ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 188 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3741 - 3760 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3741 | ขอให้พิจารณาอนุมัติวงเงินงบประมาณ เพื่อดำเนินการก่อสร้างตามโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครนครราชสีมา | มท | 10/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปผลการประชุมหารือผู้เกี่ยวข้องเกี่ยว
กับการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครราชสีมา เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 โดยผลการประชุมสรุปได้ว่า เทศบาลนครนครราชสีมายินดีสมทบงบประมาณดำเนินโครงการ ฯ จากเดิม ร้อยละ 20 วงเงิน 760 ล้านบาท เป็นร้อยละ 30 วงเงิน 1,140 ล้านบาท และจะดำเนินการปรับปรุงอัตราค่าใช้ น้ำประปาให้สามารถบริการกิจการประปาให้มีกำไร เพื่อให้ถึงจุดคุ้มการลงทุนโดยเร็ว พร้อมทั้งได้ขอให้รัฐบาล จัดสรรงบประมาณ ในส่วนที่นอกเหนือจากเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งไม่เกี่ยวกับ สัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โครงการที่เสนอมีความ จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนในเขตชุมชนเมืองของนครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันมี การขยายตัวมากและมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จึงเห็นชอบในหลักการในการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการ ฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2551 วงเงิน 2,660 ล้านบาท โดยให้ถือว่า วงเงิน จำนวนดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจะจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามพระราช บัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และให้สำนัก งบประมาณรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และเพื่อให้การดำเนินโครงการ ฯ เกิดประโยชน์แก่ประชา ชนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีส่วนช่วยในการบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อื่น จังหวัดนครราชสีมาและเทศ บาลนครราชสีมาจึงควรพิจารณาดำเนินการให้ท้องที่ซึ่งเป็นทางผ่านท่อส่งน้ำดิบได้ร่วมใช้ประโยชน์เพื่อการอุป โภคและบริโภคด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3742 | การปรับปรุงเส้นทางรถไฟ และฟื้นฟูสภาพเกาะเสื่อมโทรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว | นร | 03/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุงเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพ ฯ
-หัวหิน โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) พิจารณาแนวทางการปรับปรุงการให้ บริการรถไฟสายดังกล่าวให้มีคุณภาพมาตรฐานที่ดีขึ้นและเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดิน ทางไปหัวหิน ทั้งนี้ ให้พิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับจากกรุงเทพ ฯ-หัว หิน ด้วย รวมทั้งการปรับปรุงสภาพเกาะเสื่อมโทรม โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม พิจารณาแนวทางการดำเนินการปรับปรุงฟื้นฟูสภาพเกาะที่เสื่อมโทรมและสูญเสียความเป็นธรรมชาติ เช่น เกาะต่าง ๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ให้มีสภาพใกล้เคียงกับสภาพเดิมให้มากที่สุด และอาจพิจารณาปรับพื้นที่ ถมทะเล (reclaim) โดยไม่ให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเกินความจำเป็นเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และก่อให้เกิด การลงทุนในธุรกิจการท่องเที่ยวได้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3743 | การปรับปรุงชื่อ องค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ และกลไกการปฏิบัติงานของคณะกรรมการตอบแทนกลับคืนทางเศรษฐกิจแห่งชาติ (เฉพาะกรณีความร่วมมือกับรัฐบาลประเทศสหราชอาณาจักร) | กห | 03/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอการปรับปรุงชื่อ องค์ประกอบ อำนาจหน้า
ที่และกลไกการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการตอบแทนกลับคืนทางเศรษฐกิจแห่งชาติ (เฉพาะกรณีความ ร่วมมือกับรัฐบาลประเทศสหราชอาณาจักร) ดังนี้ เปลี่ยนชื่อคณะกรรมการการตอบแทนกลับคืนทางเศรษฐ กิจแห่งชาติ เป็น คณะกรรมการการตอบแทนกลับคืนทางเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปรับปรุงองค์ประกอบ โดยเปลี่ยนประธานกรรมการ เป็นนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรับ ผิดชอบด้านการต่างประเทศ กับเปลี่ยนผู้แทนทางการค้าของไทยจากเดิมที่ระบุชื่อ เป็นกำหนดผู้ที่รับผิดชอบ งานด้านภูมิภาคยุโรป และเพิ่มเติมรองประธานกรรมการ 3 คน กรรมการ 3 คน และเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง กรรมการ 2 คน รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่และกลไกการปฏิบัติงานให้สอดคล้องและเหมาะสมกับ การดำเนินงานของคณะกรรมการ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการ ประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3744 | การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมาย รวม 4 คณะ | นร | 03/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบและ
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมาย รวม 4 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการพิจารณา ปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญา และคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุง ประมวลกฎหมายเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน บริษัท และองค์กรทางธุรกิจ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่า ด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3745 | เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 - 2548 | นร | 03/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอหลักเกณฑ์ในการใช้จ่ายเงินงบกลางประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2546-2548 และให้รัฐมนตรีและหน่วยงานถือปฏิบัติและดำเนินการต่อไป โดยให้เร่งรัดการ เบิกจ่ายเงินตามแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว กรณีที่ยังไม่มีการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันให้หน่วยงานเร่ง ดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา หากดำเนินการไม่ทันให้ถือว่า งบประมาณ ดังกล่าวมีผลพับไปดังนี้ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม (16,600 ล้านบาท) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2546 ให้ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2548 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (59,000 ล้านบาท และ 16,500 ล้านบาท) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ให้ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันให้ แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2548 และงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่ง ขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (23,400 ล้านบาท) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้ทำสัญญาก่อ หนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2548 ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณประสานเร่งรัดการเบิกจ่าย งบประมาณดังกล่าวกับหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง หากพบว่า งบประมาณในรายการใดที่ตั้งไว้ที่กระทรวง และ ยังค้างการเบิกจ่าย แต่ในทางปฏิบัติมีหน่วยงานและผู้รับผิดชอบโดยตรงชัดเจนอยู่แล้ว เช่น งบประมาณในการ ดำเนินโครงการพิเศษของรัฐบาล เช่น โครงการเชียงใหม่ซาฟารีไนท์ โครงการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่เกาะช้าง เป็นต้น ให้หารือกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อโอนงบประมาณไปให้แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง และเร่งดำเนินการ เบิกจ่ายให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเร่งด่วนในการตรวจราช การของนายกรัฐมนตรีที่ตั้งไว้ที่กระทรวงกลาโหม ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมซึ่งรับผิดชอบเรื่องนี้มาแต่เดิม รับไปประสานการดำเนินงานตามแนวทางดังกล่าวเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3746 | การปรับปรุงชื่อ องค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ และกลไกลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการตอบแทนกลับคืนทางเศรษฐกิจแห่งชาติ (เฉพาะกรณีความร่วมมือกับรัฐบาลประเทศสหราชอาณาจักร) | กห | 28/04/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอการปรับปรุงชื่อ องค์ประกอบ อำนาจหน้า
ที่และกลไกการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการตอบแทนกลับคืนทางเศรษฐกิจแห่งชาติ (เฉพาะกรณีความ ร่วมมือกับรัฐบาลประเทศสหราชอาณาจักร) ดังนี้ เปลี่ยนชื่อคณะกรรมการการตอบแทนกลับคืนทางเศรษฐ กิจแห่งชาติ เป็น คณะกรรมการการตอบแทนกลับคืนทางเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปรับปรุงองค์ประกอบ โดยเปลี่ยนประธานกรรมการ เป็นนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรับ ผิดชอบด้านการต่างประเทศ กับเปลี่ยนผู้แทนทางการค้าของไทยจากเดิมที่ระบุชื่อ เป็นกำหนดผู้ที่รับผิดชอบ งานด้านภูมิภาคยุโรป และเพิ่มเติมรองประธานกรรมการ 3 คน กรรมการ 3 คน และเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง กรรมการ 2 คน รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่และกลไกการปฏิบัติงานให้สอดคล้องและเหมาะสมกับ การดำเนินงานของคณะกรรมการ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการ ประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3747 | ขออนุมัติดำเนินการโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 7/1 เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างอุโมงค์และท่อส่งน้ำนวมินทร์-ทับช้าง ของการประปานครหลวง | มท | 26/04/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายสมชาย สุนทรวัฒน์)
เสนอขอแก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับผลตอบแทนการลงทุนของโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 7/1 (โครง การก่อสร้างอุโมงค์และท่อส่งน้ำนวมินทร์-ทับช้าง) ของการประปานครหลวง (กปน.) จากเดิม ผลตอบแทนทาง การเงิน (IRR) เท่ากับร้อยละ 16.10 และระยะเวลาคืนทุน 5 ปี 1 เดือน เป็น ผลตอบแทนทางการเงิน (IRR) เท่า กับร้อยละ 12.03 และระยะเวลาคืนทุน 3 ปี 8 เดือน และเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการปรับ ปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 7/1 (โครงการก่อสร้างอุโมงค์และท่อส่งน้ำนวมินทร์-ทับช้าง) ของ กปน. วง เงินลงทุนโครงการรวม 2,550 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินรายได้ของ กปน. จำนวน 1,550 ล้านบาท และเงินกู้ใน ประเทศ จำนวน 1,000 ล้านบาท ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้ง รับทราบการดำเนินงานของ กปน. ต่อความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ในส่วนของผลการศึกษาคัดเลือกแนวเส้นทางก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 351 สายถนนสุขาภิบาล 1-วง แหวนรอบนอกด้านตะวันออก คาดว่า จะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนมกราคม 2548 หลังจากนั้นจะเชิญหน่วย งานสาธารณูปโภคร่วมพิจารณารายละเอียดและความเหมาะสมต่อไป และหากผลการพิจารณาแล้วเสร็จทันกับการ เริ่มงานโครงการ 7/1 กปน. ก็จะปรับแผนงานก่อสร้างให้สอดคล้องกับงานของกรมทางหลวง นอกจากนี้ กระทรวง การคลัง โดยบริษัท TRIS ได้กำหนดเป้าหมายแรงดันน้ำเป็นตัวชี้วัดหนึ่งในข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงาน ของ ปกน. มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง กปน. สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายทุกปี และการลงทุนเพิ่มเติมตามโครง การ 7/1 ก็มีวัตถุประสงค์ที่จะเพิ่มศักยภาพของระบบสูบส่งน้ำให้ประชาชนได้รับน้ำด้วยแรงดันน้ำที่สูงขึ้นด้วย และ ให้ดำเนินการต่อไปได้ โ ดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการดำเนินการต่อไป อาทิ ความ เห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เห็นด้วยต่อการดำเนินโครงการ 7/1 ของ กปน. ในการ นี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทำการตรวจสอบแผนการจัดการมลพิษในพื้นที่ดังกล่าว โดยจะ พิจารณาปรับปรุงแผนเพิ่มเติมเพื่อรองรับปริมาณน้ำเสียจากแหล่งต่าง ๆ ที่จะเพิ่มขึ้น และจะประสานในรายละ เอียดกับ กปน. ต่อไป และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการก่อสร้างตามโครงการดังกล่าว กปน. ควร ประสานและติดตามความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 351 อย่างใกล้ชิด และปรับแผนงาน ก่อสร้างให้สอดคล้องกับงานของกรมทางหลวง เพื่อให้การใช้จ่ายเงินลงทุนเป็นไปอย่างเหมาะสม มีความคุ้มค่าและ ประหยัด เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3748 | ของบประมาณงบกลาง ประจำปี พ.ศ. 2548 เพื่ออุดหนุนโครงการครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน | วธ | 26/04/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้ดำเนินการโครงการ
ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ เห็น ควรอนุมัติงบประมาณภายในวงเงิน 57,964,000 บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประ มาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 53,964,000 บาท และจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของกรมการศาสนาที่ได้รับจัดสรรแล้ว จำนวน 4,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเพิ่มค่าตอบแทนครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน เป็น 2,000 บาท/ เดือน/รูป จำนวน 4,000 รูป ตามระยะดำเนินการที่คงเหลือ 5 เดือน (พฤษภาคม - กันยายน 2548) เป็นเงิน 40,000,000 บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของกรมการศาสนา ที่ได้รับจัดสรรเป็นค่าตอบแทนครูพระสอนศีลธรรม จำนวน 10,000,000 บาท ซึ่งมีงบประมาณคงเหลืออยู่ จำนวน 4,000,000 บาท และจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 36,000,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดทำสื่อ อุปกรณ์ ประกอบการอบรม สื่อการเรียนการสอนร่วมกัน ระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย การปรับปรุง หลักสูตร จัดอบรมถวายความรู้ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน จำนวน 4,000 รูป เพื่อสร้างศักยภาพใน การทำหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับของสถานศึกษา และค่าติดตามประเมินผลโครงการ พร้อมจัดทำ เอกสารเผยแพร่ เป็นเงิน 17,964,000 บาท และสำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดทำสื่อ การอบรมบุคลากรทาง ศาสนาในสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาปรับแผนการใช้ จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 มาใช้จ่ายเพื่อการนี้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3749 | การจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ ครั้งที่ 1 ปี พ.ศ. 2548 | กก | 26/04/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอิน
ดอร์เกมส์ ครั้งที่ 1 ปี พ.ศ. 2548 โดยเห็นชอบในการแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมในคณะกรรมการอำนวยการแข่ง ขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ ครั้งที่ 1 ประกอบด้วย ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย เป็นรอง ประธานกรรมการ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นกรรมการ และแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมในคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ ครั้งที่ 1 ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นกรรมการและประธานคณะกรรมการฝ่ายแพทย์และอนามัย อัย การสูงสุด และปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นกรรมการ และย้ายคณะกรรมการสาขาไฟพระกฤษ์ จากคณะกรรม การฝ่ายเทคนิคกีฬา และคณะกรรมการสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ จากคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์และ เทคโนโลยี ไปอยู่เป็นสาขาในคณะกรรมการฝ่ายอำนวยการ กับแยกคณะกรรมการสาขาการแพทย์และอนามัย จากคณะกรรมการฝ่ายเทคนิค ขึ้นเป็นคณะกรรมการฝ่ายแพทย์และอนามัย และมี 2 สาขา คือ สาขาการแพทย์ และอนามัย และสาขาควบคุมสารต้องห้าม ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจาก สาขาศูนย์ตรวจสารต้องห้าม รวมทั้งเพิ่มสาขา 2 สาขา คือ สาขาการประชุมและประสานแผน และสาขาการเงินบัญชีและงานสารบรรณ สังกัดสำนักเลขาธิ การ และเห็นชอบในการปรับปรุงแผนภูมิองค์กรบริหารกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ ครั้งที่ 1 และอนุมัติให้ใช้ Indentity Card (I.D. Card) ที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ ครั้งที่ 1 ออกให้กับประเทศ สมาชิกเพื่อนำมาใช้ควบคู่กับหนังสือเดินทางหรือเอกสารสำคัญการเดินทางแทนการตรวจลงตรา (VISA) และ สามารถพำนักอยู่ในประเทศไทยได้ 30 วัน นอกจากนี้ เห็นชอบในการจัดทำสัญญาต่าง ๆ โดยนำรูปแบบ และรายละเอียดของสัญญาที่กำหนดให้ OCA มาใช้ ทั้งนี้ ไม่ต้องส่งสัญญาดังกล่าวให้สำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณาก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3750 | การปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุนในภาพรวม | นร | 19/04/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุนสงเคราะห์ครูใหญ่และ
ครูโรงเรียนเอกชน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2548 อนุมัติในหลักการให้สนับสนุนเงินงบ ประมาณเป็นรายปี เป็นการชั่วคราว ตามความจำเป็นเหมาะสมและสอดคล้องกับกำลังเงินงบประมาณให้แก่กอง ทุนฯ ในกรณีดอกผลจากกองทุนมีไม่เพียงพอสำหรับจ่ายเพื่อเป็นสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลสำหรับครูโรงเรียน เอกชน โดยให้กระทรวงศึกษาธิการขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ นั้น โดยที่ในปัจจุบันยังมีกองทุนต่าง ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก หากผู้บริหารและหน่วยงานเจ้าของกองทุนเหล่านี้ ไม่ เร่งปรับปรุงการบริหารจัดการกองทุนให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสภาวการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างรวดเร็วจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการกองทุน และอาจเป็นภาระด้านงบประมาณแก่ภาครัฐได้เช่นเดียว กัน จึงขอให้กระทรวงการคลังรับไปศึกษาและพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการปรับ ปรุงการบริหารจัดการกองทุนต่าง ๆ ในภาพรวมให้มีประสิทธิภาพดีและสามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างมั่นคง และ นำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3751 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2548 | ทส | 19/04/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับ
มติการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2548 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2548 ซึ่งคณะกรรม การ ฯ ได้ให้การรับรองเรียบร้อยแล้ว ในการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 4/2548 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2548 ได้แก่ ความเห็นต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ระหว่างสถานีศรีราชา ถึงสถานีฉะเชิงเทรา (ส่วนขยายศรีราชา-แหลมฉบัง) ของ การรถไฟแห่งประเทศไทย ความเห็นต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาท่าอากาศ ยานภูเก็ต ระยะที่ 1 ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ความเห็นต่อรายงานการวิเคราะห์ผล กระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่มเติม (สืบเนื่องจากการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารในปีเปิด ดำเนินการ) ของบริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่ จำกัด (มหาชน) การปรับปรุงองค์ประกอบใน คณะอนุกรรมการการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ และเรื่องอื่น ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3752 | การส่งเสริมและสนับสนุนโรงเรียนเอกชน | ศธ | 19/04/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการส่งเสริมและสนับสนุนโรงเรียนเอกชน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
โดยเห็นชอบในหลักการให้ลดหย่อนภาษีโรงเรือนในอัตราต่ำสุด รวมทั้งยกเลิกระบบการคิดภาษีในอัตราก้าว หน้าให้แก่สถานศึกษาเอกชนทุกระดับ โดยให้กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รับ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และอนุมัติในหลักการให้สนับสนุนเงินงบประมาณเป็นรายปี เป็นการชั่วคราว ตามความจำเป็น เหมาะสม และสอดคล้องกับกำลังเงินงบประมาณให้แก่กองทุนสงเคราะห์ ครูใหญ่ และครูโรงเรียนเอกชน ในกรณีดอกผลจากกองทุนสงเคราะห์ครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชนมีไม่เพียง พอสำหรับจ่ายเพื่อเป็นสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลสำหรับครูโรงเรียนเอกชน โดยให้กระทรวงศึกษาธิการขอ ตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานผล การดำเนินงานของกองทุนให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย และอนุมัติในหลักการให้การอุดหนุนค่าใช้ จ่ายรายหัวนักเรียนโรงเรียนเอกชน เพื่อเพิ่มเงินเดือนครูโรงเรียนเอกชนในอัตราเดียวกับเงินเดือนข้าราชการ ครู ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 ถึง 30 กันยายน 2548 เป็นเงินประมาณเดือนละ 73.10 ล้านบาท สำหรับ นักเรียนจำนวนประมาณ 1.93 ล้านคน โดยให้จัดสรรเงินงบประมาณเพื่อการนี้ตามจำนวนนักเรียนจริง โดย ให้กระทรวงศึกษาธิการขอตกลงในรายละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบประมาณแล้วดำเนินการต่อไปได้ และ ให้เร่งรัด ติดตาม และกำกับดูแลให้สถานศึกษาเอกชนดำเนินการปรับปรุงพัฒนาการจัดการศึกษาให้มีคุณ ภาพและมาตรฐานที่ดี และให้พิจารณาปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการกองทุนให้มีประสิทธิภาพและเกิด ดอกผลมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3753 | รายงานการตรวจราชการ ณ ท่าอากาศยานกรุงเทพ | นร | 05/04/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการดำเนินการแก้ไขปัญหาความล่าช้าของผู้โดยสารขาเข้า ณ
ท่าอากาศยานกรุงเทพ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี สรุปได้ดังนี้ การเรียกข้าราชการตำรวจสังกัดสำนักงาน ตรวจคนเข้าเมือง และกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กลับจากช่วยราชการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เรียกข้า ราชการกลับจากการช่วยราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 สำหรับการจัดจ้างล่ามภาษาต่างประเทศ จำนวน 24 คน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะจัดสรรงบประมาณ จำนวน 5,745,000 บาท จากงบประมาณประจำปี ของการท่องเที่ยว ฯ รวมทั้งการจ้างลูกจ้างชั่วคราวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำแก่ผู้โดยสาร (Tourist Officer) จำนวน 250 คน เป็นระยะเวลา 1 ปี ตามที่นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการไว้แล้ว ส่วนการปรับปรุงวิธี การจัดซ่อมระบบคอมพิวเตอร์ และจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ เพื่อทดแทนคอมพิวเตอร์บางส่วนที่ชำรุดของเจ้า หน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานกรุงเทพ นั้น สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยืนยันว่าจะสามารถรองรับระบบ Advance Passenger Information (API) ระบบ Advance Passenger Processing (APP) และระบบ Personnel Identification Secure Comparison and Evaluation System (PISCES) และสามารถนำไปใช้กับสนามบินนานา ชาติสุวรรณภูมิได้ โดยไม่สิ้นเปลืองงบประมาณแต่อย่างใด นอกจากนี้ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวจะดำเนิน การเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อเพิ่มอัตราตำรวจท่องเที่ยวอีก จำนวน 15 อัตรา ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ เห็นชอบในหลักการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3754 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2548 | ทส | 05/04/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับ
มติการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2548 เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2548 ซึ่งคณะกรรม การ ฯ ได้ให้การรับรองเรียบร้อยแล้ว ในการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 3/2548 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2548 รวม 7 เรื่อง ดังนี้ (1) การประกาศเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่ที่เกิดธรณีพิบัติ (ระนอง พังงา กระบี่) (2) การกำหนดประเภทกิจกรรมเกี่ยวกับการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในข่ายการ สนับสนุนเงินกองทุนตามมาตรา 23 (4) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 (3) ร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2547 (4) เพิ่มองค์ประกอบในคณะอนุกรรมการพิจารณารายงานการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อประกอบ การขออนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่1 เพื่อทำเหมืองแร่ (5) การปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (6) การตั้งงบประมาณภายใต้โครงการถ่ายโอนการสนับสนุนแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณ ภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด (7) การร้องเรียนเรื่องผลกระทบจากการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียของเทศบาลตำบล บางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3755 | การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี รวม 6 คณะ | นร | 05/04/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ
ร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี รวม 6 คณะ โดยให้มีอำนาจหน้าที่และองค์ประกอบตาม ร่างคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 136/2548 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุ บัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี รวม 6 คณะ และให้คณะกรรมการดังกล่าวและผู้ที่เกี่ย ข้องได้รับค่าตอบแทนใน อัตราในลักษณะเดียวกันกับกรณีของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอร่าง คำสั่งให้รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้กำกับการบริหารราชการของสำนักเลขาธิ การคณะรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม กรณีที่จำเป็นต้องมีการปรับปรุงองค์ประกอบ ตลอดจนอำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการ ให้รองนายกรัฐมนตรีดังกล่าวพิจารณาตามความเหมาะสม แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3756 | รายงานการกำกับติดตามการปฏิบัติราชการเกี่ยวกับสถานการณ์แก้ไขปัญหาภัยแล้ง จังหวัดนครสวรรค์ | นร | 29/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย) รายงานการกำกับ
ติดตามการปฏิบัติราชการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2548 มีพื้นที่ เกิดภัยแล้ง 13 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 102 ตำบล 675 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 83,164 ครัวเรือน จำนวน 221,052 คน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายอย่างสิ้นเชิง 667,583.77 ไร่ จังหวัดนครสวรรค์ได้ให้ การช่วยเหลือแล้ว 140,962 ไร่ เป็นเงิน 35,894,359 บาท และได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำสำหรับไร่นา ของโครงการชลประทาน มีการปฏิบัติการฝนหลวง ให้ความช่วยเหลือโดยใช้รถยนต์บรรทุกน้ำแจกจ่ายเพื่อการ อุปโภคบริโภค นอกจากนี้ ได้ออกตรวจสถานการณ์ภัยแล้ง และเยี่ยมเยียนประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ต่าง ๆ โดยได้นำน้ำดื่มไปแจกจ่ายให้แก่ราษฎร จากการกำกับติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ที่จังหวัดนครสวรรค์ ได้สั่งการให้จังหวัดประสานงานกองทัพบกและกองทัพอากาศเพื่อสนธิกำลังในการให้ความ ช่วยเหลือด้านน้ำอุปโภคบริโภคแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะภัยแล้งอย่างเร่งด่วนและเต็มที่ ใน การขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงให้เร่งดำเนินการทันที เมื่อสภาพภูมิอากาศอยู่ในภาวะที่เหมาะสมที่จะดำเนินการได้ สำหรับงบประมาณที่จังหวัดขอรับการสนับสนุนเพื่อบรรเทาความเสียหายแก่ราษฎรผู้ประสบภัย จะได้เร่งรัดให้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี และให้จังหวัดเร่งดำเนินการพิสูจน์ต้นไม้ที่ปลูกในพื้นที่โครงการอ่างเก็บน้ำคลอง โพธิ์ และจ่ายค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์โดยเร็ว ในส่วนของ การปรับปรุง (ขุดลอก) คลองแม่วงก์ และการขุดลอกบึงหล่ม จะได้เร่งรัดให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัด สรรงบประมาณสนับสนุนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3757 | ร่างแผนพัฒนากฎหมายแห่งชาติ | นร | 22/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานอนุกรรม
การกำกับการพัฒนากฎหมายของส่วนราชการเสนอร่างแผนพัฒนากฎหมายแห่งชาติ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้คณะอนุกรรมการ ฯ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการพัฒนากฎหมาย นอกเหนือจากการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายปัจจุบัน และเสนอร่างกฎหมายใหม่แล้ว ให้ส่วนราชการและหน่วยงาน ของรัฐดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 เรื่อง การบูรณาการกฎหมาย โดยให้ส่วนราช การและหน่วยงานของรัฐพิจารณารวบรวมกฎหมายต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบและที่เกี่ยวข้องซึ่งมีบทบัญญัติ ในเรื่องเดียวกัน ซึ่งอาจมีลักษณะประมวลกฎหมายหรือไม่ก็ได้ โดยยึดสาระสำคัญของเรื่องเป็นหลักเพื่อประโยชน์ ในการใช้บังคับ อ้างอิง ศึกษา และปฏิบัติราชการ โดยควรพิจารณาเชิญบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสีย หรืออาจจัด ตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาช่วยพิจารณาเพื่อให้เกิดความรอบคอบและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณา ดำเนินการด้วย และให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการบริหารราชการกระทรวงและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบพิจารณา ศึกษาแผนพัฒนากฎหมาย เพื่อให้การดำเนินการตามแผนเป็นไปอย่างสอดคล้องกับแนวทางและนโยบายของรัฐ บาลในเรื่องนั้น ๆ สำหรับกรณีที่คณะอนุกรรมการ ฯ และส่วนราชการได้เสนอแผนพัฒนากฎหมายในเรื่องเดียว กัน หรือซ้ำซ้อนกัน มอบให้คณะอนุกรรมการกำกับการพัฒนากฎหมายของส่วนราชการเป็นผู้พิจารณาชี้ขาดว่า สมควรมอบหมายให้คณะอนุกรรมการ ฯ หรือส่วนราชการใดเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการเรื่องนั้น ๆ โดยประสานกับคณะอนุกรรมการ ฯ หรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการร่วมกัน โดยให้คณะอนุกรรม การ ฯ ติดตามตรวจสอบการดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวให้เป็นไปตามแผนพัฒนากฎหมาย และ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาร่วมกับคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อ หาแนวทางในการประสานและดำเนินงานกับสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อให้กระบวนการพิจารณาร่างพระ ราชบัญญัติต่าง ๆ ตามแผนพัฒนากฎหมายสามารถดำเนินการได้ด้วยความรวดเร็วและบรรลุวัตถุประสงค์ และ พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินในการให้บุคลากรทางกฎหมายที่มีประสบ การณ์และความเชี่ยวชาญ ซึ่งเกษียณอายุหรือพ้นจากราชการไปแล้วแต่ยังคงมีศักยภาพและความพร้อมกลับเข้า มาปฏิบัติงานให้แก่ภาครัฐอีก โดยไม่มีอำนาจในทางบริหารในทำนองเดียวกับผู้พิพากษาอาวุโส เพื่อแก้ปัญหา ความขาดแคลนบุคลากรทางกฎหมายในภาครัฐ ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย อาทิ กระทรวงคมนาคม หลักการกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกและกฎหมายว่า ด้วยรถยนต์ ควรเน้นด้านมาตรฐานด้านความปลอดภัยโดยต้องไม่ปิดกั้นความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และการพัฒนา ยานยนต์ในรูปแบบหรือประเภทใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการตามประเภทการใช้งานโดยเฉพาะและการใช้ งานทั่วไป และควรสนับสนุนให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี โดยให้หน่วยงานภาครัฐเข้าไปดำเนินการเฉพาะเรื่องที่ จำเป็นเท่านั้น กับให้กระทรวงมหาดไทยพัฒนากฎหมายเพิ่มเติมจากแผนที่เสนอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมาย ที่มีเนื้อหาล้าสมัย ส่วนการยกร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการน้ำ พ.ศ. .... ควรพิจารณาดำเนินการให้ สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ที่อยู่ระหว่างการ แก้ไขปรับปรุงด้วย และกระทรวงกลาโหม ควรพิจารณาให้กฎหมายว่าด้วยการเข้ารับราชการทหาร ในส่วน ที่เกี่ยวกับการลงบัญชีทหารให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชนที่อยู่ระหว่างการแก้ไขปรับ ปรุงด้วย เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3758 | การยกฐานะสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานระดับกรมในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และการจัดทำและปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | สสป | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นเสนอ ร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระ จายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติโอนอำนาจหน้าที่และกิจการบริหารบางส่วนของ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... และตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ร่างพระราชบัญญัติ รวม 4 ฉบับ ได้แก่ ร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่างพระราช บัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้น ตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ตั้งคณะกรรมการคณะพิเศษตรวจพิจารณา ทั้งนี้ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประ เด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ อาทิเช่น ร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตราขึ้นในวาระที่แตกต่างกัน ทำให้มีภารกิจ และอำนาจหน้าที่ไม่สอดคล้อง และเป็นแนวทางเดียวกัน ควรพิจารณาในเรื่องของการนำกฎหมายหลาย ฉบับมารวมกัน อาจทำให้เกิดปัญหาการทับซ้อนด้านพื้นที่ อำนาจหน้าที่ การเก็บภาษี การจัดตั้งรัฐวิสาห กิจท้องถิ่น องค์การมหาชนท้องถิ่นจะมีความเหมาะสม หรือทับซ้อน หรือทำให้เกิดความสับสนกับรัฐวิสาห กิจของรัฐ หรือองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชนหรือไม่ การใช้ชื่อกฎหมายว่าประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีความเหมาะสม และสอดคล้องกับความหมายของประมวลกฎ หมาย หรือไม่ เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย และหากมีความจำเป็นต้องรับฟังความคิดเห็นขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นเพิ่มเติม ให้เชิญผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอความเห็นเพื่อประกอบการตรวจ พิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาต่อไป และเห็นควรให้ ก.พ.ร. รับประเด็นอภิ ปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควรให้ ก.พ.ร. รับไปพิจารณาในภาพรวมโครงสร้างระบบ ราชการทั้งหมดว่า สมควรกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจ เป็นหน่วยงานที่มีฐานะ เป็นกรม หรือหน่วยงานที่มีสถานะอย่างอื่นหรือไม่ ระดับไหน และสังกัดอยู่ในสังกัดใด เพื่อให้สอดคล้อง กับการปฏิรูประบบราชการ ไปพิจารณา แล้วแจ้งผลให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาประกอบการ ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3759 | ปัญหาและอุปสรรคในการปรับปรุงระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์(GFMIS) | นร | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอปัญหาและอุปสรรค
ในการปรับปรุงการบริหารการเงินการคลังภาครัฐสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ว่า ส่วนหนึ่งเป็นปัญหาใน ทางปฏิบัติเกี่ยวกับความล่าช้าและไม่คล่องตัวในการจ่ายเงินให้กับผู้ขาย ซึ่งต้องแจ้งผ่านระบบคอมพิวเตอร์และ ใช้บริการกับสถาบันการเงินของรัฐบางแห่งเท่านั้น รวมทั้งส่วนราชการหลายแห่งยังไม่เข้าใจในระบบดังกล่าว และมีเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่เพียงพอ ตลอดจนมีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเรื่องนี้บ่อย ครั้ง จึงเห็นควรกำชับให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐทุกแห่งให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2547 โดยเคร่งครัด และให้กระทรวง การคลัง โดยกรมบัญชีกลาง ฝึกอบรมบุคลากรและเพิ่มจำนวนผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อรองรับการดำเนินการตาม ระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้เพียงพอ และอยู่ประจำ ไม่สับเปลี่ยนหน้าที่ บ่อย และให้ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานในเรื่องนี้ในภาพรวม แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3760 | การปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ | อก | 08/03/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่ายการ
เกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอการแก้ไขปัญหา ความล่าช้าในการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ ตามผลการพิจารณาร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยปรับลดขั้นตอนกระบวนการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ และ 1 บี จากที่กำหนด ไว้ในปัจจุบัน จะลดระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตการต่ออายุประทานบัตร และการขอประทานบัตรในขั้นตอน การขออนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ดังกล่าวจากคณะรัฐมนตรีลงเหลือไม่เกิน 150 วัน และให้กรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดพื้นที่เขตศักยภาพแร่เพื่อการทำเหมืองแร่ (Mining Zone) ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี (ยกเว้นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ ป่า) เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เพื่อให้สามารถอนุญาตประทานบัตรและต่ออายุประทานบัตรได้อย่าง เหมาะสมและรวดเร็วขึ้น แทนการขอผ่อนผันการทำเหมืองในพื้นที่ดังกล่าวจากคณะรัฐมนตรีเป็นแต่ละรายคำขอ หรือรายผู้ประกอบการ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงทบทวนระเบียบปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาความล่า ช้าในการพิจารณาอนุญาตประทานบัตร และให้ดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวโดยเร็วต่อไป และให้รับประเด็น อภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ที่เห็นควรกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้หลักฐานหรือข้อมูลเอกสาร ประกอบการพิจารณาอนุญาต ที่หน่วยงานแต่ละแห่งจะสอบถามไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถใช้ เอกสารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่แจ้งไปยังกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ร่วมกันได้ โดยให้ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ กำหนดแบบพิมพ์ ที่สามารถเก็บรายละเอียดในเรื่องที่จะขอความเห็นจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครอบคลุม ทุกประเด็นที่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต้องการในแบบพิมพ์เดียวกัน และควรกำหนดระยะเวลาการดำเนิน การของเจ้าหน้าที่ในแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจน โดยให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาหลักเกณฑ์และวิธีการบริหาร กิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และระเบียบ ก.พ.ร ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้มีการรายงานเหตุที่ไม่สามารถดำเนิน การตามกำหนดเวลาต่อผู้บังคับบัญชา ตลอดจนแจ้งผู้ที่ขออนุญาตให้ทราบโดยพลันเมื่อได้รับการสอบสวน ไป พิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงอุตสาห กรรมรับไปพิจารณาร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสร้างระบบและกติกาสำหรับใช้ประกอบ การพิจารณาของหน่วยงานของรัฐกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเห็นไม่สอดคล้องกับหน่วยงานของ รัฐหรือผู้ประกอบการในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ว่า จำเป็นต้องหยุดดำเนินการเนื่องจากหลักกฎ หมายใด และหากไม่มีกฎหมายห้ามมิให้ดำเนินการตามความเห็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงาน ของรัฐหรือผู้ประกอบการควรมีแนวทางดำเนินการอย่างใดต่อไปโดยเร็ว เพื่อส่งเสริมการประกอบกิจการที่มี ผลต่อความเจริญของประเทศโดยรวม และเป็นการดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญอีกโสดหนึ่งด้วย โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและนำเสนอคณะ รัฐมนตรีเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติในเรื่องนี้ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับหลักกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
.....
