ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 183 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3641 - 3660 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3641 | มาตรการในการจัดระเบียบหอพัก | พม | 27/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่ายการ
ท่องเที่ยว กีฬา พุทธศาสนา แรงงานและการพัฒนาสังคม) ที่มีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอเพิ่มเติม ดังนี้ เห็นชอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์เป็นเจ้าภาพหลักในการควบคุมดูแลธุรกิจและการเข้าพักของนักศึกษาในฐานะเป็นผู้รักษาการ ตามพระ ราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2507 และพระราชกฤษฎีกาแก้ไขบทบัญญัติให้สอดคล้องกับการโอนอำนาจหน้าที่ ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 พ.ศ. 2545 และ รับทราบมาตรการจัดระเบียบหอพักรวม 7 มาตรการ ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน ได้แก่ การรณรงค์ให้ผู้ประกอบการหอพักมีการดำเนินงานที่ถูกต้องตามพระ ราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2507 การกำหนดระยะเวลาในการจดทะเบียนหอพัก การกำหนดระยะเวลาผ่อนผัน ในการจดทะเบียนหอพัก การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังหลังพ้นกำหนดระยะเวลาผ่อนผัน การให้ทุกภาค ส่วนมีส่วนร่วมในการจัดระเบียบหอพัก การให้สิทธิประโยชน์เพื่อสร้างแรงจูงใจแก่ผู้ประกอบการหอพักที่ ดำเนินกิจการถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ในเรื่องของการยกเว้นภาษี การลดอัตราภาษี เป็นต้น ในส่วนราย ละเอียดจักหารือกับกระทรวงการคลังต่อไป และการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้มีการปรับปรุงหอพักให้มี มาตรฐานตามที่กำหนด โดยจัดหาแหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือไม่มีดอกเบี้ย |
|||||||||||||||||||||
| 3642 | รายงานผลการติดตามมาตรการเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2548 ครั้งที่ 6/2548 | นร | 27/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง
ชาติเสนอรายงานผลการติดตามมาตรการเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2548 ครั้งที่ 6/2548 ผลของมาตรการ ต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2548 ได้ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจ ขยายตัวได้ดีขึ้นในครึ่งหลังของปีโดยในไตรมาสที่สามเศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 5.3 และมีอัตราการขยายตัว เฉลี่ย 9 เดือนแรกร้อยละ 4.4 สูงขึ้นจากร้อยละ 3.9 ในครึ่งปีแรก ผลการดำเนินมาตรการช่วยกระตุ้นการขยาย ตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 1.34 ในด้านเสถียรภาพการดำเนินมาตรการช่วยลดแรงกดดันไม่ให้ อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นรวดเร็วเกินไปซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจชะงักงัน หากไม่ได้มีการควบคุมราคาสินค้าอัตราเงินเฟ้อ ในครึ่งหลังของปีจะสูงถึงร้อยละ 7.9 และทำให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีเท่ากับร้อยละ 5.6 นอกจากนี้ การดำเนิน มาตรการเพื่อสร้างเสถียรภาพได้ลดความรุนแรงของการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้ประมาณ 1,436 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ ฯ ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการ และติดตามผลของมาตรการเศรษฐกิจที่สำคัญ มาตรการที่มีความ สำคัญสูงและต้องติดตามเร่งรัดหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง อาทิ การปรับราคาน้ำมันดีเซลให้สะท้อนต้นทุนราคา น้ำมันที่แท้จริง โดยรัฐบาลยังให้การสนับสนุนด้วยการลดภาษีสรรพสามิต (มาตรการที่ 1) การปรับเพิ่มฐาน เงินเดือนข้าราชการขึ้น ร้อยละ 5 โดยยังคงเงินค่าส่วนเพิ่มที่รัฐบาลได้ปรับเพิ่มให้ก่อนหน้านี้แล้ว และรวมถึง การปรับฐานเงินเดือนของข้าราชการบำนาญ ร้อยละ 5 (มาตรการที่ 2) เป็นต้น และมาตรการที่มีลักษณะ เป็นการดำเนินงานประจำของหน่วยงาน การปรับปรุงกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์การทำงาน อาทิ สนับสนุนให้ ภาคเอกชนปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้เหมาะสมกับภาวะค่าครองชีพและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายทั้งนายจ้างและ ลูกจ้าง รวมทั้งพิจารณาให้เหมาะสมกับระดับทักษะฝีมือ (มาตรการที่ 3) การใช้หลักฐานค้ำประกันจากธนาคาร (Bank Guarantee) มาค้ำประกันการส่งมอบงานของผู้รับเหมา (มาตรการที่ 9) เป็นต้น และมอบหมายหน่วย งานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปศึกษาและปรับปรุงการดำเนินการในขั้นตอนตามปกติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3643 | การจัดทำแผนปฏิบัติราชการ 4 ปีของส่วนราชการ | นร | 27/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
รับทราบสรุปรายงานภาพรวมของงบประมาณตามยุทธศาสตร์แผนการบริหารราชการแผ่นดินของทั้ง 20 กระทรวง ในปี พ.ศ. 2549 และการปรับปรุงแผนปฏิบัติราชการของกระทรวงต่าง ๆ ตามแนวทางของที่ ประชุมเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2548 กับเห็นชอบแผนปฏิบัติราชการของกระทรวงที่ได้ปรับปรุงแล้ว และ ให้กระทรวงดำเนินการลงนามในคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปี พ.ศ. 2549 ต่อไป รวมทั้งเห็นชอบ ข้อเสนอแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติราชการปี พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2551 โดยให้กระทรวงและส่วนราชการ ต่าง ๆ ปรับปรุงแผนปฏิบัติราชการดังกล่าวเพื่อใช้ในการจัดทำคำของบประมาณประจำปี พ.ศ. 2550
|
|||||||||||||||||||||
| 3644 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 | นร | 27/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ..
(พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 ที่สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยได้แก้ไขรูปแบบของร่างกฎกระทรวง จากการปรับปรุงทั้ง ฉบับเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมแก้ไขถ้อยคำจาก "ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)" เป็น "ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) ที่ บันทึกหรือถ่ายทอดเกมการเล่นทุกชนิด" และแก้ไขวันใช้บังคับเป็นให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบ วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
|
|||||||||||||||||||||
| 3645 | ผลการดำเนินงานของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ส่วนแยกจังหวัดยะลา (สทท.11 ยะลา) | นร | 27/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการดำเนินงานของ
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดยะลา ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2548 คณะที่ปรึกษาด้านการ พัฒนารายการทาง สทท. 11 ยะลา ได้มีการประชุม ฯ เห็นควรขยายช่วงเวลาการออกอากาศรายการท้องถิ่น ของ สทท.11 ยะลา จากวันละ 3 ชั่วโมง เป็น 8 ชั่วโมง และควรออกอากาศเป็น 2 ภาษา คือ ภาษาไทยและ มลายูถิ่น รายการที่ออกอากาศจะต้องสอดคล้องและเหมาะสมกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดย ปัจจุบัน สทท.11 ยะลา ได้มีการปรับปรุงผังรายการแล้ว และได้ออกอากาศรายการท้องถิ่นวันละ 8 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเวลา 09.00-12.00 น. และช่วงเวลา 13.00-18.00 น. รายการที่ได้รับความนิยม ได้แก่ รายการ ถ่ายทอดสดการละหมาดดารอเวียะจากกรุงเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ในช่วงเดือนรอมฎอน รายการริน น้ำใจสู่พี่น้องชาวใต้เพื่อสอนเสริมในวิชาต่าง ๆ ช่วงเตรียมตัวสอบเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย หลังจากได้มี การปรับผังรายการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2548 ปรากฎว่า มีการตอบรับที่ดี ทั้งจากหน่วยงานในพื้นที่ อาทิ จังหวัดยะลา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และหน่วยงานผู้ร่วมผลิตรายการ อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งได้ ทำการประเมินผล "รายการรินน้ำใจสู่พี่น้องชาวใต้ ฯ" พบว่า คุณภาพในการถ่ายทอดสัญญาณเสียงและ ภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีนักเรียนที่รับชมรายการประมาณ 70% ของนักเรียนที่เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย และนักเรียน ครู อาจารย์ ผู้ปกครองมีความพึงพอใจมาก และต้องการให้ดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
| 3646 | การดำเนินการประกวดราคาทางอิเล็คทรอนิกส์ (e-auction) | นร | 27/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการดำเนินการประกวดราคาทางอิเล็ก
ทรอนิกส์ (e-auction) โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ชะลอการดำเนินการประกวด ราคาทางอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะขั้นตอนการให้เอกชนเสนอราคา ในแผนงาน โครงการต่าง ๆ ในความรับผิด ชอบ ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปไว้ก่อน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยว กับเรื่องนี้แล้ว ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำลังดำเนินการเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแก้ ไขกฎ ระเบียบ และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2548 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการสมยอมราคาในการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-auction) และคาดว่า จะประกาศใช้เป็นแนวปฏิบัติได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นไป โดยในระหว่างนี้ให้ส่วน ราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ สามารถดำเนินการในขั้นตอนอื่น ๆ เช่น การออกประกาศเชิญ ชวนให้ผู้ประกอบการเตรียมเสนอราคา เป็นต้น ไว้ล่วงหน้าไดญ
|
|||||||||||||||||||||
| 3647 | การปรับปรุงโครงสร้างกรมประชาสัมพันธ์ | นร | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอการแปรสภาพวิทยุกระจาย
เสียงแห่งประเทศไทย สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) และสถาบันการประชาสัมพันธ์ เป็น หน่วยบริการรูปแบบพิเศษ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ในประเด็นเกี่ยวกับการโฆษณา นั้น ให้สถานี วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) มีโฆษณาได้เฉพาะ โฆษณาที่เป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์ขององค์กร (corporate image) เท่านั้น โดยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจให้ความสนับสนุนในการจัดทำรายการได้ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะ รัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์ ฯ ควรให้ความสำคัญกับการออกอากาศรายการที่เป็น การเสริมสร้างศักยภาพขององค์กร (capacity building) การสาธิต หรือฝึกปฏิบัติในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับ ประเพณีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ อันเป็นเอกลักษณ์และภูมิปัญญาของไทย เพื่อเผยแพร่แก่ชาวต่างชาติด้วย เช่น การปรุงอาหารไทย เป็นต้น โดยให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) รับไปพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้ว่าการการท่อง เที่ยวแห่งประเทศไทย และผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง แล้วดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3648 | การปรับปรุงการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ การกำหนดราคากลาง (รวมทั้งการกำหนดค่า K) | นร | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุงการประกวดราคาทาง
อิเล็กทรอนิกส์ การกำหนดราคากลาง (รวมทั้งการกำหนดค่า K) โดยที่การประกวดราคาในการจัดซื้อจัด จ้างภาครัฐมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงโดยตรงกับการกำหนดราคากลางและการกำหนดค่า K ในหลักการผล การประกวดราคาที่พึงประสงค์ควรเป็นราคาที่เหมาะสมเป็นธรรมกับทุกฝ่าย กล่าวคือเป็นราคาที่สอดคล้อง กับราคากลาง และความเป็นไปได้ในทางธุรกิจที่ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจของตนเองได้ โดยมีผล กำไรตามสมควร ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่เป็นราคาที่สูงจนเป็นภาระด้านงบประมาณแก่ภาครัฐควรที่จะได้มี การพิจารณาปรับปรุงการกำหนดราคากลาง รวมทั้งค่า K ให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ในปัจจุบัน และสอดคล้องกับแนวทางการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว จึงมอบให้รัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการกำกับนโยบายราคากลางงานก่อสร้างรับเรื่องดังกล่าวไป ประชุมพิจารณาในคณะกรรมการต่อไป โดยให้เชิญรัฐมนตรีที่มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวข้อง เช่น รอง นายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) และรัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) เป็นต้น เข้าร่วมการประชุมด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 3649 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ [Government Fiscal Management Information System : GFMIS] และการจัดหาพัสดุโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) (ยกเลิกโดยมติ 6027/53) | กค | 29/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอดังนี้ อนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี
เกี่ยวกับการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) และการจัดหาพัสดุโดยการ ประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) จำนวน 7 ฉบับ และเห็นชอบหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหาร การเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) และการจัดหาพัสดุ โดยการประมูลด้วยระบบอิ เล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ตามความเห็นกระทรวงการคลัง ดังนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รวบรวมข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง โดยการเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกหน่วยมารวมไว้ที่ศูนย์ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างและ พัสดุภาครัฐ (www.gprocurement.go.th) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการค้นหา ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์ การมหาชน และหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ลงประกาศความต้องการในการจัดซื้อจัดจ้าง/การประกวดราคา ทุกรายการ ทุกวงเงิน สำหรับการดำเนินการกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ ให้เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางในเว็บ ไซต์ศูนย์ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างและพัสดุภาครัฐ และเว็บไซต์ของหน่วยงาน (ถ้ามี) เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ ทราบล่วงหน้าและเกิดการแข่งขันกันอย่างแท้จริงในการเสนอราคา อันจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ทางราช การต่อไป การจัดซื้อจัดจ้างใด ๆ ที่เริ่มกระบวนการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นไป ให้ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐทุกแห่ง ดำเนินการตามระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Procurement : e-GP) ของกระทรวงการคลังโดยการจัดซื้อจัดจ้างทั่ว ไปที่มีมูลค่าไม่สูงมากนักให้ใช้วิธี e-Shopping ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างที่มีมูลค่าการดำเนินงานสูง หรือการ ประมูลแข่งขันเรื่องราคาหรือผลประโยชน์อื่นที่เสนอให้รัฐหรือต้องมีการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้นหรือ ข้อเสนอทางเทคนิคก่อน (perqualification) ก็ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องดำเนินการให้เรียบร้อยก่อน แล้ว จึงให้ผู้ประกอบการได้แข่งขันกันประมูลราคา หรือผลประโยชน์อื่นที่เสนอให้รัฐด้วยวิธี e-Auction ต่อไป หากหน่วยงานใดไม่สามารถดำเนินการได้ตามกำหนดเวลาดังกล่าว ให้รายงานเหตุผลความจำเป็นให้ นายกรัฐมนตรีทราบด้วย เมื่อดำเนินการดังกล่าวแล้วให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องนำผลการคัดเลือกในการ จัดซื้อจัดจ้างครั้งนั้น ๆ ลงในเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและเว็บไซต์ของหน่วยงาน (ถ้ามี) เพื่อให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ฝึกอบรมบุคลากรและเพิ่มจำนวนผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อรองรับการดำเนินการตามระบบการบริหารการเงิน การคลังภาครัฐสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้เพียงพอและอยู่ประจำ ไม่สับเปลี่ยนหน้าที่บ่อย และให้ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานในเรื่องนี้ในภาพรวมแล้วรายงานคณะรัฐมนตรีต่อไป และให้หน่วยงานภาค รัฐรายงานความก้าวหน้าในระบบ e-Auction ตามระบบที่กระทรวงการคลังกำหนดโดยกระทรวงการคลัง จะได้รวบรวมความคืบหน้าควบคู่กับการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเสนอคณะรัฐมนตรีในภาพรวมทุก 3 เดือน ส่วนราชการใดที่ยังไม่มี website ของตนเอง ให้รายงานเหตุขัดข้องให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 3650 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางและมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยราชการของไทย | สสป | 29/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎ
หมายพลังงาน ระบบราชการและการประชาสัมพันธ์) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางและมาตรการในการป้องกันและ แก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยราชการของไทย โดยมีข้อเสนอแนะดังนี้ในส่วนของมาตรการ ที่ต้องดำเนินการตามลักษณะงานของหน่วยงาน แนวทาง/มาตรการสำหรับการจัดการปัญหาในหน่วยงานที่มี อำนาจมากจะต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางอำนาจ ยกเลิกการใช้ดุลยพินิจอย่างเบ็ดเสร็จในหน่วยงานที่ มีอยู่ตามโครงสร้างกฎหมายเดิม มาตรการสำหรับหน่วยงานที่มีงบประมาณมาก ให้มีการปรับปรุงกฎหมาย เพื่อลดโอกาสการทุจริต เพิ่มประสิทธิภาพและสนับสนุนงบประมาณด้านการตรวจสอบ และให้มีการแสดง บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินแก่สาธารณะ ก่อนและหลังเข้าดำรงตำแหน่ง ของตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ สำหรับมาตรการที่ต้องดำเนินการสำหรับทุกหน่วยงาน ต้องมีการส่งเสริมมาตรการด้านจริยธรรม คุณธรรม และความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน ส่งเสริมการเข้ามามีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการบริหารและตรวจสอบ การทำงานของรัฐ และเพิ่มบทบาทและความเข้มแข็งให้แก่องค์กรทั้งภายในและภายนอกองค์กร และมาตรการ อื่น ๆ ที่จะมีส่วนสนับสนุนการแก้ไขปัญหา ควรมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวกับ "การคอร์รัปชัน ทางนโยบาย" หรือ "คอร์รัปชันที่มีลักษณะของผลประโยชน์ทับซ้อนให้มากขึ้น นำผลการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวกับ การทุจริตและประพฤติมิชอบที่ได้มีการดำเนินการเสร็จแล้วไปใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง นอกจากนี้ การดำเนิน การศึกษาวิจัยควรมีผู้ปฏิบัติงานซึ่งมีประสบการณ์ในเหตุการณ์จริงเป็นผู้ร่วมดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวง ยุติธรรม รับผิดชอบและประสานงานติดตามผลการดำเนินงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการนำความเห็น และข้อเสนอแนะดังกล่าวไปดำเนินการ และรายงานให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบแล้วเปิด เผยให้สาธารณชนทราบตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปและให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติ เป็นหลักการในกรณีที่ได้รับมอบหมายให้พิจารณาความเห็นหรือข้อเสนอแนะที่สภาที่ปรึกษา ฯ เสนอต่อคณะ รัฐมนตรีให้เร่งรัดดำเนินการแจ้งผลการพิจารณาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วน รวมทั้งให้พิจารณาว่าการ กำหนดนโยบายในเรื่องใดอาจมีผลกระทบถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคมส่วนรวม สมควรได้รับฟังความคิดเห็น เพื่อประกอบการพิจารณานโยบายในเรื่องนั้น ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2543 เสนอเรื่องดังกล่าวมายังคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาส่งเรื่องให้สภาที่ปรึกษา ฯ พิจารณาให้คำปรึกษาเพื่อเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3651 | ขอปรับปรุงคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามมติคณะรัฐมนตรี (คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ) (จำนวน 10 คน) | คค | 29/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ
ผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ โดย มีนายมหิดล จันทรางกูร เป็นประธานกรรมการ มีอธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ เป็นกรรมการและเลขานุ การ สำหรับอำนาจหน้าที่ให้คงไว้เช่นเดิม ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่อง และการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
| 3652 | รายงานผลการติดตามมาตรการเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2548 (ครั้งที่ 5/2548) | นร | 29/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รายงานผลการติดตามมาตรการเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2548 ครั้งที่ 5/2548 โดยผลของมาตรการ ต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2548 อยู่ในเกณฑ์ดี อัตราการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ดุลการค้าขาดดุลน้อยกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากสามารถเร่งการส่งออกได้ มากขึ้นและชะลอการนำเข้าอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าการส่งออกในเดือนตุลาคมจะต่ำกว่าเป้าหมายก็ตาม การส่งออกสินค้าเกษตรที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลัง ผักผลไม้ ไก่สดแช่แข็งและแปรรูปและการ ผลิตยังขยายตัวเพิ่มขึ้น การเพิ่มรายได้ประชาชนมีส่วนช่วยให้การใช้จ่ายภาครัฐยังคงขยายตัวได้ในระดับที่น่า พอใจ ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการและติดตามผลของมาตรการเศรษฐกิจที่สำคัญ มาตรการที่เกี่ยวกับ การปรับปรุงหลักเกณฑ์และกฎระเบียบได้ดำเนินการแล้วเสร็จเป็นส่วนใหญ่ สำหรับมาตรการที่มีความสำคัญ สูงและต้องติดตามเร่งรัดหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น การปรับราคาน้ำมัน การสนับสนุนการใช้ก๊าซ NGV แก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล (มาตรการที่ 1, 19.1) การเพิ่มรายได้จากสินค้าเกษตร โดยการขยายตลาด ต่างประเทศและส่งเสริมการบริโภคในประเทศ (มาตรการที่ 4) เป็นต้น และมาตรการที่มีลักษณะเป็นการ ดำเนินงานประจำของหน่วยงาน อาทิ เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเร่งรัด การเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ผูกพันไว้กับรัฐบาล (มาตรการที่ 8 ปรับปรุงงบประมาณ ผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (มาตรการที่ 11.1) เป็นต้น ทั้งนี้ เนื่องจากการดำเนินงานตามมาตรการ เศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2548 ใกล้จะสิ้นสุดโครงการในเดือนธันวาคม 2548 ให้หน่วยงานหลักที่รับ ผิดชอบตามมาตรการย่อยทั้ง 26 เรื่อง ทำการประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานของตนเองในระยะที่ผ่าน มาว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อย่างไร รวมทั้งมีข้อเสนอแนะอย่างไรเพื่อใช้เป็นแนวทางจัดทำมาตรการ ในปี 2549 โดยขอให้ส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติภายในวันที่ 10 ธันวาคม 2548 เพื่อรวบรวมเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3653 | ผลการประชุมสุดยอดระดับโลกว่าด้วยสังคมสารสนเทศ ช่วงที่ 2 | ทก | 29/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เกี่ยวกับผลการประชุมสุดยอดระดับโลกว่าด้วยสังคมสารสนเทศ (World Summit on the Information Society หรือ WSIS) ช่วงที่ 2 ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงตูนิส ประเทศตูนิเซีย ระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2548 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ โดยสาระสำคัญของการประชุมได้มีการรับรองเอกสาร Tunis Commitment ซึ่งมีเนื้อหากล่าวถึงและยืนยันพันธกรณีของประชาสังคมโลกต่อข้อตกลงในการประชุม WSIS ครั้งที่ 1 โดยเน้นเรื่องสำคัญ ๆ เช่น การปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ การปรับปรุงเสริมสร้างขีดความ สามารถ การกำหนดนโยบายของภาครัฐ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุน บทบาทของสื่อมวลชน และความหลากหลายทางวัฒนธรรม ฯลฯ และการรับรองเอกสาร Tunis Agenda for the Information Society ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ การพิจารณากลไกการจัดตั้งและบริหารกองทุนสำหรับพัฒนาด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการพัฒนา และการใช้ Internet โดยภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาสังคม พร้อมทั้งได้มีมติเห็นชอบให้ประเทศสมาชิกพิจารณานำผลการประชุม WSIS ไปรวม เข้ากับการกำหนดกลยุทธ์ของประเทศในเรื่องสารสนเทศ และ e-strategies รวมทั้งแผนการพัฒนา ระดับชาติและกลยุทธ์ในการลดปัญหาความยากจนโดยให้ดำเนินการให้เสร็จก่อนปี พ.ศ. 2553
|
|||||||||||||||||||||
| 3654 | การปรับปรุงสภาพรถโดยสารประจำทางและการให้บริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | นร | 29/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงสภาพรถโดยสารประจำทาง
และการให้บริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งส่วนใหญ่มีสภาพเก่า ทรุดโทรม และมี ควันดำ ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการรับส่งผู้โดยสาร จึงเห็นควรปรับปรุงสภาพรถให้ดีขึ้น เพื่อคุณภาพ การให้บริการ โดยจัดหารถใหม่มาใช้ทดแทนรถเก่าที่เสื่อมสภาพ รวมทั้งนำรถโดยสารดังกล่าวในส่วน ที่ไม่ชำรุดมากมาซ่อมบำรุงให้เป็นรถปรับอากาศ และใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมัน ดีเซล เพื่อลดปัญหามลพิษจากไอเสียเครื่องยนต์ และนำระบบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (smart card) มาใช้ จำหน่ายเป็นตั๋วโดยสารรายเดือนโดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาดำเนินการโดย ด่วน ทั้งนี้ ให้หารือรายละเอียดกับรองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 3655 | ขอปรับปรุงคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามมติคณะรัฐมนตรี (คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ) | คค | 25/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ
ผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ โดย มีนายมหิดล จันทรางกูร เป็นประธานกรรมการ มีอธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ เป็นกรรมการและเลขานุ การ สำหรับอำนาจหน้าที่ให้คงไว้เช่นเดิม ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่อง และการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
| 3656 | การขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณ | กค | 22/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอกรอบหลักเกณฑ์การขยายเวลาเบิก
จ่ายเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2548 และที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม ว่าให้ ขยายเวลาเบิกจ่ายเฉพาะรายการหรือโครงการที่ได้ก่อหนี้ผูกพันภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2548 ที่เหลือ ให้พับไป ยกเว้นรายการหรือโครงการที่มีมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินการ รายการหรือโครงการที่ ส่วนราชการได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างจนถึงขั้นตอนที่สามารถจะลงนามในสัญญา แต่ไม่สามารถลงนาม ในสัญญาได้ทันภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2548 สำหรับกรณีที่เป็นงบประมาณรายจ่าย งบกลาง ที่ไม่เข้า กรณีที่กล่าวมา ให้ส่วนราชการขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อเปลี่ยนแปลงรายการไปดำเนิน การในรายการหรือโครงการที่จำเป็นเร่งด่วน ตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป และเห็นชอบในหลักการตาม ที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมกรณีการขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2546 ของสำนักงบประมาณ รวม 5 รายการ วงเงินรวม 305.90 ล้านบาท เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นการขอใช้ เงินเหลือของงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 รายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทาง เศรษฐกิจและสังคม และอยู่ในขั้นตอนรอลงนามในสัญญา 4 รายการ (จำนวน 26.77 ล้านบาท) และอีก 1 รายการ (จำนวน 279.13 ล้านบาท) เป็นรายการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2548 ให้นำวงเงินคงเหลือไปสนับสนุนแผนงาน/โครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ นั้น ผ่อนผันให้ขยายเวลาการ เบิกจ่ายเพื่อนำไปจัดสรรหรือใช้ในการปรับปรุงแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการไว้แล้ว แต่ยังไม่มีงบประมาณ ทั้งนี้ ให้ตกลงรายละเอียดกับกระทรวง การคลัง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 3657 | การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการการตอบแทนกลับคืนทางเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (เฉพาะกรณีความร่วมมือกับรัฐบาลประเทศสหราชอาณาจักร) | นร | 22/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
| 3658 | ความก้าวหน้าการจัดทำแนวทางการจัดทำรายงานการดำเนินงานของรัฐต่อสาธารณะรายปี | นร | 22/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานจัดทำแนวทางการรายงานการดำเนินงานของรัฐต่อสาธารณะราย ปี โดยได้กำหนดให้การรายงานควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เพื่อให้สาธารณชนสามารถเข้าใจได้รูปแบบและ วิธีการจัดทำรายงาน ไม่ควรเป็นภาระเพิ่มเติมต่อหน่วยงานมากเกินไป ควรมีการจัดการฝึกอบรมในส่วนที่ สามารถเข้าใจได้ยาก มีการปรับปรุงกระบวนการจัดทำรายงานอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของแนวทางการจัดทำ รายงานประจำปีของหน่วยงาน (Annual Report) หน่วยงานในการจัดทำรายงานเป็นหน่วยงานระดับกรม และกระทรวง กรอบรูปแบบและแนวทางการจัดทำรายงานสามารถประยุกต์ใช้ได้ทุกระดับ องค์ประกอบของ รายงานแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 : ข้อมูลภาพรวมของหน่วยงาน ส่วนที่ 2 : ผลการ ปฏิบัติราชการของหน่วยงาน ส่วนที่ 3 : รายงานการเงิน ส่วนที่ 4 : เรื่องอื่น ๆ สำหรับแนวทางการจัดทำ รายงานประจำปีของประเทศ (National Annual Report) องค์ประกอบของรายงานจะประกอบด้วย 4 ส่วน หลัก ได้แก่ ส่วนที่ 1 : ภาพรวมนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ส่วนที่ 2 : ภาพรวมการปฏิบัติ ราชการของหน่วยงาน ส่วนที่ 3 : รายงานการเงิน และส่วนที่ 4 : เรื่องอื่น ๆ โดยให้รัฐมนตรีให้ความสำคัญ และกำกับดูแลการดำเนินการของหน่วยงานในสังกัดให้เป็นไปตามแนวทางที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอและหากมีปัญหาข้อขัดข้องประการใดให้ประสานรายละเอียดกับสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติโดยตรงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3659 | ผลการศึกษาโลกาภิวัฒน์การเคลื่อนย้ายทุนระหว่างประเทศ | กค | 22/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการศึกษาโลกาภิวัฒน์การเคลื่อน
ย้ายทุนระหว่างประเทศ โดยสถานการณ์และแนวโน้มการเคลื่อนย้ายทุนระหว่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา บทบาทของภาคเอกชนในด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศขยายตัวมากขึ้น ทำให้มีการสะสมทุน ในภาคเอกชนและเป็นผลให้การเคลื่อนย้ายทุนเอกชนระหว่างประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว สำหรับรูปแบบ การเคลื่อนย้ายทุน นั้น โครงสร้างการเคลื่อนย้ายทุนจากเดิมที่เป็นการกู้ผ่านสถาบันการเงิน หรือการลง ทุนโดยตรง ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นการลงทุนในตลาดทุน เพื่อการกระจายความเสี่ยงและอยู่ในรูปกองทุน เพื่อการเก็งกำไร ปัจจุบันมีกองทุนอยู่กว่า 7,000 กองทุน และสินทรัพย์มากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนแนวทางการปรับตัวของประเทศไทยหลักการสำคัญภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์ด้านทุนระหว่างประเทศ คือ การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไม่ให้ผันผวนไปกับเงินทุนระยะสั้น และการเก็งกำไร และควรสนับ สนุนเงินทุนระยะยาว เพื่อการพัฒนาประเทศและธุรกิจ โดยแนวนโยบายในการรองรับการเคลื่อนย้ายทุน จำเป็นต้องมีการบริหารเพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายเสถียร ภาพเศรษฐกิจในระยะสั้น ได้แก่ 1) ดุลบัญชีเดินสะพัดสมดุลในระยะยาว หากขาดดุลในช่วงการลงทุนโครง การขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega project) การขาดดุลสูงสุดไม่ควรเกินร้อยละ 2.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม ในประเทศ 2) เงินสำรองระหว่างประเทศมากกว่า 3.5 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 3) การจัดอันดับ ความน่าเชื่อถือของประเทศ (Credit rating) ไม่ลด และเพิ่ม 2 อันดับ และ 4) ดุลการคลังสมดุล ส่วนแนว นโยบายในการดึงประโยชน์จากทุน มีแนวยุทธศาสตร์เพื่อดึงประโยชน์จากทุนระยะยาว ดังนี้ การดึงเงิน ทุนระยะยาว โดยเฉพาะเงินทุนจากเอเชีย การเพิ่มบทบาททุนไทยตามการค้าการลงทุนของไทยไปต่าง ประเทศ การปรับปรุงกลไกตลาดเงินและตลาดทุนในประเทศ และการสร้างกลไกดึงประโยชน์จากทุนสู่ ฐานรากเศรษฐกิจ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเห็นว่า การเคลื่อนย้ายทุนจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐ กิจและสังคมในทุกระดับ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องวางกรอบนโยบายเพื่อรองรับผลกระทบของการเคลื่อน ย้ายทุนดังกล่าว จากการศึกษาเบื้องต้นเห็นควรให้มีแนวนโยบาย 2 นโยบายหลัก คือ นโยบายแนวรับ เพื่อวางกลไกในประเทศเพื่อรองรับเสถียรภาพในประเทศระยะสั้น และนโยบายแนวรุกเพื่อสร้างกลไกดึง ประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายทุนให้สามารถสร้างประโยชน์สูงสุดกับประเทศ โดยจะได้หารือกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการพัฒนาเป็นยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติงานในรายละเอียดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3660 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิต ปี 2547/2548 | อก | 22/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล
ทราย ครั้งที่ 15/2548 วันที่ 3 พฤศจิกายน 2548 ที่มีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและ ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิต ปี 2547/2548 เป็นรายเขต 9 เขต (โดยเฉลี่ยราคาทั่วประเทศอยู่ที่ 657.65 บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส) และการเรียกเก็บเงินจากชาวไร่อ้อยในอัตราตันอ้อยละ 12 บาท จากราคาอ้อยขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี 2547/2548 คืนให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อชำระหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม รับข้อสังเกตเพิ่มเติมของ กระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับการปรับปรุงผลผลิตต่อตันอ้อย และประสิทธิภาพของโรงงานน้ำตาลในเขต คำนวณราคาอ้อยที่ 8 ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
