ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 83 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 20 จากข้อมูลทั้งหมด 1651 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลพระยืน อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... | มท. | 01/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ในท้องที่ตำบลพระยืน อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ในท้องที่ตำบลพระยืน อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น เนื้อที่ประมาณ ๑ ไร่ ๒๗ ตารางวา
เพื่อใช้เป็นที่ตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลพระยืน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2 | รัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเสนอขอแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ จังหวัดขอนแก่น (นายดิญ หว่าง ลิญ) | กต. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายดิญ หว่าง ลิญ (Mr.Dinh Hoang Linh) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ จังหวัดขอนแก่น
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดขอนแก่น อำนาจเจริญ บึงกาฬ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ
กาฬสินธุ์ เลย มหาสารคาม มุกดาหาร นครพนม นครราชสีมา หนองบัวลำภู หนองคาย ร้อยเอ็ด
สกลนคร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี อุดรธานี และยโสธร สืบแทน นายจู ดึ๊ก สุง (Mr. Chu Duc Dung) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองบัว ตำบลหนองนาคำ ตำบลหนองขอนกว้าง ตำบลบ้านจั่น และตำบลโนนสูง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... | คค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองบัว ตำบลหนองนาคำ
ตำบลหนองขอนกว้าง ตำบลบ้านจั่น และตำบลโนนสูง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบทถนนสาย
ก ๗ ถนนสาย ง ๘ และถนนสาย จ ตามโครงการผังเมืองรวมอุดรธานี และถนนต่อเชื่อม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เห็นควรจะเร่งดำเนินการสำรวจพื้นที่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
หากยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จและยังประสงค์จะทำการสำรวจต่อไปก็ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4 | การเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (เพิ่มเติม) | นร. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗
เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ
แก่ประชาชนให้สามารถเดินทางได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัย รวมตลอดถึงการจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนเพื่อมิให้เกิดความแออัด
และการบริหารจัดการการจราจรและการใช้สายทางต่าง ๆ ให้เกิดความเรียบร้อย เหมาะสม
เพื่อมิให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดคับคั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางสายหลักต่าง ๆ
ที่ประชาชนจำเป็นต้องใช้และอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
ประสานงานกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงวัฒนธรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อย่างใกล้ชิดและบูรณาการการดำเนินการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง การจราจร และการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวตลอดช่วงเทศกาลดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีการจัดงานเทศกาล “เย็นทั่วหล้า
มหาสงกรานต์” (เช่น กรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ชลบุรี
สมุทรปราการ) นั้น ขอมอบหมายการดำเนินการต่าง ๆ เพิ่มเติม ดังนี้ ๑.
ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประสานงาน วางแผน
และปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือ ดูแล
และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด ๒.
การจัดเตรียมรถสาธารณะให้เพียงพอ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง
โดยต้องกำชับให้พนักงานขับรถปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ
และวินัยการจราจรอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งมีการหยุดพักรถตามช่วงเวลาที่กำหนดและพนักงานขับรถได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอด้วย ๓.
การบริหารจัดการการจราจร ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับตำรวจทางหลวง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเส้นทางการเดินรถและระบายการจราจรให้มีประสิทธิภาพ
สอดคล้องกับสภาพการจราจรจริงในแต่ละพื้นที่และในแต่ละช่วงเวลา
โดยให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ข่าวสารการจราจรให้ประชาชนผู้สัญจรได้ทราบอย่างถูกต้อง
รวดเร็ว ทั่วถึง และต่อเนื่องด้วย ๔.
การรณรงค์ “ห้ามดื่มแล้วขับ” ให้กระทรวงมหาดไทย (ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน)
ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการรณรงค์ในเรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนหรือกระทำความผิดอย่างเด็ดขาดเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุ
รวมทั้งการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือและดูแลผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุอย่างทันท่วงทีด้วย
๕. การอำนวยความสะดวกและดูแลความเรียบร้อยของสถานที่จัดกิจกรรม
ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกและดูแลความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานสงกรานต์หรือจัดกิจกรรมอื่นในจุดต่าง
ๆ ให้เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปลอดภัยของจุดเล่นน้ำ สถานที่ท่องเที่ยว
รวมถึงบ้านเรือนของประชาชน ทั้งนี้
ให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมในการรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายผ่านสายด่วน ๑๙๑ ตลอด
๒๔ ชั่วโมง เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันเหตุการณ์ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5 | การเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ | นร. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนที่กำลังจะมาถึง
คาดว่าจะมีประชาชนใช้เส้นทางคมนาคมและบริการรถขนส่งสาธารณะเดินทางไป-กลับจากภูมิลำเนาหรือเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ต่าง
ๆ ทั่วประเทศมากกว่าปกติเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ
แก่ประชาชนให้สามารถเดินทางได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัย
รวมตลอดถึงการจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนเพื่อมิให้เกิดความแออัด
และการบริหารจัดการการจราจรและการใช้สายทางต่าง ๆ ให้เกิดความเรียบร้อย เหมาะสม
เพื่อมิให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดคับคั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางสายหลักต่าง ๆ
ที่ประชาชนจำเป็นต้องใช้และอยู่ในระหว่างการก่อสร้างทำให้ไม่สามารถใช้ผิวทางจราจรได้อย่างเต็มศักยภาพ
เช่น ถนนพระราม ๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายเกรียงศักดิ์ ปิยกุลมาลา ฯลฯ จำนวน 29 ราย) | สธ. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒๙ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
จำนวน ๒๘ ราย และวันที่มีคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่งที่ได้รับการเสนอแต่งตั้ง
จำนวน ๑ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายเกรียงศักดิ์
ปิยกุลมาลา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลขอนแก่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๕ ๒. นายจรัญ จันทมัตตุการ ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒o มิถุนายน ๒๕๖๕ ๓. นายพิสิษฐ์ เวชกามา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม
โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๕ ๔. นางสาวสมบัติ ชุติมานุกูล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรมป้องกัน) โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่
๑๙ กันยายน ๒๕๖๕ (วันที่มีคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่ง) ๕. นายประดิษฐ์ ไชยบุตร ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) โรงพยาบาลราชบุรี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๕ ๖. นายชิโนรส ลี้สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์
(นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๗
กันยายน ๒๕๖๕ ๗. นายพรณรงค์ ศรีม่วง ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม) โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๕ ๘. นางสาวหทัยรัตน์ อัจจิมานนท์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ๙. นายชัยวัฒน์
สิงห์หิรัญนุสรณ์ ดำรงตำแหน่งนักวิชาการอาหารและยาทรงคุณวุฒิ
(ด้านอาหารและยา) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ๑๐. นางสาวพินทุสร
เหมพิสุทธิ์ ดำรงตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ
(ด้านกำลังคนสาธารณสุข) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ๑๑. นางสุอร ชัยนันท์สมิตย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม
สาขากุมารเวชกรรม) โรงพยาบาลขอนแก่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๖ ๑๒. นายมงคล ภัทรทิวานนท์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) โรงพยาบาลศรีสะเกษ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖ ๑๓. นายปรเมษฐ์ กิ่งโก้ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม) โรงพยาบาลศรีสะเกษ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๖ ๑๔. นายพิพัฒน์ คงทรัพย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา) กลุ่มงานจักษุวิทยา โรงพยาบาลพระปกเกล้า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๖ ๑๕. นายปรีชา เปรมปรี ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์
(นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๑
พฤษภาคม ๒๕๖๖ ๑๖. นางสายสมร สบู่แก้ว ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านทันตกรรม) กลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๖ ๑๗. นายปราโมทย์ ปรปักษ์ขาม ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) สถาบันโรคทรวงอก
กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๕ ๑๘. นายพรภวิษญ์ ศรีภิรมย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาออร์โธปิดิกส์)
โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ๑๙. นางอดิศร์สุดา เฟื่องฟู ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม)
สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน
๒๕๖๕ ๒๐. นางวีรนันท์ วิชาไทย ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านทันตกรรม) สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๗ มีนาคม
๒๕๖๖ ๒๑. นางสาววรางคณา พิชัยวงศ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) โรงพยาบาลราชวิถี
กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๖ ๒๒. นางประภาวรรณ เชาวะวณิช ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม
สาขาตจวิทยา) สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๖ ๒๓. นายมนต์ชัย
ศิริบำรุงวงศ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) โรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์
ตั้งแต่วันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ๒๔. นางพู่กลิ่น ตรีสุโกศล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม) กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๓๑
พฤษภาคม ๒๕๖๖ ๒๕. นางสาวศิริลักษณ์
ไทยเจริญ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กรมควบคุมโรค
ตั้งแต่วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ๒๖. นางเบญจมาภรณ์ ภิญโญพรพาณิชย์ ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ
(ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัย) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ๒๗. นางสุภาพร ภูมิอมร ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (เทคโนโลยีชีวภาพ)
(นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๙
มีนาคม ๒๕๖๖ ๒๘. นายบุรินทร์
สุรอรุณสัมฤทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช) สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต ตั้งแต่วันที่
๑๗ มกราคม ๒๕๖๖ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น - หนองคาย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค. | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงคมนาคม
(การรถไฟแห่งประเทศไทย) ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในกรอบวงเงิน ๒๙,๗๔๘ ล้านบาท และให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
พิจารณาทบทวนความเหมาะสมของรายการก่อสร้าง/ปรับปรุงต่าง ๆ
ของโครงการตามความเห็นของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้ชัดเจน
เหมาะสมก่อนดำเนินโครงการต่อไป สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ในส่วนของแหล่งเงินในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ อย่างเคร่งครัด และหากมีการดำเนินการใด
ๆ ในเขตพื้นที่ป่าไม้ ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
กำหนดเงื่อนไขเพื่อให้การลงทุนโครงการฯ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ
โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยจะสามารถลงนามผูกพันสัญญาก่อสร้างลงนามโครงการฯ
ได้ภายหลังจากที่กระทรวงคมนาคมมีความชัดเจนในประเด็น เช่น (๑)
แผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก
เพื่อรองรับปริมาณความต้องการเดินทางและขนส่งสินค้าทางรางจากโครงการรถไฟภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในช่วง
๑๐ ปีข้างหน้า (๒) การเตรียมความพร้อมของกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ
และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการค้า การลงทุน
และการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและขนส่งสินค้าทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างประเทศ กรณีปัญหาข้อร้องเรียนของชาวจังหวัดอุดรธานีที่ขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินโครงการการยกระดับรถไฟทางคู่บริเวณสี่แยกบ้านจั่น
จุดตัด ทล. ๒๑๖ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ข้อยุติที่ชัดเจน ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนร่วมกันพิจารณาดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและผู้มีส่วนได้และส่วนเสียน้อยที่สุด
โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงเศรษฐกิจในภาพรวมเป็นสำคัญ
และเมื่อได้ข้อยุติแล้วให้ทุกภาคส่วนเร่งดำเนินการภายใต้กฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ
มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอนโดยเร็ว
เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินโครงการ
และการรถไฟแห่งประเทศไทยควรมีการบริหารความเสี่ยงของโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
รวมถึงรายงานผลการดำเนินงานให้กระทรวงคมนาคมทราบเป็นระยะ ๆ เพื่อให้การกำกับดูแลและติดตามผลประเมินผลการดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่
ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8 | รายงานผลการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการได้มาและการจำหน่ายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และการเช่าที่ดินเพื่อใช้เป็นที่ทำการและที่พักเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดสงขลา | กต. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ว่าด้วยการได้มาและการจำหน่ายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง
และการเช่าที่ดินเพื่อใช้เป็นที่ทำการและที่พักเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน
ณ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดสงขลา
มีสาระสำคัญเป็นการรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เช่น (๑)
การลงนามร่วมกันในหนังสือแลกเปลี่ยนความตกลงฯ และ (๒)
การอำนวยความสะดวกเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของสถานกงสุลใหญ่จีน
ณ จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งการรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำนวนเนื้อที่ของที่ดินที่จะใช้เป็นสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน
ณ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่
ที่มีความคลาดเคลื่อนจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม
๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนเสนอขอแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดขอนแก่น (นางหลิว หงเหมย์) | กต. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางหลิว หงเหมย์ (Mrs. Liu Hongmei) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดขอนแก่น
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดขอนแก่น อำนาจเจริญ บึงกาฬ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ
กาฬสินธุ์ เลย มหาสารคาม มุกดาหาร นครพนม นครราชสีมา หนองบัวลำภู หนองคาย ร้อยเอ็ด
สกลนคร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี อุดรธานี และยโสธร สืบแทน นายเลี่ยว
จวิ้นยหวิน (Mr. Liao Junyun) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2533 เรื่อง การจำแนกประเภทที่ดินจังหวัดขอนแก่น (เฉพาะแห่ง) | นร16 | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เรื่อง
การจำแนกประเภทที่ดินจังหวัดขอนแก่น (เฉพาะแห่ง)
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนชื่อมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวจากเดิม
“เรื่อง การจำแนกประเภทที่ดิน จังหวัดขอนแก่น (เฉพาะแห่ง)” เป็น “เรื่อง
การจำแนกประเภทที่ดินจากป่าไม้ถาวร” ๑.๒ ทบทวนเนี้อหาของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
จากเดิม “อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาที่ดินเกี่ยวกับการจำแนกพื้นที่ที่กันออกจากการกำหนดเป็นป่าสงวนแห่งชาติ
เขตอุทยานแห่งชาติ
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแล้วเป็นเขตที่เพิกถอนให้เป็นพื้นที่ที่ได้จำแนกออกจากป่าไม้ถาวร
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย” เป็น “(๑) อนุมัติให้จำแนกพื้นที่ราษฎร ๓ ตำบลในอำเภอภูเวียง
จังหวัดขอนแก่น เนื้อที่ประมาณ ๕๓,๗๒๖ ไร่ ออกจากป่าไม้ถาวร เพื่อให้ราษฎรทำกินหรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น (๒)
กรณีการจำแนกพื้นที่ที่กันออกจากการกำหนดเป็นป่าสงวนแห่งชาติ
เขตอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือเขตที่เพิกถอน
ให้ถือเป็นพื้นที่ที่ได้จำแนกออกจากป่าไม้ถาวร
โดยใช้เป็นหลักการครอบคลุมทั่วประเทศ” ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11 | การกําหนดระยะเวลาการให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนสําหรับโครงการ "บ้านคนไทยประชารัฐ" บนที่ดินราชพัสดุ | กค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการดำเนิน “โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน
(Pre Finance และ Post Finance)
สำหรับธุรกรรมนโยบายภาครัฐ “โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” ออกไปอีก ๑ ปี
(ตั้งแต่วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๗) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.อนุมัติให้ยกเลิกการดำเนิน
“โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๑ ในพื้นที่
๗ จังหวัด ประกอบด้วย (๑) พื้นที่ชลบุรี (๒) พื้นที่เชียงใหม่ (๓) พื้นที่เชียงราย
(๔) พื้นที่ขอนแก่น (๕) พื้นที่ลำปาง (๖) พื้นที่นครพนม และ (๗) พื้นที่อุดรธานี ๓.
ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์)
และหน่วยงานที่เกี่ยข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
เช่น ควรมีกระบวนการคัดกรองลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม
ปล่อยสินเชื่อให้ลูกหนี้ที่มีความจำเป็น และได้รับสิทธิตามเงื่อนไขของโครงการ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12 | ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของพื้นที่กลุ่มที่ 2 จำนวน 11 จังหวัด | นร16 | 22/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและรับทราบผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐ (One Map) ของพื้นที่กลุ่มที่ ๒ จำนวน ๑๑ จังหวัด และให้หน่วยงานที่มีดินอยู่ในความรับผิดชอบปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่ตามแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ
ดังกล่าว ให้แล้วเสร็จ ภายใน ๓๖๐ วัน โดยอาจขอขยายระยะเวลาการดำเนินการต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้ตามเหตุผลความจำเป็นแต่ไม่เกิน
๑๘๐ วัน หากมีผู้ใดได้รับผลกระทบดังกล่าว
ให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง
รวดเร็ว เหมาะสม ตามควรแก่กรณี โดยเป็นไปตามกฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
สำหรับพื้นที่ที่ไม่มีราษฎรถือครองทำกิน พื้นที่ที่มีศักยภาพทำการเกษตรไม่คุ้มค่า
พื้นที่หล่อแหลมคุกคามต่อระบบนิเวศ และพื้นที่ที่ควรอนุรักษ์ไว้เพื่อให้ชุมชนใช้ประโยชน์ร่วมกันนั้น
ขอให้กันไว้ใช้ในกิจกรรมของกรมป่าไม้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม
๒๕๓๗ ในการเสนอออกกฎหมายของหน่วยงาน
ควรพิจารณาประเด็นข้อกฎหมายที่จะให้การรับรองและความคุ้มครองหน่วยงานของรัฐ
เจ้าหน้าที่รัฐ
และผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ
และควรมีการกำกับและติดตามผลการดำเนินการเพื่อให้สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จเป็นไปตามแผนที่วางไว้และเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมพัฒนาที่ดิน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดพิจารณาแนวทางการดำเนินการ
กรณีพื้นที่กันออกจากป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
ที่ทับซ้อนกับป่าไม้ถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓ [เรื่อง
การจำแนกประเภทที่ดินจังหวัดขอนแก่น (เฉพาะแห่ง)] ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน
ถูกต้อง ตรงกัน รวมทั้งให้เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวให้แล้วเสร็จและเป็นรูปธรรมโดยเร็วด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) ครั้งที่ 1/2565 | นร.11 สศช | 20/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
(กพศ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ และเห็นชอบการกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ
ดังนี้ (๑) ให้พื้นที่จังหวัดเชียงราย
จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน และจังหวัดลำปางเป็นระเบียงฯ ภาคเหนือ หรือ Northern Economic Corridor : NEC-Creative LANNA (๒) ให้พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี
และจังหวัดหนองคาย เป็นระเบียงฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ Northeastern
Economic Corridor : NeEC-Bioeconomy (๓) ให้พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี เป็นระเบียงฯ
ภาคกลาง-ตะวันตก หรือ Central-Western Economic Corridor : CWEC และ (๔) ให้พื้นที่จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
และจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นระเบียงฯ ภาคใต้ หรือ Southern Economic Corridor
: SEC ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เช่น การกำหนดพื้นที่ระเบียงฯ ๔ ภาค
และพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาอื่น
ๆ
ควรคำนึงถึงศักยภาพและโอกาสในการพัฒนาควบคู่กับความสามารถในการรองรับและจำกัดของพื้นที่
ควรมีการพิจารณาเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์กับพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน
และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และควรมีมาตรการทางภาษีสำหรับผู้ที่ไม่อยู่ในข่ายได้รับการส่งเสริมการลงทุน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทานประจำเดือน
เมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๕
โดยมีผลการดำเนินงานของส่วนราชการต่าง ๆ เช่น (๑)
การรายงานผลการลงทะเบียนเป็นจิตอาสาพระราชทาน (มท.)
โดยมีประชาชนลงทะเบียนแล้ว ๖,๙๔๐,๘๔๔ คน จำแนกเป็นกรุงเทพมหานคร ๔๕๔,๙๗๘ คน
และส่วนภูมิภาค ๖,๔๘๖,๐๖๖ คน (๒)
การจัดกิจกรรมจิตอาสาของส่วนราชการต่าง ๆ ๑๙ หน่วยงาน ประกอบด้วย จิตอาสาพัฒนา
จิตอาสาภัยพิบัติ จิตอาสาเฉพาะกิจ และวิทยากรจิตอาสา ๙๐๔ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ๑,๒๑๐,๑๒๔ คน และ (๓) การติดตามความก้าวหน้าโครงการในภารกิจของศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน เช่น โครงการที่ได้รับเงินพระราชทานบริจาคช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติภาคใต้โครงการจิตอาสาพระราชทานในการดูแลป่าชุมชนของประชาชนจิตอาสาประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จังหวัดขอนแก่น กิจกรรมจิตอาสาฝึกอบรมการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) และการใช้เครื่องกระดุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) และกิจกรรมอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และบำเพ็ญสาธารณกุศลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม
๒๕๖๕ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเสนอขอแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ จังหวัดขอนแก่น (นายสมสัก วิไลทอน) | กต. | 30/08/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมสัก วิไลทอน (Mr. Somsack Vilaythone) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ณ จังหวัดขอนแก่น โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดขอนแก่น อำนาจเจริญ บึงกาฬ
บุรีรัมย์ ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ เลย มหาสารคาม มุกดาหาร นครพนม นครราชสีมา
หนองบัวลำภู หนองคาย ร้อยเอ็ด สกลนคร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี อุดรธานี
และยโสธร สืบแทน นายสมบัด เพ็งพะจัน (Mr. Sombath Phengphachanh) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16 | การเสนออุทยานธรณีขอนแก่นเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส. | 21/06/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนออุทยานธรณีขอนแก่นเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก
(UNESCO Global Geoparks)
โดยยื่นความจำนงต่อยูเนสโกภายในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕
และส่งใบสมัครในระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ถึง ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
และมอบหมายให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการเสนออุทยานธรณีโลกของยูเนสโกต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก
ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นควรเพิ่มอำเภอมัญจาคีรี
จังหวัดขอนแก่น ในพื้นที่อุทยานธรณีขอนแก่น และควรคำนึงถึงการบริหารจัดการพื้นที่หากได้รับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของ
UNESCO ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานประจำปี 2564 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค. | 14/06/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานประจำปี
๒๕๖๔ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ สรุปได้ ดังนี้ (๑) การจัดเก็บ รวบรวม
และประมวลผลข้อมูล ด้านอุปทาน อุปสงค์ และราคาของกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และใน
๒๑ จังหวัดที่สำคัญในภูมิภาค เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี และภูเก็ต โดยมีข้อมูล
เช่น โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขาย ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ
และข้อมูลสถิติและรายการดัชนีของที่อยู่อาศัย (๒) การเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข้อมูลและข่าวสาร
ด้านอสังหาริมทรัพย์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น www.reic.or.th และวารสารศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ และ (๓) การจัดทำโครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสองและประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองได้ง่ายขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18 | ข้อเสนอเชิงนโยบายของที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ปี 2563 | พม. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเชิงนโยบายของที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล
ปี ๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน
๒๕๖๓ ได้พิจารณารับรองความเห็นและข้อเสนอแนะ
รวมทั้งสรุปปัญหาที่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ประสบ
และข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยในส่วนของข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการตามนัยมาตรา
๓๒ (๓) แห่งพระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๑ นั้น ประกอบด้วย ๔ ประเด็น
สำคัญ เช่น ๑) ให้ทบทวนโครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต
จังหวัดสงขลา และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๒)
ควรจัดให้มีนโยบายการมีส่วนร่วมเพื่อบูรณาการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่อ่าวบ้านดอน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี อย่างสมดุลและเป็นธรรม ๓)
ควรชดเชยทรัพย์สินให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่อาศัยในเขตพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่
จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครราชสีมา และ ๔) ผลกระทบจากโรงงานประกอบกิจการขยะ ๕
จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และสระแก้ว เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงอุตสาหกรรม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำความเห็นและข้อเสนอแนะจากที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลปี
๒๕๖๓ รวมทั้งความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่เห็นว่าการพัฒนาเศรษฐกิจ
สังคม
และสิ่งแวดล้อมในระดับมหาภาคมีหน่วยงานรับผิดชอบและมีบทบาทในการกำกับดูแลในเรื่องต่าง
ๆ ดังนั้น
หากมีการสนับสนุนทรัพยากรและองค์ความรู้ที่มีอยู่เพื่อนำนโยบายสู่การปฏิบัติเฉพาะเรื่อง
จะทำให้เกิดผลดีอย่างเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายข้อเสนอเชิงนโยบายดังกล่าว และคำนึงถึงหลักความเป็นธรรมในสังคมและประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
รวมถึงปฏิบัติตามความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงานต่อไป
ไปพิจารณาประกอบการกำหนดนโยบายและแผนการพัฒนาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19 | การเร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น - หนองคาย | นร. | 16/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมทางรถไฟในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศมีความเชื่อมโยงกันตลอดทั้งสายและสามารถรองรับความต้องการในการเดินทางของประชาชนและการขนส่งสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจากการเปิดประเทศและการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงกันของประเทศเพื่อนบ้าน
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
เร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทางคู่ระยะที่ ๒ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยให้ถือเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธีรวัฒน์ วลัยเสถียร) | สธ. | 10/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (แพทย์) ระดับสูง] สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ ๗ จังหวัดขอนแก่น กรมควบคุมโรค
ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน)
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๔
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|