ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 83 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 1651 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
81 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 6 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | มท | 04/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการรวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดตรัง จังหวัดนครพนม และจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการโดยต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการขออนุญาตสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว อย่างเข้มงวดไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
82 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 6 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | มท | 04/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการรวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดตรัง จังหวัดนครพนม และจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการโดยต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการขออนุญาตสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว อย่างเข้มงวดไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
83 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 6 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ....) | มท | 04/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการรวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดตรัง จังหวัดนครพนม และจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการโดยต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการขออนุญาตสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว อย่างเข้มงวดไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
84 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 6 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | มท | 04/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการรวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดตรัง จังหวัดนครพนม และจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการโดยต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการขออนุญาตสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว อย่างเข้มงวดไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
85 | รายงานผลการพิจารณาการดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ จำนวน 7 เส้นทาง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาการดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ จำนวน ๗ เส้นทาง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามที่คณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง (คกจ.) รายงาน สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย และ (๒) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ให้ดำเนินการต่อไป โดยให้มีการกำกับติดตามในขั้นตอนการบริหารสัญญาให้มีความโปร่งใส ๑.๒ โครงการที่อยู่ระหว่างการประกวดราคา จำนวน ๕ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกระเบา-ชุมทางถนนจิระ (๒) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ (๓) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน (๔) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ และ (๕) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทบทวน TOR ทั้ง ๕ เส้นทาง โดยปรับลดเงื่อนไขการกำหนดผลงาน จากเดิมกำหนดร้อยละ ๑๕ คงเหลือร้อยละ ๑๐ ของค่าก่อสร้าง และไม่ให้กำหนดเงื่อนไขการส่งมอบเครื่องจักรอุปกรณ์ของผู้รับจ้างที่ใช้ในการก่อสร้างให้กับ รฟท. เมื่องานก่อสร้างแล้วเสร็จ รวมทั้งให้ รฟท. ทบทวน แยกงานระบบอาณัติสัญญาณออกจากงานระบบรางและงานโยธา ตามข้อสรุปร่วมกันระหว่าง คกจ. และคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลางสามารถเข้าร่วมการเสนอราคาได้มากราย ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานเพิ่มเติมว่า คกจ. ได้หารือร่วมกันและได้รับฟังความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ได้ข้อสรุปแนวทางการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ คกจ. ตามที่เสนอมาในครั้งนี้ ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะทำให้การดำเนินโครงการมีความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลางสามารถเข้าร่วมการเสนอราคาได้มากราย ส่งผลให้เกิดการแข่งขันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ คกจ. ได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยแล้วมีความเห็นสอดคล้องกันว่า การดำเนินโครงการนี้ควรแยกงานระบบอาณัติสัญญาณออกจากงานระบบรางและงานโยธา โดยจะแบ่งการดำเนินโครงการออกเป็น ๑๓ สัญญา ประกอบด้วย งานระบบรางและงานโยธา ๑๐ สัญญา และงานระบบอาณัติสัญญาณ ๓ สัญญา ทั้งนี้ การดำเนินการตามแนวทางที่ คกจ. เสนอจะอยู่ภายใต้กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้แล้ว ๓. ให้ รฟท. เร่งรัดดำเนินการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ คกจ. รวม ๕ โครงการ ให้ได้ผู้รับจ้างภายใน ๓ เดือน ๔. สำหรับงานระบบอาณัติสัญญาณ ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้เทคโนโลยีและต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระบบขนส่งทางราง นั้น ให้ คกจ. พิจารณาประกวดราคาโดยวิธีการประกวดราคานานาชาติ (International bidding) เพื่อให้มีผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติสามารถเข้าแข่งขันได้มากราย อันนำไปสู่การใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้ใช้บริการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
86 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 - พ.ศ. 2561 โครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ สาขาขอนแก่น | นร04 | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ เพื่อเป็นค่าก่อสร้างโครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ สาขาขอนแก่น ภายในกรอบวงเงิน จำนวน ๗๖,๕๗๒,๓๐๐ บาท ตามผลการสำรวจออกแบบและค่าควบคุมงาน ภายในกรอบวงเงิน จำนวน ๑,๓๖๕,๐๐๐ บาท ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ได้รับจัดสรรแล้ว จำนวน ๒๔,๓๘๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ อีกจำนวน ๕๓,๕๕๗,๓๐๐ บาท โดยเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามที่สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) เสนอ ๒. ให้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) กำกับดูแลให้ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบเร่งดำเนินงานส่งเสริมการออกแบบที่ทันสมัยตอบสนองต่อนวัตกรรมและสอดคล้องกับการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นกำกับดูแลให้การก่อสร้างดำเนินการไปตามแผนงานที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
87 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 31/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับการผ่อนผันการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อ ๑๙ ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการที่ไม่ได้ดำเนินการขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อน รวมทั้งผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๒ [เรื่อง ขออนุมัติโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ (เพิ่มเติมครั้งที่ ๒)] เป็นกรณีเฉพาะราย สำหรับการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดวงเงินค่าก่อสร้างโครงการวิจัยสู่ภาคเอกชน ณ โครงการพัฒนาที่ดิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สระบุรี ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน ๓ รายการ ที่ลงนามในสัญญาจ้างเกินกว่าวงเงินที่ได้รับอนุมัติจัดสรร จำนวน ๖,๖๙๙,๓๕๓.๐๗ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีดังกล่าว เนื่องจากดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนในการขอเพิ่มวงเงินโครงการโดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะดำเนินการ แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีภายใน ๔๕ วัน ๒. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) ได้รับการผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ (เรื่อง การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒) เป็นกรณีเฉพาะราย สำหรับการดำเนินการและการเบิกจ่ายเงินกู้เกินกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติของโครงการสนับสนุนการปฏิบัติงานของเครือข่ายทุกระดับ รายการอาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ ๔ ชั้น โรงพยาบาลชุมแพ จังหวัดขอนแก่น จำนวน ๒๗,๑๖๖,๕๑๗.๒๖ บาท ๓. รับทราบรายงานผลการตรวจสอบการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะ ๓ เดือนแรก รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงกรณีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของส่วนราชการกระทรวงศึกษาธิการ (โครงการขยายวิทยาเขตราชบุรี) รายการก่อสร้างหอประชุม ๑ หลัง ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และรายงานผลการตรวจสอบสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายเงินเกินกรอบระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีของส่วนราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
88 | โครงการปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาขอนแก่น - น้ำพอง และการประปาส่วนภูมิภาคสาขาพัทยา - แหลมฉบัง - ศรีราชา ปี 2559 | มท | 10/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ดำเนินโครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาขอนแก่น-น้ำพอง และ กปภ. สาขาพัทยา-แหลมฉบัง-ศรีราชา วงเงินลงทุนรวม ๕,๖๒๑.๑๒๙ ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยใช้เงินกู้ภายในประเทศเต็มวงเงินโครงการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบประปาและขยายเขตการให้บริการน้ำประปาให้สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างเพียงพอและทั่วถึงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. ขอบรรจุโครงการฯ ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี ๒๕๖๐ ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ อาทิ การให้ กปภ. หารือแนวทางการระดมทุน (การกู้เงิน) กับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะตามระเบียบและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประสานงาน ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายภายใต้กรอบวงเงินลงทุนที่กำหนด การศึกษารูปแบบและแนวทางการจัดหาแหล่งเงินทุนอื่น การใช้เงินรายได้ชำระคืนการกู้เงิน การควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิตและบริหารจัดการโครงการฯ การจัดทำและดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นอย่างเคร่งครัด การจัดทำแผนการใช้น้ำตามข้อตกลงกับกรมชลประทาน การเร่งประสานการขอใช้ที่ดินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความชัดเจน การศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีระบบการผลิตให้สามารถรองรับกับคุณภาพน้ำที่เสื่อมโทรมได้มากขึ้น หรือมีกระบวนการปรับปรุงคุณภาพน้ำดิบก่อนเข้าสู่ระบบ การศึกษาแนวทางให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในกิจการประปา นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อบูรณาการบริหารจัดการแผนปฏิบัติการรองรับปริมาณน้ำเสียที่จะเกิดขึ้น การวางแผนและกำกับดูแลการดำเนินโครงการโดยเคร่งครัดเพื่อให้การลงทุนโครงการฯ เป็นไปตามแผนการกู้เงิน ตลอดจนมีการดำเนินงานโดยโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการน้ำประปาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุม รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบด้านน้ำอื่น ๆ ผลักดันให้มีการจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) ในการพิจารณาการบริหารจัดการน้ำในภาพรวม และมีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำให้ชัดเจน โดยมีการบูรณาการโครงการที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
89 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปี พ.ศ. 2559 | นร01 | 04/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.)ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปผลการดำเนินงานได้ ดังนี้
๑. การสอดส่องแผนงาน/โครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด จำนวน ๙๔๖ โครงการ พบว่า มีแผนงาน/โครงการที่ไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด พ.ศ. ๒๕๕๒ เกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจให้เกิดผลสัมฤทธิ์ มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า ซึ่ง ก.ธ.จ. ได้มีข้อเสนอแนะให้จังหวัดรับไปดำเนินการ จำนวน ๑๑๔ ข้อ ซึ่งจังหวัดรับไปดำเนินการ จำนวน ๑๐๓ ข้อ เช่น โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก บ้านนาดี อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ผิวถนนมีรอยแตกร้าว ไม่หยอดยางแอสฟัลต์ตลอดเส้นถนน ก.ธ.จ. มีมติให้ ก.ธ.จ. มหาสารคามแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการซ่อมแซมต่อไป ๒. การสอดส่องแผนงาน/โครงการของส่วนราชการในจังหวัด จำนวน ๒๖ โครงการ พบว่า มีแผนงาน/โครงการที่ดำเนินการไม่เป็นไปตามระเบียบฯ ก.ธ.จ. ได้มีข้อเสนอแนะให้จังหวัดรับไปดำเนินการ จำนวน ๓ ข้อ ซึ่งจังหวัดรับไปดำเนินการแล้ว เช่น (๑) โครงการก่อสร้างถนนสาย กฎ ๓๐๖๒ แยก ทล. ๔๐๑-เขื่อนรัชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก.ธ.จ. มีมติให้ ก.ธ.จ. สุราษฎร์ธานีมีหนังสือถึงอธิบดีกรมทางหลวงชนบทเพื่อให้ดำเนินการติดตั้งป้ายเตือน สัญญาณไฟและไฟฟ้าแสงสว่างบริเวณก่อสร้างเพิ่มเติม (๒) โครงการขุดลอกหนองน้ำสาธารณประโยชน์หนองโด ตำบลดอนหัน อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ซึ่งราษฎรไม่สามารถใช้น้ำจากหนองโดเนื่องจากมีการขุดดินจากหนองน้ำ มีการร่อนทรายทำให้น้ำในหนองน้ำขุ่น ก.ธ.จ. มีมติให้จังหวัดขอนแก่นเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงและการดำเนินคดีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๓. การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด (เรื่องร้องเรียน) พบว่า มีเรื่องร้องเรียนเข้าสู่การพิจารณาของ ก.ธ.จ. จำนวน ๑๕ เรื่อง โดยเรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่เป็นกรณีที่ไม่เป็นไปตามระเบียบฯ ก.ธ.จ. ได้พิจารณาและมีมติเป็นข้อเสนอแนะให้จังหวัดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการแก้ไข เช่น การแก้ไขปัญหากรณีการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตำบลบ้านหม้อ อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ซึ่ง ก.ธ.จ. ได้มีหนังสือถึงนายอำเภอศรีเชียงใหม่ให้ไปหารือกับคณะกรรมการเพื่อผ่อนผันระยะเวลาการย้ายที่อยู่อาศัยให้เกินกว่า ๓๐ วัน เพื่อให้ประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบได้มีเวลาเพียงพอในการจัดหาที่อยู่ใหม่ ๔. ผลการดำเนินงานของ ก.ธ.จ. ในเรื่องอื่น ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การสอดส่องเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในหน่วยงานของรัฐในจังหวัด และ (๒) การปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) การปฏิบัติงานร่วมกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
90 | แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2560 (Action Plan) เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ | คค | 13/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๖๐ (Action Plan) เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๙ โครงการจำนวน ๒๐ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๑,๗๙๖,๓๘๕.๗๗ ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่สามารถเริ่มประกวดราคาได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๐ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๕๐ ของโครงการทั้งหมด เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีชมพู และสีเหลือง เป็นต้น ซึ่งโครงการตามแผนปฏิบัติการ พ.ศ. ๒๕๕๙ ส่วนใหญ่สามารถดำเนินการได้ตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ แต่มีบางโครงการที่มีความล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ เนื่องจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมยาก ๒. แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๖๐ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้เป็นไปตามแผนการดำเนินการที่กำหนดไว้ รวมทั้งเพื่อใช้ประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมความเข้าใจ และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนและนักลงทุนเกี่ยวกับการขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งมีโครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และต้องการเร่งรัดผลักดัน รวมจำนวน ๓๖ โครงการ วงเงินรวม ๘๙๕,๗๕๗.๕๕ ล้านบาท เช่น โครงการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ โครงการจัดซื้อรถโดยสารรถไฟฟ้า จำนวน ๒๐๐ คัน พร้อมก่อสร้างสถานีประจุไฟฟ้า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงต่าง ๆ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสีเขียวเข้ม เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
91 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 23 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2558 - 31 สิงหาคม 2559) | นร | 22/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๒๓ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณี กิจกรรมทางศาสนา และกิจกรรมพัฒนาต่าง ๆ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ กขร. ได้ติดตามขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงศึกษาธิการได้รายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอประเด็นปฏิรูปที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้วในเรื่องที่เกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยวและการศึกษา เช่น การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว การพัฒนาครู : กรณีการแก้ปัญหาวิกฤตผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) มีแนวโน้มลดต่ำลง และการบริหารจัดการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็ก ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินการและเฝ้าระวังเว็บไซต์ที่เข้าข่ายละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ การจัดบรรยายสรุปเกี่ยวกับผลการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแก่คณะทูต ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และหอการค้าต่างประเทศในไทย ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การจัดหาที่ดินทำกินโดยการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชายเลน จังหวัดนครศรีธรรมราช โครงการเผยแพร่ป่าไม้อย่างยั่งยืนเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การมอบขาเทียมคนพิการทั่วไทย โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการพัฒนาท้องถิ่น โดยมีสถาบันอุดมศึกษาเป็นพี่เลี้ยง และการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายประเทศไทย ๔.๐ ด้านวัฒนธรรม ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น โครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของ SMEs (มาตรการพี่ช่วยน้อง) และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในชนบท การเปิดเดินขบวนรถโดยสารรุ่นใหม่เที่ยวปฐมฤกษ์ เส้นทางกรุงเทพ-นครปฐม และการจัดงานมหกรรม Startup Thailand & Digital Thailand ภูมิภาค ๒๐๑๖ ใน ๓ ภูมิภาค ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น และภูเก็ต ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การเข้าร่วมการประชุม Blue Ocean Conference ของนายกรัฐมนตรีเพื่อส่งเสริมบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ และการจัดเวที MFA CEO Forum ครั้งที่ ๕ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการไทย ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การจัดกิจกรรม TICA Connect ครั้งที่ ๑ การให้บริการการชำระค่าปรับโดยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์บัตรเครดิต หรือวิธีการอื่น โดยผ่านธนาคาร หรือหน่วยบริการชำระเงิน การขายทอดตลาด ณ คลองผดุงกรุงเกษม การจัดงานกระทรวงแรงงานรวมพลังต้านทุจริต และการปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
92 | ขอความเห็นชอบในหลักการในการจัดสรรเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายบุคลากรที่ปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็นพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา | ศธ | 11/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้จัดสรรเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายบุคลากรเพิ่มแก่สถาบันอุดมศึกษาที่เดิมเป็นส่วนราชการ และได้เปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ รวมถึงสถาบันอุดมศึกษาที่จะเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐในอนาคต ในอัตราร้อยละ ๖๐ ของอัตราเงินเดือนในขณะที่เปลี่ยนสถานภาพ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้รับข้อสังเกตเพิ่มเติมของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า อัตราที่จัดสรรดังกล่าวควรครอบคลุมสวัสดิการของรัฐทุกประเภท ควรจัดทำแผนการปรับเปลี่ยนสถานภาพของบุคลากรเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยในแต่ละปี โดยกำหนดจำนวนคนที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดภาระงบประมาณจำนวนมากในคราวเดียว นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สภามหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยควรกำกับดูแลการปฏิบัติภารกิจทั้งการผลิตบัณฑิต การวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพ มีมาตรฐาน สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและทิศทางการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว ตลอดจนควรรายงานผลงานประจำปีโดยตรงต่อรัฐบาล และนำระบบการติดตามประเมินผลมาใช้อย่างจริงจัง เพื่อให้นักศึกษา ประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้เห็นถึงคุณภาพการศึกษาที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปในทิศทางที่พึงประสงค์และสอดคล้องกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายบุคลากรที่ปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็นพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ๔ แห่งใหม่ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยสวนดุสิต และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายบุคลากรเพิ่มเติม ตามจำนวนบุคลากรที่เปลี่ยนสถานภาพแล้ว จำนวน ๔,๒๕๕ คน เป็นเงิน ๑,๑๒๑.๖๔๔๕ ล้านบาท หากไม่เพียงพอให้มหาวิทยาลัยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาดำเนินการก่อน และหากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้จัดทำข้อมูลรายละเอียด จำนวนบุคลากร อัตราเงินเดือนของบุคลากร ซึ่งเปลี่ยนสถานภาพตามความจำเป็นและเหมาะสมเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามขั้นตอนต่อไป สำหรับมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐอีก ๓ แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยศิลปากร และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ไม่ได้ตั้งงบประมาณรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวไว้ เห็นควรให้ดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวข้างต้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
93 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข็มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป เพิ่มเติม [โครงการขับเคลื่อนและปฏิรูประบบบริการสุขภาพ : การพัฒนารูปแบบการจัดบริการเครือข่ายบริการปฐมภูมิเขตเมือง (PCC)] | สธ | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูปสำหรับดำเนินโครงการขับเคลื่อนและปฏิรูประบบบริการสุขภาพ : การพัฒนารูปแบบการจัดบริการเครือข่ายบริการปฐมภูมิเขตเมือง (Primary Care Cluster : PCC) จำนวน ๓๕๖,๙๔๕,๖๐๐ บาท เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างศูนย์สุขภาพชุมชน ๔ ชั้น ในพื้นที่ ๘ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ กำแพงเพชร ขอนแก่น เพชรบูรณ์ ตรัง เชียงใหม่ พิษณุโลก และน่าน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ขอให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส และถูกต้อง มีการแข่งขันการประมูลอย่างเป็นธรรม ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
94 | ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การการท่องเที่ยวโลกว่าด้วยการจัดงานวันท่องเที่ยวโลกปี พ.ศ. 2559 | กก | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบความตกลงระหว่างไทยและองค์การการท่องเที่ยวโลกว่าด้วยการจัดงานวันท่องเที่ยวโลกปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งประเทศไทยได้รับเลือกให้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการของวันท่องเที่ยวโลก พ.ศ. ๒๕๕๙ (World Tourism Day : WTD 2016) ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๙ กันยายน ๒๕๕๙ ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดขอนแก่น โดยจะลงนามความตกลงกับประเทศเจ้าภาพในวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ ซึ่งความตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาสาระครอบคลุมถึงรูปแบบและสถานที่ของการจัดการประชุม รวมถึงการอำนวยความสะดวกและการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้เข้าร่วมการประชุมซึ่งเป็นแนวปฏิบัติระหว่างองค์การการท่องเที่ยวโลกกับประเทศเจ้าภาพ เช่น สิทธิความคุ้มกันและสิ่งอำนวยความสะดวก เงื่อนไขสำหรับการจัดงาน WTD ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในความตกลงดังกล่าว ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การการท่องเที่ยวโลกว่าด้วยการจัดงานวันท่องเที่ยวโลกปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
95 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... | กษ | 06/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบ ตามโครงการระบบส่งน้ำห้วยขอนแก่น (ระยะที่ ๓) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณานำกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน/ชุมชนเข้ามาดำเนินการตั้งแต่ระยะเริ่มวางแผนโครงการ เพื่อให้ประชาชน/ชุมชนในพื้นที่โครงการได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจและแก้ไขประเด็นข้อขัดแย้ง และนำไปสู่การสร้างความยอมรับให้ดำเนินโครงการในพื้นที่ได้อย่างเป็นเอกฉันท์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
96 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (จำนวน 19 ราย 1. นายประทีป กีรติเรขา ฯลฯ) | มท | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๑๙ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ได้แก่ ๑.๑ นายประทีป กีรติเรขา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน ๑.๒ นายประยูร รัตนเสนีย์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๓ นายเดชรัฐ สิมศิริ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๔ นายสนิท ขาวสอาด ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๕ นายกาศพล แก้วประพาฬ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๖ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๗ นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพิษณุโลก สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๘ นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดระยอง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๙ นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอุตรดิตถ์ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๐ นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสมุทรปราการ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๑ นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครปฐม สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๒ นายอนุสรณ์ แก้วกังวาน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๓ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๔ นายภัครธรณ์ เทียนไชย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดชลบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๕ นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดปราจีนบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๖ นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสระบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๗ นางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเพชรบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๘ นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดขอนแก่น สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๙ นายพศิน โกมลวิชญ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสิงห์บุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. ต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ได้แก่ ๒.๑ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๒.๒ นายมณฑล สุดประเสริฐ ตำแหน่งอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
97 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลโนนสะอาด อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น เป็นกรณีที่มี ความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 09/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลโนนสะอาด อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลโนนสะอาด อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนและเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ตามกำหนดเวลา เพื่อก่อสร้างทำนบดินและอาคารประกอบอื่นตามโครงการพัฒนากุดจับ-กุดหมากเห็บ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
98 | ร่างกฎกระทรวงให้ใชับังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดสมุทรสาคร) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
99 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดศรีสะเกษ) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
100 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดนครพนม) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |