ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 184 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3661 - 3680 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3661 | แนวทางการดำเนินงานโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (Mega Project) ของภาครัฐ | นร | 15/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางการดำเนินงานโครงการลงทุนขนาด
ใหญ่ (Mega Project) ของภาครัฐ โดยการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของ ส่วนราชการต่าง ๆ โดยส่งเสริมให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาครัฐและเอกชนจากนานาชาติมาลงทุนดำเนินโครง การในประเทศไทย โดยวิธีการเปิดประมูลนานาชาติ (international bidding) ซึ่งแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ การให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศจัดทำข้อเสนอโครงการที่ครอบคลุมทั้งด้านเทคนิคแผนการเงิน แผนการ ลงทุน แนวทางการดำเนินงานและผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น โครงการที่อาจใช้การประมูลรูปแบบนี้เช่น การ ลงทุนด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ด้านระบบคมนาคมและขนส่ง และรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น และการให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศลงทุนดำเนินโครงการในประเทศไทย ตามข้อตกลงและรายละเอียด ของโครงการ (T0R) ที่รัฐบาลกำหนด ดังนั้น กระทรวงต่าง ๆ จะต้องไปพิจารณากำหนดความต้องการใน การปรับปรุงพัฒนาประเทศให้ทันสมัยภายในกรอบภารกิจของกระทรวงให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้เชิญทูตจาก ประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ในประเทศไทยมาร่วมประชุมเพื่อนำแนวคิดนี้ไปเผยแพร่ให้กับบริษัทเอกชนและรัฐบาล ของประเทศนั้น ๆ ให้เข้ามายื่นข้อเสนอโครงการให้กับประเทศไทย โดยจะเปิดให้หน่วยงานและองค์กรจาก ทุกส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวให้เกิดความรอบคอบ โปร่งใส และเป็นประโยชน์ ต่อประเทศชาติมากที่สุดต่อไป และให้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการขนาดใหญ่ประจำกระทรวง โดยมีปลัดกระทรวงเป็นประธาน และมีกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวง การคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น รวมทั้งให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ไปศึกษาว่า การดำเนินการเปิดประมูลนานาชาติตาม แนวทางดังกล่าวจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมายหรือระเบียบเกี่ยวกับการพัสดุ และการจัดซื้อจัดจ้าง หรือไม่ประการใด แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 3662 | สรุปความคืบหน้าการลงทุนโครงการด้านไฟฟ้าและพลังงาน | พน | 15/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานความคืบหน้าการลงทุนโครงการด้าน
ไฟฟ้าและพลังงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้านคร หลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยในส่วนของโครงการที่ดำเนินการแล้ว และพร้อมที่จะประมูลในปี 2548 ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมสงขลาชุดที่ 1 โครงการโรงไฟฟ้าพลังความ ร้อนพระนครเหนือชุดที่ 1 โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนพระนครใต้ ชุดที่ 3 โครงการโรงไฟฟ้าพลัง ความร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 5 โครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ระยะที่ 2 โครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก 5 โรง โครงการเพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบ ไฟฟ้าระยะที่ 2 การก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ ที่มีไฟฟ้าใช้แล้ว การติด ตั้งระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟ ระยะที่ 2 พัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าย่อยระยะที่ 8 ส่วนที่ 1 พัฒนา ระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าย่อยระยะที่ 8 ส่วนที่ 2 และโครงการท่อส่งก๊าซ ฯ ตามแผนแม่บท ฯ ฉบับที่ 3 ระยะที่ 2 สำหรับโครงการที่จะดำเนินการต่อไปประกอบด้วย โครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าระยะที่ 11, 12, 13 โครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล ระยะที่ 3 โครงการปรับปรุงโรง ไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 1 และชุดที่ 2 โครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม พระนครใต้ เครื่องที่ 3 และเครื่องที่ 1 โครงการระบบส่งไฟฟ้า 230 เค.วี. เชื่อมโยง กระบี่-พังงา โครง การระบบส่งไฟฟ้า 230 เค.วี. เชื่อมโยง ทวาย-จอมบึง โครงการระบบส่งไฟฟ้า 500 เค.วี. ภาคเหนือ- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมแห่งใหม่ ชุดที่ 1, ชุดที่ 2, ชุดที่ 5 และ ชุดที่ 6 ระบบส่งไฟฟ้าสำหรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ พัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าระยะที่ 9 ก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่ายระยะที่ 7 เพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าระยะที่ 3 โครง การขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตร และแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังงาน ไฟฟ้าปี 2551-2554
|
|||||||||||||||||||||
| 3663 | การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการตอบแทนกลับคืนทางเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (เฉพาะกรณีความร่วมมือกับรัฐบาลประเทศสหราชอาณาจักร) | นร | 15/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการการตอบแทนกลับคืนทางเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(เฉพาะกรณีความร่วมมือกับรัฐบาลประเทศสหราชอาณาจักร) เสนอการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ การตอบแทนกลับคืนทางเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฯ ดังนี้ เปลี่ยนแปลงตัวบุคคล 2 ท่าน ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นรองประธานกรรมการ และพลเอก อภิชาต เพ็ญกิตติ เป็นกรรมการและ เลขานุการ และเพิ่มรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ (ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการจัดหา สินค้าเพื่อชำระมูลค่ายุทโธปกรณ์ ตามสัญญาการจัดหายุทโธปกรณ์ ภายใต้โครงการตอบแทนกลับคืนทาง เศรษฐกิจ) และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการ พลเอก สุนทร ฮีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอ เรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
| 3664 | การปรับปรุงแก้ไขระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ | กก | 01/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่ายการ
ท่องเที่ยว กีฬา พุทธศาสนา แรงงานและการพัฒนาสังคม) ที่มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการบริหารกองทุน พัฒนาการกีฬาแห่งชาติเสนอ ร่างระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติว่าด้วยการจัด การเงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบ ร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ยกเลิกมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2542 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2546 เกี่ยวกับการ ปรับปรุงคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||
| 3665 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนประกันสังคม ประจำปี 2546 | รง | 25/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุน
ประกันสังคม ประจำปี พ.ศ. 2546 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว ดังนี้ ในปี พ.ศ. 2546 กอง ทุน ฯ มีรายได้ทั้งสิ้น 63,063.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดก่อน 14,569.86 ล้านบาท (งวดก่อน 48,493.40 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 30.05 รายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นเงินสมทบ เนื่องจากจำนวนผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น และอัตราเงินสมทบกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น ในส่วนของค่าใช้ จ่าย กองทุน ฯ มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 18,440.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดก่อน 4,056.10 ล้านบาท (งวดก่อน 14,384.85 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 28.20 โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นค่าประโยชน์ทดแทน เนื่องจาก จำนวนผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น ซึ่งกองทุน ฯ จะต้องจ่ายค่าบริการทางการแพทย์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ กองทุน ฯ ยังได้มี การปรับปรุงเพิ่มประมาณการหนี้สินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ จำนวน 37,172.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก งวดก่อน 14,218.74 ล้านบาท (งวดก่อน 22,953.80 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 61.94 ทำให้ปี พ.ศ. 2546 กองทุน ฯ มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ 7,449.77 ล้านบาท ลดลงจากงวดก่อน 3,704.98 ล้านบาท (งวดก่อน 11,154.75 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 33.21 และมีอัตราผลตอบแทนต่อการลงทุน ร้อยละ 6.34 ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546 กองทุน ฯ มีนายจ้างที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคมทั้งสิ้น 324,079 ราย และมีผู้ประกันตน ทั้งสิ้น 7,609,368 คน เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2545 จำนวน 22,561 ราย และ 709,145 คน ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||
| 3666 | การปรับองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการกับต่างประเทศ | กต | 25/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบคณะ
กรรมการนโยบายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการกับต่างประเทศ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศ เป็นประธานกรรมการ มีกรรมการอื่น 31 คน มีผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือ เพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายการให้และ รับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการกับต่งประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมและการสร้างความสัมพันธ์ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอ เรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 |
|||||||||||||||||||||
| 3667 | การปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการของสำนักพระราชวัง | นร | 25/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอดังนี้ เห็นชอบให้จัดตั้งกองงานพระวรชายาในสมเด็จ
พระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นเป็นส่วนราชการในสำนักพระราชวัง เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วย งานในการดำเนินการด้านเลขานุการในพระองค์ การปฏิบัติกิจการพิเศษอื่น ๆ ในพระองค์ การปฏิบัติงาน เกี่ยวกับราชสำนักและงานพระราชฐานซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศน์ พระวรชายา ฯ และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักพระราชวัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดย มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งกองงานพระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นส่วน ราชการภายในสำนักพระราชวัง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการ ต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 3668 | การปรับองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการกับต่างประเทศ | กต | 21/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบคณะ
กรรมการนโยบายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการกับต่างประเทศ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศ เป็นประธานกรรมการ มีกรรมการอื่น 31 คน มีผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือ เพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายการให้และ รับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการกับต่งประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมและการสร้างความสัมพันธ์ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอ เรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
| 3669 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ "การดำเนินการในช่วงระยะเวลาที่เหลือของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545 - 2549)" | สสป | 18/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ "การดำเนินการในช่วงระยะเวลา ที่เหลือของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549)" โดยมีข้อเสนอแนะ อาทิ ควรจัดทำแผนปฏิบัติการ และติดตามประเมินผลในภาคปฏิบัติของการนำ "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" มาเป็นแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม และให้เกิดความสัมฤทธิผลในภาค ปฏิบัติ รวมทั้งการสังเคราะห์ ประเมินผล ปัญหาอุปสรรคและข้อจำกัดของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไข และกำหนดแนวทางการพัฒนาเพื่อขับเคลื่อน "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ในแผนพัฒนา ฯ ฉบับต่อไป สำหรับการพัฒนาในระยะต่อไปควรยึดหลัก "การอยู่เย็นเป็นสุข" ของ "คน" เป็นเป้าหมายของการพัฒนา โดยคำนึงถึงการพัฒนาปัจจัยหลายด้านให้ดีขึ้น และการพัฒนาประเทศระยะ ต่อไป ควรส่งเสริมการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนให้มีเสรีภาพ โดยทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะ มีจริย ธรรม มีคุณภาพ และความถูกต้อง ตลอดจนการคุ้มครองผู้สื่อข่าวไม่ให้ตกอยู่ใต้อาณัติของผู้มีอิทธิพล หรือ นักการเมืองด้วยการมิให้มีการกระทำใด ๆ ที่เข้าข่ายแทรกแซงสื่อ เป็นต้น และรับทราบความเห็น ผลการ พิจารณา และผลการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||
| 3670 | การประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อซักซ้อมการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล | มท | 18/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการประชุมผู้บริหาร
ระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อซักซ้อมการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 -15 ตุลาคม 2548 ณ โรงแรมรามาการ์เดนส์ โดยสาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ ได้มี การมีการมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในส่วนของการ บริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัด CEO การวางแผนและการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหา ความยากจนการดำเนินการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การแก้ไขปัญหาสังคม ปัญหาภัยพิบัติร้ายแรงต่าง ๆ ส่วนประเด็นงานสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ โครงการ SML ที่ดินทำกิน โครงการ ต้นแบบคนรวยช่วยคนจน โครงการถนนคอนกรีตเสริมไม้ไผ่ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การก่อ สร้างฝายต้นน้ำลำธาร การป้องกันแผ่นดินไหว ภัยหนาว ไข้หวัดนกอุบัติเหตุบนถนนหลวง ประปาหมู่บ้าน เงินสะสมในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปัญหาขยะ ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ การเร่งรัดการเบิกจ่าย งบประมาณและการดำเนินการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานต่าง ๆ ให้ประชาชนได้รับทราบ สำหรับ แนวทางปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลในด้านสังคม ได้แก่ การให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข มีครอบครัวและคน ในสังคมที่เข้มแข็ง แก้ไขปัญหาพฤติกรรมที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน และยุทธศาสตร์การปรับปรุง คุณภาพด้านการศึกษา รวมทั้งได้ชี้แจงนโยบาย แนวทาง และมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีการผลิต ปี พ.ศ. 2548-2549 การมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงาน ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ในส่วนของการปรับโครงสร้างการผลิตและแก้ไขปัญหาความยากจน การแก้ไขปัญหาไข้หวัด นก งานมหกรรมพืชสวนโลก และแนวทางการบริหารราชการและการบริหารงบประมาณ โดยที่การ บริหารงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ระบบ GFMIS เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อส่วน ราชการและจังหวัด โดยใช้บันทึกแผนข้อมูลการปฏิบัติงาน แผนการใช้จ่ายงบประมาณใช้อนุมัติในการจัด สรรการโอนเปลี่ยนแปลงการเบิกจ่าย และการรายงานผล ตลอดจนใช้ในการติดตามเหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง จากการประชุมดังกล่าว กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดให้เป็นไปตาม นโยบายสำคัญของรัฐบาลและตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดโดยให้มีการติดตามและรายงานผลเป็น ระยะ
|
|||||||||||||||||||||
| 3671 | การจัดสร้างห้องเรียนของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย | นร | 18/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอขอ
รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการจัดตั้งชั้นเรียนของวิทยาเขตนครศรีธรรมราช ณ วัดหลักเมือง จังหวัดปัตตานี ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วงเงินทั้งสิ้น 12 ล้านบาท ในส่วนของค่า ก่อสร้างอาคารเรียน รวมเป็นเงิน 6 ล้านบาท ห้องประชุมและศาลาอเนกประสงค์ เป็นเงิน 3 ล้านบาท รั้วและการปรับปรุงภูมิทัศน์ เป็นเงิน 3 ล้านบาท และให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำรายละเอียดโครงการ เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3672 | การปรับปรุงคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย | ทส | 11/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอปรับปรุงองค์
ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นกรรมการ มีอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการ ฯ ดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ในการ ตัดสินกำหนดแนวนโยบาย ท่าทีและบทบาทของประเทศไทยที่เกี่ยวกับพันธกรณี และโครงการพัฒนาลุ่ม แม่น้ำโขงพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนงานด้านต่าง ๆ รวมทั้งแผนด้านการเงินที่สอดคล้องกับการพัฒนา ลุ่มน้ำโขง ประสานนโยบาย กำกับและประเมินผล พิจารณาปัญหา/อุปสรรค และกำหนดแนวทางแก้ไข สำหรับการดำเนินการพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน ส่งเสริมและประสานความร่วมมือกับประเทศภาคี องค์ กร/ประเทศผู้อุปถัมภ์ เสริมสร้างสมรรถนะ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของหน่วยงาน/องค์กรที่เกี่ยวข้อง ของไทยและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการดำเนินการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน และให้กรมทรัพยากรน้ำ ทำหน้าที่เป็นสำนักเลขาธิการคณะกรรมการ ฯ ดังกล่าว สำหรับองค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยในคณะ มนตรีและคณะกรรมการร่วมในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนไทยในคณะมนตรีในคณะกรรมาธิการฯ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนไทยในคณะกรรมการร่วมในคณะกรรมาธิการ ฯ รองปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านทรัพยากรน้ำในแผ่นดิน ผู้แทนไทยสำรองในคณะกรรม การร่วมในคณะกรรมาธิการฯ และอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ผู้แทนไทยสำรองในคณะกรรมการร่วมในคณะ กรรมาธิการ ฯ |
|||||||||||||||||||||
| 3673 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการพัฒนามาตรฐานสปาเพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ | สสป | 04/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง แนวทางการพัฒนามาตรฐานสปาเพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมทั้งรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการ ของกระทรวง สาธารณสุข ในประเด็นต่าง ๆ อาทิ การปรับปรุงกฎระเบียบของรัฐให้สอดคล้องกับการให้บริการและเอื้อต่อ การพัฒนา และการดำเนินงานของสถานประกอบการ ได้มีการปรับปรุง กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องให้มีความทัน สมัย สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพของเอเชีย ส่วนการส่งเสริมให้มี การศึกษาแพทย์แผนไทยและบริการสปาในสถานศึกษานั้น ขณะนี้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ได้เปิดหลักสูตร ระดับปริญญาตรีแพทย์แผนไทยประยุกต์และสปา หรือเป็นวิชาเลือกในระดับปริญญาตรีในสถานศึกษาต่าง ๆ และได้พัฒนาหลักสูตรสปาในสถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในระดับ ปวส. และ ปวช. รวมทั้งพัฒนา หลักสูตรมาตรฐานของการฝึกอบรมระยะสั้นของสปาเพื่อสุขภาพ (ระยะเวลา 3-6 เดือน หรือประมาณ 330 ชั่วโมง) และ/หรือพัฒนาหลักสูตรมาตรฐานเป็นรายหมวดวิชา (Module) เพื่อให้ผู้ดำเนินการสปาสามารถ เรียนเพิ่มเติมความรู้ตามความสนใจในหน่วยฝึกอบรมของรัฐและเอกชน สำหรับการส่งเสริมการนวดพื้นบ้าน และภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวให้มีความหลากหลายมากขึ้น ได้มีการส่งเสริมพัฒนาการ นวดไทยประเภทต่าง ๆ และดำเนินการอบรมให้แก่ผู้นวดประเภทต่าง ๆ และพัฒนาครูฝึกของกรมพัฒนาการ แพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในระดับภาคและระดับจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว เช่น เชียง ใหม่ เชียงราย ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา ฯลฯ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในเชิงสุขภาพ เป็นต้น โดยให้ กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่าง เป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 3674 | ภาพรวมและแนวทางการแก้ไขปัญหากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน กลุ่มที่ 2 และจังหวัดกาฬสินธุ์ | นร | 04/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอดังนี้
เห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน กลุ่มที่ 2 และกรอบยุทธ ศาสตร์การพัฒนาและแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่มีความเห็นเพิ่มเติมในประเด็นการพัฒนาทรัพยา กรมนุษย์และคุณภาพชีวิต เกี่ยวกับการเสริมสร้างความอบอุ่นและเข้มแข็งให้แก่สถาบันครอบครัว เนื่องจาก ครอบครัวเป็นศูนย์รวมของสมาชิกทุกกลุ่มวัยและเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาคมและสังคมโดยส่งเสริม ให้มีกิจกรรมครอบคลุมทุกกลุ่มวัยในครอบครัว และความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับกรอบยุทธ ศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน กลุ่ม 2 ควรเน้นการขยายฐานการผลิตและ การลงทุนอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้ทรัพยากรในประเทศเพื่อนบ้านภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ กับประเทศเพื่อนบ้าน (GMS และ ACMECS) และการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิ ภาพและรักษาดุลยภาพของสิ่งแวดล้อม ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย และเห็นชอบในหลัก การแผนงานโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน กลุ่มที่ 2 และแผนงานโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาและแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยใน ส่วนของโครงการแก้ไขปัญหาน้ำทั้งระบบ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในช่วงฤดูฝน ให้ดำเนิน การให้ครอบคลุมการบริหารจัดการปัญหาต้นน้ำและท้ายน้ำด้วย สำหรับโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการ ผลิตการเกษตร และโครงการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยง East West Economic Corridor เห็นชอบ ในหลักการให้ดำเนินการได้ ส่วนโครงการปรับปรุงถนน 4 ช่องจราจรของกลุ่มจังหวัด และโครงการปรับ ปรุงสนามกีฬาจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รับไป พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดความจำเป็นและเหมาะสมของโครงการก่อน ทั้งนี้ ให้ กระทรวงที่เกี่ยวข้องตามแผนงานโครงการรับไปจัดทำรายละเอียดโครงการ เพื่อเสนอขอรับการสนับสนุน งบประมาณ ตามความจำเป็นต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3675 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การลดการใช้พลาสติกและโฟม (ตุลาคม 2547 - กรกฎาคม 2548) | ทส | 04/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ
รายงานผลการดำเนินการลดการใช้พลาสติกและโฟม ระหว่างเดือนตุลาคม 2547-กรกฎาคม 2548 โดยได้ ดำเนินการทั้งมาตรการระยะสั้นและมาตรการระยะยาว ในส่วนของมาตรการระยะสั้น ได้แก่ มาตรการจัดการ พลาสติกและโฟมในอุทยานแห่งชาติ และแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและ พันธุ์พืช ได้ออกประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ ฯ จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ ประกาศห้ามนำภาชนะที่ทำด้วยโฟม เข้าไปในอุทยานทั่วประเทศ และประกาศการนำบรรจุภัณฑ์เข้าไปในบริเวณพื้นที่ควบคุมพิเศษในอุทยานแห่ง ชาติ โดยใช้กับอุทยานทั่วประเทศแล้ว จำนวน 148 แห่ง มาตรการด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์โดยหน่วย งานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์การลดการใช้พลาสติกและโฟมผ่านสื่อสัมพันธ์ต่างๆ อย่างต่อ เนื่อง มาตรการด้านเทคโนโลยี ได้มีการส่งเสริมกิจการรีไซเคิลพลาสติกและโฟมในกิจการประเภท 7.21 กิจ การนำวัสดุที่ไม่ต้องการใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ และกิจการวัสดุที่ย่อยสลายได้หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรม ชาติทดแทนการใช้พลาสติกและโฟมในกิจการประเภท 1.28 มาตรการด้าน กฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยา ลัย ได้เสนอแผนยุทธศาสตร์สำหรับการจัดการบรรจุภัณฑ์และของเสียบรรจุภัณฑ์ เสนอแนะการปรับปรุงกฎ หมายเพื่อผลักดันการบังคับใช้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว ส่วนมาตรการระยะยาว ได้แก่ การจัดการบรรจุภัณฑ์ พลาสติกและโฟมในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ กำหนดผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ทำจากพลาสติกใช้แล้ว ส่วนมาตรการด้านเศรษฐศาสตร์ ได้มีการเสนอผลการศึกษาตามมาตรการลดการใช้พลาสติกและโฟม ดังนี้ มาตรการลดของเสียประเภทพลาสติกและโฟมจากแหล่งกำเนิดมูลฝอยที่สำคัญ มาตรการส่งเสริมการนำพลา สติกและโฟมกลับมาใช้ใหม่ มาตรการลดการใช้พลาสติกและโฟมในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ และ มาตรการส่งเสริมด้านการตลาด สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวด ล้อม สำหรับแผนการดำเนินการต่อไปจะได้มีการรวบรวมข้อมูลและผลการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าว จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ ฯ ต่าง ๆ วิเคราะห์และประเมินผลการดำเนิน งาน เพื่อรายงานคณะรัฐมนตรีในรอบ 6 เดือนครั้งต่อไป ตลอดจนประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำ มาตรการ ฯ ดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติเพื่อลดปริมาณขยะและโฟมในสถานที่ต่าง ๆ โดยในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2549 จะดำเนินโครงการลดการใช้พลาสติกและโฟมในแหล่งกำเนิดที่สำคัญ ปี งบประมาณ พ.ศ. 2550 จะดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของท้องถิ่นในการลดและคัดแยกขยะมูลฝอย และปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จะติดตามตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการทั่วประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
| 3676 | สรุปผลการปฏิบัติราชการตรวจเยี่ยมพื้นที่อำเภอ/กิ่งอำเภอของรองนายกรัฐมนตรี | นร | 04/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติเสนอสรุปผลการปฏิบัติราชการตรวจเยี่ยมพื้นที่อำเภอ/กิ่งอำเภอ ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี เพื่อรับทราบปัญหาในพื้นที่ 14 อำเภอ 4 กิ่งอำเภอของจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยภาพรวมปัญหาหลักที่สำคัญของ จังหวัด ได้แก่ ปัญหาน้ำ (น้ำท่วม น้ำแล้ง) ปัญหาการคมนาคมขนส่ง ปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาด้านสังคม และ ปัญหาด้านอื่น ๆ ในด้านการท่องเที่ยว และการพัฒนาอาชีพ/OTOP ของประชาชน ซึ่งประเด็นปัญหาตามข้อ เสนอของประชาชนส่วนใหญ่ จะไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด จึงได้มีแนวทางและข้อสั่งการใน การแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ ดังนี้ ควรดำเนินการขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติที่ตื้นเขิน ทำแก้มลิง และสร้างฝาย ในลำน้ำ ดำเนินการปรับปรุงถนนลาดยางตามมาตรฐานกรมทางหลวงชนบทให้ครอบคลุมทุกอำเภอ และก่อ สร้างปรับปรุงเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน และแหล่งท่องเที่ยว แก้ไขปัญหาเอกสารสิทธิ์ ในดินทำกินที่ทับซ้อนกับที่ดินของรัฐในเขตป่าสงวน เขตอ่างเก็บน้ำ เขต สปก. และพื้นที่สาธารณะประโยชน์ การสร้างโอกาสเพิ่มทางเลือกการศึกษา พัฒนาคุณภาพโรงเรียนเป็นโรงเรียนในฝันทุกอำเภอ ปรับปรุงอาคาร เรียน สภาพแวดล้อมจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอน คอมพิวเตอร์ และแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากร การ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การพัฒนาอาชีพเสริมสินค้า OTOP ปัญหายาเสพติด และปัญหาราษฎรยังไม่ได้รับเงิน ชดเชยน้ำท่วมปี 2547 โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปเร่งรัดดำเนินการ และรายงานรองนายก รัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ซึ่งกำกับดูแลกลุ่มจังหวัดโดยตรง และให้จังหวัดกาฬสินธุ์ปรับเปลี่ยนงบ ประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ (CEO) และงบโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน (SML) ดำเนินแผนงาน /โครงการ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนแผนงาน/โครงการขนาด ใหญ่ไปพิจารณาผนวกใน Mega projects ตามแผนของกระทรวง และให้จังหวัดติดตามและประสานกับส่วน ราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันแผนงาน/โครงการ ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
| 3677 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังหลวง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... | กษ | 20/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังหลวง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... ที่สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนใน ท้องที่ตำบลวังหลวง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการปรับปรุงพนัง กั้นลำน้ำและก่อสร้างอาคารประกอบตามโครงการปรับปรุงพนังกั้นลำน้ำยัง และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 3678 | ขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 22 เมษายน 2539 วันที่ 29 เมษายน 2540 วันที่ 25 กรกฎาคม 2543 และวันที่ 3 เมษายน 2544 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการเขื่อนโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ | กษ | 20/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (ฝ่าย
สาธารณสุข การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (เดิม) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตร และสหกรณ์เสนอให้มีการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2539 วันที่ 29 เมษายน 2543 และวันที่ 3 เมษายน 2544 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการเขื่อนโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ และอนุมัติ ให้กรมชลประทานดำเนินการศึกษาโครงการต่อไปได้ พร้อมทั้งรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่น กรอง ฯ ที่เห็นควรมีการปรับปรุงข้อมูลโครงการให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน และทบทวนความเหมาะสมของโครง การ และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมทั้งการดำเนินงานควรพิจารณา ร่วมกับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอื่น ๆ ในระบบลุ่มน้ำชี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2547 ที่ให้มีการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำแบบบูรณาการครอบคลุมการฟื้นฟูลุ่มน้ำ การชะลอการไหล ของน้ำ การใช้ประโยชน์และการกระจายน้ำ ตลอดจนช่วยเหลือเกษตรกรหรือราษฎรที่ได้รับผลกระทบด้วย นอกจากนี้ กรมชลประทานได้ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างเขื่อนหัวงานและอาคารประกอบโครงการ ตั้งแต่ วันที่ 29 กันยายน 2538 ในวงเงิน 200,223,995.39 บาท ระยะเวลาก่อสร้าง 900 วัน และได้นำสัญญา แบบปรับราคาได้มาใช้ในเงื่อนไขของสัญญาด้วยซึ่งระยะเวลาเปิดซองประกวดราคาจนถึงวันที่จะส่งมอบงาน ตามสัญญานี้นานประมาณ 10 ปี จึงควรเปรียบเทียบวงเงินของค่าปรับราคาค่างานที่ควรจะเป็นและวงเงิน ค่าใช้จ่ายดำเนินงานเบื้องต้นทั้งหมดที่ผู้รับจ้างสามารถเรียกร้องได้ตามสัญญาเดิม กรณียกเลิกสัญญา และ ดำเนินการประกวดราคาใหม่ อีกทั้งความพร้อมของผู้รับจ้างรายเดิมที่จะให้ดำเนินการจ้างต่อเพื่อใช้เป็นข้อ มูลประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในโอกาสต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 3679 | การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการกำกับนโยบายราคากลางงานก่อสร้าง | นร | 20/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับนโยบายราคากลาง
งานก่อสร้าง โดยมีรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี (ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย) เป็นประธานกรรมการ และ กรรมการอื่นอีก 22 คน เป็นองค์ประกอบคณะกรรมการ กำหนดให้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารและการจัด การเกี่ยวกับราคากลางที่ครอบคลุมมากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
| 3680 | ขอทบทวนการอนุมัติขยายเวลาการเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ผูกพันเป็นกรณีพิเศษ | สผ | 20/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการขยายเวลาการเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ผูกพันเป็น
กรณีพิเศษ ในโครงการปรับปรุงสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา โดยเห็นชอบให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2548 เรื่อง การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ (ราย จ่ายลงทุน) ประจำปี พ.ศ. 2548 และการเตรียมการสำหรับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2549 โดยเคร่งครัด ต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง หากไม่สามารถเร่งรัดการดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณปี พ.ศ. 2546 ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2548 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวได้ ให้สำนัก งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ซึ่งได้รับไปเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนที่ขาด โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
.....
