ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 4 จากทั้งหมด 83 หน้า แสดงรายการที่ 61 - 80 จากข้อมูลทั้งหมด 1651 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
61 | ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ | ศธ | 02/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การวางแผนการผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ ระยะที่ ๑ การวางแผนการผลิตกำลังคนในสาขาช่างอากาศยาน ได้ดำเนินการปรับปรุงแผนแม่บทขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนด้านช่างอากาศยาน และนำสู่การปฏิบัติในสถานศึกษา ๗ แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยนครพนม วิทยาลัยเทคนิคถลาง วิทยาลัยเทคนิคอุบลราชธานี วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ และวิทยาลัยการอาชีพขอนแก่นดำเนินการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้มีมาตรฐานตามข้อกำหนดของ ICAO Doc. 7192 และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โดยจะแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการเพื่อกำกับดูแลให้เป็นไปตามแผนแม่บทฯ ต่อไป สำหรับระยะที่ ๒ การวางแผนผลิตกำลังคนใน ๗ กลุ่มสาขาอาชีพ ได้แก่ กลุ่มสาขาอาชีพด้านโลจิสติกส์โครงสร้างพื้นฐาน กลุ่มสาขาอาชีพโลจิสติกส์และซัพพลายเชน กลุ่มสาขาอาชีพหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ กลุ่มสาขาอาชีพเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และดิจิทัลคอนเทนต์ กลุ่มสาขาอาชีพอาหารและเกษตร กลุ่มสาขาอาชีพปิโตรเคมี เคมีภัณฑ์ พลังงานและพลังงานทดแทน และกลุ่มสาขาอาชีพแม่พิมพ์ อยู่ระหว่างคณะอนุกรรมการผลิตกำลังคนทั้ง ๗ กลุ่มสาขาอาชีพจัดทำแผนปฏิบัติการ พัฒนาหลักสูตร ทำประชาพิจารณ์ และจัดหาครุภัณฑ์ที่จำเป็นสำหรับจัดการเรียนการสอน ก่อนนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๑ และระยะที่ ๓ การวางแผนผลิตกำลังคนเพิ่มเติม ได้ผลิตกำลังคนเพิ่มเติม ๒ สาขาอาชีพ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยางพารา และการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Tourism) และมอบหมายฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคัดเลือกสาขาเพิ่มเติมอีก ๒ กลุ่มสาขาอาชีพ โดยมุ่งเน้นไปที่สาขาอาชีพด้านศิลปวัฒนธรรม และให้เสนอคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป ๒. การเทียบเคียงกรอบคุณวุฒิแห่งชาติกับกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพร่วมกับสำนักเลขาธิการอาเซียนจัดประชุมคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๑๔-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑ และได้นำเสนอ (ร่าง) รายงานการเทียบเคียงกรอบคุณวุฒิแห่งชาติกับกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียนของประเทศไทย ตามเกณฑ์การเทียบเคียงที่ประเทศสมาชิกร่วมกันกำหนดขึ้น โดยที่ประชุมฯ ได้ให้ข้อคิดเห็นต่อ (ร่าง) รายงานฯ ของประเทศไทยว่า มีการนำเสนอข้อมูลในส่วนของการศึกษาและฝึกอบรมที่ชัดเจน และเป็นตัวอย่างที่ดีของประเทศสมาชิกอาเซียน และได้เสนอแนะให้ประเทศไทยเพิ่มเติมข้อมูลให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาอยู่ระหว่างดำเนินการทบทวนและปรับแก้ไขข้อมูลตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน โดยเมื่อปรับแก้แล้วเสร็จจะเชิญผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศเข้าร่วมกระบวนการพิจารณา และจัดทำเป็นรายงานการเทียบเคียงฯ ฉบับสมบูรณ์ เพื่อนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียนครั้งต่อไป ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ บรูไนดารุสซาลาม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
62 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 กับกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 | คค | 18/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๑ (เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์) และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ (อุดรธานี เลย หนองคาย หนองบัวลำภู บึงกาฬ) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค และด่านการค้าชายแดน (Land-link Economic Corridor) ได้พัฒนาโครสร้างพื้นฐานทางถนนและทางรางให้เชื่อมระหว่าง ๒ ภูมิภาคในเส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor : EWEC) ตลอดจนพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นโครงข่าย Land Link โดยมีการดำเนินโครงการสำคัญ เช่น โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๑๒ เริ่มตั้งแต่ อ.แม่สอด จ.ตาก-จ.มุกดาหาร มีระยะทางในประเทศไทย ๗๗๗ กิโลเมตร (ตั้งแต่สะพานมิตรภาพฯ อ.แม่สอด-สะพานมิตรภาพฯ จ.มุกดาหาร) โครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน โครงการถนนเชื่อมโยงพื้นที่เมืองหลัก เมืองรอง โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๑ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง ๒๘๕ กิโลเมตร และพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง ๑๖๗ กิโลเมตร และโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพมหานคร-หนองคาย ระยะที่ ๒ ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง ๓๕๐ กิโลเมตร เป็นต้น ๒. ยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งทางอากาศ (Air-link Economic Corridor) ได้มีแผนพัฒนาท่าอากาศยานให้สามารถรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวก ปลอดภัย และสามารถเชื่อมโยงกับท่าอากาศยานหลัก โดยท่าอากาศยานที่อยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๑ จำนวน ๔ แห่ง (ท่าอากาศยานพิษณุโลก แม่สอด เพชรบูรณ์ ตาก) และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ จำนวน ๒ แห่ง (ท่าอากาศยานอุดรธานี เลย) ๓. ยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว (Tourism Economic Corridor) ได้พัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวให้ครอบคลุมและต่อเนื่องไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว สามารถเดินทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้หลากหลายมากขึ้น มีความปลอดภัยและสอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว โดยมีโครงการสำคัญ เช่น ถนนเลียบโขง Romantic Road เป็นทางหลวงหมายเลข ๒๑๑ ตอน ห้วยเชียงดา-ปากชม-เชียงคาน จ.เลย ระยะทาง ๗๒.๓๖ กิโลเมตร ถนนสายแยก ทล.๒๑๒-บ.ฝายแตก อ.เมือง จ.หนองคาย ระยะทาง ๕.๖๖๐ กิโลเมตร และถนนสายแยก ทล.๒๐๖๗-แก่งหินถ้ำเต่า อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ระยะทาง ๑.๙๓๕ กิโลเมตร เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
63 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ จังหวัดขอนแก่น (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายหว่าง หง็อก เซิน (Mr. Hoang Ngoc Son)] | กต | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายหว่าง หง็อก เซิน (Mr. Hoang Ngoc Son) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ จังหวัดขอนแก่น โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดขอนแก่น อำนาจเจริญ บึงกาฬ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ เลย มหาสารคาม มุกดาหาร นครพนม นครราชสีมา หนองบัวลำภู หนองคาย ร้อยเอ็ด สกลนคร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี อุดรธานี และยโสธร สืบแทน นายงเหวียน หง่อก เซิน (Mr. Nguyen Ngoc Son) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
64 | แนวทางการพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 และผลการดำเนินงานโครงการสำคัญ | คค | 08/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์) และผลการดำเนินงานโครงการสำคัญ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ กับภูมิภาคอื่น ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางถนน ทางราง และทางอากาศ ให้ครอบคลุมในภูมิภาคเดียวกัน และเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่งระหว่างภูมิภาค ทั้งภาคกลาง และกรุงเทพฯ ภาคตะวันออก รวมถึงพื้นที่ชายแดน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาโครงข่ายการเดินทางให้เกิดการเชื่อมโยงทั่วถึงตลอดแนวเหนือ-ใต้ และแนวตะวันออก-ตะวันตก โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ (๑) เชื่อมโยงระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง (ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์) และตอนบน (หนองคาย เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู นครพนม มุกดาหาร และสกลนคร) (๒) เชื่อมโยงภายในกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ และ ๒ (สุรินทร์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร และอุบลราชธานี) และพื้นที่ชายแดน (๓) เชื่อมโยงไปยังภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร และ (๔) เชื่อมโยงไปยังภาคตะวันออก ๒. การเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงสายหลักเพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่ ได้ดำเนินการปรับปรุงเส้นทางหลวงให้สามารถรองรับการเดินทางของประชาชนได้สะดวก รวดเร็ว และมีความปลอดภัยมากขึ้น ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างขยายช่องจราจรของทางหลวงสายหลัก และ (๒) การปรับปรุงเส้นทางให้เดินทางได้สะดวกและปลอดภัย ๓. การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยว กีฬานานาชาติ และนันทนาการ ได้ดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เพียงพอ สามารถเชื่อมโยงการเดินทางได้อย่างสะดวก และปลอดภัย เข้าถึงได้ง่าย (Accessibility) ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชน ซึ่งเป็นการสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ โดยมีโครงการสำคัญ ได้แก่ (๑) พัฒนาท่าอากาศยานบุรีรัมย์ (๒) พัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะจังหวัดนครราชสีมา และ (๓) การดำเนินงานสนับสนุนการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก (Moto GP 2018)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
65 | การแก้ไขรูปแบบการก่อสร้างทางรถไฟบริเวณสถานีบ้านไผ่เป็นโครงสร้างทางยกระดับ ของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 13/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแก้ไขรูปแบบการก่อสร้างทางรถไฟบริเวณสถานีบ้านไผ่เป็นโครงสร้างทางยกระดับของโครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย ในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ มีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขรูปแบบการก่อสร้างทางรถไฟบริเวณสถานีบ้านไผ่เป็นโครงสร้างทางยกระดับ และอนุมัติให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาจ้างก่อสร้างและสัญญาจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น จากทางรถไฟที่เป็นระดับดินถมสูงประมาณ ๗.๐๐ เมตร เป็นโครงสร้างทางยกระดับระยะทางประมาณ ๒.๐๕๘ กิโลเมตร และเพิ่มทางลอดที่ถนนมิตรภาพ ๒ ความกว้างขนาด ๒-๓.๕๐ x ๔.๐๐ เมตร (กว้างทั้งหมด ๗.๐๐ เมตร สูง ๔.๐๐ เมตร) โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้ค่าก่อสร้างและค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานเพิ่มขึ้น จำนวน ๙๑๓.๕๐ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ซึ่งยังอยู่ในกรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรี (๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘) และใช้ระยะเวลาการก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ ๑๑ เดือน (ซึ่งหากสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ จะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
66 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดขอนแก่น (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายเลี่ยว จวิ้นยหวิน (Mr. Liao Junyun)] | กต | 27/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเลี่ยว จวิ้นยหวิน (Mr. Liao Junyun) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดขอนแก่น โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดขอนแก่น อำนาจเจริญ บึงกาฬ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ เลย มหาสารคาม มุกดาหาร นครพนม นครราชสีมา หนองบัวลำภู หนองคาย ร้อยเอ็ด สกลนคร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี อุดรธานี และยโสธร สืบแทน นายหลี่ หมิงกัง (Mr. Li Minggang) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
67 | การจัดทำแผนงาน/โครงการหลักในพื้นที่ 6 ภาค | นร04 | 06/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ยึดหลักการแบ่งพื้นที่การดำเนินแผนงาน/โครงการในระดับภาค เป็น ๖ ภาค (ตามนัยคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ แผนงานบูรณาการพัฒนาพื้นที่ระดับภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ ๒/๒๕๖๑ เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาความเหมาะสมโครงการตามแผนงานบูรณาการพัฒนาพื้นที่ระดับภาค) เพื่อประกอบการพิจารณาการจัดทำแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้
๑. ภาคเหนือ จำนวน ๑๗ จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี ๒. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวน ๒๐ จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บึงกาฬ บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี และอุบลราชธานี ๓. ภาคกลาง จำนวน ๑๗ จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี ชัยนาท นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ราชบุรี ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง ๔. ภาคตะวันออก จำนวน ๘ จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง และสระแก้ว ๕. ภาคใต้ จำนวน ๑๑ จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี ๖. ภาคใต้ชายแดน จำนวน ๓ จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
68 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี 2561 (การดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการ/กิจกรรมเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ มอบให้แก่ประชาชน)(กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) | วท | 26/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการ/กิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ที่มีประโยชน์เพื่อมอบให้เป็นของขวัญให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบด้วย (๑) วทน. เพื่อเด็ก เยาวชนและประชาชน เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์ ชวนพิชิตอวกาศ ณ Space Inspirium ชลบุรี ตะลุยพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์รับปีใหม่ ๒๕๖๑ ส่องจันทร์ใหญ่ใกล้โลก ๑๖๐ แห่งทั่วประเทศ ชวนเที่ยววันเด็ก ๒๕๖๑ บนเส้นทาง “ถนนสายวิทยาศาสตร์” และนิทรรศการสร้างแรงบันดาลใจด้านนวัตกรรม เป็นต้น และ (๒) วทน. เพื่อเกษตรกรและผู้ประกอบการ เช่น คูปองวิทย์เพื่อ OTOP ๒๕๖๑ การผลิตสื่อคอนเทนต์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดขอนแก่น ตลาดนัดประชารัฐเพื่อผู้ประกอบการท้องถิ่น ตลาดนัดผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก และ Application สุดล้ำเพื่อเกษตรกรไทยยุค ๔.๐ เป็นต้น ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
69 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร บางชนิดหรือบางประเภท รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. ....) | มท | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... และ (๒) ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. .... กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลเจ้าพนักงานท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวง ฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
70 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร บางชนิดหรือบางประเภท รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. ....) | มท | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... และ (๒) ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. .... กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลเจ้าพนักงานท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวง ฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
71 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง (HLC) ไทย - เมียนมา ครั้งที่ 5 | กห | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง (High Level Committee : HLC) ไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๕ ซึ่งจัดขึ้น ณ จังหวัดขอนแก่น ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๐ โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ พลเอก อาวุโส มิน อ่อง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นประธานร่วม ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปผลการประชุมได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติรับทราบในเรื่องต่าง ๆ เช่น (๑) การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๓๑ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ จังหวัดภูเก็ต (๒) การประชุม Navy to Navy Talks ครั้งที่ ๕ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์-๓ มีนาคม ๒๕๖๐ ณ จังหวัดชลบุรี และ (๓) การประชุมคณะทำงานร่วมกองทัพอากาศไทยและกองทัพอากาศเมียนมา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน-๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ๒. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในเรื่องต่าง ๆ เช่น (๑) การเพิ่มความร่วมมือในด้านการต่อต้านการก่อการร้าย การศึกษาและการฝึก การแลกเปลี่ยนการเยือนของกำลังพลและครอบครัว และ (๒) การขยายความร่วมมือในโครงการความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตลอดจนการขยายพื้นที่โครงการผืนป่าอาเซียนในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ๓. ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาขอความร่วมมือกับฝ่ายไทยในเรื่องต่าง ๆ เช่น (๑) การเฝ้าระวังการเพิ่มจำนวนของชาวมุสลิมในพื้นที่ภาคเหนือของไทย (๒) การสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ (National Ceasefire Agreement : NCA) รวมทั้งขอความร่วมมือฝ่ายไทยไม่ให้กลุ่มที่ยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงเข้ามาจัดการประชุมในไทย และ (๓) การจัดระเบียบการค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดี ให้มีการส่งสินค้าผ่านได้เฉพาะทางสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา เพื่อลดช่องทางรายได้ของชนกลุ่มน้อย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
72 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ) | กห | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๓๕,๓๖๑,๓๐๐ บาท ให้กองทัพบกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้ำ (มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๒๒ โครงการ ในพื้นที่ ๑๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แพร่ สุโขทัย ขอนแก่น บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี นครปฐม กรุงเทพมหานคร เพชรบุรี หนองคาย สุรินทร์ พะเยา เชียงราย พิษณุโลก และพัทลุง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในช่วงน้ำหลาก บรรเทาความเสียหายและความเดือดร้อนจากน้ำท่วมและน้ำแล้งให้กับประชาชน รวมทั้งกระจายน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรและเพิ่มปริมาณน้ำเพื่อสำรองไว้ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้ง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงกลาโหมส่งรายละเอียดโครงการฯ ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาแผนงานโครงการตามการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยและภัยแล้งทั้งประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
73 | สรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ครั้งที่ 2/2560 | คค | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ ประกอบด้วย เรื่องเพื่อทราบจำนวน ๔ เรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องสืบเนื่องเพื่อทราบจากการประชุม คจร. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ ได้แก่ (๑) ผลการดำเนินโครงการตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (๒) ผลการดำเนินงานภายใต้ MOU ที่มอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้บริหารจัดการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (๓) รายงานการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบ และวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของระบบมวลชนจังหวัดภูเก็ต (รถไฟรางเบา จังหวัดภูเก็ต) (๔) ความคืบหน้าการดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเมืองภูมิภาค (จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดภูเก็ต และเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา) และเรื่องพิจารณา ๑ เรื่อง คือ โครงการศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และออกแบบรายละเอียดโครงข่ายทางเชื่อมระหว่างทางยกระดับอุตราภิมุขและทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
74 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองร้อยเอ็ด พ.ศ. .... | มท | 22/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองร้อยเอ็ด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเหนือเมือง ตำบลในเมือง ตำบลดงลาน ตำบลรอบเมือง ตำบลขอนแก่น อำเภอเมืองร้อยเอ็ด และตำบลนิเวศน์ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มประเภทโรงงาน เช่น โรงงานประเภท ๑๐๑ ปรับคุณภาพของเสียรวม โรงงานประเภท ๑๐๕ โรงงานคัดแยก ฝังกลบสิ่งปฏิกูล โรงงานประเภท ๑๐๖ โรงงานนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้วหรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่โดยผ่านกรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม และโรงงานประเภท ๘๘ โรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้า แสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล ชีวภาพ และขยะชุมชน เป็นต้น รวมทั้งเห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
75 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มคนไร้บ้าน | พม | 25/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มคนไร้บ้าน ประกอบด้วย (๑) การสนับสนุนงบประมาณ (งบอุดหนุน) ในการสร้างศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพกลุ่มคนไร้บ้าน จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๒๖.๔ ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินและปลูกสร้างอาคาร (๒) การปรับปรุงอาคารศูนย์ไร้บ้าน (สุวิทย์วัดหนู) เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ให้เป็นศูนย์พักคนไร้บ้านที่ถูกสุขลักษณะ (๓) การนำคนไร้บ้านไปสืบค้นที่ภูมิลำเนาเดิมจนสามารถทำบัตรประชาชนได้ จำนวน ๖๑ ราย เป็นคนไร้บ้านที่จังหวัดขอนแก่น ๒๒ ราย และคนไร้บ้านที่กรุงเทพมหานคร ๓๙ ราย และ (๔) การจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในรูปห้างหุ้นส่วนจำกัดคนไร้บ้าน ซึ่งได้รับงานตกแต่งต้นไม้ งานขนย้ายของ รับเหมางานปูพื้น งานรื้อถอนเคลียร์พื้นที่ มูลค่างานรวม ๔๑๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
76 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 3 ฉบับ | กษ | 20/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม ๓ ฉบับ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา จากกิโลเมตรที่ ๒๖๗.๗๘๐ ในท้องที่ตำบลบางกระบือ และตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ถึงกิโลเมตรที่ ๒๙๘.๖๖๐ ในท้องที่ตำบลบางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี และตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำเชิญ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำเชิญ จากศูนย์กลางประตูระบายน้ำลำเชิญ กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลชุมแพ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ไปทางด้านเหนือน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๓๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลโนนคอม อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น และตำบลคอนสาร อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ และไปทางด้านท้ายน้ำถึงกิโลเมตรที่ ๗๗.๔๗๐ ในท้องที่ตำบลกุดกว้าง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น และตำบลบ้านแท่น อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา จากกิโลเมตรที่ ๒๙.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าซุง อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี และตำบลคุ้งสำเภา อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ถึงกิโลเมตรที่ ๕๙.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลน้ำทรง และตำบลพยุหะ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
77 | สาธารณรัฐฝรั่งเศสขอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ จังหวัดขอนแก่น และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ จังหวัดขอนแก่น (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายฌ็อง-มีแชล, อีฟว์, ดีดีเย แปรัว (Mr. Jean-Michel, Yves, Didier Perroy)] | กต | 30/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ จังหวัดขอนแก่น โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดขอนแก่น และแต่งตั้ง นายฌ็อง-มีแชล, อีฟว์, ดีดีเย แปรัว (Mr. Jean-Michel, Yves, Didier Perroy) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ จังหวัดขอนแก่น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
78 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลบ้านเหล่า อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... | มท | 09/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านเหล่า อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... สาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านเหล่า อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น เพื่อมอบหมายให้องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเหล่าใช้เป็นที่ตั้งอาคารศูนย์ปฏิบัติธรรม มิราเคิล ออฟไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
79 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 6 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | มท | 04/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการรวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดตรัง จังหวัดนครพนม และจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการโดยต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวอย่างเข้มงวดไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
80 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 6 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | มท | 04/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการรวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดตรัง จังหวัดนครพนม และจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการโดยต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการขออนุญาตสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว อย่างเข้มงวดไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....