMEs สุขใจ โดยธนาคารออมสิน โครงการสินเชื่อสนับสนุนผู้ประกอบการตามยุทธศาสตร์กระทรวงอุตสาหกรรม โครงการขยายสินเชื่อพัฒนาผลิตภาพการผลิต ๒ (Productivity Improvement Loan-2) โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) โครงการขยายสินเชื่อแก่ SMEs โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) โครงการสินเชื่อเพิ่มสุข โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โครงการ SMEs Halal Trade โครงการสินเชื่อมาตรฐาน SMEs Flexi & Sure และแคมเปญ Happy Together โดยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ๒. เห็นชอบหลักเกณฑ์มาตรการรับภาระค่าธรรมเนียมค้ำประกันแทนผู้ประกอบการในโครงการ Portfolio Guarantee Scheme (PGS) ระยะที่ ๕ ในปีแรก หลักเกณฑ์โครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ PGS สำหรับผู้ประกอบการ OTOP และวิสาหกิจชุมชน และหลักเกณฑ์โครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Package Guarantee Scheme สำหรับผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ทั้งนี้ ให้ดำเนินโครงการตามหลักเกณฑ์มาตรการดังกล่าวในระยะสั้นและเสร็จสิ้นภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ก่อน ๓. อนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการตามข้อ ๒ ภายในกรอบวงเงิน ๓,๗๑๒.๕๐ ล้านบาท โดยให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจต่าง ๆ ภายใต้หลักเกณฑ์มาตรการฯ ข้างต้นอย่างใกล้ชิด ให้สามารถติดตามและตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการ/โครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
327 | ขอส่งข้อมูลการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2557 ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ | 17/06/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติในหลักการให้หน่วยงานและสถานศึกษาที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ปัญหาอาคารสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว ภายในกรอบวงเงิน ๓๓๒.๘๓๔๖ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของแต่ละหน่วยงานมาดำเนินการโดยด่วนก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีการก่อสร้างใหม่ ควรพิจารณาใช้แบบแปลนการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างสำหรับพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อให้มีความมั่นคงแข็งแรงสามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
328 | ขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (โครงการมาตรการรถยนต์คันแรก) | กค | 28/04/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต จ่ายเงินคืนตามมาตรการรถยนต์คันแรก ในส่วนที่ยังขาดอยู่ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๓,๑๐๒,๗๖๓,๑๗๓ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายคืนเงินตามสิทธิ์ในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับค่าใช้จ่ายมาตรการรถยนต์คันแรกในเดือนสิงหาคมและกันยายน ๒๕๕๗ หากกรมสรรพสามิตมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติม ก็ให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ การใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
329 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 เพิ่มเติม | นร04 | 28/04/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงกลาโหมใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ในกรอบวงเงิน จำนวน ๗๒,๘๙๕,๖๐๒ บาท (สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จำนวน ๓๙,๕๗๗,๑๐๐ บาท และกองบัญชาการกองทัพไทย จำนวน ๓๓,๓๑๘,๕๐๒ บาท) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งกำลังบำรุงและค่าใช้จ่ายในการฝึกและศึกษาหลักสูตรต่าง ๆ ของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
330 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 เพิ่มเติม (งานก่อสร้างคอกม้าประจำพระองค์) | นร04 | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการและกรอบวงเงินให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๔,๒๘๔,๕๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในงานก่อสร้างคอกม้าประจำพระองค์ (เพิ่มเติม) งานก่อสร้างแปลงปล่อยม้า หน่วยม้าทรงประจำพระองค์ และงานติดตั้งเครื่องปรับอากาศทดแทนอาคารที่ประทับหน่วยม้าทรงประจำพระองค์ฯ ของกองพลทหารม้าที่ ๒ รักษาพระองค์ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้มีผลดำเนินการต่อไปได้ เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
331 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา เป็นการเลือกตั้งทั่วไป (กรณีครบวาระ) เพิ่มเติม | นร07 | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการและกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการเลือกตั้งทั่วไป (กรณีครบวาระ) เพิ่มเติมอีกจำนวน ๑,๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๖
[เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป (กรณียุบสภา)] ภายในกรอบวงเงิน ๓,๘๘๕,๐๐๖,๕๐๐ บาท ซึ่งเหลือจ่ายอยู่จำนวน ๕๑๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติม จำนวน ๘๘๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จำนวน ๔๖๗,๕๐๙,๘๐๐ บาท และหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจที่ร่วมดำเนินการ ๑๓ หน่วยงาน จำนวน ๔๒๑,๔๙๐,๒๐๐ บาท โดยให้ทำความตกลงในรายเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้มีผลดำเนินการต่อไปได้ เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||
332 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 เพิ่มเติม (การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) | ลต | 25/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการและกรอบวงเงินให้กระทรวงกลาโหม (สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม) เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๑๕,๘๙๘,๗๔๘ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๘๖ พรรษา วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้มีผลดำเนินการต่อไปได้ เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
333 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา เป็นการเลือกตั้งทั่วไป (กรณีครบวาระฯ) เพิ่มเติม | ลต | 11/03/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการเลือกตั้งทั่วไป (กรณีครบวาระ) จำนวน ๒,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา จำนวน ๑,๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๑,๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป (กรณียุบสภา)] ภายในกรอบวงเงิน ๓,๘๘๕,๐๐๖,๕๐๐ บาท ซึ่งคาดว่าจะเหลือเป็นลำดับแรกก่อน และหากไม่เพียงพอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งเพื่อขอใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. คณะรัฐมนตรีมีข้อแนะนำว่าในการควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งควรใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปด้วยความประหยัด คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในแต่ละครั้งจะต้องใช้เงินงบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
334 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอาคารที่ทำการ ที่พักอาศัยและทรัพย์สินของทางราชการที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัย | นร04 | 11/02/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๑๙,๖๓๓,๘๐๙ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอาคารที่ทำการ ที่พักอาศัยและทรัพย์สินของทางราชการที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัย โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้มีผลดำเนินการต่อไปได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบการใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
335 | ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีภูฏาน | นร04 | 28/01/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายเชอริ่ง ต๊อปเกย์ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามตารางติดตามผลการเยือนของกระทรวงการต่างประเทศ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. เศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ได้แก่ การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านการค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทยและภูฏาน การเข้าไปลงทุนในภูฏานของภาคเอกชนไทยโดยเฉพาะในสาขาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและธุรกิจการท่องเที่ยว และการสนับสนุนให้ภูฏานส่งผลิตภัณฑ์มาไทยมากขึ้น ๒. ความร่วมมือทางวิชาการ ได้แก่ การช่วยเหลือทางวิชาการ และการฝึกอบรมนักบินพาณิชย์และนักบินเฮลิคอปเตอร์แก่ภูฏาน ๓. ความร่วมมือทางด้านการเกษตร ได้แก่ การเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการเกษตร การประมงและปศุสัตว์ โดยส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ระหว่างกัน ๔. ความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ได้แก่ ความร่วมมือเพื่อจัดกิจกรรมด้านวัฒนธรรมร่วมกันมากขึ้น และการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบริการ ๕. ความร่วมมือในระดับภูมิภาคและพหุภาคี ได้แก่ ความร่วมมือในกรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) การผลักดันการจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Agreement-FTA) ในกรอบ BIMSTEC การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperative Dialogue-ACD) ครั้งที่ ๒ ในเดือนมีนาคม ๒๐๑๕ ของไทย และขอรับการสนับสนุนต่อการสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council-UNSC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ และการสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council-HRC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๗ |
|||||||||||||||||||||||||||
336 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป (กรณียุบสภา) | ลต | 17/12/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการสนับสนุนงบประมาณสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจในการควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป (กรณียุบสภา) ในกรอบวงเงิน ๓,๘๘๕,๐๐๖,๕๐๐ บาท ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประสานกับคณะกรรมการการเลือกตั้งในการเชิญผู้แทนของหน่วยงานและองค์กรต่างประเทศมาเป็นผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้ง ๓. ให้รัฐมนตรีกำชับหน่วยงานที่ร่วมดำเนินการในการจัดการเลือกตั้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ด้วยความเป็นกลาง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ และยุติธรรม |
|||||||||||||||||||||||||||
337 | การเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2556 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมสนับสนุนการจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณี) | พม | 03/12/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๓๔๒,๑๗๔,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณี จำนวน ๑๗๑,๐๘๗ ราย ที่เสียชีวิตและรอรับการช่วยเหลือค่าจัดการศพ รายละ ๒,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
338 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 งบกลาง ค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุม | ตช | 03/12/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ภายในกรอบวางเงิน ๘๑๕,๑๘๔,๗๒๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยจากการชุมนุม ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในอัตราค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบที่กรมบัญชีกลางกำหนดตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
339 | การรับรองร่างปฏิญญาลิมาว่าด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนและครอบคลุม | อก | 25/11/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาลิมาว่าด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนและครอบคลุม (Lima Declaration for Inclusive and Sustainable Industrial Development) ๑.๒ อนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมสมัยสามัญ (General Conference : GC) ครั้งที่ ๑๕ ขององค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization : UNIDO ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ ดังกล่าว ทั้งนี้ การรับรองปฏิญญาฯ จะทำให้ UNIDO ต้องปรับบทบาทการดำเนินงานให้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีภารกิจที่สำคัญคือ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศที่ยากจน ผ่านการเผยแพร่ความรู้ ทักษะ ข้อมูล และเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการจ้างงาน สนับสนุนเศรษฐกิจที่มีการแข่งขันอย่างเสรี และสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ไปสู่การเป็นองค์กรให้ความช่วยเหลือทางเทคนิค การฝึกอบรม การเสนอแนะนโยบายและข้อแนะนำ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนความรู้และการปฏิบัติการที่เป็นเลิศให้แก่ประเทศสมาชิก เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนและครอบคลุม ๑.๓ หากมีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำของร่างปฏิญญาฯ ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญหรือที่ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศ ก่อนที่จะมีการรับรองเอกสารดังกล่าว ให้คณะผู้แทนไทยสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับประเด็นร่างปฏิญญาฯ จะเข้าข่ายการพิจารณาตาม ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ หรือไม่ เห็นควรให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และเห็นควรจัดทำแผนงาน/กิจกรรมที่จะใช้ประโยชน์จากร่างปฏิญญาฯ อย่างเป็นระบบ และประชาสัมพันธ์การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแผนงานที่หน่วยงานต่าง ๆ จะขอรับการสนับสนุนตามเงื่อนไขของปฏิญญาฯ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีรับทราบเป็นระยะ ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
340 | การกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ณ จังหวัดขอนแก่น ของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) | นร01 | 19/11/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ ๑๒ (จังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด) ในฐานะฝ่ายเลขานุการของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ ๑๒ รายงานสรุปผลการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ณ จังหวัดขอนแก่น ของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ โดยได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสถานการณ์อุทกภัย ตรวจเยี่ยมและมอบถุงยังชีพแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๕๐๐ คน รวมทั้งได้ให้ข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด สรุปได้ ดังนี้
๑. ข้อค้นพบจากการลงพื้นที่เพื่อตรวจสถานการณ์อุทกภัยพบว่า ภูมิประเทศของพื้นที่ทั้ง ๓ แห่ง ได้แก่ พื้นที่บ้านป่าม่วง หมู่ที่ ๙ พื้นที่บ้านแจ้งกระหนวน หมู่ที่ ๑๓ ตำบลโคกสำราญ อำเภอบ้านแฮด และพื้นที่บ้านชีกกค้อ หมู่ที่ ๗ หมู่ที่ ๑๓ ตำบลเมืองเพีย อำเภอบ้านไผ่ ตั้งติดกับแม่น้ำชีและอ่างเก็บน้ำแก่งละว้า ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีพื้นที่ประมาณ ๑๓,๐๐๐ ไร่ และมีลักษณะเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง เมื่อเกิดฝนตกหนักหรือน้ำป่าไหลหลากพื้นที่บริเวณนี้จะได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากเป็นเส้นทางของมวลน้ำจากจังหวัดชัยภูมิไหลตามแม่น้ำชีลงสู่แก่งละว้า ซึ่งที่ผ่านมาพื้นที่บริเวณดังกล่าวประสบปัญหาอุทกภัยต่อเนื่องมาเป็นเวลา ๗ ปีแล้ว โดยในส่วนของพื้นที่บ้านชีกกค้อ หมู่ที่ ๗ หมู่ที่ ๑๓ ตำบลเมืองเพีย อำเภอบ้านไผ่ ผู้แทนโครงการชลประทานขอนแก่นรายงานว่า มีการก่อสร้างทำนบดินเพื่อใช้กั้นแม่น้ำชีและใช้เป็นเส้นทางสัญจรของหมู่บ้าน ปัจจุบันประตูระบายน้ำของแก่งละว้า ๒ จุด เสียหาย จึงมีความต้องการจะขอรับการสนับสนุนงบประมาณปรับปรุงทำนบดินในบริเวณที่เป็นประตูระบายน้ำ มาเป็นการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว ๑๐๐ เมตร และสร้างฝายสันกว้างด้านล่าง ระดับหลังฝายเท่ากับระดับเก็บกัก เพื่อช่วยให้การระบายน้ำลงสู่อ่างเก็บน้ำแก่งละว้าเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว โดยโครงการปรับปรุงทางระบายน้ำอ่างเก็บน้ำแก่งละว้าดังกล่าวเป็นโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการชลประทานจังหวัดขอนแก่น ซึ่งได้เตรียมขออนุมัติงบประมาณดำเนินการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในวงเงิน ๒๓,๙๕๐,๐๐๐ บาท ๒. จากการลงพื้นที่เพื่อตรวจสถานการณ์อุทกภัยในบริเวณดังกล่าว เห็นสมควรดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ ได้แก่ ๒.๑ ให้จังหวัดสำรวจพื้นที่ที่เกิดปัญหาอุทกภัยแต่ละจุด ว่ามีจุดใดที่มีสิ่งก่อสร้าง ถนน หรือจุดระบายน้ำที่ควรปรับปรุง/แก้ไข และให้จัดทำโครงการเพื่อเสนอขอรับงบประมาณต่อไป สามารถแบ่งช่วงเวลาการแก้ไขปัญหาออกเป็น ๒ ระยะ คือ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ให้จังหวัดเร่งบริหารจัดการให้สามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว และการแก้ไขปัญหาระยะยาว ให้มีการขุดลอกแก้มลิงในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมเพื่อรองรับน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก และเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งจะสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยได้อย่างถาวร ๒.๒ ประตูระบายน้ำในพื้นที่บ้านชีกกค้อ ตำบลเมืองเพีย อำเภอบ้านไผ่ เกิดความเสียหาย จำเป็นต้องได้รับซ่อมแซมและปรับปรุงโดยเร่งด่วน จึงเห็นควรพิจารณาให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงทางระบายน้ำอ่างเก็บน้ำแก่งละว้า ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และประสานแจ้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือกรมชลประทาน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๓ ให้เขตตรวจราชการที่ ๑๒ ที่มีโครงการขุดลอกแหล่งน้ำในพื้นที่นำแนวทางการขุดลอกของกระทรวงมหาดไทยมาใช้ โดยให้เอกชนผู้ขุดลอกสามารถที่จะนำดินหรือทรายที่ได้จากการขุดลอกไปใช้ประโยชน์ในการก่อสร้าง ซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนก่อสร้างต่ำหรือเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ประชาชนได้รับประโยชน์จากการมีแหล่งน้ำไว้ใช้และทำให้ทางน้ำไหลสะดวก ลดปัญหาอุทกภัยหรือภัยแล้ง มาทดลองปฏิบัติสำหรับโครงการตามแผนพัฒนาจังหวัด (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐) ที่จังหวัดรอของบประมาณ รวมทั้งโครงการ Y2 ที่รอการจัดสรรงบประมาณอยู่ โดยในบริเวณที่เป็นที่สาธารณประโยชน์ ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขิน พ.ศ. ๒๕๔๗ และในบริเวณที่เป็นที่ราชพัสดุ ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา และการใช้ที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๖
|
.....