ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 187 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3721 - 3740 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3721 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการป้องกันและแก้ไขโรคไข้หวัดนกในอนาคต | สสป | 28/06/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง แนวทางการป้องกันและแก้ไขโรคไข้หวัดนกในอนาคต โดยสภาที่ ปรึกษา ฯ มีข้อเสนอแนะโดยสังเขปดังนี้ ระบบการปศุสัตว์ ควรส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ จากพ่อแม่พันธุ์ที่มีการจัดการแบบอินทรีย์ สนับสนุนให้มีการผลิตด้วยระบบปศุสัตว์อินทรีย์ และให้มีการจัด การฟาร์ม หรือโรงเรียนที่ถูกสุขลักษณะ ระบบการควบคุมและป้องกัน ควรส่งเสริมการจัดระบบการเข้าออก ของคนและสัตว์ที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงของการเป็นพาหะนำโรค และใช้สมุนไพรในการสร้างภูมิคุ้มกันโรค แทนวัคซีน เช่น หางไหล ฟ้าทะลายโจร เป็นต้น ด้านการบังคับใช้กฎหมายและระเบียบทางราชการ ควร มีนโยบายส่งเสริมให้มีการวางมาตรฐานฟาร์มและให้การรับรองมาตรฐานการผลิตแบบปศุสัตว์อินทรีย์ และ วางข้อกำหนดหรือข้อบัญญัติ เกี่ยวกับการปฏิบัติ การผลิตแบบปศุสัตว์อินทรีย์ โดยผ่านการมีส่วนร่วมของ ชุมชน ด้านการบริหารจัดการ การงบประมาณและบุคลากร ควรมีแผนพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถ ของบุคลากรระดับปฏิบัติการ โดยดำเนินการควบคู่กับการปรับปรุงประสิทธิภาพของงบดำเนินการในพื้นที่ ให้ครอบคลุมเพียงพอและควรมีแผนระยะยาวในการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการตรวจผลและวินิจฉัยในระดับจังหวัด ทุกจังหวัด และด้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารและการประชาสัมพันธ์ ควรมีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารการ แพร่ระบาดของไข้หวัดนกและความรุนแรงอย่างตรงไปตรงมา รวมทั้งส่งเสริมให้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไข้หวัดนก เพื่อการประชาสัมพันธ์ และการให้ข้อมูลข่าวสารในเชิงรุกแก่เกษตรกร และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุข โดยให้กระทรวง สาธารณสุขรับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็น ระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 3722 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค (Agenda based) | ทส | 28/06/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเสนอให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล โดยการเจาะ บ่อบาดาล และทำจุดจ่ายน้ำในหมู่บ้านที่ยังไม่มีระบบประปาและแหล่งน้ำผิวดิน จำนวน 12,493 หมู่บ้าน โดยเจาะบ่อบาดาลจำนวน 26,491 บ่อ ในวงเงินงบประมาณ 6,464 ล้านบาท โดยใช้งบกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 สำหรับเจาะบาดาล จำนวน 1,500 บ่อ ในวงเงิน 366 ล้านบาท เป็นกรณีเร่งด่วน สำหรับส่วน ที่เหลือ และการก่อสร้างระบบประปาผิวดิน รวมทั้งระบบประปาบาดาล การปรับปรุงและซ่อมแซมระบบ ประปาที่มีอยู่เดิมแต่ใช้งานไม่ได้ ให้มีน้ำสะอาดใช้ได้ ให้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 ในวง เงินงบประมาณทั้งสิ้น 33,260 ล้านบาท โดยมีแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ดังนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 วงเงิน 8,339 ล้านบาท ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 วงเงิน 16,627 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 วงเงิน 8,294 ล้านบาท และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบร่วม กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนการจัดหาแหล่งน้ำบาดาล แหล่งน้ำผิวดิน และก่อสร้างระบบ ประปาที่กำหนดไว้ โดยให้ตั้งงบประมาณดำเนินการตามแผนไว้ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม สำหรับโอนงบประมาณดังกล่าวให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาเลือกดำเนินการเอง หรือซื้อ บริการของกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีความ พร้อมที่จะดำเนินการเอง และโดยที่โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคดังกล่าวเป็นเรื่อง จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการ ดังนั้นงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้ ใช้จ่ายจากเงินงบกลาง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอทำความตกลงกับสำนักงบ ประมาณต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 เห็นชอบในหลักการและ ให้หารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความ เห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดงบประมาณดำเนิน การไว้ในสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 3723 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2547 | ทส | 28/06/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบาย
และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2547 โดยสถาน การณ์การเปลี่ยนแปลงในส่วนของพื้นที่เกิดไฟป่าลดลง การใช้ทรัพยากรแร่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจ ส่วนทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จากเหตุการณ์ธรณีพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิในพื้นที่ 6 จังหวัด บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน ทำให้แนวปะการังได้รับความเสียหายจากแรงคลื่น และตะกอนทรายทับถมเป็น จำนวนมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการฟื้นฟูจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปริมาณสัตว์น้ำเค็มที่จับจากธรรมชาติมีแนว โน้มค่อนข้างคงที่ การใช้ประโยชน์จากแหล่งธรรมชาติเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จำเป็น จะต้องมีการสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ ส่วนปัญหาสิ่งแวดล้อมจากคุณภาพน้ำ อากาศ เสียง และขยะ การแก้ไข จะต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลพื้นฐานเพื่อ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาดังกล่าว สำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีการปรับ ปรุงกฎหมายสิ่งแวดล้อม การปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การสร้างแรงจูงใจในการจัด การสิ่งแวดล้อม : เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ ข้อตกลงระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการ ส่วนสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญในรอบปี ได้แก่ สถาน การณ์น้ำ ภัยพิบัติจากปัญหาอุทกภัยและดินถล่ม การอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่า มรดกไทยสู่มรดกโลก และ สิ่งแวดล้อมศึกษา
|
|||||||||||||||||||||
| 3724 | งบการเงินและรายงานประจำปี 2546 ขององค์การสะพานปลา | กษ | 21/06/2548 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับรายงานงบการ
เงินและรายงานประจำปี พ.ศ. 2546 ขององค์การสะพานปลา ดังนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 องค์การ สะพานปลา มีรายได้ทั้งสิ้น 430.94 ล้านบาท มีรายจ่ายทั้งสิ้น 430.06 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 0.88 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานขององค์การสะพานปลาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ได้แก่ งานให้บริการ สถานที่สำหรับขนถ่ายและจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำ งานสินเชื่อการประมง งานส่งเสริมการประมง และแผน ปฏิบัติงานที่จะดำเนินการต่อไปในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้แก่ การปรับปรุงสุขอนามัยสะพานปลาและ ท่าเทียบเรือประมงต่าง ๆ การปรับปรุงระบบงานตามโครงสร้างการบริหารงานใหม่ และการนำเทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้ในระบบบัญชี/การเงิน
|
|||||||||||||||||||||
| 3725 | การรายงานผลดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำบนเกาะสมุย | มท | 21/06/2548 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำบนเกาะสมุย
ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้รวบรวมข้อมูลการศึกษาความเหมาะสม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอ่างเก็บน้ำคลองลิปะใหญ่ ซึ่งได้มีการศึกษาแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2541 รวมทั้ง ได้มีการตรวจสอบสภาพพื้นที่บริเวณก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองลิปะใหญ่ ได้ข้อสรุปคือ ต้องปรับปรุงรายงานการ ศึกษาดังกล่าวให้เป็นปัจจุบัน เนื่องจากสภาพแวดล้อมของโครงการมีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมจากเดิมที่ มีการศึกษาไว้ และการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลิปะใหญ่ได้มีการเปลี่ยนแปลงขนาดความจุการกักเก็บน้ำจากเดิมที่มี การศึกษาไว้ 440,000 ลบ.ม. ซึ่งปัจจุบันกรมชลประทานได้ออกแบบรายละเอียดโครงการให้มีความจุประมาณ 950,000 ลบ.ม. และการปรับปรุงรายงานการศึกษาดังกล่าว เห็นควรว่าจ้างสถาบันการศึกษาที่มีผู้เชี่ยวชาญ ในด้านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ดำเนินการศึกษาให้แล้วเสร็จไม่เกิน 12 เดือน โดย กปภ. กำลัง พิจารณาหาแหล่งเงิน และจัดทำขอบเขตของงาน เพื่อจ้างสถาบันการศึกษาดำเนินการศึกษาผลกระทบสิ่งแวด ล้อม เพื่อส่งให้สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3726 | แผนพัฒนาระบบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินและการบริการประชาชน (agenda based) | มท | 21/06/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแผนพัฒนาระบบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินและการบริการประชาชน ตาม
ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รับเรื่องนี้พร้อมความเห็นของส่วน ราชการที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงการคลังที่เห็นว่า เพื่อให้การจัดทำแผนสนองรับนโยบายในการปรับปรุงระบบ เอกสารสิทธิในที่ดิน และการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นมาตรฐานสากลสามารถนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายความ มั่นคงของชาติและช่วยป้องกันกรณีพิพาทเกี่ยวกับแนวเขตที่ดินทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดทั้งแก้ไขปัญหาที่ดินทำ กินและที่อยู่อาศัยของประชาชนอย่างยั่งยืน จึงเห็นควรสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนพัฒนาดังกล่าว โดยการ จัดสรรเงินงบประมาณ เนื่องจากใกล้สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จึงควรขอรับการสนับสนุนจากเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป ส่วนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีความเห็นว่า แผน พัฒนาระบบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินและการบริการประชาชน มีแผนงานบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานด้านภูมิ สารสนเทศ จึงเห็นควรให้คณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติพิจารณาก่อน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ. 2546 และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับวงเงินค่าใช้ จ่ายในการดำเนินงานตามแผนดังกล่าว จำนวน 6,929,063,960 บาท เนื่องจากเป็นการดำเนินงานตามภาร กิจที่กรมที่ดินได้เร่งรัดดำเนินการอยู่แล้วในปัจจุบัน และได้จัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 558,392,900 บาท และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ได้ เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 914,658,400 บาท ดังนั้น การดำเนินการตามภารกิจดังกล่าว ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550-2551 ให้กรมที่ดินจัดทำแผนการปฏิบัติงาน แผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อ เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยสอดคล้องกับขีดความสามารถในการ ดำเนินงานต่อไป ไปพิจารณาในคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติก่อน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง หนึ่งต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3727 | รายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย (MTJA) ประจำปี 2547 | พน | 21/06/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินของ
องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (Malaysia-Thailand Joint Authority, MTJA) ประจำปี พ.ศ. 2547 ซึ่งได้ผ่านการ ตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลทั้งสองและได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมองค์กร ร่วม ฯ ครั้งที่ 58 และที่ประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 13 (13th Annual General Meeting) เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2548 แล้ว โดยรายงานดังกล่าวได้รายงานให้ทราบถึงกิจกรรมที่สำคัญในพื้นที่พัฒนาร่วม ฯ โดย แบ่งออกเป็นกิจกรรมด้านการสำรวจและการพัฒนา กฎกระทรวงว่าด้วยการจัดเก็บค่าภาคหลวง และรายได้ อื่น ๆ จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลทั้งสอง และการปรับปรุงเงื่อนไขและสวัสดิการ การจ้างงานของพนักงานองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย รวมถึงรายงานงบการเงินปี พ.ศ. 2547 และความเห็นของ ผู้สอบบัญชี โดยเห็นว่าองค์กรร่วม ฯ ได้จัดทำรายงานงบการเงินประจำปี พ.ศ. 2547 ขึ้นอย่างถูกต้องเหมาะ สม และได้แสดงถึงข้อเท็จจริง และเจตนาที่โปร่งใสเกี่ยวกับกิจการการดำเนินงานรายรับและรายจ่าย และงบ กระแสเงินสดขององค์กรร่วม ฯ
|
|||||||||||||||||||||
| 3728 | การปรับปรุงค่าตอบแทนผู้บริหาร และสมาชิกสภาเมืองพัทยา (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินประจำตำแหน่ง เงินค่าเบี้ยประชุม และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานสภาเมืองพัทยา รองประธานสภาเมืองพัทยา สมาชิกสภาเมืองพัทยา เลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา และกรรมการหรืออนุกรรมการของสภาเมืองพัทยา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของนายกเมืองพัทยา รองนายกเมืองพัทยา เลขานุการนายกเมืองพัทยา ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา และประธานที่ปรึกษาหรือที่ปรึกษาของนายกเมืองพัทยา พ.ศ. 2548 รวม 2 ฉบับ) | มท | 14/06/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินประจำ
ตำแหน่ง เงินค่าเบี้ยประชุม และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานสภาเมืองพัทยา รองประธานสภาเมือง พัทยา สมาชิกสภาเมืองพัทยา เลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา และกรรมการหรืออนุกรรมการของสภาเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของนายกเมืองพัทยา รองนายกเมืองพัทยา เลขานุการนายกเมืองพัทยา ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา และประธานที่ปรึกษาหรือที่ปรึกษาของ นายกเมืองพัทยา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ ปรับ ปรุงอัตราเงินประจำตำแหน่ง เงินค่าเบี้ยประชุม และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานสภาเมืองพัทยา รองประธานสภาเมืองพัทยา สมาชิกสภาเมืองพัทยา เลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา ผู้ช่วยเลขานุ การประธานสภาเมืองพัทยา และกรรมการหรืออนุกรรมการของสภาเมืองพัทยา รวมทั้งปรับปรุงอัตราเงิน เดือนเงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของนายกเมืองพัทยา รองนายกเมืองพัทยา เลขา นุการนายกเมืองพัทยา ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา และประธานที่ปรึกษาหรือที่ปรึกษาของนายก เมืองพัทยา และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3729 | ความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามนโยบายและวาระแห่งชาติ เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ | พม | 14/06/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่ายการ
ต่างประเทศ แรงงานและการพัฒนาสังคม) ที่มีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามนโยบายและวาระแห่งชาติเรื่อง การป้องกันและปราบ ปรามการค้ามนุษย์ โดยมีผลการดำเนินงานด้านต่าง ๆ โดยสรุปดังนี้ การดำเนินงานด้านการป้องกัน มีการ รณรงค์ป้องกันปัญหา โดยใช้สื่อต่าง ๆ การรณรงค์โดยอาศัยผู้นำศาสนา กลุ่มเด็ก เยาวชน และอาศัยความ ร่วมมือจากผู้เสียหาย รวมทั้งรณรงค์ให้ความรู้แก่ชุมชน และกลุ่มเสี่ยง และสร้างกลไกเครือข่ายในทุกพื้นที่ ส่วนการดำเนินงานด้านการบังคับใช้กฎหมาย และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ มีการดำเนินคดีผู้กระทำผิดฐาน ค้ามนุษย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง มีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหา และจัดทำ หลักเกณฑ์การคัดแยกเหยื่อการค้ามนุษย์และการคัดแยกเหยื่อการค้ามนุษย์จากผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย เพื่อ ให้มีการปฏิบัติต่อเหยื่อการค้ามนุษย์ตามหลักการของสิทธิมนุษยชน สำหรับด้านการคุ้มครองและเยียวยา ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ มีการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และองค์กรเอกชน องค์กรระหว่าง ประเทศ ในการช่วยเหลือหญิงและเด็กที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ทั้งกรณีคนไทยและต่างชาติ มีการจัดทำ บันทึกข้อตกลงเรื่องแนวทางปฏิบัติร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนภายในประเทศ ในการช่วยเหลือ หญิงและเด็กที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ มีการประสานความร่วมมือกับต่างประเทศทั้งต้นทาง และปลาย ทางเพื่อให้เกิดกลไกการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และการทำงานด้านการป้องกัน ปราบปรามผู้กระทำผิด การคุ้มครอง ฟื้นฟู เยียวยา และการส่งกลับคืนสู่สังคม เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
| 3730 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ "โทษทางอาญาที่มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย" | สสป | 07/06/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ เกี่ยวกับ "โทษทางอาญาที่มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย" โดยสภาที่ปรึกษา ฯ มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการวางแนวทางที่จะไม่ ใช้โทษทางอาญาไปกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเกินความจำเป็น และกำหนดโทษทางอาญาให้มี ลักษณะเหมาะสมกับความผิดและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำความผิดนั้น รวมทั้งนำมาตรการบังคับ ทางอื่นมาใช้แทนการลงโทษอาญา เช่น ยกเลิกโทษทางอาญาในความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายอาญา และนำเอามาตรการทางปกครอง หรือมาตรการทางบริหาร รวมถึงมาตรการทำงานบริการสังคมมาใช้แทน การลงโทษทางอาญา เป็นต้น และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของคณะอนุ กรรมการปรับปรุงกฎหมาย เพื่อขยายโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของรัฐ และติดตามการบังคับ ใช้กฎหมาย คณะที่ 4 และมอบให้กระทรวงยุติธรรมรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3731 | โครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนภายในประเทศ | ศธ | 07/06/2548 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนภายในประเทศ
ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ยากจนแต่เรียนดีในต่าง จังหวัดมาศึกษาในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานครให้ได้รับความรู้ ประสบการณ์ และเรียนรู้วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของกันและกัน ตลอดจนเพื่อเป็นการเชื่อมโยงสังคมเมืองและชนบททำให้สถานศึกษาทั้งในต่าง จังหวัดและกรุงเทพมหานครมีความตื่นตัวในการปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอน สำหรับงบประมาณค่าใช้ จ่ายในการดำเนินโครงการ ฯ ใช้เงินรายได้จากการออกสลากพิเศษจำนวน 46 ล้านบาท โดยในรุ่นที่หนึ่งได้จัด ให้นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นจากทุกอำเภอทั่วประเทศที่มีผลการเรียนดีและประพฤติดี มีฐานะยากจน สมัคร ใจเข้าร่วมโครงการ ฯ จำนวน 477 คน ในภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2547 ระหว่างเดือนตุลาคม 2547- กุมภาพันธ์ 2548 เข้ามาศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษาที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานครจำนวน 11 โรง เป็นเวลา 1 เทอมการศึกษา โดยจัดเตรียมค่าใช้จ่ายให้แก่สถานศึกษาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเด็กคนละ 30,000 บาท ต่อเทอมการศึกษา ส่วนรุ่นที่สอง ได้ขยายจำนวนนักเรียนให้มากขึ้นอีกเท่าตัวรวมเป็นนักเรียนจำนวน 877 คน โดยได้จัดโรงเรียนมัธยมศึกษาที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานครรองรับเพิ่มขึ้น 24 โรง เริ่มในภาคเรียนที่ 1 ของ ปีการศึกษา 2548 (ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยาย น 2548) และจากผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพึง พอใจ โดยนักเรียนจากชนบทที่เข้ามาศึกษาในกรุงเทพมหานครได้รับความรู้และประสบการณ์จากการศึกษา และการมาอยู่ร่วมกันสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างนักเรียนในเมืองและชนบท มีโอกาสเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ และ การเรียนการสอนของโรงเรียนที่มีคุณภาพในกรุงเทพมหานคร ฯลฯ สำหรับนักเรียนในกรุงเทพก็ได้มีความเข้า ใจเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับเด็กชนบทมากขึ้น มีความเอื้ออาทรช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
|
|||||||||||||||||||||
| 3732 | รายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2548 ไตรมาสที่ 1 และ 2/2548 | กค | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการดำเนินการตามแผนการ
บริหารและจัดการหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ไตรมาสที่ 1 และ 2/2548 สรุปได้ดังนี้ ณ สิ้น ไตรมาสที่ 1/2548 ได้ดำเนินการตามแผนเป็นวงเงินทั้งสิ้น 233,794.46 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 34.24 ของแผน และ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2548 ได้ดำเนินการตามแผนเป็นวงเงินทั้งสิ้น 284,404.24 ล้านบาท หรือคิด เป็นร้อยละ 41.65 ของแผน นอกจากนี้ ได้ดำเนินการกู้เงินให้กับรัฐวิสาหกิจต่างๆ เพื่อใช้จ่ายตามนโยบายของ รัฐบาลเพิ่มเติมจากแผน จำนวน 36,196.79 ล้านบาท ได้แก่ การบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล งบประมาณ การบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบัน การเงิน (FIDF) การบริหารเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อเสริมสร้างความมั่น คงของระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 การบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ การกู้เงินตาม แผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ และการบริหารหนี้ต่างประเทศ รวมทั้งการดำเนินการเพิ่มเติมจากแผน ได้แก่ เงินกู้เพื่อลงทุนของรัฐวิสาหกิจ วงเงินดำเนินงานรวม 2,510.20 ล้านบาท ประกอบด้วย การทางพิเศษแห่ง ประเทศไทย วงเงิน 2,199.70 ล้านบาท และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย วงเงิน 310.50 ล้าน บาท และเงินกู้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนและอื่น ๆ วงเงินดำเนินงานรวม 33,686.59 ล้านบาท ประกอบด้วย สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน วงเงิน 25,000.00 ล้านบาท องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร วงเงิน 686.59 ล้าน บาท และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ วงเงิน 8,000.00 ล้านบาท สำหรับการปรับปรุงแผนการบริหารและจัด การหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ยังไม่มีการดำเนินการในไตรมาสที่ 1 และ 2/2548
|
|||||||||||||||||||||
| 3733 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 | นร | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2549 และให้ดำเนินการต่อไปได้ สำหรับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดงบประมาณ ของปี พ.ศ. 2549 ให้กระทรวงดำเนินการภายในเงื่อนไข และระยะเวลาที่กำหนด และหากมีความจำเป็นที่ จะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายกรณีที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ให้จัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ให้ชัดเจนตามความพร้อม ขีดความสามารถในการดำเนินการ และศักยภาพในการใช้จ่าย โดยให้คำนึงถึง ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการใช้จ่ายเป็นสำคัญ และให้นำงบประมาณในส่วนที่ได้รับไว้แล้วมาประกอบ การพิจารณา และส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3734 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ "ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการปรับปรุงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มกับกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร - อาหาร จากไร่นาถึงผู้บริโภค ภายใต้องค์ประกอบของสายโซ่แห่งคุณค่า : กรณีศึกษาข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว" | กษ | 17/05/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับ "ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการปรับปรุงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มกับกระบวน การผลิตสินค้าเกษตร-อาหาร จากไร่นาถึงผู้บริโภคภายใต้องค์ประกอบของสายโซ่แห่งคุณค่า : กรณีศึกษาข้าว และผลิตภัณฑ์จากข้าว" โดยได้ให้ข้อเสนอแนะในเรื่องดังกล่าวว่า ในการพัฒนาจะต้องมีการดำเนินการเชิงระบบ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ชาวนา ผู้ประกอบการโรงสี ผู้ค้าข้าว ผู้ ส่งออกและบุคลากรที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ โดยกำหนดมาตรฐานการผลิตและสินค้าข้าวที่ตอบสนองต่อสากล รวมถึง การเชื่อมโยงเครือข่ายความรู้และพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อให้การประกอบการทั้งด้านการผลิตโลจิสติกส์ การตลาด และการบริการเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการสร้างมูลค่าเพิ่ม รัฐควรกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ 5 ด้าน คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเสริมสร้างเครือข่ายผู้ที่เกี่ยวข้องในสายโซ่คุณค่า ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างและปรับ ปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนสายโซ่แห่งคุณค่า ยุทธศาสตร์ที่ 3 การถ่ายทอดสารสนเทศและเทคโนโลยี ยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และยุทธศาสตร์ที่ 5 การวิจัยพัฒนาและการสร้างทรัพย์สินทาง ปัญญา และควรกำหนดเรื่องยุทธศาสตร์การสร้างมูลค่าเพิ่มภายใต้สายโซ่แห่งคุณค่าเป็นวาระแห่งชาติในการ นำไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ รวมไปถึงการเสริมสร้างและสนับสนุนการจัดทำโครงการดังกล่าว จำนวน 20 โครงการ วงเงินประมาณ 90,000 ล้านบาท และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการ ดำเนินการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับผิดชอบประสานการติดตาม ผลการดำเนินงานเพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษาฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 3735 | สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการแก้ไขปัญหา ปี 2547/48 (Agenda based) | กษ | 17/05/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสถานการณ์ภัยแล้งและการแก้ไข
ปัญหาปี 2547/48 โดยสถานการณ์ภัยแล้ง ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2547 เกิดความแห้งแล้งในภาคต่าง ๆ รวม 63 จังหวัด ทั้งน้ำเพื่อการบริโภคและอุปโภค และความเสียหายภาคเกษตร ณ วันที่ 1 มีนาคม 2548 พื้นที่การเกษตรประสบภัยแล้งประมาณ 26 ล้านไร่ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้ง 1.4 ล้านราย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ระดมสรรพกำลังของทุกหน่วยงาน และให้ความสำคัญต่อนโยบายที่จะขจัด และ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (War Room) ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อรวบรวมข้อมูลและบริหารจัดการทรัพยากรให้มีระบบและมีเอกภาพ กำหนดให้ x-ray ทุกพื้นที่ จำแนกพื้นที่ ที่มีแนวโน้มขาดแคลนน้ำเป็นพื้นที่สีแดง สีเหลือง และสีเขียว บรรจุลงในแผนที่ GIS เพื่อจัดลำดับความเร่งด่วน ในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ต่าง ๆ ส่วนในพื้นที่เขตชลประทาน ได้มีการเฝ้าระวังและควบคุมการ ระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพต่อการเกษตร และสอดคล้องกับปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ สำหรับพื้นที่นอกเขตชล ประทานให้เร่งระดมเครื่องสูบน้ำและรถบรรทุกน้ำของกรมชลประทานเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพืชผล รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ฝนหลวงหัวหิน เป็นคณะปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษกู้ภัย แล้ง ซึ่งผลจากการบริหารจัดการน้ำและปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อแก้ไขภัยแล้งส่งผลให้มีการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้น สำหรับแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปได้ดำเนินการในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและ แก้ไขปัญหาภัยด้านการเกษตร โดยปรับปรุงโครงสร้างศูนย์ปฏิบัติแก้ไขปัญหาภัยแล้งปัจจุบันให้เป็นองค์กร ถาวร เพื่อทำหน้าที่ป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ ภัยทางเศรษฐกิจ สร้างระบบเตือนภัยล่วงหน้าทาง การเกษตรและติดตามสถานการณ์ แผนปฏิบัติการฝนหลวง โดยปฏิบัติงานสนองพระบรมราโชบายในการ วางแผนปฏิบัติงานตลอดปี จัดทำแผนแม่บทพัฒนา 25 ลุ่มน้ำ แบบบูรณาการ รวมถึงการปรับปรุงแผนการ บริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วยการจัดระบบการจัดสรรน้ำ การระบาย และการส่งน้ำ เพื่อให้ เกษตรกรจะมีงานทำตลอดปี ปลูกพืชเศรษฐกิจที่มีคุณภาพและแข่งขันได้ สร้างอาชีพที่ยั่งยืน และใช้ทรัพยา กรน้ำอย่างรู้คุณค่า ปรับแผนการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้าหรือหน่วยเคลื่อนที่เร็วในเรื่องอุปกรณ์เพื่อบรร เทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติ
|
|||||||||||||||||||||
| 3736 | การปรับปรุงคณะกรรมการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์การนำเสนอความรุนแรงทางสื่อ | วธ | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอการปรับปรุงคณะกรรมการแก้ไขปัญหาวิกฤต
การณ์การนำเสนอความรุนแรงทางสื่อ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี ผู้ได้รับมอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการ บริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรีในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานกรรมการ และมีกรรมการอื่นอีก 23 คน มีปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ศึกษาปัญหาวิกฤตการณ์การนำ เสนอความรุนแรงทางสื่อ ทั้งในมิติการปรับปรุงพัฒนา กฎหมาย เครื่องมือและยุทธศาสตร์การทำงานในการ กำจัดสื่อรุนแรงต่างๆ รวมทั้งเสนอแนวทางการกำกับสื่อภาพยนตร์ สื่อสิ่งพิมพ์และโฆษณากลางแจ้งให้เป็นระบบ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
| 3737 | การประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-auction) (ถูกยกเลิกโดย ว116/2551) | นร | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม
2547 ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง โดยให้นำวิธีการ ประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-auction) มาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นมา นั้น อาจมีบาง หน่วยงานยังมิได้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จึงขอให้รัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัด ติดตามให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐในกำกับ รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ตรวจราชการในความรับผิดชอบถือ ปฏิบัติเกี่ยวกับการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2547 เรื่อง การ จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2547 เรื่อง หลักเกณฑ์การจัด หาพัสดุโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 เรื่อง ปัญหา และอุปสรรคในการปรับปรุงระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างเคร่งครัด และ ให้ถือเป็นหลักการว่า หากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐแห่งใดมิได้ดำเนินการตามที่กล่าวไว้ ข้างต้น โดยไม่สามารถชี้แจงเหตุผลความจำเป็นได้อย่างชัดเจนถือเป็นความบกพร่องโดยตรงของผู้บังคับบัญชา ของหน่วยงานนั้น ๆ
|
|||||||||||||||||||||
| 3738 | ขออนุมัติเงินงบกลาง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ) | นร | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญดำเนิน
การเบิกจ่ายเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 16,100,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงระเบียบศาลรัฐ ธรรมนูญ เกี่ยวกับค่าตอบแทนรายเดือน เงินประจำตำแหน่ง ค่าตอบแทนพิเศษ เงินค่าตอบแทนพิเศษเบี้ย ประชุม รวมทั้งการแต่งตั้งบุคคลมาปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือภารกิจของศาลรัฐธรรมนูญ
|
|||||||||||||||||||||
| 3739 | การปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้าง
รัฐวิสาหกิจ จากเดิมวันละ 170 บาท เป็นวันละ 175 บาท ในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
|
|||||||||||||||||||||
| 3740 | การตรวจราชการเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด | พน | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการตรวจราชการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดจันทบุรี
และจังหวัดตราด ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล) สรุปได้ดังนี้ การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จังหวัดจันทบุรี จังหวัดได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค แจกจ่ายน้ำ เพื่อการเกษตร ก่อสร้างฝายชั่วคราว (ฝายกระสอบดิน) ขุดลอกบ่อ ขุดบ่อน้ำตื้น และเป่าล้างบ่อบาดาล โดยใช้ เงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด (50 ล้านบาท) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรอง ราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 (กรณีภัยแล้ง) ไปแล้ว 14.23 ล้านบาท งบฉุก เฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4.90 ล้านบาท และงบของหน่วยราชการอื่น ๆ (งบปกติ) 14.07 ล้านบาท ในการนี้ จังหวัดได้เสนอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระยะยาว อาทิ โครงการวางท่อกระจายน้ำจากโรงสูบ น้ำขององค์การบริหารส่วนจังหวัด โครงการปรับปรุงและเปลี่ยนฝายยางกั้นแม่น้ำจันทบุรี โครงการก่อสร้างอ่าง เก็บน้ำคลองวังโตนด เป็นต้น สำหรับการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดตราด จังหวัดได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ประชาชนอย่างเร่งด่วนในพื้นที่ โดยแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค แจกจ่ายน้ำเพื่อการเกษตร สูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่ การเกษตร และจังหวัดได้เสนอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระยะยาว เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ได้แก่ โครงการก่อสร้างเขื่อนดินปิดกั้นลำคลองสะพานหิน ก่อสร้างเขื่อนสะตอ และก่อสร้างฝายตามลำน้ำคลอง สะตอ โดยสถานการณ์ปัจจุบันปัญหาภัยแล้งได้คลี่คลายและทุเลาลงแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
.....
